ฉันไม่รู้ว่าพี่ลีวายรู้ได้ยังไงว่าแทนมาที่บ้าน ห้องนอนของเขา
มันอยู่คนละฝั่งกับโรงจอดรถเลยนี่นา หรือว่าได้ยินเสียงตอนแทนขับรถเข้ามาอย่างนั้นเหรอหมับ!! ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้แขนของฉันก็ถูกดึงกระชากไปอย่างแรง
“พะ... พี่ลีวายมิลินเจ็บนะคะ”
“อยู่บ้านแต่งตัวมิดชิดปิดถึงคอ แต่พอจะออกไปข้างนอก
กับผู้ชาย…” พี่ลีวายเว้นคำพูดก่อนจะใช้สายตามองเรือนร่างของฉันอย่างพิจารณา แล้วพูดต่อ “แต่งตัวแรดจังนะ”“พี่ลีวาย!!” ฉันตวาดเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยความรู้สึก
ที่เจ็บปวดมันจะมีสักครั้งไหมที่เวลาพี่ลีวายจะพูดอะไรแล้วคิดแคร์ความรู้สึกของฉันบ้าง… ไม่เลยสินะ
“ทำไม! ฉันพูดผิดตรงไหน?”
“นี่มันร่างกายของมิลิน แต่งตัวแบบไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของมิลิน”
“ก็… แรดดี”
“…”
“อย่าเพิ่งเปลี่ยนชุดล่ะ ฉันอยากให้พ่อเห็นเธอแต่งตัวแรด ๆ
แบบนี้”ฉันกำมือแน่น การถูกคนที่ตัวเองชอบมองด้วยสายตาดูถูก
แบบนั้นมันเจ็บปวดสุด ๆ ไปเลยแหละ“ต่อไปนี้… ต่างคนต่างอยู่เถอะนะคะ” คำขอร้องของฉัน
มันออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ ถึงแม้จะยังชอบพี่ลีวายอยู่มาก ๆ แต่ฉันไม่สามารถอดทนกับสายตาและคำพูดของเขาได้ตลอด“ฉันก็ไม่ได้อยากจะไปยุ่งวุ่นวายกับเธออยู่แล้ว”
“ค่ะ”
วันนี้พี่ลีวายทำให้ฉันร้องไห้กี่ครั้งแล้วนะ เขาเก่งจริง ๆ ที่เข้ามาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นได้ขนาดนี้…
ฉันหันหลังเดินออกมาจากห้องของพี่ลีวาย ก่อนจะชะงัก
เมื่อเห็นว่าคุณท่านอยู่หน้าห้อง“คะ… คุณท่าน”
“ทำอะไรกัน”
ฉันหันกลับมามองพี่ลีวายที่มีแค่ผ้าขนหนูพันรอบเอวอยู่
เพียงผืนเดียว เพราะภาพที่เห็นมันล่อแหลมชวนคิด จึงรีบส่ายหน้ารัว ๆ เพราะคิดว่าคุณท่านต้องคิดเรื่อง… ไม่ดีอยู่แน่ ๆ“ปะ... เปล่านะคะ… มะ… ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
“ตามฉันมา” คุณท่านบอกแล้วมองผ่านฉันไปยังพี่ลีวาย
ก่อนออกคำสั่ง “แกก็ด้วย รีบแต่งตัวให้เรียบร้อยซะ”พูดจบคุณท่านก็เดินไปที่ห้องทำงาน หัวใจดวงน้อยของฉัน
หล่นมาอยู่ที่ตาตุ่มทันที ไม่รู้ว่าคุณท่านคิดอะไรอยู่ ไม่อยากจะคาดเดาเลย#ภายในห้องทำงานคุณท่าน
ทั้งฉันและพี่ลีวายนั่งลงบนโซฟาใกล้ ๆ กันโดยมีสายตา
ของคุณท่านจับจ้องเราสองคนอยู่“แกทำอะไรกับหนูมิลิน”
“ผมทำอะไรครับ?” พี่ลีวายขมวดคิ้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“แกจะไม่ยอมรับใช่ไหม!!” คุณท่านพยายามคุมอารมณ์
ของตัวเองก่อนจะพูดต่อ “แกแก้ผ้าอยู่แบบนั้นจะให้ฉันคิดยังไง”“ทำไมต้องยอมรับ ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลยสักนิด!!”
“อย่าโกหกฉัน”
“พ่อก็รู้ว่าผมเกลียดผู้หญิงคนนี้แค่ไหน ไม่มีวันที่ผมจะทำเรื่องต่ำ ๆ แบบนั้นกับเธอ”
ตอนนี้พี่ลีวายกำลังหัวเสียโวยวายเสียงดังลั่นห้อง
เพราะคุณท่านสงสัยว่าเราสองคนมีอะไรที่เกินเลยกัน แต่คำพูดแบบนั้นถึงจะได้ยินบ่อยครั้งแล้ว… หัวใจมันก็ยังเจ็บอยู่ดี“พูดอะไรหน่อยสิวะ!!” เขาหันมาตวาดบอกฉันที่นั่งนิ่ง
ไม่ยอมพูดจาเพราะความกลัว ตอนนี้สายตาของคุณท่านน่ากลัวมาก ๆ“ฉันไม่คิดว่าแกจะทำเรื่องน่าอายแบบนั้นกับหนูมิลินได้!!”
“มะ... ไม่ใช่นะคะฟังหนูก่อน”
“เงียบไปซะ!! ไม่ต้องช่วยมันแก้ตัว!!” คุณท่านตะเบ็งเสียงบอกอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดต่อ
คุณท่านถอนหายใจออกมาหนัก ๆ แล้วมองฉันกับพี่ลีวาย
ด้วยสายตาจริงจังก่อนจะพูด “แกต้องรับผิดชอบ!!”“ฉันจะให้แกหมั้นกับหนูมิลิน!”
“พ่อจะให้รับผิดชอบทั้งที่ผมบอกว่าไม่ได้ทำ… ผมทำไม่ได้
หรอกครับ”ปกติคุณท่านเป็นคนมีเหตุแต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมฟังอะไรเลย ถึงจะชอบพี่ลีวายมากขนาดไหนแต่การที่ถูกเข้าใจผิดแถมยังจะได้หมั้นกันแบบนี้มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกดีเลยสักนิดหลังจากออกมาจากห้องทำงานของคุณท่านพี่ลีวายก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด ฉันเองรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้ช่วยพูดอะไรเลยคืนนี้ทั้งคืนฉันพยายามข่มตานอนแต่ทำไม่ได้ หัวใจมันกระวนกระวายคิดถึงแต่เรื่องที่คุณท่านบอกให้พี่ลีวายหมั้นกับฉัน สมองมันจินตนาการไปต่าง ๆ นานาถ้าเกิดว่าหมั้นกับเขาจริง ๆ ฉันต้องทุกข์ใจมากแน่ ๆ เพราะพี่ลีวายไม่ได้รักฉันเลย แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ชีวิตของฉันต่อจากนี้จะเป็นยังไงกันนะ…@หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่วันนั้นพี่ลีวายก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย คุณท่านโทรหาเขาก็ไม่รับ ที่คอนโดก็ไม่อยู่ทำให้ฉันทุกข์ใจเป็นอย่างมาก“ติดต่อลูกชายตัวดีของฉันได้บ้างหรือเปล่า” คุณท่านถามขณะที่ฉันยื่นยาพร้อมแก้วน้ำให้“ไม่เลยค่ะ”“หึ! ไอ้ลูกไม่รักดี แค่ก ๆๆ” คุณท่านไอพร้อมกุมหัวใจของตัวเองเอาไว้ทำให้ฉันตกใจมาก ๆ“อย่าโมโหไปเลยค่ะ เดี๋ยวอาการป่วยจะกำเริบอีกนะคะ” คุณท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ เรื่องนี้พี่ลีวายยั
พี่ลีวายขมวดคิ้วกับคำพูดของฉันก่อนจะกระชากตัวฉันอย่างแรงจนเซมาจนกับอกแกร่ง“พูดว่าไงนะ”“ปล่อยค่ะ”“ฉันถามว่าเมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร!!” เสียงตวาดของพี่ลีวายดังลั่นไปทั่วสวน“มิลินจะไปบอกคุณท่านว่าวันนั้นพี่ลีวายพยายามจะขืนใจ…โอ้ย!!” ฉันร้องออกมาเสียงหลงเพราะถูกพี่ลีวายบีบแขนแรงมาก ๆ รู้สึกเจ็บเหมือนกระดูกมันร้าวไปหมด“พูดบ้าอะไรของเธอฮะ!!”“ปล่อยนะมิลินเจ็บ”“มานี่!!”พี่ลีวายฉุดกระชากฉันให้ตามตัวเองมาที่รถ ก่อนจะเปิดประตูแล้วจับตัวของฉันยัดเข้าไปด้านใน“อื้อปล่อย จะพามิลินไปไหนคะ”“หุบปาก!!” เขาตะคอกบอกเสียงแข็งก่อนจะเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับ จากนั้นก็ขับรถออกไปจากบ้านด้วยความเร็ว“ปะ... ไปไหนคะ”“พี่ลีวายจอดรถนะ”“มิลินบอกให้จอดไง”ต่อให้ฉันพูดอะไรพี่ลีวายก็ไม่ตอบกลับ ไม่มีแต่จะหันมามอง เขาขับรถด้วยความเร็วมากกว่าหนึ่งร้อยหกสิบและหักพวงมาลัยปาดซ้ายปาดขวาแซงขึ้นอย่างน่าหวาดเสียวจนฉันต้องหลับตาปี๋พร้อมหัวใจดวงน้อยที่เต้นรัวเพราะความกลัวพี่ลีวายหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาในคอนโดของตัวเอง ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจว่าเขาพาฉันมาที่นี่ทำไม หลังจากรถจอดสนิทเขาก็ลงจากรถแล้วเดินมาเปิดประตูทางฝั่งที่ฉันนั่
ร่างกายของฉันเริ่มสั่นเพราะความกลัว เหมือนว่าการพูดออกไปแบบนั้นจะเป็นความคิดที่ผิด“มะ… มิลินไม่ได้ต้องการแบบที่พี่ลีวายคิด”“ถ้าไม่ต้องการแล้วจะบอกพ่อว่าฉันขืนใจเธอทำไมฮะ!!”“…”“ฉันกำลังจะทำตามที่เธอพูด… ไม่ดีใจหรือไง”“มะ… ไม่ค่ะ”“ตอนเล่าให้พ่อฉันฟังก็อย่าลืมบอกว่าเราทำท่าไหนกันบ้าง…”“ปะ… เป็นบ้าไปแล้วเหรอคะ”พรึบ!! เสื้อเชิดที่อยู่บนตัวของพี่ลีวายตอนนี้ถูกเขาถอดออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนที่มือหนาจะปลดเข็มขัดกางเกงต่อ“ไม่ถอด?”“…” ฉันกัดริมฝีปากแน่นครั้งนี้แววตาของพี่ลีวายมันจริงจังไม่ใช่ว่าแค่ทำขู่ ซึ่งฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้ แต่ก็ไม่ต้องการออกไปจากชีวิตเขาเหมือนกัน“อยากให้ฉันเป็นคนถอดให้สินะ”ทำไมฉันถึงยังนั่งอยู่ทั้งที่รู้สึกกลัวขนาดนี้ ทำไมฉันไม่รีบวิ่งหนีออกไปจากห้อง…“ทะ... ทำอะไรคะ พะ... พี่ลีวายอย่านะ” ฉันร้องออกเสียงหลงเมื่อพี่ลีวายใช้เข็มขัดที่ปลดออกมามัดมือของฉันเอาไว้“ฉันไม่เคยคิดจะทำเรื่องต่ำ ๆ แบบนี้กับเธอเลยสักนิด” เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะผลักฉันนอนราบบนโซฟา แล้วขึ้นมาคร่อมรวบแขนฉันขึงตึงไว้เหนือศีรษะก่อนจะพูดต่อ “เธอเป็นคนเสนอความต้องการให้ฉันเอง… จำไว้!
พี่ลีวายกระชากเสื้อที่ขาดลุ่ยของฉันออกจากตัว ก่อนจะพยายามถอดกางเกง ฉันพยายามหนีบขาเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงผู้ชายที่ตัวโตกว่าได้น้ำตามันไหลอาบแก้มเมื่อถูกผู้ชายที่ตัวเองรักกระทำเรื่องน่าอายแบบนี้ แต่ทำไมร่างกายกลับไม่ต่อต้าน มันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว… ถ้าฉันเป็นของพี่ลีวายแล้วบางครั้งความรู้สึกที่เกลียดชังอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้แต่ถึงยังไงก็ไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้น…“จะร้องไห้ทำไม เธอควรจะดีใจมากกว่านะที่ทำสำเร็จ”“มะ… มิลินไม่ได้ต้องการ… อึก~”“ถ้าต้องหมั้นกับผู้หญิงอย่างเธอ… ฉันจะย่ำยีไม่ให้เหลือชิ้นดี”“…”“ยังต้องการแบบนั้นอยู่ไหม?”“… มิลิน… อึก”“ไม่ต้องบีบน้ำตา คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ”“พะ… พูดเรื่องอะไรคะ… อึก~”“เลิกทำตัวใสซื่อต่อหน้าฉันได้แล้ว”“อึก~”ฉันไม่เข้าใจว่าพี่ลีวายกำลังพูดเรื่องอะไรและในตอนนี้ร่างกายของฉันที่ไร้เสื้อผ้าปกคลุมก็ได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าเขาแล้ว“หึ!! ไม่คิดว่าพอแก้ผ้าแล้วผู้หญิงแบบเธอจะทำให้ฉันมีอารมณ์ได้”พี่ลีวายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายตาอำมหิตจ้องมองฉันที่ถูกมัดมือนอนตัวสั่นเทาพร้อมกับถอดกางเกงออกจากท่อนขา ฉันรีบหันหน
ฉันมองเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกพี่ลีวายกระชากจนขาดกองอยู่บนพื้น ไม่มีเสื้อผ้าใส่แบบนี้แล้วจะกลับได้ยังไงให้ออกไปทั้งแบบนี้ก็ไม่ได้“อ่าเจ็บจัง~” แค่ขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกเจ็บตรงนั้น มันคงฉีกขาดอย่างที่คิดจริง ๆ ถึงได้มีเลือดออกมา“อึก~” ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำยังไงต่อฉันทำได้เพียงร้องไห้สะอื้นอีกครั้งให้กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ของฉันดัง ก่อนจะเห็นว่าเป็นคุณท่านที่โทรมา ถึงไม่อยากรับสายแต่ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง เพราะฉันหายออกมาจากบ้านดื้อ ๆ“ฮัลโหลค่ะ” ฉันเช็ดน้ำตาออกจากแก้มแล้วทำเสียงให้ปกติที่สุดเพื่อไม่ให้คุณท่านสงสัย(ตอนนี้หนูอยู่ที่ไหน)“เอ่อคือ… หนูออกมาหาเพื่อนน่ะค่ะ… ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้แจ้งให้คุณท่านทราบก่อน”(ได้ยินแบบนี้ฉันก็โล่งใจ)คุณท่านวางสายไป ที่โทรมาถามเพราะท่านคงจะเป็นห่วงฉันจริง ๆ และฉันเองก็รู้สึกผิดที่ต้องโกหกแบบนั้นพรึบ!! ผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกโยนมากระแทกหน้าฉันอย่างแรง“คลุมตัวไว้ซะเห็นแล้วมันทุเรศตา”“…” ฉันมองหน้าพี่ลีวาย เขาทำเหมือนเมื่อกี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราเลย“เธอหยิบเสื้อผ้าในตู้ใส่ไปก่
วันต่อมาฉันตื่นมาด้วยอาการที่ปวดระบมไปทั้งตัวแค่นั้นไม่พอยังปวดหัวราวกับจะระเบิด คงเป็นเพราะตากฝนเมื่อวานอยากลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวไปมหาวิทยาลัยแต่ทำไม่ได้ ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแถมยังเจ็บที่ตรงกลางระหว่างขาเอามาก ๆสมองของฉันมันคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน อยากให้เป็นเพียงความฝันที่ความเจ็บปวดมันตอกย้ำว่าทุกอย่างได้เกิดขึ้นจริง ๆสำหรับฉันพี่ลีวายคือคนแรกสำหรับทุก ๆ อย่าง ถึงแม้ว่าเขาจะใจร้ายสักแค่ไหน… ฉันก็เกลียดเขาไม่ลงฉันพยายามหอบสังขารของตัวเองลุกขึ้นจากเตียงมาหายากิน โชคดีที่มียาอยู่ในห้องไม่ต้องเดินไปเอาที่บ้านใหญ่หลังจากกินยาแล้วฉันก็นอนพักเผื่อว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะดีขึ้น@วันต่อมาไม่คิดว่ากินยาไปแค่สองเม็ดจะทำให้ฉันหลับยาวขนาดนี้ ตื่นมาอีกทีก็เกือบจะเที่ยงแล้ว อาการปวดหัวปวดเนื้อตัวมันดีขึ้นมาแค่นิดหน่อยเองกริ่ง~ สายเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันควานมือหาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา“ฮัลโหลค่ะ”(วันนี้ไม่มาเรียนอีกแล้วเหรอครับ)“นั่นใครพูดเหรอคะ”(ผมแทนเองครับ เสียใจนะเนี่ยที่พี่มิลินจำผมไม่ได้)“อื้อโทษทีนะแทนพี่ไม่ทันมองเบอร์น่ะ”(ไม่สบายหรือเปล่าคร
หัวใจดวงน้อยของฉันมันเต้นรัว ๆ เมื่อได้ยินที่พี่ลีวายสั่งและได้มองแววตาของเขา“คิดจะเป็นเลขา… เธอต้องพร้อมรับอารมณ์ของฉันได้ทุกเวลาสิ”“พะ… พี่ลีวายทำแบบนั้น… กะ… กับเลขาทุกคนเลยเหรอคะ” ฉันกำมือแน่นขณะรอคำตอบ ทั้งที่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร“ก็… ไม่ทุกคน”สำหรับพี่ลีวายแล้วความสัมพันธ์บนเตียงชั่วข้ามคืนคงเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ และเขาไม่คิดจะผูกมัดกับใครทั้งนั้น… รวมถึงฉันด้วยเพราะฉะนั้นฉันก็ควรทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา“ปล่อยมิลินเถอะค่ะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า”“ใครจะกล้าเข้ามา”“ที่ไม่ยอมปล่อยเพราะพี่ลีวาย… อยากกอดมิลินไว้แบบนี้เหรอคะ” ฉันตั้งใจพูดเพื่อให้พี่ลีวายปล่อยมือและมันก็ได้ผล เขาผละตัวออกห่างราวกับรังเกียจ“ฉันไม่เคยมีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัว”พูดแล้วพี่ลีวายก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเดิม แถมเขายังจ้องฉันเขม็ง“ออกไป”“คุณท่านสั่งให้มิลินมาช่วยงานค่ะ”“ไม่มีงานอะไรที่เธอทำได้ ออกไปซะ!! เห็นหน้าแล้วทำให้หงุดหงิดฉิบ!!”“มิลินจะนั่งเงียบ ๆ ถ้ามีอะไรก็เรียกนะคะ” ฉันเดินมานั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของคุณท่านคงกลับไปตั้งนานแล้ว“แค่เห็นว่าเธออยู่ในห้องมัน
ถึงแม้ว่าฉันไม่อยากให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งแต่พี่ลีวายคงไม่ยอมฟัง ไม่เพียงแค่ต้องการย่ำยีร่างกาย แต่เขาได้ย่ำยีหัวใจของฉันด้วย “พะ… พี่ลีวายหยุดนะ” ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเมื่อกางเกงซับในพร้อมกางเกงในตัวจิ๋วหลุดติดมือพี่ลีวายออกไปด้วยต่อให้พูดอะไรคนตรงหน้าก็ไม่ยอมฟัง กระโปรงนักศึกษาถูกถกขึ้นมากองไว้บนท้องน้อยก่อนที่พี่ลีวายจะลุกขึ้นถอดเสื้อและกางเกงของตัวเองทิ้งลงพื้น“อย่าทำอีกเลยนะคะ…”“ปากบอกว่าไม่อยากทำ แต่พอฉันจับนิดจับหน่อยก็ครางออกมาซะเสียงดัง”“…”“คิดว่าไม่รู้หรือไง ว่าเธออยากจะมาให้ท่าฉัน”“ปะ… เปล่านะคะมิลินไม่ได้คิดแบบนั้น”“บอกแล้วไงว่าต่อหน้าฉันหยุดทำตัวใสซื่อ”“… มิลินจะกลับแล้ว”ฉันตั้งใจจะลุกขึ้นแต่ถูกแขนแกร่งผลักให้เอนหลังมาแนบติดกับโซฟา จากนั้นพี่ลีวายก็นั่งคุกเข่าตรงหน้าระหว่างกลางช่องขาของฉัน“ยะ... อยากให้กลับไม่ใช่เหรอคะ มะ... มิลินกำลังจะกลับนี่ไง” ฉันพูดแบบไม่มองหน้าเพราะอายจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว“สมองช้ารึไง!!”“…”“ตอนนี้ฉันไม่อยากให้เธอกลับแล้วน่ะสิ”พี่ลีวายจับขาทั้งสองของฉันชันเข่าขึ้น จากนั้นเขาก็ยืดตัวสูงใช้มือกำรูดแก่นกายก่อนจะเอามาจ่อตรงปากท