พี่ลีวายผลักแผ่นหลังของฉันอัดติดกับพนังห้องอย่างแรง แล้วใช้มือบีบแก้ม “ไปบอกพ่อซะว่าเธอไม่อยากมาเรียนรู้งานกับฉัน”
“พะ พูดกันดีๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องรุนแรงเลยค่ะ” “ใครจะไปอยากพูดดีกับเธอ” สายคาคู่นั้นยังคงมองฉันอย่างรังเกียจ ทำให้หัวใจดวงน้องรู้สึกเจ็บปวดเอามากๆ “มิลินเข้าใจแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ” ฉันหลบสายตาแล้วตอบเสียงเบา พี่ลีวายจึงยอมปล่อยมือที่บีบแก้มออก “ออกไป” “ดึงมิลินเข้ามาในห้องเพราะจะพูดเรื่องแค่นี้เองหรอคะ” “เธอคาดหวังอะไร?” หัวคิ้วหนาขนาดชนกันก่อนที่พี่ลีวายจะโน้มลงมาใกล้ๆ แล้วพูดต่อ “ผู้หญิงอย่างเธอ…ต่อให้แก้ผ้าต่อหน้าฉันก็ไม่มีอารมณ์” “……..” ฉันกำมือแน่นกับคำพูดที่แสนจะดูถูก พอได้ยินแล้วมันอยากจะถอดเสื้อผ้าออกให้หมด เพื่อดูว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่มีความกล้าขนาดนั้น ทำได้แค่ยืนฟังให้พี่ลีวายพูดดูถูก ฉันรีบเปิดประตูออกมาจากห้องก่อนที่พี่ลีวายจะใช้คำพูดทำร้ายจิตใจไปมากกว่านี้“อึก~คนใจร้าย” ฉันแอบมาร้องไห้อยู่ในห้องของตัวเองพลางพูดถึงพี่ลีวาย คนที่ชอบใช้คำพูดทำร้ายความรู้สึกคนอื่น
ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากจะหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ปัญหามันจะได้จบสักที แต่ตอนนี้ฉันหนีไม่ได้…คุณท่านใจดีมากขนาดนั้นจะทิ้งท่านไปได้ยังไงวันต่อมา ณ มหาวิทยาลัย
“มิลินๆๆ” เสียงแนนนี่เพื่อนในห้องเรียก คณะฉันกำลังทำวิจัยอยู่กับอาต “หือว่าไงแนน” “วันนี้พวกเรานัดสังสรรค์กับน้องรหัส เธอจะไปด้วยกันไหม” “ฉันหรอ…อือ…ไม่ดีกว่า” “นี่มิลิน!! แกรู้จักเข้าสังคมบ้างสิ” เพื่อนอีกคนรีบท้วงขึ้น “นั่นสิ แกจะทำเหมือนตัวคนเดียวในมหาวิทยาลัยนี้ไม่ได้หรอกนะ เรียนจะจบแล้วแท้ๆ รู้จักน้องรหัสสักคนไหม” “….เอ่อฉัน” ฉันก้มหน้าฟังที่เพื่อนพูดมาอย่างไร้คำแก้ตัว “ไปด้วยกันไหม?” อาตถามฉันพร้อมรอยยิ้ม “อาตไปด้วยหรอ” “อือ ไปสิ” “เดี๋ยวเราขอคิดดูอีกทีนะ”หลังเลิกเรียน ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากคุณท่านว่าจะให้พี่ลีวายมารับ พยายามปฏิเสธแต่คุณท่านบอกว่าพี่ลีวายมารอที่มหาวิทยาลัยแล้ว
“พี่มิลิน” ไม่รู้ว่าใครเรียกชื่อฉัน พอหันมาตามต้นเสียงก็ไม่รู้อยู่ดีว่าใคร “มะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันถามคนที่เดินมาหยุดตรงหน้า ท่าทางเขาดูเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ “คืนนี้พี่จะไปปาร์ตี้ใช่ไหมครับ” “เอ่อ….” “ผมแทนน้องรหัสพี่ไง อ่า! จำผมไม่ได้จริงๆ หรอครับ” “คือพี่ขอโทษจริงๆ” ฉันก้มศีรษะเล็กน้อยแทนคำขอโทษที่จำน้องเขาไม่ได้ “คืนนี้พี่จะไปใช่ไหมครับ” “เดี๋ยวขอคิดดูก่อนนะ พี่ยังไม่แน่ใจเลย” “ไปเถอะนะครับ ผมอยากให้พี่มิลินไปด้วยจริงๆ” จู่ๆ แทนก็จับมือฉันทำให้ตกใจรีบดึงมือออก “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” “อือ พี่กลับก่อนนะรถมารอแล้ว” “หวังว่าคืนนี้เราจะได้เจอกันนะครับ ^_^” ฉันยิ้มจางๆ ให้แทนก่อนจะเดินมาขึ้นรถ โดยมีพี่ลีวายนั่งรออยู่ข้างใน “เปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยนะ” “คะ?” “ถ้าพ่อฉันรู้คงจะภูมิใจในตัวเธอเอามากๆ” “ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่….” พี่ลีวายพูดแทรกขึ้นก่อนที่ฉันจะพูดจบ “เธอไม่จำเป็นต้องอธิบาย เพราะฉันไม่ได้อยากรู้” ฉันปิดปากเงียบทันทีหลังได้ยินคำนั้น รู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่ชอบเลยเวลาอยู่สองต่อสองแบบนี้@คฤหาสน์หลังใหญ่ กลับมาถึงฉันก็คิดทบทวนคำพูดของเพื่อนๆ อยู่นาน ว่าตัวเองไม่รู้จักรุ่นน้องเลยสักคนเพราะไม่ค่อยเข้าสังคมกับเพื่อนๆ บางทีฉันก็ควรไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นดูบ้าง ชีวิตวัยรุ่นจะได้ไม่หดหู่อยู่แบบนี้ “คุณท่านคะ” “อืมว่ายังไง”“วันนี้หนูขอไปปาร์ตี้กับเพื่อนได้ไหมคะ” ฉันพูดออกไปด้วยความรู้สึกประหม่า เพราะนี่คือครั้งแรกที่ขออะไรแบบนี้ คุณท่านยิ้มให้ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันเบาๆ “ฉันดีใจที่หนูอยากไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ” “คะ…” ฉันขมวดคิ้วแปลกใจที่ได้ยินคุณท่านบอกแบบนั้น คิดว่าจะโดนดุซะอีก“ฉันอยากให้หนูได้ใช้ชีวิตอย่างที่วัยรุ่นคนอื่นๆ ทำกัน ไม่ต้องมาอุดอู้ดูแลคนแก่แบบฉัน”“หนูเต็มใจดูแลคุณท่านค่ะ คุณท่านมีพระคุณกับหนูมาก”“เธอนิสัยเหมือนแม่ไม่มีผิด” ฉันแปลกใจเล็กน้อยกับคำพูดของคุณท่านแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร สายตาที่อบอุ่นคู่นั้นทำให้เวลาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจเอามากๆ “เอานี่ไปสิ” คุณท่านยื่นบัตรเครดิตสีดำเคลือบทองมาให้ ฉันรีบปฏิเสธทันที “ไม่เอาค่ะ” “อย่าปฏิเสธของที่ผู้ใหญ่ให้สิ” “คือหนู…..”“ฉันควรดูแลหนูให้ดีที่สุด….เพื่อชดใช้ความผิดที่ตัวเองเคยทำ”“วะ…ว่ายังไงนะคะ” ฉั
พี่ลีวายขมวดคิ้วมอง เขาทำเหมือนไม่รู้จักฉันเลย ต่างจากที่คิดเอาไว้มาก “มิลินหรอ” เสียงพี่คาแลนถาม ฉันจึงพยักหน้าตอบ “ค่ะ” “มาเที่ยวคลับเป็นด้วย?” พี่คัลเลนพูดแทรก “พอดีเพื่อนๆ นัดมาปาร์ตี้น่ะค่ะ มิลินเลยมาด้วย”“อ่า! แบบนี้นี่เอง”“ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันพูดอย่างประหม่า พยายามหลบสายตาพี่ลีวายที่เอาแต่จ้องไม่พูดไม่จา “รู้จักหรอครับ” แทนกระซิบถามฉัน “อื้อ” พี่ลีวายไม่ยอมหลบทางให้ฉันจึงเดินลงไปไม่ได้ เขาเอาแต่ยืนนิ่งๆ มองหน้าแทนกับฉันสลับกัน “พี่ลีวายคะ….” พอฉันเรียกพี่ลีวายก็พูดแทรก “มากับเพื่อนผู้ชาย? อ่า ที่เห็นตอนเย็นนัดกันมาที่นี่เองสินะ”“เปล่าครับผมเป็นรุ่นน้อง” “แทนเป็นน้องรหัสของมิลิน”“บอกทำไม ใครอยากรู้” พี่ลีวายตอบหน้านิ่ง เห็นเขาถามฉันก็คิดว่าอยากรู้ซะอีก “ขอทางหน่อยค่ะ” ฉันพูดย้ำแต่พี่ลีวายก็ยังไม่ยอมถอยให้ “ไอ้ลีวาย มึงก็หลบน้องหน่อย” พี่คัลเลนช่วยพูดอีกแรงพี่ลีวายจึงยอมหลบทางให้แต่ก็ยังมองแทนไม่ยอมลดละ ฉันรีบพาแทนกลับมาที่โต๊ะตั้งใจจะขอตัวกลับก่อนแต่แนนคว้ามือมาคล้องคอฉันไว้แน่น “แนน ฉันกลับก่อนนะ”“อืออีกแป๊บนึงสิ” ฉันไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจึงยอมนั่งต่อ ก่อนจะเหลือบ
Talk ลีวายผมมองหน้าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะคำขู่ของพ่อผมคงไม่มีทางสนใจผู้หญิงคนนี้แน่ ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยชอบหน้าเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจผมเอามากๆ “ไอ้โรคจิต” เลือดมันขึ้นหน้าเมื่อได้ยินคำนั้นที่เธอพูด เมาแล้วไม่เจียมตัว ถ้าผมปล่อยให้ไอ้นั่นมาส่งคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว พ่อน่าจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ดูจากสภาพเธอตอนนี้ มันดูได้ที่ไหน ผมยัดตัวเธอเข้ามาในรถก่อนจะเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ ทันทีที่เข้ามาด้านในก็ถูกกระชากคอเสื้ออย่างแรง “ทำบ้าอะไรของเธอห๊ะ!!” ผมปัดมือเล็กออกอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะเมาเธอคงได้เดินกลับไปแล้ว อ่า! ไม่สิ อย่างเธอคงมีผู้ชายต่อคิวรอไปส่งที่บ้าน ไม่รู้ว่าผู้ชายพวกนั้นทำไมถึงได้ตาต่ำขนาดนี้ “เสียใจ อึก~” เสียงเล็กๆ เอ่ยปนสะอื่น แต่ผมไม่ได้หันไปสนใจ “พี่ลีวาย” “โคนนใจร้าย”“พี่ลีวายใจร้ายที่สูดดดด” ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหัวเสีย ก่อนจะตวาดเสียงดัง “หยุดพร่ามสักที โครตน่ารำคาญ!!” ทั้งที่พ่อรู้ดีว่าผมไม่ชอบหน้าเธอก็ยังจะให้มาคอยเฝ้า ไม่รู้ห่วงอะไรนักหนา โตจนมีผัวไปไม่รู่กี่คนแล้ว ภายนอกเธอแค่ทำตัวใสซ
ฉันกัดริมฝีปากแน่นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกพี่ลีวายท้วงแบบนี้ พลางคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนว่าตัวเองกลับมาที่บ้านได้ยังไง“เมื่อคืน… พะ... พี่ลีวายมาส่งมิลินเหรอคะ”“ใช่ ฉันมาส่งเธอถึงในห้อง”“…” นะ... ในห้องเลยเหรอฉันกำมือแน่นอย่างเป็นกังวลเพราะกลัวว่าพี่ลีวายจะเห็นอัลบั้มภาพที่ฉันแอบถ่ายเขาไว้นับร้อยรูป ไหนจะเรื่องจูบอีก“อยากรู้ไหมว่าเธอทำอะไรกับฉันบ้าง”“มะ... ไม่อยากรู้ค่ะ” ฉันพยายามจะเดินเลี่ยงแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งแขนเอาไว้“เธอจูบฉัน” แปลว่าเมื่อคืนไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอใบหน้าของฉันเริ่มแดงก่ำเมื่อคิดว่าตัวเองได้จูบกับพี่ลีวาย มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่กล้าฝันแต่มันเกิดขึ้นแล้ว ถึงจะตอนเมาก็เถอะ“ยิ้มอะไรของเธอ”เมื่อได้ยินคำนั้นหัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ฉันพยายามถามตัวเองอย่างไม่เชื่อว่าทำเรื่องแบบนั้นลงไปจริง ๆ“มะ… มิลินเมา…”“ใช่เธอเมา รู้ไหมว่ามันน่ารังเกียจขนาดไหน”จึก!! ราวกับโลกทั้งใบมันหยุดหมุน คำพูดของพี่ลีวายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมาจ้วงแทงกลางอกซ้ำ ๆ“ขอโทษที่มิลินทำตัวน่ารังเกียจกับพี่ลีวายนะคะ” ฉันก้มหน้าบอกแล้วสะบัดมือออกอย่างแรง“รู้ตัวก็ดี”เขา
ฉันไม่รู้ว่าพี่ลีวายรู้ได้ยังไงว่าแทนมาที่บ้าน ห้องนอนของเขามันอยู่คนละฝั่งกับโรงจอดรถเลยนี่นา หรือว่าได้ยินเสียงตอนแทนขับรถเข้ามาอย่างนั้นเหรอหมับ!! ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้แขนของฉันก็ถูกดึงกระชากไปอย่างแรง“พะ... พี่ลีวายมิลินเจ็บนะคะ”“อยู่บ้านแต่งตัวมิดชิดปิดถึงคอ แต่พอจะออกไปข้างนอกกับผู้ชาย…” พี่ลีวายเว้นคำพูดก่อนจะใช้สายตามองเรือนร่างของฉันอย่างพิจารณา แล้วพูดต่อ “แต่งตัวแรดจังนะ”“พี่ลีวาย!!” ฉันตวาดเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดมันจะมีสักครั้งไหมที่เวลาพี่ลีวายจะพูดอะไรแล้วคิดแคร์ความรู้สึกของฉันบ้าง… ไม่เลยสินะ“ทำไม! ฉันพูดผิดตรงไหน?”“นี่มันร่างกายของมิลิน แต่งตัวแบบไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของมิลิน”“ก็… แรดดี”“…”“อย่าเพิ่งเปลี่ยนชุดล่ะ ฉันอยากให้พ่อเห็นเธอแต่งตัวแรด ๆ แบบนี้”ฉันกำมือแน่น การถูกคนที่ตัวเองชอบมองด้วยสายตาดูถูกแบบนั้นมันเจ็บปวดสุด ๆ ไปเลยแหละ“ต่อไปนี้… ต่างคนต่างอยู่เถอะนะคะ” คำขอร้องของฉันมันออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ ถึงแม้จะยังชอบพี่ลีวายอยู่มาก ๆ แต่ฉันไม่สามารถอดทนกับสายตาและคำพูดของเขาได้ตลอด“ฉันก็ไม่ได้อยากจะไปยุ่งวุ่นวายกับเ
ปกติคุณท่านเป็นคนมีเหตุแต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมฟังอะไรเลย ถึงจะชอบพี่ลีวายมากขนาดไหนแต่การที่ถูกเข้าใจผิดแถมยังจะได้หมั้นกันแบบนี้มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกดีเลยสักนิดหลังจากออกมาจากห้องทำงานของคุณท่านพี่ลีวายก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด ฉันเองรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้ช่วยพูดอะไรเลยคืนนี้ทั้งคืนฉันพยายามข่มตานอนแต่ทำไม่ได้ หัวใจมันกระวนกระวายคิดถึงแต่เรื่องที่คุณท่านบอกให้พี่ลีวายหมั้นกับฉัน สมองมันจินตนาการไปต่าง ๆ นานาถ้าเกิดว่าหมั้นกับเขาจริง ๆ ฉันต้องทุกข์ใจมากแน่ ๆ เพราะพี่ลีวายไม่ได้รักฉันเลย แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ชีวิตของฉันต่อจากนี้จะเป็นยังไงกันนะ…@หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่วันนั้นพี่ลีวายก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย คุณท่านโทรหาเขาก็ไม่รับ ที่คอนโดก็ไม่อยู่ทำให้ฉันทุกข์ใจเป็นอย่างมาก“ติดต่อลูกชายตัวดีของฉันได้บ้างหรือเปล่า” คุณท่านถามขณะที่ฉันยื่นยาพร้อมแก้วน้ำให้“ไม่เลยค่ะ”“หึ! ไอ้ลูกไม่รักดี แค่ก ๆๆ” คุณท่านไอพร้อมกุมหัวใจของตัวเองเอาไว้ทำให้ฉันตกใจมาก ๆ“อย่าโมโหไปเลยค่ะ เดี๋ยวอาการป่วยจะกำเริบอีกนะคะ” คุณท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ เรื่องนี้พี่ลีวายยั
พี่ลีวายขมวดคิ้วกับคำพูดของฉันก่อนจะกระชากตัวฉันอย่างแรงจนเซมาจนกับอกแกร่ง“พูดว่าไงนะ”“ปล่อยค่ะ”“ฉันถามว่าเมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร!!” เสียงตวาดของพี่ลีวายดังลั่นไปทั่วสวน“มิลินจะไปบอกคุณท่านว่าวันนั้นพี่ลีวายพยายามจะขืนใจ…โอ้ย!!” ฉันร้องออกมาเสียงหลงเพราะถูกพี่ลีวายบีบแขนแรงมาก ๆ รู้สึกเจ็บเหมือนกระดูกมันร้าวไปหมด“พูดบ้าอะไรของเธอฮะ!!”“ปล่อยนะมิลินเจ็บ”“มานี่!!”พี่ลีวายฉุดกระชากฉันให้ตามตัวเองมาที่รถ ก่อนจะเปิดประตูแล้วจับตัวของฉันยัดเข้าไปด้านใน“อื้อปล่อย จะพามิลินไปไหนคะ”“หุบปาก!!” เขาตะคอกบอกเสียงแข็งก่อนจะเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับ จากนั้นก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยความเร็ว“ปะ... ไปไหนคะ”“พี่ลีวายจอดรถนะ”“มิลินบอกให้จอดไง”ต่อให้ฉันพูดอะไรพี่ลีวายก็ไม่ตอบกลับ ไม่มีแต่จะหันมามอง เขาขับรถด้วยความเร็วมากกว่าหนึ่งร้อยหกสิบและหักพวงมาลัยปาดซ้ายปาดขวาแซงขึ้นอย่างน่าหวาดเสียวจนฉันต้องหลับตาปี๋พร้อมหัวใจดวงน้อยที่เต้นรัวเพราะความกลัวพี่ลีวายหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาในคอนโดของตัวเอง ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจว่าเขาพาฉันมาที่นี่ทำไม หลังจากรถจอดสนิทเขาก็ลงจากรถแล้วเดินมาเปิดประตูทางฝั่งที่ฉันนั่
ร่างกายของฉันเริ่มสั่นเพราะความกลัว เหมือนว่าการพูดออกไปแบบนั้นจะเป็นความคิดที่ผิด“มะ… มิลินไม่ได้ต้องการแบบที่พี่ลีวายคิด”“ถ้าไม่ต้องการแล้วจะบอกพ่อว่าฉันขืนใจเธอทำไมฮะ!!”“…”“ฉันกำลังจะทำตามที่เธอพูด… ไม่ดีใจหรือไง”“มะ… ไม่ค่ะ”“ตอนเล่าให้พ่อฉันฟังก็อย่าลืมบอกว่าเราทำท่าไหนกันบ้าง…”“ปะ… เป็นบ้าไปแล้วเหรอคะ”พรึบ!! เสื้อเชิดที่อยู่บนตัวของพี่ลีวายตอนนี้ถูกเขาถอดออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนที่มือหนาจะปลดเข็มขัดกางเกงต่อ“ไม่ถอด?”“…” ฉันกัดริมฝีปากแน่นครั้งนี้แววตาของพี่ลีวายมันจริงจังไม่ใช่ว่าแค่ทำขู่ ซึ่งฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้ แต่ก็ไม่ต้องการออกไปจากชีวิตเขาเหมือนกัน“อยากให้ฉันเป็นคนถอดให้สินะ”ทำไมฉันถึงยังนั่งอยู่ทั้งที่รู้สึกกลัวขนาดนี้ ทำไมฉันไม่รีบวิ่งหนีออกไปจากห้อง…“ทะ... ทำอะไรคะ พะ... พี่ลีวายอย่านะ” ฉันร้องออกเสียงหลงเมื่อพี่ลีวายใช้เข็มขัดที่ปลดออกมามัดมือของฉันเอาไว้“ฉันไม่เคยคิดจะทำเรื่องต่ำ ๆ แบบนี้กับเธอเลยสักนิด” เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะผลักฉันนอนราบบนโซฟา แล้วขึ้นมาคร่อมรวบแขนฉันขึงตึงไว้เหนือศีรษะก่อนจะพูดต่อ “เธอเป็นคนเสนอความต้องการให้ฉันเอง… จำไว้!