แชร์

บทที่ 6

“นายหุบปากไปเลย! นายจะต้องเป็นพวกเดียวกับพวกมันแน่ คิดจะถือโอกาสหนีลงจากรถใช่ไหมล่ะ?”

ที่จริงแล้วตอนนี้มู่หรงหว่านเอ๋อร์หวาดกลัวเป็นอย่างมาก จึงได้แต่ระบายอารมณ์ไปที่หลินหยาง

“พ่อคะ รีบฆ่าเขาเร็วค่ะ!”

มู่หรงจางย่อมไม่เชื่อว่าหลินหยางมีความสามารถจะช่วยพวกเขา จะต้องเป็นการหาเหตุผลเพื่อลงจากรถแน่

มู่หรงจางกำลังคิดจะเหนี่ยวไก พลันในมือก็ว่างเปล่า ปืนพกถูกหลินหยางแย่งไปแล้ว เขากระทั่งมองไม่ชัดว่าหลินหยางแย่งปืนไปได้อย่างไร

“ถ้าผมต้องการฆ่าพวกคุณ ตอนอยู่บนเขาพวกคุณก็ตายไปแล้ว”

หลังจากมู่หรงจางตื่นตะลึงไปในช่วงเวลาสั้นๆ ก็พูดอย่างรวบรัดว่า “ได้ ขอแค่เธอสามารถช่วยพวกเราได้ ฉันรับปากจะให้เธอหนึ่งร้อยล้าน”

หลินหยางโยนปืนไปให้มู่หรงจาง จากนั้นก็เปิดประตูรถลงไปแล้ว

“พ่อคะ พ่อคงไม่เชื่อว่าเขาจะมีปัญญาช่วยพวกเราหรอกนะคะ?”

มู่หรงหว่านเอ๋อร์ยังคงยึดติดกับความคิดของตัวเอง จนถึงตอนนี้ก็ยังคงดูแคลนหลินหยาง

“ตอนนี้ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”

มู่หรงจางมองไปนอกหน้าต่างรถ หลังจากหลินหยางลงจากรถ ไม่พูดอะไรก็ซัดหมัดเข้าไปที่ยอดฝีมือขั้นเจ็ดคนนั้นทันที

“รนหาที่ตาย!”

ชายวัยกลางคนเตะเจียงจั่วเฟิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่อแร่อยู่บนพื้นลอยกระเด็นออกไป ในดวงตามีไอสังหารแข็งกร้าว ยกหมัดขึ้นปะทะกลับ

ตูม!

หมัดปะทะกัน เกิดเสียงดังเป๊าะขึ้นครั้งหนึ่ง ข้อมือของชายวัยกลางคนถูกต่อยจนหัก ทั่วทั้งร่างลอยไปไกลเป็นสิบเมตร จากนั้นหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง

เอาชนะในกระบวนท่าเดียว!

สามารถตัดสินฝีมือสูงต่ำได้ทันที!

เมื่อมู่หรงจางกับมู่หรงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในรถเห็นเช่นนี้ ก็ปากอ้าตาค้าง รู้สึกยากที่จะเชื่อ

ชายฉกรรจ์ที่ถือมีดคนอื่นเมื่อเห็นว่ายอดฝีมือขั้นเจ็ดที่ร้ายกาจที่สุดถูกหลินหยางจัดการในหมัดเดียว ต่างก็พากันหวาดกลัวจนวิ่งหนีหายไป

หลินหยางก็ไม่ได้ไล่ตามไป หันกายกลับมาเปิดประตูรถ

“จัดการเรียบร้อยแล้ว”

มู่หรงจางกับมู่หรงหว่านเอ๋อร์ถึงได้สติกลับมา ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่ถึงหนึ่งนาที สถานการณ์ที่ถึงตายก็ถูกหลินหยางคลี่คลายแล้ว?

มู่หรงจางรีบลงจากรถ ประสานมือว่า “ขอบพระคุณคุณหลินที่ช่วยชีวิต ก่อนหน้าเป็นผมตาไร้แวว ไม่รู้จักแยกแยะผู้มีความสามารถ หวังว่าคุณหลินจะให้อภัย”

แม้แต่สรรพนามที่มู่หรงจางใช้เรียกหลินหยางก็เปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีความสงสัยหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกขอบคุณและตกตะลึง

“คุณจ่ายเงินก็พอ”

หลินหยางพูดอย่างราบเรียบ

“หนึ่งร้อยล้าน ไม่มีทางขาดแม้แต่สตางค์เดียว ของคุณหลินโปรดวางใจ”

เมื่อมู่หรงจางกล่าวจบ ก็รีบเดินไปหาเจียงจั่วเฟิงที่ได้รับบาดเจ็บ

ในตอนนี้ มู่หรงหว่านเอ๋อร์ก็ลงมาจากรถแล้วเช่นกัน และสายตาที่มองหลินหยางได้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแล้วเช่นกัน

หลินหยางใช้ความเป็นจริงทำลายความสงสัยของเธอจนเป็นผุยผง และถือเป็นการตบหน้าเธอด้วย

มู่หรงหว่านเอ๋อร์ยากที่จะซ่อนความกระดากอายและความขายหน้า ริมฝีปากกระตุกหลายครั้ง ทว่าเป็นเพราะความถือตัว จึงกล่าวคำขอโทษไม่ออก

“จั่วเฟิง นายอดทนไว้!”

มู่หรงจางประคองจั่วเฟิงที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เห็นเขามีอาการย่ำแย่ลมหายใจแผ่วเบา

มู่หรงหว่านเอ๋อร์ก็รีบวิ่งเข้าไปเช่นกัน ช่วยยกเจียงจั่วเฟิงเข้ามา เตรียมส่งตัวไปช่วยชีวิตที่โรงพยาบาล

“ไม่ทันแล้ว พลังชีวิตของผมหมดลงแล้ว หมดทางรักษา”

เจียงจั่วเฟิงกระอักเลือดออกมา กล่าวด้วยลมหายใจรวยริน

“คุณหลิน คุณมีวิชาแพทย์สูงส่ง ขอคุณโปรดช่วยเขาด้วย”

มู่หรงจางกล่าวขอร้อง

“ได้! แต่ต้องเพิ่มเงิน” หลินหยางกล่าว

“ไม่มีปัญหา ขอแค่คุณสามารถช่วยให้เขารอดได้ ผมเพิ่มให้คุณอีกหนึ่งร้อยล้าน”

มู่หรงจางรีบพูด

“ดูท่า ชีวิตของบอดี้การ์ดคนนี้จะสำคัญกับคุณอย่างมาก ถึงกับมีค่าถึงหนึ่งร้อยล้าน”

ระหว่างที่หลินหยางพูดก็หยิบเข็มเงินออกมา เตรียมทำการช่วยชีวิต

“จั่วเฟิงติดตามผมมายี่สิบปีกว่าปี เคยช่วยชีวิตผมมาหลายครั้ง ผมเห็นเขาเป็นเหมือนลูกชายแท้ๆ ดังนั้นหวังว่าคุณหลินจะช่วยเขาอย่างเต็มที่”

หลินหยางแซวเบาๆ ว่า “ผมก็ช่วยคุณไปสองครั้ง คุณคงไม่เห็นผมเป็นลูกชายแท้ๆ เหมือนกันกระมัง?”

“คุณหลินล้อเล่นแล้ว ผมจะกล้าไร้ยางอายขนาดนั้นได้อย่างไร นับจากวันนี้ คุณหลินถือเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุดของตระกูลมู่หรงเรา ขอเพียงมีความต้องการ ตระกูลมู่หรงก็จะพยายามตอบแทนอย่างสุดกำลัง”

มู่หรงจางกล่าว

หลินหยางใช้เข็มวาสนาฝืนลิขิตอีกครั้ง

การช่วยชีวิตจั่วเฟิงยากกว่าการช่วยมู่หรงจางมาก หลินหยางใช้เข็มเงินเก้าเล่ม ในไม่ช้าหน้าผากก็มีเหงื่อผุดออกมา ลมปราณที่สูญเสียไปในการฝังเข็มนั้นค่อนข้างมากเช่นกัน

มู่หรงหว่านเอ๋อร์โทรไปที่บ้าน หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถสิบกว่าคันก็มาถึงที่แห่งนี้

“พ่อคะ พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

ผู้ที่นำขบวนมาคือมู่หรงยิ่น เธอสวมชุดกี่เพ้าตลอดร่าง ขับเน้นเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบออกมา ให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนและสง่างาม

เครื่องหน้าทั้งหมดมีความงดงามแบบคลาสสิก ทำให้คนหาจุดบกพร่องออกมาไม่ได้แม้แต่น้อย

ผมยาวประบ่า พลิ้วไหวอย่างแผ่วเบา ราวสายลมอันแผ่วเบาสายหนึ่ง ดวงตาทรงเมล็ดซิ่งสว่างไสวมีชีวิตชีวา เผยความมั่นใจและความชาญฉลาดออกมา

ในตอนที่มู่หรงยิ่นเดินเข้ามา กลิ่นหอมอ่อนๆ สายหนึ่งก็ลอยเข้ามาในจมูกของหลินหยาง ช่างเป็นหญิงสาวที่งามล่มบ้านล่มเมืองจริงๆ!

มู่หรงยิ่นและฉินโม่หนง คือผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสองบุปผาแห่งเมืองลั่ว

“พ่อไม่เป็นอะไร โชคดีที่มีคุณหลิน วันนี้ช่วยชีวิตพ่อไว้ถึงสองครั้ง”

มู่หรงจางพูด

“เป็นเขาหรือคะ?”

มู่หรงยิ่นมองหลินหยางที่กำลังฝังเข็มช่วยชีวิตเจียงจั่วเฟิง ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

“ใช่แล้ว! คุณหลินแม้อายุยังน้อย แต่มีวิชาแพทย์สูงส่ง ความสามารถก็แข็งแกร่งอย่างมาก แค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้ยอดฝีมือขั้นเจ็ดบาดเจ็บสาหัส”

มู่หรงจางเล่าเรื่องที่เขาอาการป่วยกำเริบกะทันหันและเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้มู่หรงยิ่นฟังคร่าวๆ รอบหนึ่ง

สายตาที่มู่หรงยิ่มมองหลินหยางจึงเปลี่ยนจากความประหลาดใจเป็นชื่นชม

“จัดการสถานที่เกิดเหตุเสียหน่อย แต่อย่าให้รบกวนคุณหลิน” มู่หรงจางกล่าว

มู่หรงยิ่นยกมือขึ้นเล็กน้อย สั่งการคนอารักขาว่า “เคลียร์สถานที่เกิดเหตุ อย่าให้เหลือร่องรอย เหลือคนมีชีวิตไว้คนหนึ่ง สืบให้ได้ว่าใครเป็นคนส่งมา ที่เหลือฆ่าให้หมด”

มู่หรงยิ่นควบคุมกลุ่มธุรกิจมูลค่านับหมื่นล้าน จัดการเรื่องราวอย่างรวบรัดเด็ดขาด

หลินหยางถอนเข็มเงินออกมา เจียงจั่วเฟิงที่หายใจรวยรินก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ถึงกับลุกยืนขึ้นมาด้วยตัวเองได้แล้ว

มู่หรงจางและมู่หรงหว่านเอ๋อร์ได้เห็นด้วยตาตนเอง รู้ว่าอาการบาดเจ็บของเจียงจั่วเฟิงสาหัสเพียงไร ต่อให้ส่งไปที่โรงพยาบาล โอกาสที่จะช่วยให้รอดได้ก็มีไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์

แต่ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น กลับถูกหลินหยางใช้เข็มเงินไม่กี่เล่มช่วยชีวิตกลับมาได้แล้ว แถมยังเดินเองได้ด้วย

นี่ช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

พวกเขาไม่เคยเห็นวิชาแพทย์ที่เหมือนเทพยดาแบบนี้มาก่อน

“จั่วเฟิง นายรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”

มู่หรงจางถาม

“อาการบาดเจ็บภายในได้รับการรักษาแล้ว พักผ่อนไม่กี่วันก็น่าจะหายดีอย่างสมบูรณ์ครับ” เจียงจั่วเฟิงกล่าว

“นี่…”

มู่หรงจางถูกทักษะทางการแพทย์ของหลินหยางทำให้ยอมรับนับถืออย่างหมดใจแล้ว

“คุณหลิน…ไม่ ท่านหมอเทวดาหลิน วิชาแพทย์ของคุณสามารถกล่าวได้ว่าราวฮัวโต๋กลับชาติมาเกิด ยอดเยี่ยมเหลือเกินครับ”

“ขอบคุณท่านหมอเทวดาหลินที่ช่วยชีวิตครับ”

เจียงจั่วเฟิงประสานมือคำนับกล่าว

“ไม่ต้องขอบคุณ ท่านผู้เฒ่ายินดีออกเงินหนึ่งร้อยล้านเพื่อช่วยชีวิตคุณ ผมแค่รับเงินแล้วทำงานเท่านั้น”

หลินหยางโบกมือ รู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้าง

ด้วยระดับพลังของเขาตอนนี้ การใช้วิชาเข็มวาสนาฝืนลิขิตฝืนความเป็นตายยังคงกินแรงอยู่บ้าง พลังลมปราณภายในร่างราวจะถูกใช้ไปจนหมดสิ้น

“ยิ่นเอ๋อร์ ท่านหมอเทวดาหลินดูเหมือนจะอ่อนเพลียอยู่บ้าง ลูกพยุงเขาขึ้นรถ พวกเรากลับบ้านกันก่อน”

มู่หรงจางกล่าว

“ท่านหมอเทวดาหลิน เชิญขึ้นรถค่ะ”

มู่หรงยิ่นเปิดประตูรถออก บนใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ

กวาดตามองไปทั่วเมืองลั่ว ผู้ที่สามารถทำให้มู่หรงยิ่นเปิดประตูให้ได้นั้น หลินหยางถือว่าเป็นคนแรก

“ยิ่นเอ๋อร์ ลูกไปอยู่เป็นเพื่อนท่านหมอเทวดาหลิน ระหว่างคนรุ่นเยาว์เช่นพวกลูกสามารถพูดคุยกันได้มากหน่อย”

มู่หรงจางส่งสายตาให้มู่หรงยิ่น

มู่หรงยิ่นรับรู้ความนัย นั่งเข้าไปในรถเป็นเพื่อนหลินหยาง

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status