หลังหลินหยางจากไป ฉินโม่หนงใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งจึงสามารถสงบสติอารมณ์ที่ถูกหลินหยางทำลายลงได้ เธอโทรหาเลขา“ท่านประธานฉินคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ” จางเชี่ยนที่เป็นเลขากล่าว“ว่ามา” ฉินโม่หนงรีบกลับคืนสู่บรรยากาศความน่ายำเกรงในยามปกติทันที“เมื่อครู่ติ่งเซิ่งกรุ๊ปส่งคนมายุติความร่วมมือทั้งหมดค่ะ บรรดาผู้ถือหุ้นเหมือนจะรู้ข่าวก่อน ตอนนี้ที่บริษัท จะให้ท่านมามอบคำอธิบายค่ะ” คิ้วของฉินโม่หนงขมวดเบาๆ “ลนลานอะไรกัน? วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของมู่หรงจาง มีหลายคนที่จะไปประจบประแจง ล้วนแต่จ้องเนื้อติดมันชิ้นนี้ทั้งนั้น ติ่งเซิ่งกรุ๊ปมายกเลิกความร่วมมือในตอนนี้ ก็แค่อยากจะดูความจริงใจของพวกเรา ยิ่งกว่านั้นก็เพื่อที่จะเรียกร้องเงื่อนไขที่ได้ประโยชน์มากขึ้น”“อย่างนั้นพวกผู้ถือหุ้น…”“ให้พวกเขาไสหัวกลับไปให้หมด เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ยังไม่ใช่รอบให้พวกเขามาบงการ” ฉินโม่หนงยังคงแข็งกร้าวเช่นยามปกติ เมื่อพูดจบก็วางสายลงทันทีฉินโม่หนงอาบน้ำชำระกาย สวมเสื้อผ้าเสร็จก็ลงไปข้างล่าง เผชิญเข้ากลับฉินเยียนหรานที่ออกมาจะห้องพอดี“แม่คะ…ขอโทษด้วยที่หนูไม่เชื่อฟังแม่ ไม่ได้ไปพักที่โรงแรม หนูไม่อยาก
“แกไปติดต่อกับเขาสักครั้ง เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา คืนนี้หลินหยางน่าจะมาอีก ให้ต้วนเทียนเต๋อแอบซุ่มอยู่แถวนี้ ขอเพียงหลินหยางปรากฏตัว ให้ฆ่าเขาได้เลย” ฉินโม่หนงกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอำมหิต“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” ฉินโม่หนงเรียกรถพยาบาลมา ส่งหวังกุ้ยหรงไปรักษาที่โรงพยาบาล“หลินหยาง แกอย่าโทษที่ฉันอำมหิตไร้น้ำใจ เมื่อก่อนฉันไม่ได้คิดให้แกตาย แต่แกไม่ควรใช้กำลังแตะต้องฉัน หลุดออกจากการควบคุมของฉัน แถมยังเป็นฝ่ายกุมจุดอ่อนของฉันไว้ ดังนั้นแกต้องตายเท่านั้น” ฉินโม่หนงหรี่ตาลงเล็กน้อย พึมพำกับตัวเองจากนั้น เธอขับรถไปที่บริษัท จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการยุติความร่วมมือของติ่งเซิ่งกรุ๊ป ยังต้องเตรียมเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของมู่หรงจางในตอนกลางคืน และไปหามู่หรงยิ่นเพื่อคุยเรื่องการร่วมมือต่อพันธมิตรทางธุรกิจอย่างติ่งเซิ่งกรุ๊ปไม่อาจปล่อยให้หลุดไปอย่างเด็ดขาด ทันทีที่สูญเสียความร่วมมือกับติ่งเซิ่งไป จะทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกเป็นพรวน และจะทำให้แผนการของเธอในการขยายกิจการของซิงเย่ากรุ๊ปเข้าสู่มณฑลหนานตูเกิดความวุ่นวายขึ้นมาได้การร่วมมือกับติ่งเ
เมื่อพนักงานในร้านเห็นหญิงสาว ก็รีบแสดงออกอย่างเคารพนบนอบทันที“คุณหนูเฉา มีอะไรครับ?”เฉาเยี่ยนหลิงรีบเดินมาที่หน้าเคาน์เตอร์ กล่าวว่า “เมื่อครู่ ท่านหมอเทวดาฉีพึ่งเขียนใบสั่งยาช่วยชีวิตให้คุณพ่อของฉัน จำเป็นต้องใช้หญ้าน้ำลายมังกร ดังนั้นหญ้าน้ำลายมังกรต้นนี้ฉันเอาแล้ว” “ได้ครับ อย่างนั้นคุณรีบนำไปเถอะ ช่วยท่านอธิบดีเฉาเป็นเรื่องสำคัญ” พนักงานร้านไม่ลังเลแม้แต่น้อย จะยื่นหญ้าน้ำลายมังกรให้เฉาเยี่ยนหลิงหัวคิ้วของหลินหยางขมวดเข้าหากัน ยื่นมือไปกดกล่องยาไว้“เอามือของนายออกไป” เฉาเยี่ยนหลิงเหลือบมองหลินหยางอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง ใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง“ผมจ่ายเงินแล้ว ดังนั้น หญ้าน้ำลายมังกรต้นนี้เป็นของผมแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์จะมอบหญ้าน้ำลายมังกรต้นนี้ให้คุณ” หญ้าน้ำลายมังกรมีความสำคัญต่อเขามาก ทั่วทั้งเมืองลั่ว ในช่วงเวลาสั้นๆ เกรงว่าคงไม่อาจหาต้นที่สองออกมาได้แล้วหลินหยางจะมอบให้คนอื่นได้อย่างไร“นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” เฉาเยี่ยนหลิงถามอย่างเย็นชา“ไม่รู้ และผมก็ไม่คิดจะรู้ด้วย” พนักงานของอีซินถังรีบกล่าวว่า “คุณหนูเฉาเยี่ยนหลิงเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการเฉา ผู้อำนวยการฝ่าย
เป็นอย่างที่คิดไว้ ทุกคนถูกคำพูดของเฉาเยี่ยนหลิงกระตุ้นอารมณ์ทันที ทำให้หลายคนเกิดความริษยาขึ้นในหัวใจถึงอย่างไรก็เป็นเงินถึงยี่สิบล้านบาท มีคนมากมายที่ทั้งชาติก็หาเงินเท่านี้ไม่ได้“ก็ใช่นะสิ! เจ้าหนุ่มน้อย แกเองก็โลภมากเกินไปแล้ว ได้เงินยี่สิบล้านก็น่าจะพอได้แล้วน่า!”“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและโชคชะตา แกอย่าได้กลายเป็นคนแก่เงิน รีบขายให้คุณหนูเฉาเถอะ”“คนประเภทนี้ ทำตัวโลภมากไม่รู้จักพอ เงินยี่สิบล้านยังคิดว่าน้อยไป? ไม่รู้จักพอจริง ๆ”ชั่วพริบตา สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หลินหยางกลายเป็นเป้าโจมตี ประสบกับการตกเป็นขี้ปากของทุกคน กลายเป็นคนชั่วโลภมากไม่รู้จักพอเฉาเยี่ยนหลิงเห็นดังนั้น ก็ค่อนข้างพึงพอใจมาก จ้องมองหลินหยางอย่างยั่วยุแวบหนึ่งเฉาเยี่ยนหลิงคิดว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ หลินหยางพ่ายแพ้แล้ว จำต้องขายหญ้าน้ำลายมังกรให้เธอแต่เธอยังรู้จักหลินหยางน้อยไปหลินหยางไม่มีทางใส่ใจว่าคนอื่นจะปฏิบัติหรือประณามเขาอย่างไร ยิ่งไม่ได้รับการอ้างหลักศีลธรรมมาบังคับให้คนคนหนึ่งทำตามที่ตนเอง“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและโชคชะตาเกี่ยวอะไรกับผมด้วย? สรุปว่า ผมไม่ขาย มีเ
ทันทีที่กระโจนเข้าไปฉีเทียนหมิงก็แสดงท่าทางทันที มือข้างซ้ายเป็นมือคว้าใหญ่ ส่วนมือข้างขวาใช้พลังมือคว้าเล็ก ส่งพลังไปที่นิ้ว มือสองข้างร่วมมือกัน เข้าโจมตีด้วยเจตนาโหดร้ายถ้าหากถูกเขาจับข้อต่อกระดูก ก็จะถูกบีบแตกภายในพริบตาถึงแม้ว่าตอนนี้หลินหยางจะเป็นปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้า แต่ยังขาดประสบการณ์การต่อสู้ กระบวนท่าการต่อสู้หลายท่ายังไม่เข้าใจเมื่อเจอกับนักรบระดับมานะสร้าง สามารถโจมตีครั้งเดียวเอาชนะได้สิบรอบ ก็บดขยี้ได้อย่างง่ายดายแต่ถ้าหากเจอกับปรมาจารย์ระดับเบิกฟ้าแบบเดียวกัน ประสบการณ์ด้านการต่อสู้ก็จะเสียเปรียบมากระดับไม่เท่ากับกำลังรบที่แท้จริง ประสบการณ์และเทคนิคการต่อสู้ ความเข้าใจในกระบวนท่าการต่อสู้รวมทั้งระดับความประณีต ก็ส่งผลต่อปัจจัยสำคัญของกำลังรบที่แท้จริงหลินหยางไม่ได้รีบร้อนที่จะเอาชนะในกระบวนท่าเดียว เขาเห็นว่าพละกำลังของฉีเทียนหมิงไม่เลว พอถู ๆไถๆให้เขาฝึกปรือฝีมือได้ สะสมประสมการต่อสู้จริงสักเล็กน้อยเนตรคู่ของหลินหยาง ตอนนี้ได้เริ่มใช้งานพลังระดับแรกแล้ว สามารถมองเห็นในที่มืด การมองระยะไกล การมองแบบสโลว์โมชั่นการมองแบบสโลว์โมชั่นก็คือการทำให้การโจมตีของ
“ไร้ความสามารถแต่ปากดี”หลินหยางพูดประโยคนี้จบ ก็เดินออกไปด้านนอกร้านอีซินถังทันที“อ๊าก! ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก!!”ฉีเทียนหมิงแหงนหน้าแล้วร้องคำรามออกมาอย่างโกรธแค้นเขาที่หยิ่งผยองมาตลอด เดิมทีคิดอยากจะโชว์ฝีมือต่อหน้าเฉาเยี่ยนหลิง โอ้อวด คิดไม่ถึงว่าโอ้อวดไม่สำเร็จแต่ยังถูกเอาคืนอีก ขายขี้หน้าไปถึงต้นตระกูลฉีเทียนหมิงเกลียดหลินหยางเข้ากระดูกดำ แทบอยากจะถลกหนังเขาทั้งเป็นเดี๋ยวนี้หลินหยางเดินอย่างวางมาดออกจากร้านอีซินถัง ไม่มีใครกล้าห้าม ทุกที่ที่เดินผ่าน ฝูงชนก็หลีกทางให้แต่โดยดีเฉาเยี่ยนหลิงไม่สนใจอาการบาดเจ็บของฉีเทียนหมิง หญ้าน้ำลายมังกรเป็นสิ่งของที่สามารถช่วยชีวิตพ่อเธอได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ต้องเอามันมาให้ได้เธอตามออกไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิดหลินหยางเปิดประตูรถ กำลังจะขึ้นรถ“เดี๋ยวก่อน!”เฉาเยี่ยนหลิงตามออกมา ขวางอยู่ด้านข้างรถหลินหยางกล่าว “อยากจะลงมือแย่ง?”“ฉันเอาชนะนายไม่ได้หรอก”เฉาเยี่ยนหลิงกลับแสดงความจริงใจ กล่าวอย่างร้อนใจ “สรุปแล้วต้องทำยังไงนายถึงจะยอมเอาหญ้าน้ำลายมังกรให้ฉัน? นายบอกราคามาเถอะ”“ผมบอกแล้ว ไม่ขาย เงินไม่ใช่ปัญหา”เฉาเยี่ยนหลิงร้อ
เฉาเยี่ยนหลิงนั่งอยู่ในรถของหลินหยาง มีความตึงเครียดและกังวลอยู่หน่อย ๆ“โรงพยาบาลไหน?” หลินหยางกล่าวถาม“โรงพยาบาลแห่งที่หนึ่งของเมืองลั่ว”หลินหยางสตาร์ทรถ ขับออกไปด้วยความเร็วเฉาเยี่ยนหลิงเช็ดน้ำตา กล่าวถาม “นายจะช่วยพ่อของฉันยังไงกันแน่? หมอเทวดาฉีบอกว่า จำเป็นต้องใช้หญ้าน้ำลายมังกร”“นั่นเป็นเพราะฝีมือการรักษาโรคของเขาไม่เชี่ยวชาญพอ” หลินหยางกล่าว“หมอเทวดาฉีเป็นแพทย์ที่มือชื่อเสียงที่สุดแห่งเมืองลั่วของพวกเราเลยนะ รักษาโรคที่ยากและซับซ้อนให้หายดีมานับไม่ถ้วน แต่นายกลับพูดว่าฝีมือการรักษาของเขาไม่ชำนาญ?”“ต่อหน้าของฉัน เขายังไม่มีสิทธิ์ที่จะถูกเรียกว่าหมอเทวดา”เฉาเยี่ยนหลิงได้ยินดังนั้น ก็เม้มปาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้ไม่กล้าล่วงเกินหลินหยาง เธอก็อยากจะพูดฉีกหน้าหลินหยางออกมาว่าขี้โม้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นต่ำ“หมายความว่า ฝีมือทางการรักษาของนายล้ำเลิศมาก?”เฉาเยี่ยนหลิงอดที่จะถามไม่ได้“ยังไงก็ดีกว่าฉีอีซินแน่นอน”แน่นอนว่าเฉาเยี่ยนหลิงไม่มีทางเชื่อคำพูดของหลินหยาง“ฉันถามชื่อนายได้ไหม?” เฉาเยี่ยนหลิงกล่าว“หลินหยาง”เฉาเยี่ยนหลิงครุ่นคิดอย่างจริงจังพักหนึ่ง มั่น
ฉีอีซินส่งเสียงกล่าวเป็นคนแรก“แกทำร้ายลูกฉันจนได้รับบาดเจ็บ?”“ถูกต้อง ลูกชายของคุณความสามารถไม่พอ ยังอยากจะยุ่งเรื่องชาวบ้าน ถูกทำร้ายก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่หรือไง?” หลินหยางกล่าว“สารเลว! แกกล้าอวดดีขนาดนี้ ที่เมืองลั่ว แม้แต่มหาปรมาจารย์ทั้งสี่ยังใช้เกียรติฉัน แต่แกกลับกล้าทำร้ายลูกชายฉัน?!”ฉีอีซินกล่าวอย่างโมโห“บาดเจ็บแล้ว คุณยังอยากจะเรียกร้องเกียรติให้ลูกชายคุณไหม? ผมต่อได้นะ”หลินหยางเลิกคิ้วทรงกระบี่“แก!”ถึงแม้ว่าฉีอีซินจะมั่นใจว่าฝีมือการรักษาของตนเองล้ำเลิศ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องการต่อสู้กลับสู้คนอื่นไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่สามารถทำอะไรหลินหยางเลยสักนิด“ไอ้เด็กสารเลว ฉันจะทำให้แกมีชีวิตรอดไปไม่ถึงวันพรุ่งนี้!”ฉีอีซินกล่าวด้วยแรงอาฆาต“ส่งหญ้าน้ำลายมังกรมาให้ฉัน เรื่องที่แกทำร้ายลูกชายของหมอเทวดาฉีจนได้รับบาดเจ็บ จะไม่เอาความก็ได้”จางซูอวิ๋นยังคงสนใจหญ้าน้ำลายมังกรที่สุด ในระหว่างที่พูดก็ส่งสายตาให้ฉีอีซิน ส่งสัญญาณให้เขาให้ความร่วมมือหน่อยหลินหยางแค่นเสียงหัวเราะ ไม่สนใจจางซูอวิ๋น หันหลังกลับเดินออกไป“ขวางเขาเอาไว้!”บอดี้การ์ดของเฉาเค่อหมิงลงมือกับหลินหยา
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต
หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปหยอกหลูอ้าวตงอีกสักที?ไม่มีอะไรทำก็ไปยั่วโมโหหลูอ้าวตงสักหน่อย ได้กลายเป็นความเคยชินของหลินหยางไปแล้วแต่ทว่าทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลับมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาเบอร์โทรศัพท์นั่นคือ...ฉินเจิ้งคุน?หลินหยางมีความประหลาดใจเล็กน้อย จะว่าไป ฉินเจิ้งคุนควรจะส่งคนมาไล่ฆ่าตนถึงจะถูกอย่างไรเสียสิ่งของที่ไม่ได้มาครอบครองก็ต้องทำลายทิ้ง ถึงจะเหมาะสมกับสไตล์ของตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาผลปรากฏว่าการตามล่าของตระกูลฉินที่รอคอยมาไม่ถึงสักที...เขารับสายแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วเสียอีกนะ...”“ไอ้บ้า!”ทันทีที่ฉินเจิ้งคุนต่อสายติดก็ได้ยินประโยคนี้ โมโหจนสะอึกทันที “คนที่ใกล้ตายอย่างแกยังจะกล้าพูดจาเหลวไหล! ตอนนี้แกได้ถูกหลูอ้าวตงตามฆ่าเหมือนกับหนูท่อที่น่ารังเกียจแล้วละมั้ง!”“ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว...”หลินหยางเหลือบตามองลูกน้องที่เพิ่งรับเอาไว้เมื่อสักครู่นี้แวบหนึ่ง หลูอ้าวตงทั้งส่งสมุนไพรทั้งส่งผู้หญิงมาให้ โดนตนจัดการจนรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาอยู่หน่อย ๆ เสียแล้วแต่ทว่าฉินเจิ้งคุนกลับไม่เชื่อ กล่าวเสียงเย้ยหยัน “เลิกพูดจาไร้สาระ ต
เขาหยิบยาพิษสี่เม็ดออกมาจากในกระเป๋าเฉียนคุน โยนให้พวกเขา“ยาพิษนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่ถอนได้ ถ้าหากพวกแกกล้าทรยศ จะต้องตายอย่างน่าเวทนามากแน่อย่างแน่นอน”ปรมาจารย์ทั้งสี่เข้าใจว่าหลินหยางไม่เชื่อใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ยาพิษนี้ไม่กินก็ต้องกิน จากนั้นก็กลืนยาพิษลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเมื่อทั้งสี่คนกลืนยาพิษลงไปแล้ว หลินหยางถึงได้ไปช่วยรักษาม๋อจื่อภายใต้การจับตามองอย่างประหม่าของหลี่หรูเยว่หลินหยางใช้เข็มวาสนาฝืนลิขิต ม๋อจื่อค่อนข้างไม่ธรรมดา รากฐานกระดูกแข็งแรงมากมาตั้งแต่กำเนิด มุมมองของหลินหยาง เหมาะที่จะเดินเส้นทางเทพวรยุทธ์มากแต่น่าเสียดายที่ถังฮ่าวหรานความคิดตื้นเขิน ใช้วิชาแปลงอสูรสวรรค์ฝึกฝนเขาจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ม๋อจื่อก็ฟื้นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ท่าทางดุร้าย“ม๋อเอ๋อร์ฟื้นแล้ว!”หลี่หรูเยว่ดีใจเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาทันที หันหน้าไปมองหลินหยางพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณนายท่าน!”ก่อนหน้านี้ม๋อจื่อดูเหมือนคนกำลังใกล้ตาย เวลาแค่เพียงครู่เดียวหลินหยางก็รักษาเขาจนหายดีแล้วนับว่าเธอนับถือฝีมือการรักษาของหลินหยางอย่างถ