แชร์

บทที่ 3

“ไอ้ระยำ ปล่อยฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแก!”

ฉินโม่หนงยังดุด่าไม่ทันเสร็จดี ก็ถูกหลินหยางยกมือขึ้นตบหน้าฉาดหนึ่ง

การตบหน้าฉาดนี้ ทำให้ฉินโม่หนงงุนงงไปแล้ว!

เธอคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่า หลินหยางที่อ่อนแอขี้ขลาด จะกล้าลงมือทำร้ายเธอ!

“ไอ้เดรัจฉาน แกรนหาที่ตาย!”

ตอนนี้ฉินโม่หนงมีสถานะระดับไหน จะทนการตบหน้าที่เป็นการดูถูกของหลินหยางได้อย่างไร จึงระเบิดอารมณ์ทันที

เธอพยายามออกแรงดิ้นรน คิดไม่ถึงว่าภายในเวลาชั่วพริบตาหลินหยางกลายเป็นคนหยาบคายแบบนี้ พละกำลังก็มากด้วย

ความพยายามของเธอ ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!

สองปีมานี้ หลินหยางถูกพวกเธอสองแม่ลูกคุมขังและปฏิบัติอย่างโหดร้าย ไม่มีแรงต่อต้านเลยแม้แต่น้อย ราวกับเนื้อปลาที่อยู่บนเขียง

แต่ในเวลานี้ บทบาทสับเปลี่ยนกัน ฉินโม่หนงได้กลายเป็นเนื้อปลาที่อยู่บนเขียงของหลินหยางไปแล้ว

เพี้ยะ!

หลินหยางตบหน้าฉินโม่หนงอีกฉาดหนึ่ง

“ฉินโม่หนง ดูท่าแกยังจะไม่เข้าใจชัดเจนนะ ตอนนี้ชีวิตของแกอยู่ในกำมือฉันแล้ว ฉันสามารถฆ่าแกได้ทุกเมื่อ แกยังกล้าข่มขู่ฉันอีกเหรอ? ทางที่ดีแกรีบสำรวมท่าทางเย่อหยิ่งอวดดีนั้นของแกไปซะ”

หลินหยางบีบลำคอขาวสะอาดของฉินโม่หนง การตบหน้าสองฉาดนี้ ระบายความโกรธได้ดีมาก!

แต่ แค่นี้ยังไม่พอ!

แม้แต่ดอกเบี้ยก็ยังไม่พอ!

“แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”

ฉินโม่หนงปวดแสบปวดร้อนที่ใบหน้า ในที่สุดตอนนี้เธอก็ตระหนักได้ว่าหลินหยางที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เธอมองเห็นความอาฆาตแค้นจากนัยน์ตาของหลินหยาง!

“แน่นอนว่าต้องเอาคืนแกกับฉินเยียนหรานนะซิ” หลินหยางแค่นหัวเราะ เริ่มปฏิบัติการแผนการแก้แค้นของตนเองแล้ว

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ร่างกายของฉินโม่หนงเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ จ้องมองหลินหยางด้วยสายตาเคียดแค้น แทบอยากจะสับหลินหยางออกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!

เพียงแต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ร่างกายของเธอไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ไม่อย่างนั้นคงจะไปหยิบมีดมาสับหลินหยางเดี๋ยวนี้

หลินหยางในเวลานี้ได้สงบสติอารมณ์ลงแล้วเช่นกัน เพลิงโทสะภายในใจก็หายไปชั่วขณะ แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ทำเรื่องนี้

วิธีนี้เป็นวิธีการแก้แค้นฉินโม่หนงกับฉินเยียนหรานที่ถึงอกถึงใจที่สุดอย่างแน่นอน

“ฉินโม่หนง แกเคยคิดบ้างไหมว่า จะต้องมีวันนี้? บัญชีระหว่างแกกับฉัน วันนี้ถือว่าเป็นการคิดดอกเบี้ยก่อน อนาคตยังอีกยาวไกล พวกเราค่อย ๆ ชำระสะสาง”

“อีกอย่างฉันให้เวลาแกหนึ่งสัปดาห์ ส่งมอบซิงเย่า กรุ๊ปมา มันไม่ใช่ของแก ฉันจะต้องเอากลับคืนมาให้ได้! แล้วก็ถ้าฉันสืบเจอว่า การตายของพ่อกับแม่ฉันเกี่ยวข้องกับแก ฉันจะฆ่าแกทิ้งทันที!”

“ไอ้เดรัจฉาน คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าข่มขู่ฉัน? คิดจะแย่งทรัพย์สินของครอบครัวกลับไปอีก? ฉันจะทำให้แกมีชีวิตรอดไปไม่ถึงวันพรุ่งนี้!”

ฉินโม่หนงโมโหจัด!

“งั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองดูซิ ว่าจะมีปัญญาฆ่าฉันได้ไหม!”

หลินหยางยิ้มอย่างเย็นชา แล้วเดินจากไป!

ฉินโม่หนงที่โมโหจัด พบว่าบนร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเป็นจ้ำ ๆ รู้สึกปวดแสบปวดร้อน

ซี้ด!

ทันทีที่ขยับร่างกาย ก็รู้สึกเจ็บจนต้องสูดลมหายใจเข้าอย่างหวาดกลัวทันที!

เกือบยี่สิบปีแล้ว ยังไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอ หลินหยางแกสมควรตาย!

“หลินหยาง แกไอ้ชาติชั่ว! เห็นแก่มิตรภาพเก่า เดิมทีฉันจะไว้ชีวิตแกสักครั้ง แต่วันนี้แกรนหาที่ตายเอง ฉันจะให้แกสมความปรารถนา!

นัยน์ตาฉินโม่หนงเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นรุนแรง

ฉินโม่หนงโทรหาฉินเยียนหรานเพื่อบอกกล่าวเป็นอันดับแรกว่า หลินหยางยังไม่ตาย

“ไอ้บอดชาติชั่วนี่ เป็นคนชั่วที่ดวงแข็งจริง ๆ ขนาดนี้ยังไม่ตาย!”

ฉินเยียนหรานด่าทอในสายโทรศัพท์

“เยียนหราน แม่รู้สึกเหมือนกับว่ามันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว!”

ฉินโม่หนงคิดอยู่หลายตลบก็ยังไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตามสองปีมานี้ หลินหยางใช้ชีวิตอยู่ที่ตระกูลฉินยังเทียบไม่ได้แม้กระทั่งหมา ทำไมเพียงเวลาแค่คืนเดียวถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้กันนะ?

“จะมีอะไรไม่เหมือนเดิมขนาดไหนกันเชียว? ต่อให้มันเปลี่ยนไปขนาดไหน ก็ยังคงเป็นไอ้สวะตาบอดเหมือนเดิมอยู่ดี”

ฉินเยียนหรานพูดอย่างเหยียดหยาม

ฉินโม่หนงเองก็ไม่สามารถเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับหลินหยางได้ตรง ๆ เรื่องนี้จะให้ฉินเยียนหรานรู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

“ตอนนี้มันเหมือนกับหมาบ้าที่กำลังคลั่งตัวหนึ่ง จะทำเรื่องอะไรออกมาก็ได้ แกต้องระวังตัวหน่อย มันอาจจะมาเอาคืนแกก็ได้!”

ฉินโม่หนงเป็นกังวลจริง ๆว่าหลังจากที่หลินหยางแก้แค้นเธอเสร็จแล้ว จะไปลงมือกับฉินเยียนหรานอีก

ฉินเยียนหรานได้ยินดังนั้น ก็ส่งเสียงหัวเราะพรวดออกมาทันที

“แม่คะ...แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? มันกล้าลงมือแก้แค้นหนู? ต่อให้มันกล้า หนูจะต้องกลัวมันด้วยหรือคะ? หนูสามารถฆ่ามันตายได้อย่างง่ายดาย!”

ฉินเยียนหรานหัวเราะเยาะ

“มันกลับมาแล้วใช่ไหมคะ? หนูจะรีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ดูว่าหนูจะจัดการกับมันยังไง!”

“ห้ามกลับมาเด็ดขาด! แม่จะส่งคนไปจัดการมัน แกรออยู่ที่โรงเรียนดี ๆ”

ฉินโม่หนงไม่อยากให้ลูกสาวกลับบ้านมาเห็นสภาพที่น่าอนาถของตัวเองในตอนนี้

ถ้าหากให้ฉินเยียนหรานรู้เรื่องนี้เข้า ฉินโม่หนงยากที่จะจินตนาการ ว่าเธอจะโมโหจนบ้าคลั่งไปตรงนั้นเลยหรือไม่!

หลังจากวางสายโทรศัพท์ของฉินเยียนหราน ฉินโม่หนงโทรศัพท์หาแม่บ้านอีก

“หลินหยางยังไม่ตาย ตอนนี้แกไปตามหามันให้เจอ แล้วฆ่ามันทิ้งซะ แล้วหิ้วหัวของมันกลับมาหาฉัน เรื่องก่อนหน้านี้ ฉันจะไม่เอาความ!”

หวังฮุ่ยหรงกล่าว “คุณนาย ไม่ใช่ว่าคุณไม่อยากให้เขาตายมาโดยตลอดไม่ใช่หรือคะ?”

เมื่อคืนนี้หวังฮุ่ยหรงโยนหลินหยางลงไปในแม่น้ำ หลังจากฉินโม่หนงกลับมาก็โมโหจัด กล่าวตำหนิฉินเยียนหรานอย่างรุนแรง พร้อมทั้งไล่แม่บ้านผู้จงรักภักดี ติดตามเธอมานานหลายปีออกจากบ้านด้วย

ที่ฉินโม่หนงโมโห ก็เป็นเพราะว่าเธอไม่อนุญาตให้ใครก็ตามฝ่าฝืนคำสั่งของเธอ

หวังฮุ่ยหรงทำได้เพียงปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของเธอเท่านั้น ห้ามฟังคำสั่งของฉินเยียนหราน นี่เป็นอำนาจเด็ดขาดของเธอ

“ฉันต้องการให้มันตายเดี๋ยวนี้!”

ฉินโม่หนงกล่าวเสียงเย็นชา

“รับทราบค่ะ!”

หวังฮุ่ยหรงกล่าว

หลินหยางออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉินแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังสุสานเทียนหม่าซาน

เป็นเวลาสองปีแล้ว ที่เขาถูกสองแม่ลูกตระกูลฉินควบคุมมาตลอด ไม่เคยได้ไปเซ่นไหว้บิดามารดา

สุสานเทียนหม่าซานเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดของเมืองลั่ว คนที่สามารถมาฝังศพที่นี่ได้ จะต้องเป็นคนรวยและมีตำแหน่งสูงส่ง

ตอนนั้นฉินโม่หนงเป็นคนเลือกหลุมฝังศพเอง

หลินหยางมาถึงด้านหน้าสุสาน คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นดอกไม้สดและของเซ่นไหว้จัดวางอยู่ น่าจะเป็นเพราะว่าวันนี้มีคนมาเซ่นไหว้

“เป็นใครที่มาเซ่นไหว้พ่อกับแม่ของผม?”

หลินหยางไม่มีญาติอะไรอยู่ที่เมืองลั่ว คนที่ความสัมพันธ์ดีที่สุดก็เป็นสองแม่ลูกตระกูลฉิน รวมทั้งตระกูลหลิ่วที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเขา

เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่สองแม่ลูกตระกูลฉินจะมากลาดสุสาน ตระกูลหลิ่วก็น่าจะเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

หลิ่วเฉิงจื้อเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับหลินฮ่าวเซวียนบิดาของเขา ตอนนั้นทั้งสองคนก่อตั้งกิจการพร้อมกัน หลิ่วเฉิงจื้อล้มเหลวหลายครั้ง ติดหนี้อยู่หลายสิบล้าน

แต่บริษัทของหลินฮ่าวเซวียนกลับเป็นที่ฮวงจุ้ยดี ยิ่งทำก็ยิ่งใหญ่โต

ต่อมาหลินฮ่าวเซวียนได้ช่วยหลิ่วเฉิงจื้อใช้หนี้ ทั้งยังออกเงินทุนช่วยเขาก่อตั้งกิจการใหม่ พยายามประคับประคองอย่างสุดความสามารถ ถึงได้ทำให้หลิ่วเฉิงจื้อค่อย ๆ บริหารให้บริษัทเติบโตขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นทีละก้าว

หลิ่วเฉิงจื้อเป็นฝ่ายเสนอเรื่องการแต่งงานเกี่ยวดองกันของทั้งสองตระกูล เลือกให้หลิ่วฟู่อวี่ลูกสาวของเขาหมั้นหมายกับหลินหยาง กำหนดให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันตั้งแต่เด็ก

ต่อมาหลินฮ่าวเซวียนสองสามีภรรยาเกิดเรื่อง ตระกูลหลินตกอับ หลิ่วเฉิงจื้อแตกคอไม่ยอมรับ หลังจากงานศพผ่านไปได้ไม่นานก็เอ่ยปากยกเลิกการหมั้นหมายทันที ไม่มีความเกี่ยวพันกับตระกูลหลินตั้งแต่นั้น

หลิ่วเฉิงจื้อในตอนนี้ เป็นผู้ประกอบการผู้มีชื่อเสียงแห่งเมืองลั่ว เป็นตระกูลใหญ่และมีกิจารใหญ่โต

“พ่อครับ แม่ครับ ลูกทำผิดต่อพวกท่าน สองปีมานี้ไม่ได้มาเยี่ยมพวกท่านเลยสักครั้ง”

หลินหยางคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่ได้

“ผมขอสาบาน ผมจะต้องสืบหาอุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนนั้นให้ชัดเจน ถ้าหากมีคนจงใจทำร้ายพวกท่าน ผมจะต้องแก้แค้นแทนพวกท่านแน่นอนครับ”

“ตระกูลฉินกับตระกูลหลิ่วจิตใจโหดเหี้ยม เนรคุณ ผมจะไม่มีทางปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!”

“น่าขำ ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำจริง ๆ เพียงแค่สองตระกูลนี้กระดิกนิ้วสบาย ๆ ก็สามารถจัดการเธอให้ตายได้แล้ว”

มีเสียงเย้ยหยันเสียงหนึ่งดังลอยมาจากทางด้านหลัง

หลินหยางเช็ดน้ำตา หันหลังกลับไปก็มองเห็นอีกฝ่ายที่มากันสามคน เป็นผู้ชายอายุประมาณหกสิบปีคนหนึ่ง ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง รวมทั้งเด็กสาววัยรุ่นหน้าตาสะสวย อุปนิสัยโดดเด่นคนหนึ่ง

“คุณเป็นใคร?”

“ฉันเป็นใคร นายไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ถ้าฉันจำไม่ผิดละก็ นายน่าจะเป็นลูกชายบุญธรรมของฉินโม่หนงใช่ไหม?”

มู่หรงหว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างเหยียดหยาม

หลินหยางขมวดหว่างคิ้วกล่าว “เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!”

“ไม่ชอบคนไร้ความสามารถแบบนาย ที่ทำได้แค่พูดจาขี้โม้ต่อหน้าคนตายเท่านั้น” มู่หรงหว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างหยิ่งผยอง

“หว่านเอ๋อร์! พูดให้มันน้อย ๆหน่อย”

มู่หรงจางห้ามปรามลูกสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นหันมาพูดกับหลินหยาง “ขออภัยด้วย ยัยเด็กคนนี้ปกติค่อนข้างหยิ่งผยอง พูดจาเสียมารยาท พ่อหนุ่มได้โปรดให้อภัยด้วย”

หลินหยางมองมู่หรงจางแวบหนึ่ง มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างกายของเขาคนนั้น สายตาเฉียบแหลม หายใจยาว บริเวณขมับนูนขึ้นเล็กน้อย จะต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status