ในเวลาเดียวกัน อาคารสิบเก้า หมู่บ้านตี้เหา ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วหลิ่วฟู่อวี่เดินเข้ามาในห้องหนังสือของหลิ่วเฉิงจื้อ“พ่อคะ แม่คะ วันนี้หนูเจอหลินหยางด้วย”“หา? เขากลับมาแล้วหรือ?”หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวด้วยความประหลาดใจ“ค่ะ” หลิ่วฟู่อวี่พยักหน้า“เสี่ยวหยางเจ้าเด็กคนนี้ น่าเสียดาย”“การตายของพ่อกับแม่ของเขาส่งผลกระทบต่อเขามาก ทำให้เขาตั้งหลักไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน คนดี ๆคนหนึ่งถูกทำลายจนมีสภาพแบบนี้ พูดไป พ่อก็มีส่วนรับผิดชอบที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ละอายใจต่อพี่หลินที่จากไป”หลิ่วเฉิงจื้อกล่าวอย่างทอดถอนใจ“มีอะไรน่าเสียดายกันคะ สมน้ำหน้าเขาแล้ว โชคดีที่เจ้าเด็กนี่พิการไป ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเราแต่งงานกับเขาไป ก็เหมือนกับเดินเข้ากองไฟไม่ใช่หรือคะ?” อวี๋ผิงภรรยาของหลิ่วเฉิงจื้อเบะปากกล่าว“แม่ของหนูพูดถูกค่ะ เขาทำตัวไม่ดีเอง เกี่ยวอะไรกับพวกเราละคะ!”หลิ่วฟู่อวี่กล่าวเยาะหยัน“ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ? ทำไมลูกไม่พาเขากลับมาด้วย ต่อให้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายไปแล้ว แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นหลานชายของพ่อ ยังไงก็ควรจะดูแลเขา ให้เขาอยู่กับผู้หญิงอย่างฉ
คฤหาสน์ตระกูลฉินฉินโม่หนงโทรศัพท์ไปถามหวังฮุ่ยหรง “เป็นยังบ้าง? ตามหาหลินหยางเจอหรือยัง?”“ยังไม่เจอ ไม่รู้เขาไปหลบอยู่ที่ไหน”หวังฮุ่ยหรงกล่าวรายงาน“มันเป็นแค่คนตาบอดคนหนึ่ง จะหนีไปไหนได้? รีบไปลากตัวมันออกมา แล้วฆ่ามันทิ้งซะ!”ทันทีฉินโม่หนงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ก็ระงับเพลิงโทสะกับแรงอาฆาตในใจเอาไว้ไม่อยู่“แกต้องทำถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? ฉันไม่ฆ่าแก แต่แกกลับจะกำจัดฉันให้สิ้นซากเลยหรือ?”จู่ ๆ น้ำเสียงของหลินหยางก็ดังลอยมาจากด้านหลัง ทำให้ฉินโม่หนงตกใจ“ไม่ต้องตามหาแล้ว มันอยู่ที่บ้านฉัน แกรีบกลับมา”ฉินโม่หนงพูดกับหวังฮุ่ยหรงจง จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา“แกกล้าหาญไม่เบานี่ ยังกล้ากลับมาอีก! แกคิดว่าบ้านของฉันเป็นสถานที่แบบไหน แกนึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไปงั้นหรือ?”“แกอยากจะฆ่าฉันไม่ใช่หรือ? ฉันกลัวว่าแกจะตามหาไม่เจอ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายมาหาให้แกฆ่าถึงที่”หลินหยางสีหน้าไม่แยแส แต่ดวงตาคู่นั้นกลับไม่สามารถละสายตาออกจากบนเรือนร่างของฉินโม่หนงได้เลยเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของฉินโม่หนงราวกับผลงานศิลปะนี้ ยังมีร่องรอยที่เขาทิ้งเอา
ฉินโม่หนงชี้ไปที่หลินหยางที่หลับตาพักผ่อนร่างกาย“ในที่สุดก็มาสักที”หลินหยางลืมตาขึ้น ลุกขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมกล่าว “รีบลงมือเถอะ อย่ามัวเสียเวลาเลย”หวังฮุ่ยหรงเป็นคนที่ฉินโม่หนงเชื่อใจที่สุด แม้จะเป็นแม่บ้านแต่ก็เป็นบอดี้การ์ดด้วย ฝีมือไม่เลว มีความสามารถอยู่ที่ระดับสามหวังฮุ่ยหรงไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็กระโดดถีบเข้ามา เล็งตรงมาที่หัวของหลินหยางหลินหยางสวนหมัดตรงออกไป ไม่มีเทคนิคใด ๆ มีเพียงพลังบริสุทธิ์เท่านั้นหนึ่งพลังเอาชนะได้สิบคน!ปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้าสู้กับนักรบระดับมานะสร้าง ก็เหมือนกับการตัดหญ้า ไม่ต้องเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อยหวังฮุ่ยหรงกระเด็นกลับไป กระแทกเข้ากับกำแพง จากนั้นก็ล่วงลงมา ขาข้างหนึ่งพิการไปแล้ว สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้วฉินโม่หนงตะลึงงันไป อ้าปากค้าง ไม่กล้าเชื่อเลยจริง ๆหลินหยางเดินไปที่มุมกำแพง บีบลำคอของหวังฮุ่ยหรง ยกเธอขึ้นมา“แกอ่อนแอเกินไป!”“แก...แกแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?!”หวังฮุ่ยหรงยากที่จะเชื่อสถานการณ์ของหลินหยางเธอเข้าใจเป็นอย่างดี แม้แต่ฉินเยียนหรานก็สามารถทารุณเขาได้ตามสบาย ทุบตีเขาราวกับสุนัข เมื่อคืนวานนี้ยังเกือบจะถูกตี
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ฉินโม่หนงไม่ได้หวาดหวั่นลนลานเช่นนี้ เธอไม่กล้าส่งเสียง ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณไม่ให้หลินหยางเคลื่อนไหว“แม่? แม่อยู่บ้านหรือคะ แม่เป็นอะไรหรือเปล่า?”ฉินเยียนหรานที่อยู่นอกประตูถาม จากนั้นบิดลูกบิดประตู เตรียมจะเข้ามา“แม่ไม่เป็นไร แม่นอนแล้ว แกไม่ต้องเข้ามา!”หัวใจของฉินโม่หนงลอยขึ้นมาถึงลำคอแล้ว รีบใช้เสียงที่เข้มงวดอย่างมากพูดว่า“หลินหยาง ฉันขอร้องนาย อย่าส่งเสียง อย่าให้เยียนหรานเห็นพวกเราเป็นแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอย่าทำร้ายเยียนหราน” ฉินโม่หนงกลัวแล้ว เธอไม่อาจไม่วางความอวดดีและเกียรติลง วิงวอนหลินหยางเบาๆ“ทำไมหนูรู้สึกว่าเสียงแม่แปลกๆ อยู่หน่อยละคะ? แม่ป่วยหรือเปล่าคะ? ให้หนูเรียกหมอหลี่มาตรวจดูไหม”ฉินเยียนหรานไม่ได้เปิดประตูเข้ามา แต่เธอฟังออกว่าเสียงของฉินโม่หนงไม่ปกติ“ไม่ต้อง! ใครให้แกกลับมา? ฉันใช้ให้แกอยู่แต่ที่โรงเรียนไม่ใช่หรือ? รีบกลับโรงเรียนไปเร็วเข้า!”ฉินโม่หนงต้องการเพียงจะไล่ฉินเยียนหรานไปเท่านั้นอีกอย่างถ้าหลินหยางทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมา เธอก็ไม่มีปัญญาไปห้ามได้!“แม่คะ ในเมื่อเจ้าตัวไร้ประโยชน์หลินหยางนั่นไม่ตาย ทำไมแม่ยังโมโหหนูอีกล่ะ
“ฉินเยียนหรานไม่ได้ออกไป เธออยู่ในบ้าน” หลินหยางพูดเรียบๆฉินโม่หนงพูดออกมาทันทีว่า “เป็นไปไม่ได้! เยียนหรานไม่มีทางไม่เชื่อฟังฉัน”“ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ลงไปดูเองข้างล่าง” ฉินโม่หนงไม่ได้ลงไปชั้นล่าง แต่เดินไปที่ระเบียงแทน เมื่อเห็นในสวนดอกไม้มีรถของฉินเยียนหรานจอดอยู่ ไม่ได้ขับออกไป ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย“เด็กคนนี้ ทำอะไรโดยพลการ ขัดคำสั่งของฉันอีกแล้ว!”ฉินโม่หนงเป็นคนที่มีนิสัยแข็งกร้าวอย่างยิ่งโดยพื้นฐาน ทนไม่ได้ที่สุดที่จะมีคนล่วงเกินความน่ายำเกรงของเธอ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเธอยามอยู่ที่บริษัท เธอพูดอะไรก็ต้องเป็นเช่นนั้น เมื่ออยู่ที่บ้านก็เป็นเช่นเดียวกันฉินเยียนหรานกับหวังฮุ่ยหรงตัดสินใจฆ่าหลินหยางโดยพลการ ดังนั้นคนหนึ่งจึงถูกไล่ออกจากบ้าน ส่วนอีกคนถูกไล่ออกแต่ตอนนี้ เบื้องหน้าของหลินหยาง ความแข็งแกร่งและความน่ายำเกรงของเธอได้ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด กลับเป็นฝ่ายที่ต้องร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉินโม่หนงคิดถึงเรื่องที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง รีบไปล็อกประตูห้องทันที“ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ว่าเยียนหรานก็ได้ยินหมดแล้วหรือ?”“เสียงของคุณดังขนาดนี้ คงยากที่จะไม่ได้ยิ
หลังหลินหยางจากไป ฉินโม่หนงใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งจึงสามารถสงบสติอารมณ์ที่ถูกหลินหยางทำลายลงได้ เธอโทรหาเลขา“ท่านประธานฉินคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ” จางเชี่ยนที่เป็นเลขากล่าว“ว่ามา” ฉินโม่หนงรีบกลับคืนสู่บรรยากาศความน่ายำเกรงในยามปกติทันที“เมื่อครู่ติ่งเซิ่งกรุ๊ปส่งคนมายุติความร่วมมือทั้งหมดค่ะ บรรดาผู้ถือหุ้นเหมือนจะรู้ข่าวก่อน ตอนนี้ที่บริษัท จะให้ท่านมามอบคำอธิบายค่ะ” คิ้วของฉินโม่หนงขมวดเบาๆ “ลนลานอะไรกัน? วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของมู่หรงจาง มีหลายคนที่จะไปประจบประแจง ล้วนแต่จ้องเนื้อติดมันชิ้นนี้ทั้งนั้น ติ่งเซิ่งกรุ๊ปมายกเลิกความร่วมมือในตอนนี้ ก็แค่อยากจะดูความจริงใจของพวกเรา ยิ่งกว่านั้นก็เพื่อที่จะเรียกร้องเงื่อนไขที่ได้ประโยชน์มากขึ้น”“อย่างนั้นพวกผู้ถือหุ้น…”“ให้พวกเขาไสหัวกลับไปให้หมด เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ยังไม่ใช่รอบให้พวกเขามาบงการ” ฉินโม่หนงยังคงแข็งกร้าวเช่นยามปกติ เมื่อพูดจบก็วางสายลงทันทีฉินโม่หนงอาบน้ำชำระกาย สวมเสื้อผ้าเสร็จก็ลงไปข้างล่าง เผชิญเข้ากลับฉินเยียนหรานที่ออกมาจะห้องพอดี“แม่คะ…ขอโทษด้วยที่หนูไม่เชื่อฟังแม่ ไม่ได้ไปพักที่โรงแรม หนูไม่อยาก
“แกไปติดต่อกับเขาสักครั้ง เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา คืนนี้หลินหยางน่าจะมาอีก ให้ต้วนเทียนเต๋อแอบซุ่มอยู่แถวนี้ ขอเพียงหลินหยางปรากฏตัว ให้ฆ่าเขาได้เลย” ฉินโม่หนงกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอำมหิต“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” ฉินโม่หนงเรียกรถพยาบาลมา ส่งหวังกุ้ยหรงไปรักษาที่โรงพยาบาล“หลินหยาง แกอย่าโทษที่ฉันอำมหิตไร้น้ำใจ เมื่อก่อนฉันไม่ได้คิดให้แกตาย แต่แกไม่ควรใช้กำลังแตะต้องฉัน หลุดออกจากการควบคุมของฉัน แถมยังเป็นฝ่ายกุมจุดอ่อนของฉันไว้ ดังนั้นแกต้องตายเท่านั้น” ฉินโม่หนงหรี่ตาลงเล็กน้อย พึมพำกับตัวเองจากนั้น เธอขับรถไปที่บริษัท จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการยุติความร่วมมือของติ่งเซิ่งกรุ๊ป ยังต้องเตรียมเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของมู่หรงจางในตอนกลางคืน และไปหามู่หรงยิ่นเพื่อคุยเรื่องการร่วมมือต่อพันธมิตรทางธุรกิจอย่างติ่งเซิ่งกรุ๊ปไม่อาจปล่อยให้หลุดไปอย่างเด็ดขาด ทันทีที่สูญเสียความร่วมมือกับติ่งเซิ่งไป จะทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกเป็นพรวน และจะทำให้แผนการของเธอในการขยายกิจการของซิงเย่ากรุ๊ปเข้าสู่มณฑลหนานตูเกิดความวุ่นวายขึ้นมาได้การร่วมมือกับติ่งเ
เมื่อพนักงานในร้านเห็นหญิงสาว ก็รีบแสดงออกอย่างเคารพนบนอบทันที“คุณหนูเฉา มีอะไรครับ?”เฉาเยี่ยนหลิงรีบเดินมาที่หน้าเคาน์เตอร์ กล่าวว่า “เมื่อครู่ ท่านหมอเทวดาฉีพึ่งเขียนใบสั่งยาช่วยชีวิตให้คุณพ่อของฉัน จำเป็นต้องใช้หญ้าน้ำลายมังกร ดังนั้นหญ้าน้ำลายมังกรต้นนี้ฉันเอาแล้ว” “ได้ครับ อย่างนั้นคุณรีบนำไปเถอะ ช่วยท่านอธิบดีเฉาเป็นเรื่องสำคัญ” พนักงานร้านไม่ลังเลแม้แต่น้อย จะยื่นหญ้าน้ำลายมังกรให้เฉาเยี่ยนหลิงหัวคิ้วของหลินหยางขมวดเข้าหากัน ยื่นมือไปกดกล่องยาไว้“เอามือของนายออกไป” เฉาเยี่ยนหลิงเหลือบมองหลินหยางอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง ใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง“ผมจ่ายเงินแล้ว ดังนั้น หญ้าน้ำลายมังกรต้นนี้เป็นของผมแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์จะมอบหญ้าน้ำลายมังกรต้นนี้ให้คุณ” หญ้าน้ำลายมังกรมีความสำคัญต่อเขามาก ทั่วทั้งเมืองลั่ว ในช่วงเวลาสั้นๆ เกรงว่าคงไม่อาจหาต้นที่สองออกมาได้แล้วหลินหยางจะมอบให้คนอื่นได้อย่างไร“นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” เฉาเยี่ยนหลิงถามอย่างเย็นชา“ไม่รู้ และผมก็ไม่คิดจะรู้ด้วย” พนักงานของอีซินถังรีบกล่าวว่า “คุณหนูเฉาเยี่ยนหลิงเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการเฉา ผู้อำนวยการฝ่าย