@คฤหาสน์หลังใหญ่
กลับมาถึงฉันก็คิดทบทวนคำพูดของเพื่อนๆ อยู่นาน ว่าตัวเองไม่รู้จักรุ่นน้องเลยสักคนเพราะไม่ค่อยเข้าสังคมกับเพื่อนๆ บางทีฉันก็ควรไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นดูบ้าง ชีวิตวัยรุ่นจะได้ไม่หดหู่อยู่แบบนี้ “คุณท่านคะ” “อืมว่ายังไง” “วันนี้หนูขอไปปาร์ตี้กับเพื่อนได้ไหมคะ” ฉันพูดออกไปด้วยความรู้สึกประหม่า เพราะนี่คือครั้งแรกที่ขออะไรแบบนี้ คุณท่านยิ้มให้ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันเบาๆ “ฉันดีใจที่หนูอยากไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ” “คะ…” ฉันขมวดคิ้วแปลกใจที่ได้ยินคุณท่านบอกแบบนั้น คิดว่าจะโดนดุซะอีก “ฉันอยากให้หนูได้ใช้ชีวิตอย่างที่วัยรุ่นคนอื่นๆ ทำกัน ไม่ต้องมาอุดอู้ดูแลคนแก่แบบฉัน” “หนูเต็มใจดูแลคุณท่านค่ะ คุณท่านมีพระคุณกับหนูมาก” “เธอนิสัยเหมือนแม่ไม่มีผิด” ฉันแปลกใจเล็กน้อยกับคำพูดของคุณท่านแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร สายตาที่อบอุ่นคู่นั้นทำให้เวลาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจเอามากๆ “เอานี่ไปสิ” คุณท่านยื่นบัตรเครดิตสีดำเคลือบทองมาให้ ฉันรีบปฏิเสธทันที “ไม่เอาค่ะ” “อย่าปฏิเสธของที่ผู้ใหญ่ให้สิ” “คือหนู…..” “ฉันควรดูแลหนูให้ดีที่สุด….เพื่อชดใช้ความผิดที่ตัวเองเคยทำ” “วะ…ว่ายังไงนะคะ” ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดนั้นแต่ยังไม่ทันจะถามคุณท่านก็เอ่ยจัดขึ้นมาดักไว้ก่อน “ไม่มีอะไรรับเอาไว้เถอะ ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้บัตรใบนี้รูด” “……..” “ว่าแต่จะไปยังไง เดี๋ยวฉันให้ตาลีวายไปส่ง” พอได้ยินว่าคุณท่านจะให้พี่ลีวายไปส่งฉันก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “มะ ไม่เป็นไรค่ะ อย่ารบกวนพี่ลีวายเลย” “ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้คนขับรถส่วนตัวไปส่ง” “ค่ะ” ฉันพยักหน้า ก่อนจะขอตัวออกมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปปาร์ตี้ หลังจากแต่งตัวเสร็จฉันก็โทรไปหาแนน “ฮัลโหลแนน แกส่งโลเคชั่นมาให้หน่อยสิ” ( อือโอเค นี่มิลินรู้ไหมพอฉันบอกว่าแกจะไปด้วยทุกคนดีใจกันใหญ่เลย ) “ขะ ขนาดนั้นเลยหรอ” ( อือ เพื่อนๆ น่ะ อยากให้แกมาปาร์ตี้ด้วยจะตาย ) “อือไว้เจอกันนะ” พอวางสายแล้วฉันเองก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะได้ยินที่แนนว่า ไม่รู้ว่าไปแล้วจะทำตัวยังไง @คลับ แนนบอกให้ฉันมาตามโลเคชั่น ก่อนจะเห็นว่าจุดนัดรวมตัวในคืนนี้คือที่คลับ แถมยังเป็นคลับที่พี่ลีวายเป็นเจ้าของด้วย ที่รู้ก็เพราะฉันเคยมาที่นี่สองสามครั้ง ไม่รู้ว่าวันนี้พี่ลีวายมาที่คลับหรือเปล่า ได้แต่คิดไปในทางที่ดีว่าเขาจะไม่มา เพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำเช่นคุมงานที่คาสิโน “พวกเรามิลินมาแล้ว” แนนบอกเพื่อนๆ และรุ่นน้อง ก่อนจะรีบมาดึงมือฉันมานั่งข้างๆ ตัวเอง “ผมคิดว่าพี่จะไม่มาแล้วซะอีก” แทนน้องรหัสของฉันบอกพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางเหมือนเป็นคนขี้อาย “ดื่มไหม” อาตถาม “แม้ๆ พอมิลินมาเนี่ยสนใจกันใหญ่เลยนะ” แนนเอ่ยแซว ทำให้เพื่อนๆ ที่โต๊ะโห่แซวด้วย “อะไรก็คำถามปกติ” “ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็อย่าร้อนตัวสิอาต” “อือมิลินรู้ไหมว่าเจ้าของคลับนี้น่ะหล่อมาก” แนนกระซิบถาม “นี่มิลินจะไปรู้ได้ยังไง” แพมเพื่อนอีกคนในกลุ่มท้วงขึ้นทันที “เออก็จริง แกน่าจะเพิ่งเคยมา” “จะบอกนะ เจ้าของคลับหล่อไม่พอ เพื่อนๆ ที่เป็นหุ่นส่วนก็หล่อไม่แพ้กัน ยัยแนนมาที่นี่ทุกวันเพราะอยากเต๊าะผู้ชายกลุ่มนั้น” แพมบอก ก่อนจะโดนแนนหยิกแขนไปทีนึง “แกก็พูดเกินไป ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ” เจ้าของคลับที่ว่าน่าจะเป็นพี่ลีวาย ส่วนเพื่อนๆ ที่พูดถึงคงเป็น พี่เฟย พี่คัลเลนแล้วก็พี่คาแลน พวกเขาเป็นหุ้นส่วนกัน ทั้งคลับและคาสิโน ฉันรู้จักเพื่อนๆ ของพี่ลีวายดี เพราะเคยเจอตั้งแต่เด็กๆ เพื่อนๆ ของฉันไม่รู้ว่าฉันกับพี่ลีวายรู้จักกัน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะฉันไม่ได้เปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้ใครรู้ “ไม่รู้วันนี้จะได้เจอหรือเปล่า ฉันน่ะอยากเจอมากๆ เลย” “…….” ฉันได้แต่เงียบฟังเพื่อนๆ คุยกันพร้อมกับยกแก้วจิบทีละนิดเพราะเป็นคนคออ่อน ดื่มเยอะกลัวจะเมา “มิลินมาชนแก้วกัน” “มาๆ พวกเรา ชนแก้วต้อนรับมิลินกันหน่อย” ทุกคนยกแก้วขึ้นมารวมทั้งฉัน เคร้ง~ “หมดแก้วนะมิลิน” “มะ หมดเลยหรอ” “อือ” ฉันพยักหน้าอย่างจำใจก่อนจะดื่มหมดแก้วตามคำขอของเพื่อน คิดซะว่าไม่บ่อยนักที่จะได้มาเที่ยวแบบนี้ วันนี้ควรเอ็นจอยกับเพื่อนๆ ผ่านไปสองชั่วโมงกว่าๆ ฉันเองก็เริ่มมึนหัวเพราะดื่มหมดแก้วไปหลายครั้ง ตอนนี้ได้แค่นั่งนิ่งๆ มองเพื่อนๆ เต้นกัน ไม่กล้าลุกขึ้นไปไหนเลย “ไหวไหม” แทนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ถามฉัน “อือ โอเค” “ไปชั้นสองกันไหม ไม่ค่อยมีคนนะ” ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าตอบ จากนั้นแทนก็จับมือฉันให้ลุกขึ้นตามตัวเองขึ้นมาบนชั้นสองของคลับ จริงอย่างที่ว่าตรงนี้ไม่มีคนเลย ฉันนั่งมองกลุ่มของผู้คนจำนวนมากเต้นอยู่บนชั้นสองของคลับ พลางคิดในใจว่าดึกขนาดนี้แล้วเขาไม่ง่วงกันหรอ “น้ำเปล่าไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งให้” “ไม่เป็นไร” “สีหน้าพี่ดูไม่ค่อยดีเลยนะ ไม่ค่อยดื่มหรอครับ” “อือ” “ถึงว่าดื่มไม่กี่แก้วก็หน้าแดงแล้ว” “หน้าออกขนาดนั้นเลยหรอ” ฉันรีบยกมือขี้นมาจับหน้าตัวเองทันที ทำให้แทนที่มองอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ “พี่มิลินน่ารักมากเลยนะครับรู้ตัวไหม” “……..” จู่ๆ ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากด้านล่างคลับฉันจึงชะโงกหน้ามองว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ดวงตาทั้งสองจะเบิกกว้าง “พะ พี่ลีวาย” ฉันอุทานชื่อของคนที่กำลังเดินเข้ามาในคลับเบาๆ พี่ลีวายมากับพี่คัลเลนและพี่คาแลน การปรากฏตัวของพวกเขาสร้างความฮือฮาให้กับสาวๆ ที่มาเที่ยวในค่ำคืนนี้เป็นอย่างมาก ทุกคนต่างจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสามคนด้วยความหลงไหลในรูปลักษณ์ที่ดูดีและใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรที่หลุดออกมาจากนิยาย รวมทั้งฉันที่ถึงแม้จะเคยเจอพี่ลีวายมาตั้งแต่เด็ก….แต่หัวใจก็ยังเต้นแรงทุกครั้ง “ชอบเหมือนกันหรอครับ” เสียงของแทนทำให้ฉันหลุดจากภวังความคิด “ปะ เปล่า” “ผมเห็นพี่มองซะนานเลย” “กะ กลับโต๊ะกันเถอะ” เพิ่งนึกขึ้นมาได้ถ้าเกิดพี่ลีวายเห็นฉันเขาคงพูดจาอะไรไม่ดีอีกแน่ๆ เพราะฉะนั้นฉันควรไปรวมกับกลุ่มเพื่อนๆ จะได้ไม่เป็นที่สังเกต ฉันจับมือแทนให้รีบกลับโต๊ะ ขณะที่กำลังเดินลงบันไดอย่างเร่งรีบ จู่ๆ ก็ชนเข้ากับแผงอกของใครก็ไม่รู้ “ขอโทษ…..” พอเงยหน้าขึ้นมองคนที่เผลอชนเข้าเสียงของฉันก็ขาดหายไป หัวใจดวงน้อยเต้นแรงพร้อมความรู้สึกกลัว “พะ พี่ลีวาย” เป็นพี่ลีวายจริงๆ ที่ฉันชนเมื่อครู่ ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้ก็ไม่รู้พี่ลีวายขมวดคิ้วมอง เขาทำเหมือนไม่รู้จักฉันเลย ต่างจากที่คิดเอาไว้มาก “มิลินหรอ” เสียงพี่คาแลนถาม ฉันจึงพยักหน้าตอบ “ค่ะ” “มาเที่ยวคลับเป็นด้วย?” พี่คัลเลนพูดแทรก “พอดีเพื่อนๆ นัดมาปาร์ตี้น่ะค่ะ มิลินเลยมาด้วย”“อ่า! แบบนี้นี่เอง”“ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันพูดอย่างประหม่า พยายามหลบสายตาพี่ลีวายที่เอาแต่จ้องไม่พูดไม่จา “รู้จักหรอครับ” แทนกระซิบถามฉัน “อื้อ” พี่ลีวายไม่ยอมหลบทางให้ฉันจึงเดินลงไปไม่ได้ เขาเอาแต่ยืนนิ่งๆ มองหน้าแทนกับฉันสลับกัน “พี่ลีวายคะ….” พอฉันเรียกพี่ลีวายก็พูดแทรก “มากับเพื่อนผู้ชาย? อ่า ที่เห็นตอนเย็นนัดกันมาที่นี่เองสินะ”“เปล่าครับผมเป็นรุ่นน้อง” “แทนเป็นน้องรหัสของมิลิน”“บอกทำไม ใครอยากรู้” พี่ลีวายตอบหน้านิ่ง เห็นเขาถามฉันก็คิดว่าอยากรู้ซะอีก “ขอทางหน่อยค่ะ” ฉันพูดย้ำแต่พี่ลีวายก็ยังไม่ยอมถอยให้ “ไอ้ลีวาย มึงก็หลบน้องหน่อย” พี่คัลเลนช่วยพูดอีกแรงพี่ลีวายจึงยอมหลบทางให้แต่ก็ยังมองแทนไม่ยอมลดละ ฉันรีบพาแทนกลับมาที่โต๊ะตั้งใจจะขอตัวกลับก่อนแต่แนนคว้ามือมาคล้องคอฉันไว้แน่น “แนน ฉันกลับก่อนนะ”“อืออีกแป๊บนึงสิ” ฉันไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจึงยอมนั่งต่อ ก่อนจะเหลือบ
Talk ลีวายผมมองหน้าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะคำขู่ของพ่อผมคงไม่มีทางสนใจผู้หญิงคนนี้แน่ ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยชอบหน้าเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจผมเอามากๆ “ไอ้โรคจิต” เลือดมันขึ้นหน้าเมื่อได้ยินคำนั้นที่เธอพูด เมาแล้วไม่เจียมตัว ถ้าผมปล่อยให้ไอ้นั่นมาส่งคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว พ่อน่าจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ดูจากสภาพเธอตอนนี้ มันดูได้ที่ไหน ผมยัดตัวเธอเข้ามาในรถก่อนจะเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ ทันทีที่เข้ามาด้านในก็ถูกกระชากคอเสื้ออย่างแรง “ทำบ้าอะไรของเธอห๊ะ!!” ผมปัดมือเล็กออกอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะเมาเธอคงได้เดินกลับไปแล้ว อ่า! ไม่สิ อย่างเธอคงมีผู้ชายต่อคิวรอไปส่งที่บ้าน ไม่รู้ว่าผู้ชายพวกนั้นทำไมถึงได้ตาต่ำขนาดนี้ “เสียใจ อึก~” เสียงเล็กๆ เอ่ยปนสะอื่น แต่ผมไม่ได้หันไปสนใจ “พี่ลีวาย” “โคนนใจร้าย”“พี่ลีวายใจร้ายที่สูดดดด” ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหัวเสีย ก่อนจะตวาดเสียงดัง “หยุดพร่ามสักที โครตน่ารำคาญ!!” ทั้งที่พ่อรู้ดีว่าผมไม่ชอบหน้าเธอก็ยังจะให้มาคอยเฝ้า ไม่รู้ห่วงอะไรนักหนา โตจนมีผัวไปไม่รู่กี่คนแล้ว ภายนอกเธอแค่ทำตัวใสซ
ฉันกัดริมฝีปากแน่นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกพี่ลีวายท้วงแบบนี้ พลางคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนว่าตัวเองกลับมาที่บ้านได้ยังไง“เมื่อคืน… พะ... พี่ลีวายมาส่งมิลินเหรอคะ”“ใช่ ฉันมาส่งเธอถึงในห้อง”“…” นะ... ในห้องเลยเหรอฉันกำมือแน่นอย่างเป็นกังวลเพราะกลัวว่าพี่ลีวายจะเห็นอัลบั้มภาพที่ฉันแอบถ่ายเขาไว้นับร้อยรูป ไหนจะเรื่องจูบอีก“อยากรู้ไหมว่าเธอทำอะไรกับฉันบ้าง”“มะ... ไม่อยากรู้ค่ะ” ฉันพยายามจะเดินเลี่ยงแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งแขนเอาไว้“เธอจูบฉัน” แปลว่าเมื่อคืนไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอใบหน้าของฉันเริ่มแดงก่ำเมื่อคิดว่าตัวเองได้จูบกับพี่ลีวาย มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่กล้าฝันแต่มันเกิดขึ้นแล้ว ถึงจะตอนเมาก็เถอะ“ยิ้มอะไรของเธอ”เมื่อได้ยินคำนั้นหัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ฉันพยายามถามตัวเองอย่างไม่เชื่อว่าทำเรื่องแบบนั้นลงไปจริง ๆ“มะ… มิลินเมา…”“ใช่เธอเมา รู้ไหมว่ามันน่ารังเกียจขนาดไหน”จึก!! ราวกับโลกทั้งใบมันหยุดหมุน คำพูดของพี่ลีวายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมาจ้วงแทงกลางอกซ้ำ ๆ“ขอโทษที่มิลินทำตัวน่ารังเกียจกับพี่ลีวายนะคะ” ฉันก้มหน้าบอกแล้วสะบัดมือออกอย่างแรง“รู้ตัวก็ดี”เขา
ฉันไม่รู้ว่าพี่ลีวายรู้ได้ยังไงว่าแทนมาที่บ้าน ห้องนอนของเขามันอยู่คนละฝั่งกับโรงจอดรถเลยนี่นา หรือว่าได้ยินเสียงตอนแทนขับรถเข้ามาอย่างนั้นเหรอหมับ!! ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้แขนของฉันก็ถูกดึงกระชากไปอย่างแรง“พะ... พี่ลีวายมิลินเจ็บนะคะ”“อยู่บ้านแต่งตัวมิดชิดปิดถึงคอ แต่พอจะออกไปข้างนอกกับผู้ชาย…” พี่ลีวายเว้นคำพูดก่อนจะใช้สายตามองเรือนร่างของฉันอย่างพิจารณา แล้วพูดต่อ “แต่งตัวแรดจังนะ”“พี่ลีวาย!!” ฉันตวาดเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดมันจะมีสักครั้งไหมที่เวลาพี่ลีวายจะพูดอะไรแล้วคิดแคร์ความรู้สึกของฉันบ้าง… ไม่เลยสินะ“ทำไม! ฉันพูดผิดตรงไหน?”“นี่มันร่างกายของมิลิน แต่งตัวแบบไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของมิลิน”“ก็… แรดดี”“…”“อย่าเพิ่งเปลี่ยนชุดล่ะ ฉันอยากให้พ่อเห็นเธอแต่งตัวแรด ๆ แบบนี้”ฉันกำมือแน่น การถูกคนที่ตัวเองชอบมองด้วยสายตาดูถูกแบบนั้นมันเจ็บปวดสุด ๆ ไปเลยแหละ“ต่อไปนี้… ต่างคนต่างอยู่เถอะนะคะ” คำขอร้องของฉันมันออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ ถึงแม้จะยังชอบพี่ลีวายอยู่มาก ๆ แต่ฉันไม่สามารถอดทนกับสายตาและคำพูดของเขาได้ตลอด“ฉันก็ไม่ได้อยากจะไปยุ่งวุ่นวายกับเ
ปกติคุณท่านเป็นคนมีเหตุแต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมฟังอะไรเลย ถึงจะชอบพี่ลีวายมากขนาดไหนแต่การที่ถูกเข้าใจผิดแถมยังจะได้หมั้นกันแบบนี้มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกดีเลยสักนิดหลังจากออกมาจากห้องทำงานของคุณท่านพี่ลีวายก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด ฉันเองรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้ช่วยพูดอะไรเลยคืนนี้ทั้งคืนฉันพยายามข่มตานอนแต่ทำไม่ได้ หัวใจมันกระวนกระวายคิดถึงแต่เรื่องที่คุณท่านบอกให้พี่ลีวายหมั้นกับฉัน สมองมันจินตนาการไปต่าง ๆ นานาถ้าเกิดว่าหมั้นกับเขาจริง ๆ ฉันต้องทุกข์ใจมากแน่ ๆ เพราะพี่ลีวายไม่ได้รักฉันเลย แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ชีวิตของฉันต่อจากนี้จะเป็นยังไงกันนะ…@หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่วันนั้นพี่ลีวายก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย คุณท่านโทรหาเขาก็ไม่รับ ที่คอนโดก็ไม่อยู่ทำให้ฉันทุกข์ใจเป็นอย่างมาก“ติดต่อลูกชายตัวดีของฉันได้บ้างหรือเปล่า” คุณท่านถามขณะที่ฉันยื่นยาพร้อมแก้วน้ำให้“ไม่เลยค่ะ”“หึ! ไอ้ลูกไม่รักดี แค่ก ๆๆ” คุณท่านไอพร้อมกุมหัวใจของตัวเองเอาไว้ทำให้ฉันตกใจมาก ๆ“อย่าโมโหไปเลยค่ะ เดี๋ยวอาการป่วยจะกำเริบอีกนะคะ” คุณท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ เรื่องนี้พี่ลีวายยั
พี่ลีวายขมวดคิ้วกับคำพูดของฉันก่อนจะกระชากตัวฉันอย่างแรงจนเซมาจนกับอกแกร่ง“พูดว่าไงนะ”“ปล่อยค่ะ”“ฉันถามว่าเมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร!!” เสียงตวาดของพี่ลีวายดังลั่นไปทั่วสวน“มิลินจะไปบอกคุณท่านว่าวันนั้นพี่ลีวายพยายามจะขืนใจ…โอ้ย!!” ฉันร้องออกมาเสียงหลงเพราะถูกพี่ลีวายบีบแขนแรงมาก ๆ รู้สึกเจ็บเหมือนกระดูกมันร้าวไปหมด“พูดบ้าอะไรของเธอฮะ!!”“ปล่อยนะมิลินเจ็บ”“มานี่!!”พี่ลีวายฉุดกระชากฉันให้ตามตัวเองมาที่รถ ก่อนจะเปิดประตูแล้วจับตัวของฉันยัดเข้าไปด้านใน“อื้อปล่อย จะพามิลินไปไหนคะ”“หุบปาก!!” เขาตะคอกบอกเสียงแข็งก่อนจะเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับ จากนั้นก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยความเร็ว“ปะ... ไปไหนคะ”“พี่ลีวายจอดรถนะ”“มิลินบอกให้จอดไง”ต่อให้ฉันพูดอะไรพี่ลีวายก็ไม่ตอบกลับ ไม่มีแต่จะหันมามอง เขาขับรถด้วยความเร็วมากกว่าหนึ่งร้อยหกสิบและหักพวงมาลัยปาดซ้ายปาดขวาแซงขึ้นอย่างน่าหวาดเสียวจนฉันต้องหลับตาปี๋พร้อมหัวใจดวงน้อยที่เต้นรัวเพราะความกลัวพี่ลีวายหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาในคอนโดของตัวเอง ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจว่าเขาพาฉันมาที่นี่ทำไม หลังจากรถจอดสนิทเขาก็ลงจากรถแล้วเดินมาเปิดประตูทางฝั่งที่ฉันนั่
ร่างกายของฉันเริ่มสั่นเพราะความกลัว เหมือนว่าการพูดออกไปแบบนั้นจะเป็นความคิดที่ผิด“มะ… มิลินไม่ได้ต้องการแบบที่พี่ลีวายคิด”“ถ้าไม่ต้องการแล้วจะบอกพ่อว่าฉันขืนใจเธอทำไมฮะ!!”“…”“ฉันกำลังจะทำตามที่เธอพูด… ไม่ดีใจหรือไง”“มะ… ไม่ค่ะ”“ตอนเล่าให้พ่อฉันฟังก็อย่าลืมบอกว่าเราทำท่าไหนกันบ้าง…”“ปะ… เป็นบ้าไปแล้วเหรอคะ”พรึบ!! เสื้อเชิดที่อยู่บนตัวของพี่ลีวายตอนนี้ถูกเขาถอดออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนที่มือหนาจะปลดเข็มขัดกางเกงต่อ“ไม่ถอด?”“…” ฉันกัดริมฝีปากแน่นครั้งนี้แววตาของพี่ลีวายมันจริงจังไม่ใช่ว่าแค่ทำขู่ ซึ่งฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้ แต่ก็ไม่ต้องการออกไปจากชีวิตเขาเหมือนกัน“อยากให้ฉันเป็นคนถอดให้สินะ”ทำไมฉันถึงยังนั่งอยู่ทั้งที่รู้สึกกลัวขนาดนี้ ทำไมฉันไม่รีบวิ่งหนีออกไปจากห้อง…“ทะ... ทำอะไรคะ พะ... พี่ลีวายอย่านะ” ฉันร้องออกเสียงหลงเมื่อพี่ลีวายใช้เข็มขัดที่ปลดออกมามัดมือของฉันเอาไว้“ฉันไม่เคยคิดจะทำเรื่องต่ำ ๆ แบบนี้กับเธอเลยสักนิด” เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะผลักฉันนอนราบบนโซฟา แล้วขึ้นมาคร่อมรวบแขนฉันขึงตึงไว้เหนือศีรษะก่อนจะพูดต่อ “เธอเป็นคนเสนอความต้องการให้ฉันเอง… จำไว้!
พี่ลีวายกระชากเสื้อที่ขาดลุ่ยของฉันออกจากตัว ก่อนจะพยายามถอดกางเกง ฉันพยายามหนีบขาเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงผู้ชายที่ตัวโตกว่าได้น้ำตามันไหลอาบแก้มเมื่อถูกผู้ชายที่ตัวเองรักกระทำเรื่องน่าอายแบบนี้ แต่ทำไมร่างกายกลับไม่ต่อต้าน มันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว… ถ้าฉันเป็นของพี่ลีวายแล้วบางครั้งความรู้สึกที่เกลียดชังอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้แต่ถึงยังไงก็ไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้น…“จะร้องไห้ทำไม เธอควรจะดีใจมากกว่านะที่ทำสำเร็จ”“มะ… มิลินไม่ได้ต้องการ… อึก~”“ถ้าต้องหมั้นกับผู้หญิงอย่างเธอ… ฉันจะย่ำยีไม่ให้เหลือชิ้นดี”“…”“ยังต้องการแบบนั้นอยู่ไหม?”“… มิลิน… อึก”“ไม่ต้องบีบน้ำตา คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ”“พะ… พูดเรื่องอะไรคะ… อึก~”“เลิกทำตัวใสซื่อต่อหน้าฉันได้แล้ว”“อึก~”ฉันไม่เข้าใจว่าพี่ลีวายกำลังพูดเรื่องอะไรและในตอนนี้ร่างกายของฉันที่ไร้เสื้อผ้าปกคลุมก็ได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าเขาแล้ว“หึ!! ไม่คิดว่าพอแก้ผ้าแล้วผู้หญิงแบบเธอจะทำให้ฉันมีอารมณ์ได้”พี่ลีวายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายตาอำมหิตจ้องมองฉันที่ถูกมัดมือนอนตัวสั่นเทาพร้อมกับถอดกางเกงออกจากท่อนขา ฉันรีบหันหน