“นายหุบปากไปเลย! นายจะต้องเป็นพวกเดียวกับพวกมันแน่ คิดจะถือโอกาสหนีลงจากรถใช่ไหมล่ะ?”ที่จริงแล้วตอนนี้มู่หรงหว่านเอ๋อร์หวาดกลัวเป็นอย่างมาก จึงได้แต่ระบายอารมณ์ไปที่หลินหยาง“พ่อคะ รีบฆ่าเขาเร็วค่ะ!”มู่หรงจางย่อมไม่เชื่อว่าหลินหยางมีความสามารถจะช่วยพวกเขา จะต้องเป็นการหาเหตุผลเพื่อลงจากรถแน่มู่หรงจางกำลังคิดจะเหนี่ยวไก พลันในมือก็ว่างเปล่า ปืนพกถูกหลินหยางแย่งไปแล้ว เขากระทั่งมองไม่ชัดว่าหลินหยางแย่งปืนไปได้อย่างไร“ถ้าผมต้องการฆ่าพวกคุณ ตอนอยู่บนเขาพวกคุณก็ตายไปแล้ว” หลังจากมู่หรงจางตื่นตะลึงไปในช่วงเวลาสั้นๆ ก็พูดอย่างรวบรัดว่า “ได้ ขอแค่เธอสามารถช่วยพวกเราได้ ฉันรับปากจะให้เธอหนึ่งร้อยล้าน” หลินหยางโยนปืนไปให้มู่หรงจาง จากนั้นก็เปิดประตูรถลงไปแล้ว“พ่อคะ พ่อคงไม่เชื่อว่าเขาจะมีปัญญาช่วยพวกเราหรอกนะคะ?”มู่หรงหว่านเอ๋อร์ยังคงยึดติดกับความคิดของตัวเอง จนถึงตอนนี้ก็ยังคงดูแคลนหลินหยาง“ตอนนี้ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”มู่หรงจางมองไปนอกหน้าต่างรถ หลังจากหลินหยางลงจากรถ ไม่พูดอะไรก็ซัดหมัดเข้าไปที่ยอดฝีมือขั้นเจ็ดคนนั้นทันที“รนหาที่ตาย!”ชายวัยกลางคนเตะเจียงจั่วเฟิงที่ได้รั
มู่หรงจางมีลูกชายหนึ่ง ลูกสาวสอง มู่หรงเจ๋อผู้เป็นลูกชายไม่ชอบด้านธุรกิจแต่เลือกไปรับราชการ หนทางราบรื่นตลอดเส้นทาง ยามนี้ได้ย้ายไปรับตำแหน่งที่มณฑลหนานตูแล้วลูกสาวคนที่สองมู่หรงยิ่น เป็นราชินีแห่งวงการธุรกิจ ควบคุมดูแลกลุ่มกิจการติ่งเซิ่งที่มู่หรงจางเป็นผู้ก่อตั้ง ในเวลาไม่กี่ปี ก็ทำให้ธุรกิจในเครือของติ่งเซิ่งกรุ๊ปขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว กลายเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจของเมืองลั่วดังนั้นมู่หรงจางจึงได้เกษียณก่อนกำหนด มอบติ่งเซิ่งกรุ๊ปทั้งหมดให้มู่หรงยิ่นเป็นผู้ดูแลลูกสาวคนที่สามมู่หรงหว่านเอ๋อร์อายุน้อยที่สุด นิสัยโลดโผนมีชีวิตชีวา ชอบการต่อสู้ กราบเจียงไห่เซิง หนึ่งในสี่ปรมาจารย์ของเมืองลั่วเป็นอาจารย์นั่งอยู่ในรถของมู่หรงยิ่น กลิ่นหอมเย้ายวนใจคนหัวใจของหลินหยางเต้นแรงอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าอย่างไร ในยามนี้ผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาคือมู่หรงยิ่นที่สูงส่งจนไม่อาจเอื้อมนี่นา!“หมอเทวดาหลิน ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณอย่างมาก คุณอายุยังน้อยถึงเพียงนี้ ก็มีทักษะการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์และฝีมือที่สูงล้ำเหนือผู้คนเช่นนี้ ความสำเร็จในอนาคตย่อมไม่อาจคาดเดาอย่างแน่นอนมู่หรงยิ่นเป็นฝ่ายเริ่มส
หลินหยางก็ไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องส่วนตัวในเรื่องนี้ต่อคนนอกมากเกินไปเช่นกัน กลับเป็นมู่หรงยิ่นที่แสดงจุดยืนของตนเองต่อว่า“ด้วยความสามารถในตอนนี้ของคุณ การจัดการกับฉินโม่หนงนั้นง่ายมาก ฉันก็เต็มใจที่จะออกเรี่ยวแรงอันน้อยนิดเช่นกัน” “ผมไม่รีบ ค่อยๆ เล่นเป็นเพื่อนหล่อนถึงจะสนุก” มุมปากของหลินหยางปรากฏรอยยิ้มอารมณ์ดีขึ้นมามู่หรงยิ่นแอบถอนใจว่า “ฉินโม่หนง คุณกับฉันได้รับการขนานนามด้วยกัน หากพูดถึงความสามารถและรูปโฉมแล้ว ฉันไม่แน่ว่าจะเอาชนะคุณได้” “แต่ท้ายที่สุดคุณก็ยังคงสู้ฉันไม่ได้ ต้องพ่ายแพ้ให้ฉัน! คุณพลาดหลินหยางที่เป็นขุมสมบัติอันมหาศาลนี้ไป ส่วนฉันกลับสามารถสานสัมพันธ์กับเขาได้ ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงฐานะที่คุณเป็นแม่บุญธรรมของเขา เกรงว่าในอนาคตตระกูลมู่หรงก็ต้องถูกคุณเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้ว”หนึ่งปีมานี้ ฉินโม่หนงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก มีวี่แววรางๆ ว่าจะเอาชนะมู่หรงยิ่นได้ในวงสังคมเมืองลั่วมีเสียงกล่าวว่า แม้มู่หรงยิ่นจะงดงาม ทว่าเมื่อเปรียบกับฉินโม่หนงแล้วกับขาดเสน่ห์และรสชาติของผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงได้ด้อยกว่าอยู่เล็กน้อยนอกจากนี้มู่หรงยิ่นมีชาติกำเนิด
สีหน้าของหลินหยางไม่เปลี่ยนแปลง เฝิงอวี้เจียวกับพนักงานคนอื่นในร้านกลับปากอ้าตาค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงความงามและบุคลิกรัศมีของมู่หรงยิ่น เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงพวกนี้เห็นแล้วเกิดความอิจฉาน่ะผู้หญิงที่งามล่มเมืองแบบนี้ ทำไมถึงไปชอบผีพนันคนหนึ่งได้ นี่มิใช่ดอกไม้งามดอกหนึ่งถูกหมูกินหรอกหรือ?“ต่อให้เขาเป็นแฟนของคุณแล้วอย่างไร? ร้านของพวกเราไม่ต้อนรับคนติดยาและผีพนัน”เฝิงอวี้เจียวแค่นอย่างเสียงไม่พอใจ“ฉันก็ว่าผีพนันแบบเขาทำไมถึงได้กล้ามาซื้อเสื้อผ้าในร้านของพวกเรา ที่แท้เป็นเพราะไปเกาะเศรษฐินีได้ กลายเป็นพวกหนุ่มหน้าขาวที่ถูกคนเลี้ยงดู” เฝิงอวี้เจียวพูดอย่าประชดประชันด้วยจิตใจคับแคบ“คุณคนสวย ฉันขอเตือนคุณด้วยความหวังดีสักหน่อย เช็ดตาให้สะอาดดูให้ดีๆ ต่อให้จะเลี้ยงดูหนุ่มหน้าขาวก็อย่าดูแต่หน้า ระวังถูกหลอกเอานะคะ” “ช่างพูดมาน่ารำคาญเหลือเกิน ร้านกุชชี่มีพนักงานแบบเธอได้ยังไง ยังเป็นถึงผู้จัดการร้านอีก” มู่หรงยิ่นขมวดคิ้ว“เฮ้อ เจอสุนัขที่ไม่รู้จักความหวังดีของคนแว้งกัด ฉันเป็นผู้จัดการร้านแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณทำอะไรได้หรือ? ฉันก็จงใจไม่ขายให้พวกคุณ คุณจะทำอะไร
หลิ่วฟู่อวี่ก็เป็นคนที่ไม่พูดมากแต่โหดเหี้ยมเช่นกัน ภายใต้ความโมโหอย่างรุนแรง ก็เงื้อมือขึ้นคิดจะตบหน้ามู่หรงยิ่นมู่หรงยิ่นไม่ใช่คนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ จึงไม่มีการระวังตัวแม้แต่น้อยแต่หลินหยางที่ยืนอยู่ข้างกายของเธอจะมองอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร เขาจับข้อมือของหลิ่วฟู่อวี่ไว้มู่หรงยิ่นคิดไม่ถึงว่าหลิ่วฟู่อวี่จะใช้กำลังเอาแต่ใจเช่นนี้ ถึงกับลงมือตบเธอ“เธอยังคิดจะลงมือทำร้ายคนด้วย?”ในดวงตาอันงดงามของมู่หรงยิ่นมีประกายเยียบเย็นวาบผ่าน สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา“ตบเธอแล้วเป็นอย่างไร? คุณหนูแบบฉันคิดจะตบใคร ก็ตบคนนั้น! วันนี้ฉันจะตบปากเหม็นๆ ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของเธอให้แตกไปเลย”หลิ่วฟู่อวี๋ออกแรงคิดจะหลุดพ้นจากมือของหลินหยาง แล้วลงมือกับมู่หรงยิ่นต่อแต่กลับพบว่ามือของหลินหยางราวกับคีมเหล็กก็ไม่ปาน ยากที่จะหลุดพ้นได้“ไอ้คนไร้ประโยชน์แซ่หลิน ปล่อยฉันนะ!”หลิ่วฟู่อวี่เลิกคิ้วเรียวดุจใบหลิว ร้องด่าว่า“หลิ่วฟู่อวี่ มีบางคนที่คุณหาเรื่องไม่ไหวหรอกนะ” หลินหยางพูดพลางปล่อยมือ“พวกเธอสองคนคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ฉันมีเรื่องด้วยไม่ไหว? คนไร้ประโยชน์แซ่หลิน คำพูดนี้ของนายจะทำให้คนขำตายแล้
โหวกุ้ยเหวินถีบเฝิงอวี้เจียวอย่างแรงสองที ใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นเฝิงอวี้เจียวกลิ้งกึ่งคลานมาที่ด้านหน้าของมู่หรงยิ่นกับหลินหยาง“ขอโทษค่ะ ประธานยิ่น ฉันมีตาหามีแววไม่ ขอร้องคุณอย่าได้ถือสา ยกโทษให้ฉันด้วย ต่อไปฉันไม่กล้าอีกแล้วค่ะ”ในระหว่างที่เฝิงอวี้เจียวกำลังพูด ยังตบหน้าตัวเองอย่างแรงไปด้วยอีกสองฉาด“คนที่เธอควรจะขอโทษ คือหลินหยาง ไม่ใช่ฉัน”มู่หรงยิ่นกล่าวเฝิงอวี้เจียวรีบคุกเข่าต่อหน้าหลินหยางพร้อมทั้งกล่าววิงวอน“คุณหลินหยาง ขอโทษด้วยค่ะ! ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรพูดเรื่องพวกนั้น ฉันปากเสียเอง ฉันมันชอบดูถูกคนอื่น”“ขอให้คุณเห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ให้โอกาสฉันสักครั้งเถิดนะคะ! ฉันไม่อยากถูกโยนลงไปในแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลา แล้วก็ไม่อยากเสียงานไปด้วย!เฝิงอวี้เจียวรู้ดีว่า คำพูดของโหวกุ้ยเหวินไม่ใช่แค่พูดไปเท่านั้นอย่างแน่นอน เขาโยนคนลงแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลาจริง ๆหลินหยางสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วก็ไม่ได้แสดงท่าทีเฝิงอวี้เจียวจิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ยกมือตบหน้าตัวเองอีกครั้ง ตบหน้าตัวเองจนเลือดกลบปาก“พอแล้ว อย่าทำให้พื้นสกปรก ประธานโหวยังต้องเปิดร้านขายข
หลังจากซื้อเสื้อผ้าเสร็จ หลินหยางกับมู่หรงยิ่นมากินข้าวที่ร้านอาหารชั้นบนสุดของศูนย์การค้าจิ๋วติ่ง“คุณรู้ไหมว่าร้านอาหารร้านนี้เป็นของใคร?”หลังจากนั่งในห้องส่วนตัว มู่หรงยิ่นก็เอ่ยถามขึ้น“แน่นอนสิครับ ถึงอย่างไรเมื่อก่อนผมเป็นทายาทเศรษฐี เคยมากินข้าวที่นี่เหมือนกันนะรู้ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้มเถ้าแก่ของร้านอาหารร้านนี้คือลั่วหงอวี๋หนึ่งในสี่มหาปรมาจารย์แห่งเมืองลั่ว“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เคยเจอลั่วหงอวี๋ตัวจริงไหม?”หลินหยางส่ายหน้าพร้อมกล่าว “ว่ากันว่าปรมาจารย์ลั่วเป็นคนที่ประวัติความเป็นมาเก่าแก่ที่สุดในบรรดาสี่มหาปรมาจารย์ แล้วก็เป็นคนที่เก็บตัวที่สุด น้อยคนมากที่จะเคยเจอตัวจริงของเธอ”“มหาปรมาจารย์อีกสามคนถ้าไม่ก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง เปิดสำนักรับลูกศิษย์ ก็เป็นข้าราชการ ที่ตำแหน่งสูงมาก มีแค่เธอ คาดไม่ถึงว่าจะเปิดร้านอาหาร ค้นคว้าวิจัยอาหารเลิศรส ที่จริงก็แปลกแหวกแนวอยู่หน่อย ๆ”มู่หรงยิ่นกล่าวถามต่อ “แล้วคุณคิดว่าลั่วหงอวี๋อายุเท่าไหร่คะ?”“ได้ยินชื่อ เหมือนกับว่าจะอายุไล่เลี่ยกับคุณและผม แต่ในเมื่อเขามีประวัติเก่าแก่ที่สุด คิดว่าจะต้องอายุประมาณห้าหกสิบปีแล้วละมั
ในเวลาเดียวกัน อาคารสิบเก้า หมู่บ้านตี้เหา ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วหลิ่วฟู่อวี่เดินเข้ามาในห้องหนังสือของหลิ่วเฉิงจื้อ“พ่อคะ แม่คะ วันนี้หนูเจอหลินหยางด้วย”“หา? เขากลับมาแล้วหรือ?”หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวด้วยความประหลาดใจ“ค่ะ” หลิ่วฟู่อวี่พยักหน้า“เสี่ยวหยางเจ้าเด็กคนนี้ น่าเสียดาย”“การตายของพ่อกับแม่ของเขาส่งผลกระทบต่อเขามาก ทำให้เขาตั้งหลักไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน คนดี ๆคนหนึ่งถูกทำลายจนมีสภาพแบบนี้ พูดไป พ่อก็มีส่วนรับผิดชอบที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ละอายใจต่อพี่หลินที่จากไป”หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวอย่างทอดถอนใจ“มีอะไรน่าเสียดายกันคะ สมน้ำหน้าเขาแล้ว โชคดีที่เจ้าเด็กนี่พิการไป ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเราแต่งงานกับเขาไป ก็เหมือนกับเดินเข้ากองไฟไม่ใช่หรือคะ?” อวี๋ผิงภรรยาของหลิ่วเฉิงจื้อเบะปากกล่าว“แม่ของหนูพูดถูกค่ะ เขาทำตัวไม่ดีเอง เกี่ยวอะไรกับพวกเราละคะ!”หลิ่วฟู่อวี่กล่าวเยาะหยัน“ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ? ทำไมลูกไม่พาเขากลับมาด้วย ต่อให้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายไปแล้ว แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นหลานชายของพ่อ ยังไงก็ควรจะดูแลเขา ให้เขาอยู่กับผู้หญิงอย่างฉ