ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้พี่ลีวายคิดแบบนั้น ทั้งที่ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหา ถึงจะชอบแต่ก็รู้ตัวเองดีว่าไม่มีสิทธิ์และเขาไม่มีวันหันมาสนใจ
@มหาวิทยาลัย ฉันไม่มีเพื่อนที่สนิทมีแต่คนที่รู้จัก อาจเป็นเพราะปิดกั้นตัวเองและไม่กล้าเข้าสังคมทำให้ไม่มีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขา วันนี้อาจารย์ให้จับคู่ทำวิจัยคนอื่นๆ ก็ได้คู่กันหมดแล้วเหลือแค่ฉัน “มิลิน มาคู่กับเราไหม” เสียงของเพื่อนในห้องเอ่ยถามฉันที่นั่งเงียบ เขาชื่ออาต เรารู้จักกันแต่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร “อาตไม่คู่กับวินหรอ” “ไอ้วินมันมีคู่แล้ว” “อือ โอเค^_^” ฉันนึกว่าตัวเองจะไม่มีคู่แล้วซะอีกแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย “เราจะทำวิจัยเรื่องอะไรกันดี” ฉันกับอาตช่วยกันคิดอยู่นาน เมื่อคิดได้ก็แบ่งหน้าที่กัน การทำวิจัยใช้เวลานานเราไม่สามารถทำเสร็จภายในวันเดียวได้ เห็นว่าได้เวลาเลิกเรียนแล้วฉันจึงรีบขอตัวกลับก่อน ที่ต้องรีบก็เพราะวันนี้พี่ลีวายมารับ ไม่ใช่คนขับรถของที่บ้าน หากช้าไปแค่วินาทีเดียวเขาก็โกรธฉันเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว “มิลินๆ” เสียงของอาตตะโกนเรียกขณะที่ฉันกำลังเร่งฝีเท้าเดินไปที่รถ “ว่าไงอาต” “เธอลืมโทรศัพท์” “อุ้ย! ฉันนี่มันขี้ลืมจริงๆ เลย ขอบคุณนะ” ฉันรับโทรศัพท์มา ก่อนจะเห็นว่าหน้าจอโชว์เบอร์ของพี่ลีวายโทรมาอยู่หลายสาย หัวใจดวงน้อยๆ หล่นลงมาอยู่ที่ตาตุ่มทันที “เสียงโทรศัพท์ดังไม่ยอมหยุดเลย แฟนโทรตามหรอ” “เปล่าหรอก เรายังไม่มีแฟน” “จริงดิ? ไม่มีแฟนจริงๆ ใช่ไหม” ปี้นๆๆๆๆ!!! ยังไม่ทันอ้าปากตอบเสียงแตรรถก็ดังสนั่นขึ้นทำเอาฉันสะดุ้งโหย่ง “ไปก่อนนะอาต” พูดจบฉันก็รีบสาวเท้าเดินมาที่รถให้เร็วที่สุด ก่อนจะเปิดประตูเข้ามานั่งด้านใน ไม่กล้าแม้แต่จะหันมองคนที่นั่งข้างๆ “ทำไมไม่ให้มันไปส่ง เสียเวลาชิบหาย” “ขอโทษที่ทำให้รอนานค่ะ” รถหรูขับออกไปจากมหาวิทยาลัยด้วยความเร็ว แต่ทว่าไม่ได้ขับไปทางที่จะกลับบ้าน “พะ พี่ลีวายจะไปไหนหรอคะ” “หุบปาก! เสียงของเธอทำให้ฉันหงุดหงิด” “ถ้าอย่างนั้นจอดให้มิลินลงข้างหน้านั้นก็ได้ค่ะ ดะ เดี๋ยวมิลินเรียกแท็กซี่กลับเอง” ดวงตาคมหันมาจ้องเขม็งราวกับสิ่งที่ฉันพูดมันทำให้ไม่พอใจเอามากๆ “ถ้าพ่อไม่สั่งไว้ ฉันคงปล่อยเธอลงไปนานแล้ว ไม่ต้องมาอวดดี!!” “มิลินไม่ได้อวดดีนะคะ” “เงียบ!!” ฉันสะดุ้งเฮือกกับน้ำเสียงที่ตวาดบอก มันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจดวงน้อย ตั้งแต่เด็กพี่ลีวายไม่เคยพูดดีกับฉันเลย สักครั้งก็ไม่เคย รถเลี้ยวเข้ามายังโรงแรมหรู ซึ่งเป็นแค่โรงแรมบังหน้าเท่านั้น เพราะด้านในคือบ่อนคาสิโน จุดศูนย์รวมสิ่งผิดกฎหมาย ฉันรู้ว่าคุณท่านและพี่ลีวายทำธุรกิจสีเทา และคุณท่านก็เคยพามาที่นี่แต่ไม่บ่อยนัก ฉันไม่ชอบที่แบบนี้เอาซะเลย เมื่อจอดรถแล้วพี่ลีวายก็เปิดประตูเดินนำไปโดยไม่สนใจฉันที่อยู่ด้านหลัง จึงต้องรีบวิ่งตามเพราะกลัวจะไม่ทัน อีกอย่างคนที่นี่ก็น่ากลัวกันทั้งนั้น #ภายในห้องทำงาน กินเวลาไปหลายชั่วโมงที่พี่ลีวายนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะไม่ยอมลุกขึ้นไปไหน ส่วนฉันก็ได้แต่มองและแอบคิดในใจว่าจะมีสักครั้งไหมที่ผู้ชายคนนี้ใจดีกับฉันบ้าง แค่ครั้งเดียวก็ยังดี “มองอะไร?” เป็นเพราะฉันเผลอไปจ้องเขาอยู่นานทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวจึงถูกถามเสียงแข็ง “ปะ เปล่าค่ะ” จู่ๆ พี่ลีวายก็ลุกขึ้นมาจากโต๊ะทำงานแล้วเดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนโซฟา หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะแขนขาเกร็งไปหมด “ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่” “…….” ฉันรีบก้มหน้าหลบสายตาอำมหิตคู่นั้นทันที หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวมากกว่าเดิมเมื่อพี่ลีวายโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ “จะ จะทำอะไรคะ” หมับ!! ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาบีบปลายคางของฉันอย่างแรงเพื่อให้เงยหน้าขึ้น “อื้อ เจ็บนะคะ” “คิดว่าฉันจะทำอะไร?” “…….” พี่ลีวายกำลังทำให้ฉันกลัว เขาออกแรงบีบที่มือแรงขึ้นทำให้ฉันต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บและพยายามจะดึงมือหนาออก แต่ก็ไม่เป็นผล “จำเอาไว้ว่าฉันไม่มีวันพิศวาสผู้หญิงแบบเธอ” ฉันเห็นแต่ความเกลียดชังในสายตาคู่นั้น ไม่มีความหมายอื่นๆ แฝงอยู่เลยพี่ลีวายคงจะรับรู้ความรู้สึกภายในใจของฉันเขาถึงพูดแบบไม่แยแสแบบนั้น “มิลินรู้ค่ะว่าตัวเองไม่คู่ควร รู้ว่าตัวเองอยู่จุดไหน มันก็แค่ความรู้สึก…พี่ลีวายไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” ในเมื่อความรู้สึกที่มีถูกอีกฝ่ายรับรู้แล้วฉันก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป “ก็ดี…อย่าทำตัวเหมือนแม่ของเธอ”“แม่เกี่ยวอะไรด้วยคะ ท่านเสียไปแล้วทำไมยังเอาแต่กล่าวหาว่าแม่ผิด” ฉันเสียใจทุกครั้งที่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงแม่แบบนี้ เขาไม่ยอมเปิดใจรับฟังเลย ยังนึดติดกับความเชื่อบ้าๆ ของตัวเอง พี่ลีวายปล่อยมือออกจากใบหน้าของฉันก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน จากนั้นบรรยากาศภายในห้องก็กลับมาเงียบ ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ มันก็อยากร้องไห้ ฉันเกลียดความอ่อนแอของตัวเอง หวังว่าสักวันจะเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น “ห้ามร้องไห้ให้ฉันเห็น”“แม้แต่น้ำตาของมิลินพี่ลีวายก็รังเกียจหรอคะ” “ใช่ รู้แล้วก็ดี” ความรู้มันเจ็บปวดแต่ทำไมฉันถึงยังชอบคนใจร้ายแบบนี้อยู่อีก อยากจะหยุดความรู้สึกบ้าๆ แต่ก็ทำไม่ได้ ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาโดยที่คนด้านในยังไม่อนุญาต ผู้หญิงที่อยู่ในชุดเดรสเซ็กซี่ส่งยิ้มหวานให้พี่ลีวาย จากนั้นก็รีบเดินไปนั่งบนตั
#กลับมาที่บ้าน พอพี่ลีวายมาส่งฉันแล้วเขาก็กลับรถออกไปอีก ไม่รู้ว่าไปไหนเพราะตลอดทางเราไม่ได้คุยกันเลยสักคำ “ไอ้ลูกชายตัวดีของฉันมันไปไหนอีก” พอฉันเดินเข้ามาในบ้านคุณท่านก็ถามทันที “ไม่รู้ค่ะ” “ชอบทำให้ฉันปวดหัวอยู่เรื่อย!!”“พี่ลีวายเพิ่งกลับมาจากคาสิโน วันนี้หนูเห็นเขาตั้งใจทำงานมากเลยนะคะ” ฉันบอกเพื่อให้คุณท่านสบายใจ แต่สมองมันดันคิดถึงภาพบ้าๆ นั่น “เรียนเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดีค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ”ฉันรีบเดินหนีคุณท่านมาที่เรือนเล็ก ฉันกับแม่อาศัยอยู่ที่เรือนเล็ก เป็นชื่อเรียกที่พักของคนรับใช้ จะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่ถูกสร้างแยกออกมาจากตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ คุณท่านเคยบอกให้ฉันย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในคฤหาสน์แต่ฉันไม่สามารถทำตามประสงค์ได้ ถึงแม้จะรู้ดีว่าคุณท่านเอ็นดูตัวเองขนาดไหน เหตุผลก็เพราะไม่อยากถูกพี่ลีวายเข้าใจผิด แค่นี้เขาก็มองฉันไม่ดีแล้ว หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ตั้งแต่วันนั้นพี่ลีวายไม่กลับบ้านเลยทำให้คุณท่านร้อนใจมาก จึงให้มาตามที่คอนโดเพราะวันนี้ฉันไม่มีเรียน พี่ลีวายเป็นแบบนี้บ่อยเขาไม่ชอบกลับบ้าน อาจเป็นเพราะไม่อยากเจอหน้าฉัน นั่งรถมาไม่นานก็มาถึงที่คอนโดหรูที่พี่ลีวายพักอยู่
พี่ลีวายกำลังกล่าวหาว่าฉันตั้งใจมานอนอยู่บนเตียง ทั้งที่ความจริงเขาเป็นคนดึงฉันลงมานอนด้วย “มิลินเปล่านะคะ” “มองหน้าเธอฉันก็รู้แล้วว่าคิดอะไร”“……..” ฉันไม่รู้จะพูดยังไงให้พี่ลีวายเข้าใจ เพราะต่อให้พูดไปพี่ลีวายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี “อย่าพยายาม เพราะฉันไม่มีวันลดตัวไปทำเรื่องต่ำๆ แบบนั้นกับลูกคนรับใช้อย่างเธอ”“เกินไปแล้วนะคะ” ฉันโกรธกับคำพูดที่ไม่สนใจว่าอีกคนจะรู้สึกยังไง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้“อ่า! หรือจะเรียกว่าลูกเมียน้อยดี” น้ำตามันเอ่อล้นเต็มสองข้าง ฉันใช้แรงทั้งหมดที่มีดันตัวเองออกแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียง “ทำไมต้องพูดขนาดนี้ด้วย อึก~” ฉันเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ไม่อยากจะร้องไห้แต่มันกลั้นเอาไว้ไม่ได้ “ใช้ใครให้เธอมาวุ่นวายกับฉัน” “คุณท่าน อึก~ สั่งให้มา” บอกไปตั้งหลายครั้งแล้วแต่เหมือนพี่ลีวายอยากจะใช้คำพูดแรงๆ เพื่อเล่นกับความรู้สึกฉันมากกว่า“ออกไปฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ” “อึก~” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะวิ่งออกมาจากห้อง ความใจร้ายของพี่ลีวายมันเริ่มมากขึ้นทุกวันๆ จนฉันไม่สามารถอดทนกับคำพูดเหล่านั้นได้ บางทีฉันเองก็อยากออกไปอยู่คอนโดจะได้ไม่เจอกับเขาอีกและไม่ถูกคุณท่านสั่งให้มา
พี่ลีวายผลักแผ่นหลังของฉันอัดติดกับพนังห้องอย่างแรง แล้วใช้มือบีบแก้ม “ไปบอกพ่อซะว่าเธอไม่อยากมาเรียนรู้งานกับฉัน” “พะ พูดกันดีๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องรุนแรงเลยค่ะ” “ใครจะไปอยากพูดดีกับเธอ” สายคาคู่นั้นยังคงมองฉันอย่างรังเกียจ ทำให้หัวใจดวงน้องรู้สึกเจ็บปวดเอามากๆ “มิลินเข้าใจแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ” ฉันหลบสายตาแล้วตอบเสียงเบา พี่ลีวายจึงยอมปล่อยมือที่บีบแก้มออก “ออกไป”“ดึงมิลินเข้ามาในห้องเพราะจะพูดเรื่องแค่นี้เองหรอคะ” “เธอคาดหวังอะไร?” หัวคิ้วหนาขนาดชนกันก่อนที่พี่ลีวายจะโน้มลงมาใกล้ๆ แล้วพูดต่อ “ผู้หญิงอย่างเธอ…ต่อให้แก้ผ้าต่อหน้าฉันก็ไม่มีอารมณ์” “……..” ฉันกำมือแน่นกับคำพูดที่แสนจะดูถูก พอได้ยินแล้วมันอยากจะถอดเสื้อผ้าออกให้หมด เพื่อดูว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่มีความกล้าขนาดนั้น ทำได้แค่ยืนฟังให้พี่ลีวายพูดดูถูก ฉันรีบเปิดประตูออกมาจากห้องก่อนที่พี่ลีวายจะใช้คำพูดทำร้ายจิตใจไปมากกว่านี้ “อึก~คนใจร้าย” ฉันแอบมาร้องไห้อยู่ในห้องของตัวเองพลางพูดถึงพี่ลีวาย คนที่ชอบใช้คำพูดทำร้ายความรู้สึกคนอื่น ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากจะหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ปัญหามันจะได้จบสัก
@คฤหาสน์หลังใหญ่ กลับมาถึงฉันก็คิดทบทวนคำพูดของเพื่อนๆ อยู่นาน ว่าตัวเองไม่รู้จักรุ่นน้องเลยสักคนเพราะไม่ค่อยเข้าสังคมกับเพื่อนๆ บางทีฉันก็ควรไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นดูบ้าง ชีวิตวัยรุ่นจะได้ไม่หดหู่อยู่แบบนี้ “คุณท่านคะ” “อืมว่ายังไง”“วันนี้หนูขอไปปาร์ตี้กับเพื่อนได้ไหมคะ” ฉันพูดออกไปด้วยความรู้สึกประหม่า เพราะนี่คือครั้งแรกที่ขออะไรแบบนี้ คุณท่านยิ้มให้ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันเบาๆ “ฉันดีใจที่หนูอยากไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ” “คะ…” ฉันขมวดคิ้วแปลกใจที่ได้ยินคุณท่านบอกแบบนั้น คิดว่าจะโดนดุซะอีก“ฉันอยากให้หนูได้ใช้ชีวิตอย่างที่วัยรุ่นคนอื่นๆ ทำกัน ไม่ต้องมาอุดอู้ดูแลคนแก่แบบฉัน”“หนูเต็มใจดูแลคุณท่านค่ะ คุณท่านมีพระคุณกับหนูมาก”“เธอนิสัยเหมือนแม่ไม่มีผิด” ฉันแปลกใจเล็กน้อยกับคำพูดของคุณท่านแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร สายตาที่อบอุ่นคู่นั้นทำให้เวลาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจเอามากๆ “เอานี่ไปสิ” คุณท่านยื่นบัตรเครดิตสีดำเคลือบทองมาให้ ฉันรีบปฏิเสธทันที “ไม่เอาค่ะ” “อย่าปฏิเสธของที่ผู้ใหญ่ให้สิ” “คือหนู…..”“ฉันควรดูแลหนูให้ดีที่สุด….เพื่อชดใช้ความผิดที่ตัวเองเคยทำ”“วะ…ว่ายังไงนะคะ” ฉั
พี่ลีวายขมวดคิ้วมอง เขาทำเหมือนไม่รู้จักฉันเลย ต่างจากที่คิดเอาไว้มาก “มิลินหรอ” เสียงพี่คาแลนถาม ฉันจึงพยักหน้าตอบ “ค่ะ” “มาเที่ยวคลับเป็นด้วย?” พี่คัลเลนพูดแทรก “พอดีเพื่อนๆ นัดมาปาร์ตี้น่ะค่ะ มิลินเลยมาด้วย”“อ่า! แบบนี้นี่เอง”“ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันพูดอย่างประหม่า พยายามหลบสายตาพี่ลีวายที่เอาแต่จ้องไม่พูดไม่จา “รู้จักหรอครับ” แทนกระซิบถามฉัน “อื้อ” พี่ลีวายไม่ยอมหลบทางให้ฉันจึงเดินลงไปไม่ได้ เขาเอาแต่ยืนนิ่งๆ มองหน้าแทนกับฉันสลับกัน “พี่ลีวายคะ….” พอฉันเรียกพี่ลีวายก็พูดแทรก “มากับเพื่อนผู้ชาย? อ่า ที่เห็นตอนเย็นนัดกันมาที่นี่เองสินะ”“เปล่าครับผมเป็นรุ่นน้อง” “แทนเป็นน้องรหัสของมิลิน”“บอกทำไม ใครอยากรู้” พี่ลีวายตอบหน้านิ่ง เห็นเขาถามฉันก็คิดว่าอยากรู้ซะอีก “ขอทางหน่อยค่ะ” ฉันพูดย้ำแต่พี่ลีวายก็ยังไม่ยอมถอยให้ “ไอ้ลีวาย มึงก็หลบน้องหน่อย” พี่คัลเลนช่วยพูดอีกแรงพี่ลีวายจึงยอมหลบทางให้แต่ก็ยังมองแทนไม่ยอมลดละ ฉันรีบพาแทนกลับมาที่โต๊ะตั้งใจจะขอตัวกลับก่อนแต่แนนคว้ามือมาคล้องคอฉันไว้แน่น “แนน ฉันกลับก่อนนะ”“อืออีกแป๊บนึงสิ” ฉันไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจึงยอมนั่งต่อ ก่อนจะเหลือบ
Talk ลีวายผมมองหน้าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะคำขู่ของพ่อผมคงไม่มีทางสนใจผู้หญิงคนนี้แน่ ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยชอบหน้าเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจผมเอามากๆ “ไอ้โรคจิต” เลือดมันขึ้นหน้าเมื่อได้ยินคำนั้นที่เธอพูด เมาแล้วไม่เจียมตัว ถ้าผมปล่อยให้ไอ้นั่นมาส่งคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว พ่อน่าจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ดูจากสภาพเธอตอนนี้ มันดูได้ที่ไหน ผมยัดตัวเธอเข้ามาในรถก่อนจะเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ ทันทีที่เข้ามาด้านในก็ถูกกระชากคอเสื้ออย่างแรง “ทำบ้าอะไรของเธอห๊ะ!!” ผมปัดมือเล็กออกอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะเมาเธอคงได้เดินกลับไปแล้ว อ่า! ไม่สิ อย่างเธอคงมีผู้ชายต่อคิวรอไปส่งที่บ้าน ไม่รู้ว่าผู้ชายพวกนั้นทำไมถึงได้ตาต่ำขนาดนี้ “เสียใจ อึก~” เสียงเล็กๆ เอ่ยปนสะอื่น แต่ผมไม่ได้หันไปสนใจ “พี่ลีวาย” “โคนนใจร้าย”“พี่ลีวายใจร้ายที่สูดดดด” ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหัวเสีย ก่อนจะตวาดเสียงดัง “หยุดพร่ามสักที โครตน่ารำคาญ!!” ทั้งที่พ่อรู้ดีว่าผมไม่ชอบหน้าเธอก็ยังจะให้มาคอยเฝ้า ไม่รู้ห่วงอะไรนักหนา โตจนมีผัวไปไม่รู่กี่คนแล้ว ภายนอกเธอแค่ทำตัวใสซ
ฉันกัดริมฝีปากแน่นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกพี่ลีวายท้วงแบบนี้ พลางคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนว่าตัวเองกลับมาที่บ้านได้ยังไง“เมื่อคืน… พะ... พี่ลีวายมาส่งมิลินเหรอคะ”“ใช่ ฉันมาส่งเธอถึงในห้อง”“…” นะ... ในห้องเลยเหรอฉันกำมือแน่นอย่างเป็นกังวลเพราะกลัวว่าพี่ลีวายจะเห็นอัลบั้มภาพที่ฉันแอบถ่ายเขาไว้นับร้อยรูป ไหนจะเรื่องจูบอีก“อยากรู้ไหมว่าเธอทำอะไรกับฉันบ้าง”“มะ... ไม่อยากรู้ค่ะ” ฉันพยายามจะเดินเลี่ยงแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งแขนเอาไว้“เธอจูบฉัน” แปลว่าเมื่อคืนไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอใบหน้าของฉันเริ่มแดงก่ำเมื่อคิดว่าตัวเองได้จูบกับพี่ลีวาย มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่กล้าฝันแต่มันเกิดขึ้นแล้ว ถึงจะตอนเมาก็เถอะ“ยิ้มอะไรของเธอ”เมื่อได้ยินคำนั้นหัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ฉันพยายามถามตัวเองอย่างไม่เชื่อว่าทำเรื่องแบบนั้นลงไปจริง ๆ“มะ… มิลินเมา…”“ใช่เธอเมา รู้ไหมว่ามันน่ารังเกียจขนาดไหน”จึก!! ราวกับโลกทั้งใบมันหยุดหมุน คำพูดของพี่ลีวายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมาจ้วงแทงกลางอกซ้ำ ๆ“ขอโทษที่มิลินทำตัวน่ารังเกียจกับพี่ลีวายนะคะ” ฉันก้มหน้าบอกแล้วสะบัดมือออกอย่างแรง“รู้ตัวก็ดี”เขา
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ