มู่หรงจางมีลูกชายหนึ่ง ลูกสาวสอง มู่หรงเจ๋อผู้เป็นลูกชายไม่ชอบด้านธุรกิจแต่เลือกไปรับราชการ หนทางราบรื่นตลอดเส้นทาง ยามนี้ได้ย้ายไปรับตำแหน่งที่มณฑลหนานตูแล้วลูกสาวคนที่สองมู่หรงยิ่น เป็นราชินีแห่งวงการธุรกิจ ควบคุมดูแลกลุ่มกิจการติ่งเซิ่งที่มู่หรงจางเป็นผู้ก่อตั้ง ในเวลาไม่กี่ปี ก็ทำให้ธุรกิจในเครือของติ่งเซิ่งกรุ๊ปขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว กลายเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจของเมืองลั่วดังนั้นมู่หรงจางจึงได้เกษียณก่อนกำหนด มอบติ่งเซิ่งกรุ๊ปทั้งหมดให้มู่หรงยิ่นเป็นผู้ดูแลลูกสาวคนที่สามมู่หรงหว่านเอ๋อร์อายุน้อยที่สุด นิสัยโลดโผนมีชีวิตชีวา ชอบการต่อสู้ กราบเจียงไห่เซิง หนึ่งในสี่ปรมาจารย์ของเมืองลั่วเป็นอาจารย์นั่งอยู่ในรถของมู่หรงยิ่น กลิ่นหอมเย้ายวนใจคนหัวใจของหลินหยางเต้นแรงอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าอย่างไร ในยามนี้ผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาคือมู่หรงยิ่นที่สูงส่งจนไม่อาจเอื้อมนี่นา!“หมอเทวดาหลิน ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณอย่างมาก คุณอายุยังน้อยถึงเพียงนี้ ก็มีทักษะการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์และฝีมือที่สูงล้ำเหนือผู้คนเช่นนี้ ความสำเร็จในอนาคตย่อมไม่อาจคาดเดาอย่างแน่นอนมู่หรงยิ่นเป็นฝ่ายเริ่มส
หลินหยางก็ไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องส่วนตัวในเรื่องนี้ต่อคนนอกมากเกินไปเช่นกัน กลับเป็นมู่หรงยิ่นที่แสดงจุดยืนของตนเองต่อว่า“ด้วยความสามารถในตอนนี้ของคุณ การจัดการกับฉินโม่หนงนั้นง่ายมาก ฉันก็เต็มใจที่จะออกเรี่ยวแรงอันน้อยนิดเช่นกัน” “ผมไม่รีบ ค่อยๆ เล่นเป็นเพื่อนหล่อนถึงจะสนุก” มุมปากของหลินหยางปรากฏรอยยิ้มอารมณ์ดีขึ้นมามู่หรงยิ่นแอบถอนใจว่า “ฉินโม่หนง คุณกับฉันได้รับการขนานนามด้วยกัน หากพูดถึงความสามารถและรูปโฉมแล้ว ฉันไม่แน่ว่าจะเอาชนะคุณได้” “แต่ท้ายที่สุดคุณก็ยังคงสู้ฉันไม่ได้ ต้องพ่ายแพ้ให้ฉัน! คุณพลาดหลินหยางที่เป็นขุมสมบัติอันมหาศาลนี้ไป ส่วนฉันกลับสามารถสานสัมพันธ์กับเขาได้ ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงฐานะที่คุณเป็นแม่บุญธรรมของเขา เกรงว่าในอนาคตตระกูลมู่หรงก็ต้องถูกคุณเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้ว”หนึ่งปีมานี้ ฉินโม่หนงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก มีวี่แววรางๆ ว่าจะเอาชนะมู่หรงยิ่นได้ในวงสังคมเมืองลั่วมีเสียงกล่าวว่า แม้มู่หรงยิ่นจะงดงาม ทว่าเมื่อเปรียบกับฉินโม่หนงแล้วกับขาดเสน่ห์และรสชาติของผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงได้ด้อยกว่าอยู่เล็กน้อยนอกจากนี้มู่หรงยิ่นมีชาติกำเนิด
สีหน้าของหลินหยางไม่เปลี่ยนแปลง เฝิงอวี้เจียวกับพนักงานคนอื่นในร้านกลับปากอ้าตาค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงความงามและบุคลิกรัศมีของมู่หรงยิ่น เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงพวกนี้เห็นแล้วเกิดความอิจฉาน่ะผู้หญิงที่งามล่มเมืองแบบนี้ ทำไมถึงไปชอบผีพนันคนหนึ่งได้ นี่มิใช่ดอกไม้งามดอกหนึ่งถูกหมูกินหรอกหรือ?“ต่อให้เขาเป็นแฟนของคุณแล้วอย่างไร? ร้านของพวกเราไม่ต้อนรับคนติดยาและผีพนัน”เฝิงอวี้เจียวแค่นอย่างเสียงไม่พอใจ“ฉันก็ว่าผีพนันแบบเขาทำไมถึงได้กล้ามาซื้อเสื้อผ้าในร้านของพวกเรา ที่แท้เป็นเพราะไปเกาะเศรษฐินีได้ กลายเป็นพวกหนุ่มหน้าขาวที่ถูกคนเลี้ยงดู” เฝิงอวี้เจียวพูดอย่าประชดประชันด้วยจิตใจคับแคบ“คุณคนสวย ฉันขอเตือนคุณด้วยความหวังดีสักหน่อย เช็ดตาให้สะอาดดูให้ดีๆ ต่อให้จะเลี้ยงดูหนุ่มหน้าขาวก็อย่าดูแต่หน้า ระวังถูกหลอกเอานะคะ” “ช่างพูดมาน่ารำคาญเหลือเกิน ร้านกุชชี่มีพนักงานแบบเธอได้ยังไง ยังเป็นถึงผู้จัดการร้านอีก” มู่หรงยิ่นขมวดคิ้ว“เฮ้อ เจอสุนัขที่ไม่รู้จักความหวังดีของคนแว้งกัด ฉันเป็นผู้จัดการร้านแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณทำอะไรได้หรือ? ฉันก็จงใจไม่ขายให้พวกคุณ คุณจะทำอะไร
หลิ่วฟู่อวี่ก็เป็นคนที่ไม่พูดมากแต่โหดเหี้ยมเช่นกัน ภายใต้ความโมโหอย่างรุนแรง ก็เงื้อมือขึ้นคิดจะตบหน้ามู่หรงยิ่นมู่หรงยิ่นไม่ใช่คนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ จึงไม่มีการระวังตัวแม้แต่น้อยแต่หลินหยางที่ยืนอยู่ข้างกายของเธอจะมองอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร เขาจับข้อมือของหลิ่วฟู่อวี่ไว้มู่หรงยิ่นคิดไม่ถึงว่าหลิ่วฟู่อวี่จะใช้กำลังเอาแต่ใจเช่นนี้ ถึงกับลงมือตบเธอ“เธอยังคิดจะลงมือทำร้ายคนด้วย?”ในดวงตาอันงดงามของมู่หรงยิ่นมีประกายเยียบเย็นวาบผ่าน สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา“ตบเธอแล้วเป็นอย่างไร? คุณหนูแบบฉันคิดจะตบใคร ก็ตบคนนั้น! วันนี้ฉันจะตบปากเหม็นๆ ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของเธอให้แตกไปเลย”หลิ่วฟู่อวี๋ออกแรงคิดจะหลุดพ้นจากมือของหลินหยาง แล้วลงมือกับมู่หรงยิ่นต่อแต่กลับพบว่ามือของหลินหยางราวกับคีมเหล็กก็ไม่ปาน ยากที่จะหลุดพ้นได้“ไอ้คนไร้ประโยชน์แซ่หลิน ปล่อยฉันนะ!”หลิ่วฟู่อวี่เลิกคิ้วเรียวดุจใบหลิว ร้องด่าว่า“หลิ่วฟู่อวี่ มีบางคนที่คุณหาเรื่องไม่ไหวหรอกนะ” หลินหยางพูดพลางปล่อยมือ“พวกเธอสองคนคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ฉันมีเรื่องด้วยไม่ไหว? คนไร้ประโยชน์แซ่หลิน คำพูดนี้ของนายจะทำให้คนขำตายแล้
โหวกุ้ยเหวินถีบเฝิงอวี้เจียวอย่างแรงสองที ใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นเฝิงอวี้เจียวกลิ้งกึ่งคลานมาที่ด้านหน้าของมู่หรงยิ่นกับหลินหยาง“ขอโทษค่ะ ประธานยิ่น ฉันมีตาหามีแววไม่ ขอร้องคุณอย่าได้ถือสา ยกโทษให้ฉันด้วย ต่อไปฉันไม่กล้าอีกแล้วค่ะ”ในระหว่างที่เฝิงอวี้เจียวกำลังพูด ยังตบหน้าตัวเองอย่างแรงไปด้วยอีกสองฉาด“คนที่เธอควรจะขอโทษ คือหลินหยาง ไม่ใช่ฉัน”มู่หรงยิ่นกล่าวเฝิงอวี้เจียวรีบคุกเข่าต่อหน้าหลินหยางพร้อมทั้งกล่าววิงวอน“คุณหลินหยาง ขอโทษด้วยค่ะ! ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรพูดเรื่องพวกนั้น ฉันปากเสียเอง ฉันมันชอบดูถูกคนอื่น”“ขอให้คุณเห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ให้โอกาสฉันสักครั้งเถิดนะคะ! ฉันไม่อยากถูกโยนลงไปในแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลา แล้วก็ไม่อยากเสียงานไปด้วย!เฝิงอวี้เจียวรู้ดีว่า คำพูดของโหวกุ้ยเหวินไม่ใช่แค่พูดไปเท่านั้นอย่างแน่นอน เขาโยนคนลงแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลาจริง ๆหลินหยางสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วก็ไม่ได้แสดงท่าทีเฝิงอวี้เจียวจิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ยกมือตบหน้าตัวเองอีกครั้ง ตบหน้าตัวเองจนเลือดกลบปาก“พอแล้ว อย่าทำให้พื้นสกปรก ประธานโหวยังต้องเปิดร้านขายข
หลังจากซื้อเสื้อผ้าเสร็จ หลินหยางกับมู่หรงยิ่นมากินข้าวที่ร้านอาหารชั้นบนสุดของศูนย์การค้าจิ๋วติ่ง“คุณรู้ไหมว่าร้านอาหารร้านนี้เป็นของใคร?”หลังจากนั่งในห้องส่วนตัว มู่หรงยิ่นก็เอ่ยถามขึ้น“แน่นอนสิครับ ถึงอย่างไรเมื่อก่อนผมเป็นทายาทเศรษฐี เคยมากินข้าวที่นี่เหมือนกันนะรู้ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้มเถ้าแก่ของร้านอาหารร้านนี้คือลั่วหงอวี๋หนึ่งในสี่มหาปรมาจารย์แห่งเมืองลั่ว“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เคยเจอลั่วหงอวี๋ตัวจริงไหม?”หลินหยางส่ายหน้าพร้อมกล่าว “ว่ากันว่าปรมาจารย์ลั่วเป็นคนที่ประวัติความเป็นมาเก่าแก่ที่สุดในบรรดาสี่มหาปรมาจารย์ แล้วก็เป็นคนที่เก็บตัวที่สุด น้อยคนมากที่จะเคยเจอตัวจริงของเธอ”“มหาปรมาจารย์อีกสามคนถ้าไม่ก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง เปิดสำนักรับลูกศิษย์ ก็เป็นข้าราชการ ที่ตำแหน่งสูงมาก มีแค่เธอ คาดไม่ถึงว่าจะเปิดร้านอาหาร ค้นคว้าวิจัยอาหารเลิศรส ที่จริงก็แปลกแหวกแนวอยู่หน่อย ๆ”มู่หรงยิ่นกล่าวถามต่อ “แล้วคุณคิดว่าลั่วหงอวี๋อายุเท่าไหร่คะ?”“ได้ยินชื่อ เหมือนกับว่าจะอายุไล่เลี่ยกับคุณและผม แต่ในเมื่อเขามีประวัติเก่าแก่ที่สุด คิดว่าจะต้องอายุประมาณห้าหกสิบปีแล้วละมั
ในเวลาเดียวกัน อาคารสิบเก้า หมู่บ้านตี้เหา ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วหลิ่วฟู่อวี่เดินเข้ามาในห้องหนังสือของหลิ่วเฉิงจื้อ“พ่อคะ แม่คะ วันนี้หนูเจอหลินหยางด้วย”“หา? เขากลับมาแล้วหรือ?”หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวด้วยความประหลาดใจ“ค่ะ” หลิ่วฟู่อวี่พยักหน้า“เสี่ยวหยางเจ้าเด็กคนนี้ น่าเสียดาย”“การตายของพ่อกับแม่ของเขาส่งผลกระทบต่อเขามาก ทำให้เขาตั้งหลักไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน คนดี ๆคนหนึ่งถูกทำลายจนมีสภาพแบบนี้ พูดไป พ่อก็มีส่วนรับผิดชอบที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ละอายใจต่อพี่หลินที่จากไป”หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวอย่างทอดถอนใจ“มีอะไรน่าเสียดายกันคะ สมน้ำหน้าเขาแล้ว โชคดีที่เจ้าเด็กนี่พิการไป ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเราแต่งงานกับเขาไป ก็เหมือนกับเดินเข้ากองไฟไม่ใช่หรือคะ?” อวี๋ผิงภรรยาของหลิ่วเฉิงจื้อเบะปากกล่าว“แม่ของหนูพูดถูกค่ะ เขาทำตัวไม่ดีเอง เกี่ยวอะไรกับพวกเราละคะ!”หลิ่วฟู่อวี่กล่าวเยาะหยัน“ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ? ทำไมลูกไม่พาเขากลับมาด้วย ต่อให้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายไปแล้ว แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นหลานชายของพ่อ ยังไงก็ควรจะดูแลเขา ให้เขาอยู่กับผู้หญิงอย่างฉ
คฤหาสน์ตระกูลฉินฉินโม่หนงโทรศัพท์ไปถามหวังฮุ่ยหรง “เป็นยังบ้าง? ตามหาหลินหยางเจอหรือยัง?”“ยังไม่เจอ ไม่รู้เขาไปหลบอยู่ที่ไหน”หวังฮุ่ยหรงกล่าวรายงาน“มันเป็นแค่คนตาบอดคนหนึ่ง จะหนีไปไหนได้? รีบไปลากตัวมันออกมา แล้วฆ่ามันทิ้งซะ!”ทันทีฉินโม่หนงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ก็ระงับเพลิงโทสะกับแรงอาฆาตในใจเอาไว้ไม่อยู่“แกต้องทำถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? ฉันไม่ฆ่าแก แต่แกกลับจะกำจัดฉันให้สิ้นซากเลยหรือ?”จู่ ๆ น้ำเสียงของหลินหยางก็ดังลอยมาจากด้านหลัง ทำให้ฉินโม่หนงตกใจ“ไม่ต้องตามหาแล้ว มันอยู่ที่บ้านฉัน แกรีบกลับมา”ฉินโม่หนงพูดกับหวังฮุ่ยหรงจง จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา“แกกล้าหาญไม่เบานี่ ยังกล้ากลับมาอีก! แกคิดว่าบ้านของฉันเป็นสถานที่แบบไหน แกนึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไปงั้นหรือ?”“แกอยากจะฆ่าฉันไม่ใช่หรือ? ฉันกลัวว่าแกจะตามหาไม่เจอ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายมาหาให้แกฆ่าถึงที่”หลินหยางสีหน้าไม่แยแส แต่ดวงตาคู่นั้นกลับไม่สามารถละสายตาออกจากบนเรือนร่างของฉินโม่หนงได้เลยเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของฉินโม่หนงราวกับผลงานศิลปะนี้ ยังมีร่องรอยที่เขาทิ้งเอา
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต
หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปหยอกหลูอ้าวตงอีกสักที?ไม่มีอะไรทำก็ไปยั่วโมโหหลูอ้าวตงสักหน่อย ได้กลายเป็นความเคยชินของหลินหยางไปแล้วแต่ทว่าทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลับมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาเบอร์โทรศัพท์นั่นคือ...ฉินเจิ้งคุน?หลินหยางมีความประหลาดใจเล็กน้อย จะว่าไป ฉินเจิ้งคุนควรจะส่งคนมาไล่ฆ่าตนถึงจะถูกอย่างไรเสียสิ่งของที่ไม่ได้มาครอบครองก็ต้องทำลายทิ้ง ถึงจะเหมาะสมกับสไตล์ของตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาผลปรากฏว่าการตามล่าของตระกูลฉินที่รอคอยมาไม่ถึงสักที...เขารับสายแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วเสียอีกนะ...”“ไอ้บ้า!”ทันทีที่ฉินเจิ้งคุนต่อสายติดก็ได้ยินประโยคนี้ โมโหจนสะอึกทันที “คนที่ใกล้ตายอย่างแกยังจะกล้าพูดจาเหลวไหล! ตอนนี้แกได้ถูกหลูอ้าวตงตามฆ่าเหมือนกับหนูท่อที่น่ารังเกียจแล้วละมั้ง!”“ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว...”หลินหยางเหลือบตามองลูกน้องที่เพิ่งรับเอาไว้เมื่อสักครู่นี้แวบหนึ่ง หลูอ้าวตงทั้งส่งสมุนไพรทั้งส่งผู้หญิงมาให้ โดนตนจัดการจนรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาอยู่หน่อย ๆ เสียแล้วแต่ทว่าฉินเจิ้งคุนกลับไม่เชื่อ กล่าวเสียงเย้ยหยัน “เลิกพูดจาไร้สาระ ต
เขาหยิบยาพิษสี่เม็ดออกมาจากในกระเป๋าเฉียนคุน โยนให้พวกเขา“ยาพิษนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่ถอนได้ ถ้าหากพวกแกกล้าทรยศ จะต้องตายอย่างน่าเวทนามากแน่อย่างแน่นอน”ปรมาจารย์ทั้งสี่เข้าใจว่าหลินหยางไม่เชื่อใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ยาพิษนี้ไม่กินก็ต้องกิน จากนั้นก็กลืนยาพิษลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเมื่อทั้งสี่คนกลืนยาพิษลงไปแล้ว หลินหยางถึงได้ไปช่วยรักษาม๋อจื่อภายใต้การจับตามองอย่างประหม่าของหลี่หรูเยว่หลินหยางใช้เข็มวาสนาฝืนลิขิต ม๋อจื่อค่อนข้างไม่ธรรมดา รากฐานกระดูกแข็งแรงมากมาตั้งแต่กำเนิด มุมมองของหลินหยาง เหมาะที่จะเดินเส้นทางเทพวรยุทธ์มากแต่น่าเสียดายที่ถังฮ่าวหรานความคิดตื้นเขิน ใช้วิชาแปลงอสูรสวรรค์ฝึกฝนเขาจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ม๋อจื่อก็ฟื้นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ท่าทางดุร้าย“ม๋อเอ๋อร์ฟื้นแล้ว!”หลี่หรูเยว่ดีใจเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาทันที หันหน้าไปมองหลินหยางพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณนายท่าน!”ก่อนหน้านี้ม๋อจื่อดูเหมือนคนกำลังใกล้ตาย เวลาแค่เพียงครู่เดียวหลินหยางก็รักษาเขาจนหายดีแล้วนับว่าเธอนับถือฝีมือการรักษาของหลินหยางอย่างถ
หลี่หรูเยว่ได้สติกลับคืนมาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง หันหน้าไปมองหลินหยางพร้อมอ้าปากเล็กน้อย“จัดการ...แบบนี้เหรอ? แกได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ?”“หายดีแล้ว” หลินหยางพูดอย่างสบาย ๆ “...”หัวใจของหลี่หรูเยว่หวั่นไหวเป็นอย่างยิ่งหลินหยางบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น หายดีเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?หลินหยางยังมีท่าทางสบาย ๆ อีกต่างหาก เหมือนยังรู้สึกว่านี่มันปกติมาก!“ปรมาจารย์หลินได้โปรดยกโทษ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ควรล่วงเกินปรมาจารย์หลิน”เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ในหัวใจเต็มไปด้วยความยำเกรงและหวาดหวั่นก่อนหน้านี้ตนทำตัวไร้มารยาทต่อหลินหยาง แถมยังตะคอกใส่เขาอีกด้วย!ตอนนี้เธอถึงรู้สึกหวาดกลัว ถ้าหากถังฮ่าวหรานมาช้ากว่านี้อีกนิด ตอนนี้ตนก็คงกลายเป็นศพไปแล้ว“ขอโทษมีประโยค แล้วมีกฎหมายไว้ทำไม?” หลินหยางมองบนพร้อมกล่าวหลี่หรูเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย กลับเหมือนว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ลังเลเล็กน้อยพร้อมกล่าวเสียงเบา “ถ้าปรมาจารย์หลินไม่รังเกียจ ฉันยินดีหลับนอนด้วย...”หลินหยางชอบตนตั้งแต่แรกแล้วก็แค่เป็นการมอบกายถวายตัวเท่านั้น ขอเพียงหลินหยางยอมช่วยลูกชายของตนเอง ไม่ว่าอะไรก็ยอมทุกอย่าง!“เห็นว่
หลินหยางส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับถังฮ่าวหรานกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “วันนี้ฉันจะฆ่าแกไอ้ปัญญาอ่อน แล้วก็นอนกับผู้หญิงของแก เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”ถังฮ่าวหรานตกตะลึง ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มโมโหที่เหยียดหยาม “แกเนี่ยนะอยากจะฆ่าฉัน? แกรู้ไหมคำว่าตายสะกดยังไง?”หลินหยางครุ่นคิดพร้อมกล่าว “ตอ อา ยอ?”ชายหนุ่มที่อยู่ข้างถังฮ่าวหรานตะลึงไปทันที “ลูกพี่ เหมือนว่ามันกำลังล้อเลียน มันกำลังด่าลูกพี่อยู่เลย...”ถังฮ่าวหรานพลิกฝ่ามือแล้วตบหน้าเขาทีหนึ่งคำราม “ใครใช้ให้แกพูดไร้สาระ ฉันรู้!!”ลูกน้องเอามือกุมหน้าอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าพูดมาก“ในเมื่อรนหาที่ตาย ฉันจะทำให้แกได้สมความปรารถนา!”ถังฮ่าวหรานตะโกน กระโจนตัวเข้าใส่หลินหยาง ปรมาจารย์ระดับหกสี่คนที่เหลือก็พุ่งตัวเข้าใส่พร้อมกัน!“จบเห่แล้ว...”หลี่หรูเยว่สีหน้าสิ้นหวัง ตนสละชีวิตให้หลินหยางเพื่อหาโอกาสหนี แต่กลับถูกหลินหยางทำให้สูญเปล่าไปแบบนี้...ถังฮ่าวหรานยังทำท่าทางสบาย ๆ ต่อไป หลังจากกลับไปยังสามารถได้รับรางวัลจากหลูอ้าวตงเธอไม่ยอม!เธออดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองสนามรบนั่น ในใจมีความหวังอันริบห
ทันทีที่พูดจบ ทั้งหมดก็ตกตะลึงไปถังฮ่าวหรานสีหน้าตกตะลึง พูดไม่ออกทันทีตนถูกหลอก?ทุกคนหันหน้าไปมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ สายตาที่มองเขาแฝงไปด้วยความเห็นใจถังฮ่าวหรานไม่เพียงถูกเมียกับหลินหยางสมคบคิดกัน ยังถูกหลินหยางใช้สติปัญญาบดขยี้อีกด้วย ต่อหน้าหลินหยาง เขาเหมือนกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง...“ฉัน ฉัน ฉันจะฆ่าแก!”ถังฮ่าวหรานคำราม พุ่งเข้าไปใส่หลินหยาง“ล้อเล่นไม่ได้เลยจริง ๆ”หลินหยางเม้มปาก แล้วก็ก้าวไปข้างหน้าเตรียมที่จัดการเขาให้เละเป็นโจ๊กคนแบบนี้แม้กระทั่งลูกชายของตนเองยังทำลายได้ ทำให้หลินหยางทนดูไม่ไหวอีกต่อไปผลปรากฏว่าในเวลานี้ หลี่หรูเยว่กลับขวางอยู่ด้านหน้าของหลินหยาง!“รีบไสหัวไป ถ้าหากฉันตายแล้ว แกก็พาลูกชายของฉันหนีไปให้ไกล ๆ จะต้องช่วยชีวิตลูกชายของฉันให้รอด!”หลี่หรูเยว่กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาพูดจบก็ไม่รอให้หลินหยางได้สติกลับคืนมา เธอก็พุ่งตัวเข้าไปฆ่าถังฮ่าวหรานทันที!“นังโสเภณี! แกชอบไอ้ระยำนี่จริง ๆ แล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นแกก็ไปตายซะ!”ถังฮ่าวหรานคำรามพร้อมลงมือ ถึงแม้ว่าเขาจะมีกำลังรบด้อยกว่าหลี่หรูเยว่อยู่บ้าง แต่ข้างกายยังปรมาจารย์ระดับสี่คอยช่วย
ถังฮ่าวหรานโมโห “คุณตื่นสักที เขาไม่คู่ควรที่จะให้คุณต้องเสียทุ่มเทมากขนาดนี้!”“คุณหุบปาก!”เมื่อหลี่หรูเยว่ได้ยินดังนั้นก็สีหน้าซีดขาว น้ำเสียงสั่นเครือ “ตอนนั้นเขาก็คืออัจฉริยะ แต่ก็เพราะป่วยหนักถึงได้กลายเป็นคนปัญญาอ่อนแบบนี้ คนอื่นว่าเขาได้ คุณในฐานะที่เป็นพ่อพูดจาแบบนี้ได้ยังไง!”เธอเห็นลูกชายเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ถังฮ่าวหรานจะมองม๋อจื่อเป็นเพียงแค่เครื่องอุปกรณ์เท่านั้น!หลินหยางกำลังดูละครคุณธรรมที่กำลังออกรสออกชาติของครอบครัวนี้ เมื่อได้ฟังถึงตรงนี้ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวอย่างสงสัย “เดี๋ยวนี้ เธอกำลังพูดถึงเรื่องบ้าอะไร? จะฝึกฝนวิชาแปลงอสูรสวรรค์ ไม่น่าเกิดอาการป่วยหนักอะไรนะ”“หมายความว่ายังไง?”หลี่หรูเยว่งุนงง“วิชาแปลงอสูรสวรรค์มีข้อกำหนดทางกายภาพที่สูงมาก ผู้ที่ฝึกฝนไม่มีทางเป็นปัญญาอ่อนเพราะป่วยหนัก แต่ผู้ที่ฝึกฝนจะต้องกินยาพิษก่อน เพื่อทำให้เขากลายเป็นคนปัญญาอ่อน ถึงจะควบคุมความเป็นมนุษย์ได้”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็หันไปมองหน้าหลี่หรูเยว่อย่างประหลาดใจ “เรื่องพวกนี้คุณไม่รู้ได้ยังไง?หลี่หรูเยว่กลับตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอหันหน้าไปมองถังฮ่าว