Share

บทที่ 7

Author: ด้านนอกด่านประตูห่านป่า
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
มู่หรงจางมีลูกชายหนึ่ง ลูกสาวสอง มู่หรงเจ๋อผู้เป็นลูกชายไม่ชอบด้านธุรกิจแต่เลือกไปรับราชการ หนทางราบรื่นตลอดเส้นทาง ยามนี้ได้ย้ายไปรับตำแหน่งที่มณฑลหนานตูแล้ว

ลูกสาวคนที่สองมู่หรงยิ่น เป็นราชินีแห่งวงการธุรกิจ ควบคุมดูแลกลุ่มกิจการติ่งเซิ่งที่มู่หรงจางเป็นผู้ก่อตั้ง ในเวลาไม่กี่ปี ก็ทำให้ธุรกิจในเครือของติ่งเซิ่งกรุ๊ปขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว กลายเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจของเมืองลั่ว

ดังนั้นมู่หรงจางจึงได้เกษียณก่อนกำหนด มอบติ่งเซิ่งกรุ๊ปทั้งหมดให้มู่หรงยิ่นเป็นผู้ดูแล

ลูกสาวคนที่สามมู่หรงหว่านเอ๋อร์อายุน้อยที่สุด นิสัยโลดโผนมีชีวิตชีวา ชอบการต่อสู้ กราบเจียงไห่เซิง หนึ่งในสี่ปรมาจารย์ของเมืองลั่วเป็นอาจารย์

นั่งอยู่ในรถของมู่หรงยิ่น กลิ่นหอมเย้ายวนใจคน

หัวใจของหลินหยางเต้นแรงอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าอย่างไร ในยามนี้ผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาคือมู่หรงยิ่นที่สูงส่งจนไม่อาจเอื้อมนี่นา!

“หมอเทวดาหลิน ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณอย่างมาก คุณอายุยังน้อยถึงเพียงนี้ ก็มีทักษะการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์และฝีมือที่สูงล้ำเหนือผู้คนเช่นนี้ ความสำเร็จในอนาคตย่อมไม่อาจคาดเดาอย่างแน่นอน

มู่หรงยิ่นเป็นฝ่ายเริ่มสนทนากับหลินหยางก่อน

“คุณหนูมู่หรงชมเกินไปแล้ว”

หลินหยางก็เป็นคนที่เห็นอะไรมากเช่นกัน จึงตอบไปกลับอย่างสงบมั่นคง

“น้อยนักที่ฉันจะชมคนอื่นอย่างจริงใจ แต่คำพูดเมื่อครู่ มาจากใจจริง”

มู่หรงยิ่นทัดผมปอยหนึ่งไปที่หลังหู ทุกอิริยาบถล้วนเต็มไปด้วยความสง่างาม

“เช่นนั้น ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติมากครับ”

หลินหยางเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ทั้งการขึ้นสู่จุดสูงและตกต่ำมาก่อน จิตใจมั่นคงเป็นผู้ใหญ่ มิได้รู้สึกลำพองเพราะคำชมของมู่หรงยิ่น ยังคงรักษาท่าทีถ่อมตนและสงบเรียบเฉยไว้เช่นเดิม

“สามารถผูกสัมพันธ์กับหมอเทวดาหลินได้ถือเป็นเกียรติของพวกเรา” มู่หรงยิ่นเยินยอ

ไม่นานนัก รถก็มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลมู่หรง ซึ่งตั้งอยู่ข้างแม่น้ำลั่ว

ทั่วทั้งคฤหาสน์กินพื้นที่หลายเอเคอร์ สิ่งก่อสร้างภายในมีกลิ่นอายโบราณ หอเก๋ง ศาลา สะพานยาวคลุมหลังคากลางน้ำ ทุกย่างก้าวทุกทิวทัศน์ล้วนแสดงถึงความมั่งคั่งของตระกูลใหญ่

หลังจากมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่หรง มู่หรงยิ่นก็มอบบัตรธนาคารใบหนึ่งกับแอปเปิลวอชรุ่นใหม่ล่าสุดให้หลินหยางโดยตรง

“หมอเทวดาหลิน ในบัตรนี้มีเงินสามร้อยล้าน เป็นค่ารักษาของคุณ ช่วยรับไว้ด้วยนะคะ”

หลินหยางก็ไม่เกรงใจ รับไว้ทั้งหมดที่มอบให้

ตอนนี้เขาต้องการเงินอย่างยิ่ง

นับแต่โบราณ การร่ำเรียนเป็นเรื่องของคนยากจน ส่วนการศึกษาศิลปะการต่อสู้นั้นเป็นเรื่องของคนมีเงิน สำหรับคนธรรมดาแล้ว การศึกษาเล่าเรียนเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ส่วนการฝึกฝนวรยุทธ์นั้น ต้องการยาสมุนไพรจำนวนมากมาคอยสนับสนุน มิเช่นนั้นหากสารอาหารบำรุงไม่เพียงพอ ต่อให้มุมานะฝึกซ้อมแค่ไหนก็เสียเปล่า กระทั่งยังจะฝึกซ้อมจนร่างกายเสียหายด้วย

“พวกคุณเรียกชื่อผมก็พอ เรียกหมอเทวดาหลิน รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง” หลินหยางกล่าว

“ท่านเป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งต่อตระกูลมู่หรงเรา จะเรียกชื่อเฉยๆ ได้อย่างไร ในเมื่อท่านไม่ชอบวิธีเรียกนี้ อย่างนั้นก็เรียกท่านว่าคุณหลินแล้วกัน”

มู่หรงจางรับคำ พลางถือโอกาสส่งสายตาให้มู่หรงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง

“หลิน…คุณหลิน ขอโทษด้วยค่ะ ขอให้คุณอภัยให้กับความไม่รู้และการล่วงเกินของฉันด้วย!”

มู่หรงหว่านเอ๋อร์ที่ละความเขินอายพูดคำขอโทษออกมาไม่ได้เสียที ในตอนนี้ก็ได้ละความทระนงตัวลงแล้ว โค้งขอขมาต่อหลินหยางด้วยท่าทางจริงใจ

มู่หรงหว่านเอ๋อร์เป็นคนฝึกวรยุทธ์ มีจิตยึดติดกับความแข็งแกร่งอย่างรุนแรง

กับคนที่อ่อนแอกว่าเธอ เธอรู้สึกดูถูก แต่สำหรับคนที่แข็งแกร่งกว่าเธอ เก่งกาจกว่าเธอ เธอก็จะให้การยอมรับนับถือเต็มที่

สิ่งที่หลินหยางแสดงออกมาในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาแพทย์ที่สามารถชุบชีวิตคนได้หรือความแข็งแกร่งที่สามารถเอาชนะยอดฝีมือขั้นเจ็ดได้ในเสี้ยววินาที ล้วนทำให้มู่หรงหว่านเอ๋อร์ยอมรับและเกิดความนับถืออย่างจริงใจ

หลินหยางมิได้ให้ความสนใจต่อมู่หรงหว่านเอ๋อร์ บนตัวของเธอ หลินหยางมองเห็นเงาบางส่วนของฉินเยียนหราน คนทั้งสองมีส่วนที่เหมือนกันหลายจุด เป็นเหตุให้รู้สึกห่างเหินกับเธอตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้

หลินหยางยกมือขึ้นเบาๆ ไม่ได้แสดงออกอะไร

มู่หรงยิ่นที่อยู่ด้านข้างรีบพูดแก้ไขสถานการณ์ ช่วยลดความตึงเครียดของบรรยากาศว่า “คุณหลิน ฉันได้ยินว่าตอนนี้คุณยังไม่มีที่อยู่เป็นหลัก ฉันมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านตี้เหา หากคุณไม่รังเกียจก็ขอมอบให้คุณแล้วกัน ถือเสียว่าฉันขอโทษคุณแทนหว่านเอ๋อร์ด้วย”

เดินหลินหยางไม่อยากรับผลประโยชน์จากตระกูลมู่หรงโดยไม่มีเหตุผล หลายสิ่งบนโลกนี้ดูเหมือนจะฟรี ทว่าแท้ที่จริงได้ถูกกำหนดราคาไว้แต่แรกนานแล้ว การโลภกับความได้เปรียบชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายจะต้องจ่ายผลตอบแทนที่แพงกว่าออกไป

แต่เมื่อได้ยินชื่อหมู่บ้านตี้เหา เขากลับหวั่นไหวแล้ว

เพราะบ้านของเขา เดิมก็อยู่ในหมู่บ้านตี้เหา

“ที่ว่าจะให้ฟรีคงไม่ต้องหรอก แต่สามารถไปดูก่อนได้ หากเป็นที่พอใจแล้วล่ะก็ ผมจะขอซื้อในราคาตลาดแล้วกัน”

ตอนนี้เขาต้องการที่พักอาศัยสักแห่งจริงๆ

“ได้ อย่างนั้นฉันจะพาคุณไปดูบ้านตอนนี้เลย”

มู่หรงยิ่นทำหน้าที่เป็นคนขับรถด้วยตัวเอง พาหลินหยางไปที่หมู่บ้านตี้เหา

นี่เป็นหนึ่งในหมู่บ้านระดับไฮเอนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองลั่ว คนที่พักอาศัยอยู่ด้านในต่างก็มีความมั่งคั่งและสถานะที่ไม่ธรรมดา

หมู่บ้านตี้เหาห่างจากคฤหาสน์ตระกูลมู่หรงไม่มาก หากขับรถเพียงสิบนาทีกว่าก็ถึงแล้ว

เมื่อเห็นมู่หรงยิ่นขับรถมาที่บ้านหมายเลขที่สิบแปด แล้วประตูใหญ่หน้าสวนดอกไม้ค่อยๆ เปิดออกโดยอัตโนมัติ หัวใจหลินหยางก็สั่นสะท้านในทันที

“เป็นที่นี่หรือ?”

“ใช่แล้ว บ้านหมายเลขที่สิบแปด หมู่บ้านตี้เหา มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?” มู่หว่านหรงถาม

หลินหยางสูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “ที่นี่ เมื่อก่อนเป็นบ้านของผม”

“หา? บังเอิญถึงขนาดนี้เลยหรือ? ดูท่านี่ก็คือวาสนานะคะ! ตอนนี้ของก็ได้กลับคืนสู่เจ้าของเดิมแล้ว”

ในใจของมู่หรงยิ่นรู้สึกโชคดีอย่างมาก นี่ช่างเป็นผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดจริงๆ!

ไม่รอให้มู่หรงยิ่นจอดรถจนสนิท หลินหยางก็รีบเปิดประตูรถออกแล้วกระโดดลงไป

สองปีแล้ว เป็นเวลาสองปีแล้วที่เขาไม่ได้กลับมา

ทั่วทั้งสวนดอกไม้คล้ายจะเหมือนเมื่อสองปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน หลินหยางพลันรู้สึกคัดจมูกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา

สองปีมานี้ เขามีชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าหมูหมาในบ้านสกุลฉิน ได้รับความทุกข์ทรมานและถูกเหยียดหยามนานัปการ ตอนนี้กลับมาถึงบ้านในอดีต จะไม่รู้สึกสะเทือนใจได้อย่างไร

มู่หรงยิ่นเปิดประตูออก หลินหยางเดินเข้าไป เวลานี้ด้านในเปลี่ยนไปหมดแล้ว การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ล้วนเปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งหมด

“คุณหลิน คุณลองดู การตกแต่งและของประดับที่อยู่ภายในนี้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? บ้านหลังนี้หลังจากที่ฉันได้มาก็ไม่เคยอยู่มาก่อน ของข้างในฉันก็ไม่เคยแตะต้องเช่นกัน”

มู่หรงยิ่นพูดอยู่ด้านข้าง

“ถูกตกแต่งใหม่ไปหมดแล้ว ไม่มีร่องรอยในอดีตเหลืออยู่แม้แต่น้อย เดิมคิดจะหาของที่เป็นของพ่อแม่ผมสักหน่อย คิดว่าน่าจะถูกโยนทิ้งไปหมดแล้ว”

ในใจของหลินหยางรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง

“บ้านหลังนี้เป็นคุณซื้อไว้หรือ?”

“ไม่ใช่ค่ะ ฉินโม่หนงอยากจะร่วมมือทำธุรกิจกับตระกูลมู่หรงมาโดยตลอด เมื่อหนึ่งปีก่อน เธอมอบบ้านหลังนี้ให้คุณพ่อของฉันเป็นของขวัญวันเกิด ฉันถึงได้รับปากร่วมมือกับซิงเย่ากรุ๊ป”

หลินหยางหัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง ฉินโม่หนงช่างรู้จักดีดลูกคิดจริงๆ เอาบ้านของครอบครัวเขาไปตกแต่งใหม่เพื่อมอบให้ตระกูลมู่หรงเป็นของขวัญ

“ฉินโม่หนง”

เมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนี้ หลินหยางก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้

ที่จัดการไปรอบหนึ่งเมื่อตอนกลางวัน ยังไม่พอที่จะทำให้หายแค้น ดูท่ายังต้องจัดการนางดีๆ อีกสักรอบ ไม่อย่างนั้นยากที่จะดับเพลิงโทสะนี้ไปได้!

มู่หรงยิ่นเหลือบมองครั้งหนึ่ง เห็นสีหน้าของหลินหยางเผยความเยียบเย็นออกมา จึงถามอย่างลองเชิงว่า “ฉันได้ยินมาว่า ฉินโม่หนงเป็นแม่บุญธรรมของคุณ?”

“ไม่ผิด เป็นแม่บุญธรรมจริงๆ”

หลินหยางหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง

“ผมชื่นชมหล่อนมาก! ตอนนั้นหล่อนหนีภัยมาถึงเมืองลั่ว มีชีวิตที่อยากลำบาก แม่ของผมรับตัวหล่อนไว้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการเลี้ยงดูหมาป่าอกตัญญู”

“ตอนนี้หล่อนได้ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์ ทั้งฝีมือและความคิดนี้ ทำให้คนไม่อาจไม่นับถือจริงๆ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในใจของหลินหยางก็เคียดแค้นจนยากจะสงบได้

มู่หรงยิ่นพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเคยติดต่อกับเธอมาก่อน สามารถรับรู้ได้ว่า เธอเป็นคนที่มีแผนการอย่างมาก และก็เป็นคนที่มีความกล้ามากเช่นกัน”

“แต่ว่าตอนนี้ดูไปแล้ว แม้ฉินโม่หนงจะมีฝีไม้ลายมือและความกล้าหาญ แต่สายตากลับแย่อย่างมาก ถึงกับไม่รู้ว่าคุณมีความสามารถเช่นนี้ ช่างมีตาไร้แววจริงๆ”

มู่หรงยิ่นได้ตัดสินใจแล้ว หลังจากกลับไปก็จะตัดขาดความร่วมมือทั้งหมดกับซิงเย่ากรุ๊ปทันที ทำการขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจน!
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Jung Taweesilp
เยี่ยมสนุก
goodnovel comment avatar
จำลอง ฮาด
อ่านแล้วน่าติดตาม
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 8

    หลินหยางก็ไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องส่วนตัวในเรื่องนี้ต่อคนนอกมากเกินไปเช่นกัน กลับเป็นมู่หรงยิ่นที่แสดงจุดยืนของตนเองต่อว่า“ด้วยความสามารถในตอนนี้ของคุณ การจัดการกับฉินโม่หนงนั้นง่ายมาก ฉันก็เต็มใจที่จะออกเรี่ยวแรงอันน้อยนิดเช่นกัน” “ผมไม่รีบ ค่อยๆ เล่นเป็นเพื่อนหล่อนถึงจะสนุก” มุมปากของหลินหยางปรากฏรอยยิ้มอารมณ์ดีขึ้นมามู่หรงยิ่นแอบถอนใจว่า “ฉินโม่หนง คุณกับฉันได้รับการขนานนามด้วยกัน หากพูดถึงความสามารถและรูปโฉมแล้ว ฉันไม่แน่ว่าจะเอาชนะคุณได้” “แต่ท้ายที่สุดคุณก็ยังคงสู้ฉันไม่ได้ ต้องพ่ายแพ้ให้ฉัน! คุณพลาดหลินหยางที่เป็นขุมสมบัติอันมหาศาลนี้ไป ส่วนฉันกลับสามารถสานสัมพันธ์กับเขาได้ ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงฐานะที่คุณเป็นแม่บุญธรรมของเขา เกรงว่าในอนาคตตระกูลมู่หรงก็ต้องถูกคุณเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้ว”หนึ่งปีมานี้ ฉินโม่หนงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก มีวี่แววรางๆ ว่าจะเอาชนะมู่หรงยิ่นได้ในวงสังคมเมืองลั่วมีเสียงกล่าวว่า แม้มู่หรงยิ่นจะงดงาม ทว่าเมื่อเปรียบกับฉินโม่หนงแล้วกับขาดเสน่ห์และรสชาติของผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงได้ด้อยกว่าอยู่เล็กน้อยนอกจากนี้มู่หรงยิ่นมีชาติกำเนิด

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 9

    สีหน้าของหลินหยางไม่เปลี่ยนแปลง เฝิงอวี้เจียวกับพนักงานคนอื่นในร้านกลับปากอ้าตาค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงความงามและบุคลิกรัศมีของมู่หรงยิ่น เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงพวกนี้เห็นแล้วเกิดความอิจฉาน่ะผู้หญิงที่งามล่มเมืองแบบนี้ ทำไมถึงไปชอบผีพนันคนหนึ่งได้ นี่มิใช่ดอกไม้งามดอกหนึ่งถูกหมูกินหรอกหรือ?“ต่อให้เขาเป็นแฟนของคุณแล้วอย่างไร? ร้านของพวกเราไม่ต้อนรับคนติดยาและผีพนัน”เฝิงอวี้เจียวแค่นอย่างเสียงไม่พอใจ“ฉันก็ว่าผีพนันแบบเขาทำไมถึงได้กล้ามาซื้อเสื้อผ้าในร้านของพวกเรา ที่แท้เป็นเพราะไปเกาะเศรษฐินีได้ กลายเป็นพวกหนุ่มหน้าขาวที่ถูกคนเลี้ยงดู” เฝิงอวี้เจียวพูดอย่าประชดประชันด้วยจิตใจคับแคบ“คุณคนสวย ฉันขอเตือนคุณด้วยความหวังดีสักหน่อย เช็ดตาให้สะอาดดูให้ดีๆ ต่อให้จะเลี้ยงดูหนุ่มหน้าขาวก็อย่าดูแต่หน้า ระวังถูกหลอกเอานะคะ” “ช่างพูดมาน่ารำคาญเหลือเกิน ร้านกุชชี่มีพนักงานแบบเธอได้ยังไง ยังเป็นถึงผู้จัดการร้านอีก” มู่หรงยิ่นขมวดคิ้ว“เฮ้อ เจอสุนัขที่ไม่รู้จักความหวังดีของคนแว้งกัด ฉันเป็นผู้จัดการร้านแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณทำอะไรได้หรือ? ฉันก็จงใจไม่ขายให้พวกคุณ คุณจะทำอะไร

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 10

    หลิ่วฟู่อวี่ก็เป็นคนที่ไม่พูดมากแต่โหดเหี้ยมเช่นกัน ภายใต้ความโมโหอย่างรุนแรง ก็เงื้อมือขึ้นคิดจะตบหน้ามู่หรงยิ่นมู่หรงยิ่นไม่ใช่คนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ จึงไม่มีการระวังตัวแม้แต่น้อยแต่หลินหยางที่ยืนอยู่ข้างกายของเธอจะมองอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร เขาจับข้อมือของหลิ่วฟู่อวี่ไว้มู่หรงยิ่นคิดไม่ถึงว่าหลิ่วฟู่อวี่จะใช้กำลังเอาแต่ใจเช่นนี้ ถึงกับลงมือตบเธอ“เธอยังคิดจะลงมือทำร้ายคนด้วย?”ในดวงตาอันงดงามของมู่หรงยิ่นมีประกายเยียบเย็นวาบผ่าน สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา“ตบเธอแล้วเป็นอย่างไร? คุณหนูแบบฉันคิดจะตบใคร ก็ตบคนนั้น! วันนี้ฉันจะตบปากเหม็นๆ ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของเธอให้แตกไปเลย”หลิ่วฟู่อวี๋ออกแรงคิดจะหลุดพ้นจากมือของหลินหยาง แล้วลงมือกับมู่หรงยิ่นต่อแต่กลับพบว่ามือของหลินหยางราวกับคีมเหล็กก็ไม่ปาน ยากที่จะหลุดพ้นได้“ไอ้คนไร้ประโยชน์แซ่หลิน ปล่อยฉันนะ!”หลิ่วฟู่อวี่เลิกคิ้วเรียวดุจใบหลิว ร้องด่าว่า“หลิ่วฟู่อวี่ มีบางคนที่คุณหาเรื่องไม่ไหวหรอกนะ” หลินหยางพูดพลางปล่อยมือ“พวกเธอสองคนคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ฉันมีเรื่องด้วยไม่ไหว? คนไร้ประโยชน์แซ่หลิน คำพูดนี้ของนายจะทำให้คนขำตายแล้

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 11

    โหวกุ้ยเหวินถีบเฝิงอวี้เจียวอย่างแรงสองที ใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นเฝิงอวี้เจียวกลิ้งกึ่งคลานมาที่ด้านหน้าของมู่หรงยิ่นกับหลินหยาง“ขอโทษค่ะ ประธานยิ่น ฉันมีตาหามีแววไม่ ขอร้องคุณอย่าได้ถือสา ยกโทษให้ฉันด้วย ต่อไปฉันไม่กล้าอีกแล้วค่ะ”ในระหว่างที่เฝิงอวี้เจียวกำลังพูด ยังตบหน้าตัวเองอย่างแรงไปด้วยอีกสองฉาด“คนที่เธอควรจะขอโทษ คือหลินหยาง ไม่ใช่ฉัน”มู่หรงยิ่นกล่าวเฝิงอวี้เจียวรีบคุกเข่าต่อหน้าหลินหยางพร้อมทั้งกล่าววิงวอน“คุณหลินหยาง ขอโทษด้วยค่ะ! ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรพูดเรื่องพวกนั้น ฉันปากเสียเอง ฉันมันชอบดูถูกคนอื่น”“ขอให้คุณเห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ให้โอกาสฉันสักครั้งเถิดนะคะ! ฉันไม่อยากถูกโยนลงไปในแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลา แล้วก็ไม่อยากเสียงานไปด้วย!เฝิงอวี้เจียวรู้ดีว่า คำพูดของโหวกุ้ยเหวินไม่ใช่แค่พูดไปเท่านั้นอย่างแน่นอน เขาโยนคนลงแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลาจริง ๆหลินหยางสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วก็ไม่ได้แสดงท่าทีเฝิงอวี้เจียวจิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ยกมือตบหน้าตัวเองอีกครั้ง ตบหน้าตัวเองจนเลือดกลบปาก“พอแล้ว อย่าทำให้พื้นสกปรก ประธานโหวยังต้องเปิดร้านขายข

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 12

    หลังจากซื้อเสื้อผ้าเสร็จ หลินหยางกับมู่หรงยิ่นมากินข้าวที่ร้านอาหารชั้นบนสุดของศูนย์การค้าจิ๋วติ่ง“คุณรู้ไหมว่าร้านอาหารร้านนี้เป็นของใคร?”หลังจากนั่งในห้องส่วนตัว มู่หรงยิ่นก็เอ่ยถามขึ้น“แน่นอนสิครับ ถึงอย่างไรเมื่อก่อนผมเป็นทายาทเศรษฐี เคยมากินข้าวที่นี่เหมือนกันนะรู้ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้มเถ้าแก่ของร้านอาหารร้านนี้คือลั่วหงอวี๋หนึ่งในสี่มหาปรมาจารย์แห่งเมืองลั่ว“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เคยเจอลั่วหงอวี๋ตัวจริงไหม?”หลินหยางส่ายหน้าพร้อมกล่าว “ว่ากันว่าปรมาจารย์ลั่วเป็นคนที่ประวัติความเป็นมาเก่าแก่ที่สุดในบรรดาสี่มหาปรมาจารย์ แล้วก็เป็นคนที่เก็บตัวที่สุด น้อยคนมากที่จะเคยเจอตัวจริงของเธอ”“มหาปรมาจารย์อีกสามคนถ้าไม่ก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง เปิดสำนักรับลูกศิษย์ ก็เป็นข้าราชการ ที่ตำแหน่งสูงมาก มีแค่เธอ คาดไม่ถึงว่าจะเปิดร้านอาหาร ค้นคว้าวิจัยอาหารเลิศรส ที่จริงก็แปลกแหวกแนวอยู่หน่อย ๆ”มู่หรงยิ่นกล่าวถามต่อ “แล้วคุณคิดว่าลั่วหงอวี๋อายุเท่าไหร่คะ?”“ได้ยินชื่อ เหมือนกับว่าจะอายุไล่เลี่ยกับคุณและผม แต่ในเมื่อเขามีประวัติเก่าแก่ที่สุด คิดว่าจะต้องอายุประมาณห้าหกสิบปีแล้วละมั

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 13

    ในเวลาเดียวกัน อาคารสิบเก้า หมู่บ้านตี้เหา ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วหลิ่วฟู่อวี่เดินเข้ามาในห้องหนังสือของหลิ่วเฉิงจื้อ“พ่อคะ แม่คะ วันนี้หนูเจอหลินหยางด้วย”“หา? เขากลับมาแล้วหรือ?”หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวด้วยความประหลาดใจ“ค่ะ” หลิ่วฟู่อวี่พยักหน้า“เสี่ยวหยางเจ้าเด็กคนนี้ น่าเสียดาย”“การตายของพ่อกับแม่ของเขาส่งผลกระทบต่อเขามาก ทำให้เขาตั้งหลักไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน คนดี ๆคนหนึ่งถูกทำลายจนมีสภาพแบบนี้ พูดไป พ่อก็มีส่วนรับผิดชอบที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ละอายใจต่อพี่หลินที่จากไป”หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวอย่างทอดถอนใจ“มีอะไรน่าเสียดายกันคะ สมน้ำหน้าเขาแล้ว โชคดีที่เจ้าเด็กนี่พิการไป ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเราแต่งงานกับเขาไป ก็เหมือนกับเดินเข้ากองไฟไม่ใช่หรือคะ?” อวี๋ผิงภรรยาของหลิ่วเฉิงจื้อเบะปากกล่าว“แม่ของหนูพูดถูกค่ะ เขาทำตัวไม่ดีเอง เกี่ยวอะไรกับพวกเราละคะ!”หลิ่วฟู่อวี่กล่าวเยาะหยัน“ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ? ทำไมลูกไม่พาเขากลับมาด้วย ต่อให้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายไปแล้ว แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นหลานชายของพ่อ ยังไงก็ควรจะดูแลเขา ให้เขาอยู่กับผู้หญิงอย่างฉ

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 14

    คฤหาสน์ตระกูลฉินฉินโม่หนงโทรศัพท์ไปถามหวังฮุ่ยหรง “เป็นยังบ้าง? ตามหาหลินหยางเจอหรือยัง?”“ยังไม่เจอ ไม่รู้เขาไปหลบอยู่ที่ไหน”หวังฮุ่ยหรงกล่าวรายงาน“มันเป็นแค่คนตาบอดคนหนึ่ง จะหนีไปไหนได้? รีบไปลากตัวมันออกมา แล้วฆ่ามันทิ้งซะ!”ทันทีฉินโม่หนงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ก็ระงับเพลิงโทสะกับแรงอาฆาตในใจเอาไว้ไม่อยู่“แกต้องทำถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? ฉันไม่ฆ่าแก แต่แกกลับจะกำจัดฉันให้สิ้นซากเลยหรือ?”จู่ ๆ น้ำเสียงของหลินหยางก็ดังลอยมาจากด้านหลัง ทำให้ฉินโม่หนงตกใจ“ไม่ต้องตามหาแล้ว มันอยู่ที่บ้านฉัน แกรีบกลับมา”ฉินโม่หนงพูดกับหวังฮุ่ยหรงจง จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา“แกกล้าหาญไม่เบานี่ ยังกล้ากลับมาอีก! แกคิดว่าบ้านของฉันเป็นสถานที่แบบไหน แกนึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไปงั้นหรือ?”“แกอยากจะฆ่าฉันไม่ใช่หรือ? ฉันกลัวว่าแกจะตามหาไม่เจอ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายมาหาให้แกฆ่าถึงที่”หลินหยางสีหน้าไม่แยแส แต่ดวงตาคู่นั้นกลับไม่สามารถละสายตาออกจากบนเรือนร่างของฉินโม่หนงได้เลยเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของฉินโม่หนงราวกับผลงานศิลปะนี้ ยังมีร่องรอยที่เขาทิ้งเอา

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 15

    ฉินโม่หนงชี้ไปที่หลินหยางที่หลับตาพักผ่อนร่างกาย“ในที่สุดก็มาสักที”หลินหยางลืมตาขึ้น ลุกขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมกล่าว “รีบลงมือเถอะ อย่ามัวเสียเวลาเลย”หวังฮุ่ยหรงเป็นคนที่ฉินโม่หนงเชื่อใจที่สุด แม้จะเป็นแม่บ้านแต่ก็เป็นบอดี้การ์ดด้วย ฝีมือไม่เลว มีความสามารถอยู่ที่ระดับสามหวังฮุ่ยหรงไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็กระโดดถีบเข้ามา เล็งตรงมาที่หัวของหลินหยางหลินหยางสวนหมัดตรงออกไป ไม่มีเทคนิคใด ๆ มีเพียงพลังบริสุทธิ์เท่านั้นหนึ่งพลังเอาชนะได้สิบคน!ปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้าสู้กับนักรบระดับมานะสร้าง ก็เหมือนกับการตัดหญ้า ไม่ต้องเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อยหวังฮุ่ยหรงกระเด็นกลับไป กระแทกเข้ากับกำแพง จากนั้นก็ล่วงลงมา ขาข้างหนึ่งพิการไปแล้ว สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้วฉินโม่หนงตะลึงงันไป อ้าปากค้าง ไม่กล้าเชื่อเลยจริง ๆหลินหยางเดินไปที่มุมกำแพง บีบลำคอของหวังฮุ่ยหรง ยกเธอขึ้นมา“แกอ่อนแอเกินไป!”“แก...แกแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?!”หวังฮุ่ยหรงยากที่จะเชื่อสถานการณ์ของหลินหยางเธอเข้าใจเป็นอย่างดี แม้แต่ฉินเยียนหรานก็สามารถทารุณเขาได้ตามสบาย ทุบตีเขาราวกับสุนัข เมื่อคืนวานนี้ยังเกือบจะถูกตี

Latest chapter

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 594

    เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 593

    ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 592

    ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 591

    หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปหยอกหลูอ้าวตงอีกสักที?ไม่มีอะไรทำก็ไปยั่วโมโหหลูอ้าวตงสักหน่อย ได้กลายเป็นความเคยชินของหลินหยางไปแล้วแต่ทว่าทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลับมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาเบอร์โทรศัพท์นั่นคือ...ฉินเจิ้งคุน?หลินหยางมีความประหลาดใจเล็กน้อย จะว่าไป ฉินเจิ้งคุนควรจะส่งคนมาไล่ฆ่าตนถึงจะถูกอย่างไรเสียสิ่งของที่ไม่ได้มาครอบครองก็ต้องทำลายทิ้ง ถึงจะเหมาะสมกับสไตล์ของตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาผลปรากฏว่าการตามล่าของตระกูลฉินที่รอคอยมาไม่ถึงสักที...เขารับสายแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วเสียอีกนะ...”“ไอ้บ้า!”ทันทีที่ฉินเจิ้งคุนต่อสายติดก็ได้ยินประโยคนี้ โมโหจนสะอึกทันที “คนที่ใกล้ตายอย่างแกยังจะกล้าพูดจาเหลวไหล! ตอนนี้แกได้ถูกหลูอ้าวตงตามฆ่าเหมือนกับหนูท่อที่น่ารังเกียจแล้วละมั้ง!”“ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว...”หลินหยางเหลือบตามองลูกน้องที่เพิ่งรับเอาไว้เมื่อสักครู่นี้แวบหนึ่ง หลูอ้าวตงทั้งส่งสมุนไพรทั้งส่งผู้หญิงมาให้ โดนตนจัดการจนรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาอยู่หน่อย ๆ เสียแล้วแต่ทว่าฉินเจิ้งคุนกลับไม่เชื่อ กล่าวเสียงเย้ยหยัน “เลิกพูดจาไร้สาระ ต

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 590

    เขาหยิบยาพิษสี่เม็ดออกมาจากในกระเป๋าเฉียนคุน โยนให้พวกเขา“ยาพิษนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่ถอนได้ ถ้าหากพวกแกกล้าทรยศ จะต้องตายอย่างน่าเวทนามากแน่อย่างแน่นอน”ปรมาจารย์ทั้งสี่เข้าใจว่าหลินหยางไม่เชื่อใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ยาพิษนี้ไม่กินก็ต้องกิน จากนั้นก็กลืนยาพิษลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเมื่อทั้งสี่คนกลืนยาพิษลงไปแล้ว หลินหยางถึงได้ไปช่วยรักษาม๋อจื่อภายใต้การจับตามองอย่างประหม่าของหลี่หรูเยว่หลินหยางใช้เข็มวาสนาฝืนลิขิต ม๋อจื่อค่อนข้างไม่ธรรมดา รากฐานกระดูกแข็งแรงมากมาตั้งแต่กำเนิด มุมมองของหลินหยาง เหมาะที่จะเดินเส้นทางเทพวรยุทธ์มากแต่น่าเสียดายที่ถังฮ่าวหรานความคิดตื้นเขิน ใช้วิชาแปลงอสูรสวรรค์ฝึกฝนเขาจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ม๋อจื่อก็ฟื้นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ท่าทางดุร้าย“ม๋อเอ๋อร์ฟื้นแล้ว!”หลี่หรูเยว่ดีใจเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาทันที หันหน้าไปมองหลินหยางพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณนายท่าน!”ก่อนหน้านี้ม๋อจื่อดูเหมือนคนกำลังใกล้ตาย เวลาแค่เพียงครู่เดียวหลินหยางก็รักษาเขาจนหายดีแล้วนับว่าเธอนับถือฝีมือการรักษาของหลินหยางอย่างถ

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 589

    หลี่หรูเยว่ได้สติกลับคืนมาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง หันหน้าไปมองหลินหยางพร้อมอ้าปากเล็กน้อย“จัดการ...แบบนี้เหรอ? แกได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ?”“หายดีแล้ว” หลินหยางพูดอย่างสบาย ๆ “...”หัวใจของหลี่หรูเยว่หวั่นไหวเป็นอย่างยิ่งหลินหยางบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น หายดีเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?หลินหยางยังมีท่าทางสบาย ๆ อีกต่างหาก เหมือนยังรู้สึกว่านี่มันปกติมาก!“ปรมาจารย์หลินได้โปรดยกโทษ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ควรล่วงเกินปรมาจารย์หลิน”เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ในหัวใจเต็มไปด้วยความยำเกรงและหวาดหวั่นก่อนหน้านี้ตนทำตัวไร้มารยาทต่อหลินหยาง แถมยังตะคอกใส่เขาอีกด้วย!ตอนนี้เธอถึงรู้สึกหวาดกลัว ถ้าหากถังฮ่าวหรานมาช้ากว่านี้อีกนิด ตอนนี้ตนก็คงกลายเป็นศพไปแล้ว“ขอโทษมีประโยค แล้วมีกฎหมายไว้ทำไม?” หลินหยางมองบนพร้อมกล่าวหลี่หรูเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย กลับเหมือนว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ลังเลเล็กน้อยพร้อมกล่าวเสียงเบา “ถ้าปรมาจารย์หลินไม่รังเกียจ ฉันยินดีหลับนอนด้วย...”หลินหยางชอบตนตั้งแต่แรกแล้วก็แค่เป็นการมอบกายถวายตัวเท่านั้น ขอเพียงหลินหยางยอมช่วยลูกชายของตนเอง ไม่ว่าอะไรก็ยอมทุกอย่าง!“เห็นว่

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 588

    หลินหยางส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับถังฮ่าวหรานกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “วันนี้ฉันจะฆ่าแกไอ้ปัญญาอ่อน แล้วก็นอนกับผู้หญิงของแก เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”ถังฮ่าวหรานตกตะลึง ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มโมโหที่เหยียดหยาม “แกเนี่ยนะอยากจะฆ่าฉัน? แกรู้ไหมคำว่าตายสะกดยังไง?”หลินหยางครุ่นคิดพร้อมกล่าว “ตอ อา ยอ?”ชายหนุ่มที่อยู่ข้างถังฮ่าวหรานตะลึงไปทันที “ลูกพี่ เหมือนว่ามันกำลังล้อเลียน มันกำลังด่าลูกพี่อยู่เลย...”ถังฮ่าวหรานพลิกฝ่ามือแล้วตบหน้าเขาทีหนึ่งคำราม “ใครใช้ให้แกพูดไร้สาระ ฉันรู้!!”ลูกน้องเอามือกุมหน้าอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าพูดมาก“ในเมื่อรนหาที่ตาย ฉันจะทำให้แกได้สมความปรารถนา!”ถังฮ่าวหรานตะโกน กระโจนตัวเข้าใส่หลินหยาง ปรมาจารย์ระดับหกสี่คนที่เหลือก็พุ่งตัวเข้าใส่พร้อมกัน!“จบเห่แล้ว...”หลี่หรูเยว่สีหน้าสิ้นหวัง ตนสละชีวิตให้หลินหยางเพื่อหาโอกาสหนี แต่กลับถูกหลินหยางทำให้สูญเปล่าไปแบบนี้...ถังฮ่าวหรานยังทำท่าทางสบาย ๆ ต่อไป หลังจากกลับไปยังสามารถได้รับรางวัลจากหลูอ้าวตงเธอไม่ยอม!เธออดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองสนามรบนั่น ในใจมีความหวังอันริบห

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 587

    ทันทีที่พูดจบ ทั้งหมดก็ตกตะลึงไปถังฮ่าวหรานสีหน้าตกตะลึง พูดไม่ออกทันทีตนถูกหลอก?ทุกคนหันหน้าไปมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ สายตาที่มองเขาแฝงไปด้วยความเห็นใจถังฮ่าวหรานไม่เพียงถูกเมียกับหลินหยางสมคบคิดกัน ยังถูกหลินหยางใช้สติปัญญาบดขยี้อีกด้วย ต่อหน้าหลินหยาง เขาเหมือนกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง...“ฉัน ฉัน ฉันจะฆ่าแก!”ถังฮ่าวหรานคำราม พุ่งเข้าไปใส่หลินหยาง“ล้อเล่นไม่ได้เลยจริง ๆ”หลินหยางเม้มปาก แล้วก็ก้าวไปข้างหน้าเตรียมที่จัดการเขาให้เละเป็นโจ๊กคนแบบนี้แม้กระทั่งลูกชายของตนเองยังทำลายได้ ทำให้หลินหยางทนดูไม่ไหวอีกต่อไปผลปรากฏว่าในเวลานี้ หลี่หรูเยว่กลับขวางอยู่ด้านหน้าของหลินหยาง!“รีบไสหัวไป ถ้าหากฉันตายแล้ว แกก็พาลูกชายของฉันหนีไปให้ไกล ๆ จะต้องช่วยชีวิตลูกชายของฉันให้รอด!”หลี่หรูเยว่กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาพูดจบก็ไม่รอให้หลินหยางได้สติกลับคืนมา เธอก็พุ่งตัวเข้าไปฆ่าถังฮ่าวหรานทันที!“นังโสเภณี! แกชอบไอ้ระยำนี่จริง ๆ แล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นแกก็ไปตายซะ!”ถังฮ่าวหรานคำรามพร้อมลงมือ ถึงแม้ว่าเขาจะมีกำลังรบด้อยกว่าหลี่หรูเยว่อยู่บ้าง แต่ข้างกายยังปรมาจารย์ระดับสี่คอยช่วย

  • เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง   บทที่ 586

    ถังฮ่าวหรานโมโห “คุณตื่นสักที เขาไม่คู่ควรที่จะให้คุณต้องเสียทุ่มเทมากขนาดนี้!”“คุณหุบปาก!”เมื่อหลี่หรูเยว่ได้ยินดังนั้นก็สีหน้าซีดขาว น้ำเสียงสั่นเครือ “ตอนนั้นเขาก็คืออัจฉริยะ แต่ก็เพราะป่วยหนักถึงได้กลายเป็นคนปัญญาอ่อนแบบนี้ คนอื่นว่าเขาได้ คุณในฐานะที่เป็นพ่อพูดจาแบบนี้ได้ยังไง!”เธอเห็นลูกชายเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ถังฮ่าวหรานจะมองม๋อจื่อเป็นเพียงแค่เครื่องอุปกรณ์เท่านั้น!หลินหยางกำลังดูละครคุณธรรมที่กำลังออกรสออกชาติของครอบครัวนี้ เมื่อได้ฟังถึงตรงนี้ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวอย่างสงสัย “เดี๋ยวนี้ เธอกำลังพูดถึงเรื่องบ้าอะไร? จะฝึกฝนวิชาแปลงอสูรสวรรค์ ไม่น่าเกิดอาการป่วยหนักอะไรนะ”“หมายความว่ายังไง?”หลี่หรูเยว่งุนงง“วิชาแปลงอสูรสวรรค์มีข้อกำหนดทางกายภาพที่สูงมาก ผู้ที่ฝึกฝนไม่มีทางเป็นปัญญาอ่อนเพราะป่วยหนัก แต่ผู้ที่ฝึกฝนจะต้องกินยาพิษก่อน เพื่อทำให้เขากลายเป็นคนปัญญาอ่อน ถึงจะควบคุมความเป็นมนุษย์ได้”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็หันไปมองหน้าหลี่หรูเยว่อย่างประหลาดใจ “เรื่องพวกนี้คุณไม่รู้ได้ยังไง?หลี่หรูเยว่กลับตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอหันหน้าไปมองถังฮ่าว

DMCA.com Protection Status