ฉันลุกขึ้นเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วยกเหล้าดื่มหมดแก้วรวดเดียว จากนั้นก็ชงเหล้าใหม่แล้วดื่มอีกแก้ว
“มิลินแกรู้จักพี่ลีวายทำไมไม่บอก” แนนกระซิบถาม “รู้จักเพราะฉันเป็นคนรับใช้ที่บ้านเขาน่ะ ไม่ได้รู้จักแบบลึกซึ้ง” “คนใช้หรอ แกเนี่ยนะล้อเล่นหรือเปล่า” “อึก! ฉันกลับก่อนนะแนน” มันรู้สึกมึนหัวหนักกว่าเดิมจนแทบจะยืนไม่อยู่ ฉันจึงรีบขอตัวกลับก่อนที่จะเมาไปมากว่านี้ “เดี๋ยวผมไปส่งที่รถนะครับ” แทนรีบลุกขึ้นมาประคองตัวฉันที่เซไปมาเล็กน้อยเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ “ไม่เป็นไร” ฉันพยายามดันตัวเองออกแต่แทนไม่ยอมปล่อย “ผมไปส่งที่รถดีกว่าครับ” “ถอยไป” เสียงทุ้มเข้มดังขึ้น ก่อนจะรู้สึกว่ามีมือมากระชากแขนตัวเองอย่างแรง ตอนนี้ฉันเมาจนเริ่มไม่มีสติแล้ว รู้สึกว่าร่างกายมันลอยขึ้นเหนือพื้น ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มแว่วเขามาในหู “อย่าดิ้น อยากเจ็บตัวรึไง!!” “อื้อ ใคร ปล่อยนะมิลิน จะ อึก! จะกลับบ้าน” “หุบปาก! ฉันไม่อยากได้ยินเสียงของเธอ” “อื้อ…” “น่ารำคาญชิบหาย” “สะ เสียงใคร” “ปล่อยนะไอ้โรคจิต!!” ฉันใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบรัวๆ ที่แผงอก สายตาพร่ามัวจนไม่รู้ว่าคนที่พูดคือใคร “นี่เธอกล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นโรคจิตห๊ะ!!”Talk ลีวายผมมองหน้าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะคำขู่ของพ่อผมคงไม่มีทางสนใจผู้หญิงคนนี้แน่ ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยชอบหน้าเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจผมเอามากๆ “ไอ้โรคจิต” เลือดมันขึ้นหน้าเมื่อได้ยินคำนั้นที่เธอพูด เมาแล้วไม่เจียมตัว ถ้าผมปล่อยให้ไอ้นั่นมาส่งคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว พ่อน่าจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ดูจากสภาพเธอตอนนี้ มันดูได้ที่ไหน ผมยัดตัวเธอเข้ามาในรถก่อนจะเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ ทันทีที่เข้ามาด้านในก็ถูกกระชากคอเสื้ออย่างแรง “ทำบ้าอะไรของเธอห๊ะ!!” ผมปัดมือเล็กออกอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะเมาเธอคงได้เดินกลับไปแล้ว อ่า! ไม่สิ อย่างเธอคงมีผู้ชายต่อคิวรอไปส่งที่บ้าน ไม่รู้ว่าผู้ชายพวกนั้นทำไมถึงได้ตาต่ำขนาดนี้ “เสียใจ อึก~” เสียงเล็กๆ เอ่ยปนสะอื่น แต่ผมไม่ได้หันไปสนใจ “พี่ลีวาย” “โคนนใจร้าย”“พี่ลีวายใจร้ายที่สูดดดด” ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหัวเสีย ก่อนจะตวาดเสียงดัง “หยุดพร่ามสักที โครตน่ารำคาญ!!” ทั้งที่พ่อรู้ดีว่าผมไม่ชอบหน้าเธอก็ยังจะให้มาคอยเฝ้า ไม่รู้ห่วงอะไรนักหนา โตจนมีผัวไปไม่รู่กี่คนแล้ว ภายนอกเธอแค่ทำตัวใสซ
ฉันกัดริมฝีปากแน่นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกพี่ลีวายท้วงแบบนี้ พลางคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนว่าตัวเองกลับมาที่บ้านได้ยังไง“เมื่อคืน… พะ... พี่ลีวายมาส่งมิลินเหรอคะ”“ใช่ ฉันมาส่งเธอถึงในห้อง”“…” นะ... ในห้องเลยเหรอฉันกำมือแน่นอย่างเป็นกังวลเพราะกลัวว่าพี่ลีวายจะเห็นอัลบั้มภาพที่ฉันแอบถ่ายเขาไว้นับร้อยรูป ไหนจะเรื่องจูบอีก“อยากรู้ไหมว่าเธอทำอะไรกับฉันบ้าง”“มะ... ไม่อยากรู้ค่ะ” ฉันพยายามจะเดินเลี่ยงแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งแขนเอาไว้“เธอจูบฉัน” แปลว่าเมื่อคืนไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอใบหน้าของฉันเริ่มแดงก่ำเมื่อคิดว่าตัวเองได้จูบกับพี่ลีวาย มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่กล้าฝันแต่มันเกิดขึ้นแล้ว ถึงจะตอนเมาก็เถอะ“ยิ้มอะไรของเธอ”เมื่อได้ยินคำนั้นหัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ฉันพยายามถามตัวเองอย่างไม่เชื่อว่าทำเรื่องแบบนั้นลงไปจริง ๆ“มะ… มิลินเมา…”“ใช่เธอเมา รู้ไหมว่ามันน่ารังเกียจขนาดไหน”จึก!! ราวกับโลกทั้งใบมันหยุดหมุน คำพูดของพี่ลีวายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมาจ้วงแทงกลางอกซ้ำ ๆ“ขอโทษที่มิลินทำตัวน่ารังเกียจกับพี่ลีวายนะคะ” ฉันก้มหน้าบอกแล้วสะบัดมือออกอย่างแรง“รู้ตัวก็ดี”เขา
ฉันไม่รู้ว่าพี่ลีวายรู้ได้ยังไงว่าแทนมาที่บ้าน ห้องนอนของเขามันอยู่คนละฝั่งกับโรงจอดรถเลยนี่นา หรือว่าได้ยินเสียงตอนแทนขับรถเข้ามาอย่างนั้นเหรอหมับ!! ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้แขนของฉันก็ถูกดึงกระชากไปอย่างแรง“พะ... พี่ลีวายมิลินเจ็บนะคะ”“อยู่บ้านแต่งตัวมิดชิดปิดถึงคอ แต่พอจะออกไปข้างนอกกับผู้ชาย…” พี่ลีวายเว้นคำพูดก่อนจะใช้สายตามองเรือนร่างของฉันอย่างพิจารณา แล้วพูดต่อ “แต่งตัวแรดจังนะ”“พี่ลีวาย!!” ฉันตวาดเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดมันจะมีสักครั้งไหมที่เวลาพี่ลีวายจะพูดอะไรแล้วคิดแคร์ความรู้สึกของฉันบ้าง… ไม่เลยสินะ“ทำไม! ฉันพูดผิดตรงไหน?”“นี่มันร่างกายของมิลิน แต่งตัวแบบไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของมิลิน”“ก็… แรดดี”“…”“อย่าเพิ่งเปลี่ยนชุดล่ะ ฉันอยากให้พ่อเห็นเธอแต่งตัวแรด ๆ แบบนี้”ฉันกำมือแน่น การถูกคนที่ตัวเองชอบมองด้วยสายตาดูถูกแบบนั้นมันเจ็บปวดสุด ๆ ไปเลยแหละ“ต่อไปนี้… ต่างคนต่างอยู่เถอะนะคะ” คำขอร้องของฉันมันออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ ถึงแม้จะยังชอบพี่ลีวายอยู่มาก ๆ แต่ฉันไม่สามารถอดทนกับสายตาและคำพูดของเขาได้ตลอด“ฉันก็ไม่ได้อยากจะไปยุ่งวุ่นวายกับเ
ปกติคุณท่านเป็นคนมีเหตุแต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมฟังอะไรเลย ถึงจะชอบพี่ลีวายมากขนาดไหนแต่การที่ถูกเข้าใจผิดแถมยังจะได้หมั้นกันแบบนี้มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกดีเลยสักนิดหลังจากออกมาจากห้องทำงานของคุณท่านพี่ลีวายก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด ฉันเองรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้ช่วยพูดอะไรเลยคืนนี้ทั้งคืนฉันพยายามข่มตานอนแต่ทำไม่ได้ หัวใจมันกระวนกระวายคิดถึงแต่เรื่องที่คุณท่านบอกให้พี่ลีวายหมั้นกับฉัน สมองมันจินตนาการไปต่าง ๆ นานาถ้าเกิดว่าหมั้นกับเขาจริง ๆ ฉันต้องทุกข์ใจมากแน่ ๆ เพราะพี่ลีวายไม่ได้รักฉันเลย แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ชีวิตของฉันต่อจากนี้จะเป็นยังไงกันนะ…@หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่วันนั้นพี่ลีวายก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย คุณท่านโทรหาเขาก็ไม่รับ ที่คอนโดก็ไม่อยู่ทำให้ฉันทุกข์ใจเป็นอย่างมาก“ติดต่อลูกชายตัวดีของฉันได้บ้างหรือเปล่า” คุณท่านถามขณะที่ฉันยื่นยาพร้อมแก้วน้ำให้“ไม่เลยค่ะ”“หึ! ไอ้ลูกไม่รักดี แค่ก ๆๆ” คุณท่านไอพร้อมกุมหัวใจของตัวเองเอาไว้ทำให้ฉันตกใจมาก ๆ“อย่าโมโหไปเลยค่ะ เดี๋ยวอาการป่วยจะกำเริบอีกนะคะ” คุณท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ เรื่องนี้พี่ลีวายยั
พี่ลีวายขมวดคิ้วกับคำพูดของฉันก่อนจะกระชากตัวฉันอย่างแรงจนเซมาจนกับอกแกร่ง“พูดว่าไงนะ”“ปล่อยค่ะ”“ฉันถามว่าเมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร!!” เสียงตวาดของพี่ลีวายดังลั่นไปทั่วสวน“มิลินจะไปบอกคุณท่านว่าวันนั้นพี่ลีวายพยายามจะขืนใจ…โอ้ย!!” ฉันร้องออกมาเสียงหลงเพราะถูกพี่ลีวายบีบแขนแรงมาก ๆ รู้สึกเจ็บเหมือนกระดูกมันร้าวไปหมด“พูดบ้าอะไรของเธอฮะ!!”“ปล่อยนะมิลินเจ็บ”“มานี่!!”พี่ลีวายฉุดกระชากฉันให้ตามตัวเองมาที่รถ ก่อนจะเปิดประตูแล้วจับตัวของฉันยัดเข้าไปด้านใน“อื้อปล่อย จะพามิลินไปไหนคะ”“หุบปาก!!” เขาตะคอกบอกเสียงแข็งก่อนจะเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับ จากนั้นก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยความเร็ว“ปะ... ไปไหนคะ”“พี่ลีวายจอดรถนะ”“มิลินบอกให้จอดไง”ต่อให้ฉันพูดอะไรพี่ลีวายก็ไม่ตอบกลับ ไม่มีแต่จะหันมามอง เขาขับรถด้วยความเร็วมากกว่าหนึ่งร้อยหกสิบและหักพวงมาลัยปาดซ้ายปาดขวาแซงขึ้นอย่างน่าหวาดเสียวจนฉันต้องหลับตาปี๋พร้อมหัวใจดวงน้อยที่เต้นรัวเพราะความกลัวพี่ลีวายหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาในคอนโดของตัวเอง ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจว่าเขาพาฉันมาที่นี่ทำไม หลังจากรถจอดสนิทเขาก็ลงจากรถแล้วเดินมาเปิดประตูทางฝั่งที่ฉันนั่
ร่างกายของฉันเริ่มสั่นเพราะความกลัว เหมือนว่าการพูดออกไปแบบนั้นจะเป็นความคิดที่ผิด“มะ… มิลินไม่ได้ต้องการแบบที่พี่ลีวายคิด”“ถ้าไม่ต้องการแล้วจะบอกพ่อว่าฉันขืนใจเธอทำไมฮะ!!”“…”“ฉันกำลังจะทำตามที่เธอพูด… ไม่ดีใจหรือไง”“มะ… ไม่ค่ะ”“ตอนเล่าให้พ่อฉันฟังก็อย่าลืมบอกว่าเราทำท่าไหนกันบ้าง…”“ปะ… เป็นบ้าไปแล้วเหรอคะ”พรึบ!! เสื้อเชิดที่อยู่บนตัวของพี่ลีวายตอนนี้ถูกเขาถอดออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนที่มือหนาจะปลดเข็มขัดกางเกงต่อ“ไม่ถอด?”“…” ฉันกัดริมฝีปากแน่นครั้งนี้แววตาของพี่ลีวายมันจริงจังไม่ใช่ว่าแค่ทำขู่ ซึ่งฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้ แต่ก็ไม่ต้องการออกไปจากชีวิตเขาเหมือนกัน“อยากให้ฉันเป็นคนถอดให้สินะ”ทำไมฉันถึงยังนั่งอยู่ทั้งที่รู้สึกกลัวขนาดนี้ ทำไมฉันไม่รีบวิ่งหนีออกไปจากห้อง…“ทะ... ทำอะไรคะ พะ... พี่ลีวายอย่านะ” ฉันร้องออกเสียงหลงเมื่อพี่ลีวายใช้เข็มขัดที่ปลดออกมามัดมือของฉันเอาไว้“ฉันไม่เคยคิดจะทำเรื่องต่ำ ๆ แบบนี้กับเธอเลยสักนิด” เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะผลักฉันนอนราบบนโซฟา แล้วขึ้นมาคร่อมรวบแขนฉันขึงตึงไว้เหนือศีรษะก่อนจะพูดต่อ “เธอเป็นคนเสนอความต้องการให้ฉันเอง… จำไว้!
พี่ลีวายกระชากเสื้อที่ขาดลุ่ยของฉันออกจากตัว ก่อนจะพยายามถอดกางเกง ฉันพยายามหนีบขาเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงผู้ชายที่ตัวโตกว่าได้น้ำตามันไหลอาบแก้มเมื่อถูกผู้ชายที่ตัวเองรักกระทำเรื่องน่าอายแบบนี้ แต่ทำไมร่างกายกลับไม่ต่อต้าน มันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว… ถ้าฉันเป็นของพี่ลีวายแล้วบางครั้งความรู้สึกที่เกลียดชังอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้แต่ถึงยังไงก็ไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้น…“จะร้องไห้ทำไม เธอควรจะดีใจมากกว่านะที่ทำสำเร็จ”“มะ… มิลินไม่ได้ต้องการ… อึก~”“ถ้าต้องหมั้นกับผู้หญิงอย่างเธอ… ฉันจะย่ำยีไม่ให้เหลือชิ้นดี”“…”“ยังต้องการแบบนั้นอยู่ไหม?”“… มิลิน… อึก”“ไม่ต้องบีบน้ำตา คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ”“พะ… พูดเรื่องอะไรคะ… อึก~”“เลิกทำตัวใสซื่อต่อหน้าฉันได้แล้ว”“อึก~”ฉันไม่เข้าใจว่าพี่ลีวายกำลังพูดเรื่องอะไรและในตอนนี้ร่างกายของฉันที่ไร้เสื้อผ้าปกคลุมก็ได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าเขาแล้ว“หึ!! ไม่คิดว่าพอแก้ผ้าแล้วผู้หญิงแบบเธอจะทำให้ฉันมีอารมณ์ได้”พี่ลีวายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายตาอำมหิตจ้องมองฉันที่ถูกมัดมือนอนตัวสั่นเทาพร้อมกับถอดกางเกงออกจากท่อนขา ฉันรีบหันหน
ฉันมองเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกพี่ลีวายกระชากจนขาดกองอยู่บนพื้น ไม่มีเสื้อผ้าใส่แบบนี้แล้วจะกลับได้ยังไงให้ออกไปทั้งแบบนี้ก็ไม่ได้“อ่าเจ็บจัง~” แค่ขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกเจ็บตรงนั้น มันคงฉีกขาดอย่างที่คิดจริง ๆ ถึงได้มีเลือดออกมา“อึก~” ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำยังไงต่อฉันทำได้เพียงร้องไห้สะอื้นอีกครั้งให้กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ของฉันดัง ก่อนจะเห็นว่าเป็นคุณท่านที่โทรมา ถึงไม่อยากรับสายแต่ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง เพราะฉันหายออกมาจากบ้านดื้อ ๆ“ฮัลโหลค่ะ” ฉันเช็ดน้ำตาออกจากแก้มแล้วทำเสียงให้ปกติที่สุดเพื่อไม่ให้คุณท่านสงสัย(ตอนนี้หนูอยู่ที่ไหน)“เอ่อคือ… หนูออกมาหาเพื่อนน่ะค่ะ… ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้แจ้งให้คุณท่านทราบก่อน”(ได้ยินแบบนี้ฉันก็โล่งใจ)คุณท่านวางสายไป ที่โทรมาถามเพราะท่านคงจะเป็นห่วงฉันจริง ๆ และฉันเองก็รู้สึกผิดที่ต้องโกหกแบบนั้นพรึบ!! ผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกโยนมากระแทกหน้าฉันอย่างแรง“คลุมตัวไว้ซะเห็นแล้วมันทุเรศตา”“…” ฉันมองหน้าพี่ลีวาย เขาทำเหมือนเมื่อกี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราเลย“เธอหยิบเสื้อผ้าในตู้ใส่ไปก่
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ