แชร์

เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง
เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง
ผู้แต่ง: ด้านนอกด่านประตูห่านป่า

บทที่ 1

“ไอ้บอด แกรีบเก็บข้าวของ แล้วไสหัวออกไปจากบ้านฉัน”

ในคฤหาสน์ตระกูลฉิน ฉินเยียนหรานเดินมายังห้องใต้ดินที่หลินหยางอาศัยอยู่ พูดจาอย่างหยิ่งผยองกับหลินหยางที่กำลังคุกเข่าถูพื้นอยู่

หลินหยางไม่แม้แต่จะเงยหน้า ไม่แม้แต่จะส่งเสียงและถูพื้นต่อไป

ฉินเยียนหรานถีบหลินหยางจนล้มลงไปกองกับพื้น

“ไอ้บอด! ฉันกำลังพูดกับแก แกหูตึงหรือไง?”

หลินหยางค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างของเขามองไม่เห็น ด้านหน้ามีเพียงความมืดมิด

“ผมไปก็ได้ แต่ผมต้องเอาของที่เป็นของผมกลับคืนมา” หลินหยางกล่าว

“ของอะไรที่เป็นของแก? กระจกตา? หรือว่าหุ้นของซิงเย่า กรุ๊ป?”

ฉินเยียนหรานหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม “ไอ้บอดอย่างแก ช่างคิดเพ้อฝันจริง ๆ ตอนนี้ไม่มีของชิ้นไหนที่เป็นของแกเลยสักชิ้น ทั้งซิงเย่า กรุ๊ป เป็นของตระกูลพวกฉันหมดแล้ว”

“แม้แต่ ชีวิตอันไร้ค่าของแก ก็เป็นของครอบครัวฉันเหมือนกัน ฉันไม่ฆ่าแกให้ตาย แค่จะให้แกไสหัวออกไปใช้ชีวิตตามยถากรรม ก็นับว่าเมตตากับแกแล้ว”

เมื่อหลินหยางได้ยินดังนั้น ก็กำหมัดแน่นอย่างหมดความอดทน ใบหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

เมื่อสิบกว่าปีก่อน ฉินโม่หนงพาลูกสาวฉินเยียนหรานหนีภัยมาที่เมืองลั่ว ใช้ชิวิตอย่างยากลำบาก

ฉินโม่หนงเป็นคนสวยตั้งแต่เกิด ไร้ที่พึ่งพาอาศัย ถูกพวกอันธพาลรังแก เป็นเพราะมารดาของหลินหยางช่วยพวกเธอแม่ลูกเอาไว้ รับพวกเธอมาเลี้ยงดู ทั้งยังให้ฉินโม่หนงไปทำงานที่ซิงเย่า กรุ๊ป

มารดาของหลินหยางดีต่อฉินโม่หนงเป็นอย่างมาก เห็นเธอเป็นเหมือนพี่น้องแท้ ๆ ฝึกฝนเธอให้เป็นรองประธานขององค์กรมอบหมายหน้าที่สำคัญให้

เมื่อสองปีก่อน บิดาของหลินหยางประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต ก่อนตายได้ฝากฝังบริษัทและหลินหยางให้ฉินโม่หนง ให้หลินหยางยอมรับเธอในฐานะแม่บุญธรรม

หลินหยางเชื่อใจแม่บุญธรรมคนนี้ที่สุด คิดไม่ถึงเลยว่าฉินโม่หนงจะเป็นผู้หญิงใจอสรพิษ ซื้อใจคนในบริษัท จำกัดคนที่เห็นต่าง ควบคุมและกลืนกินหุ้นของหลินหยางทีละน้อยจนหมด

ที่ยิ่งน่าแค้นใจกว่าคือ ฉินเยียนหรานดวงตาได้รับบาดเจ็บ ฉินโม่หนงเอากระจกตาของหลินหยางไป เพื่อปลูกถ่ายให้แก่ฉินเยียนหราน

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลินหยางได้กลายเป็นคนตาบอด ถูกฉินโม่หนงควบคุมอยู่ในบ้าน กลายเป็นสุนัขที่ถูกเลี้ยงจำกัดอยู่ในกรง ได้รับการทรมานและเหยียดหยามจากสองแม่ลูกสารพัด ทำได้เพียงอาศัยอยู่ในชั้นใต้ดินที่มืดครึ้มและอับชื้น มีชีวิตอยู่อย่างไรศักดิ์ศรี

“ทำไม? โมโห? อยากจะตีฉันใช่ไหม?”

ฉินเยียนหรานหัวเราะอย่างเหยียดหยาม ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยืดอกทั้งสองข้างที่น่าภาคภูมิใจขึ้น พูดจาท้าทาย “มาสิ แกมาตีฉันซิ ไอ้บอด!”

“มาสิ ตบฉันสิ!” ในระหว่างที่ฉินเยียนหรานพูดก็ตบหน้าหลินหยางฉาดหนึ่งอย่างรุนแรง

ฉินเยียนหรานฝึกเทควันโดตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ตอนนี้ได้เทควันโดสายดำระดับห้า ต่อให้หลินหยางไม่ได้ตาบอด ก็สู้เธอไม่ได้

สองปีมานี้ถูกขังอยู่ที่ห้องใต้ดินตระกูลฉิน เขาเป็นกระสอบทรายเนื้อมนุษย์มาสองปี มักจะถูกฉินเยียนหรานทุบตีจนบอบช้ำไปทั่วทั้งตัว ถูกเตะจนซี่โครงหักไปหลายซี่

“ไอ้สวะ! ให้แกตีแกยังไม่กล้า คนขี้แพ้อย่างแกจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร? ไม่สู้รีบ ๆ ตายไปซะ!”

หลินหยางเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ท่ามกลางเพลิงโทสะที่โหมกระหน่ำ ความอดกลั้นและความแค้นที่สะสมมาตลอดสองปีระเบิดออกมาในเวลานี้ทั้งหมด ทันใดนั้นก็ชกหมัดใส่ฉินเยียนหราน

ฉินเยียนหรานก็คิดไม่ถึงว่าไอ้ขี้แพ้อย่างหลินหยางที่ปกติไม่เคยโต้ตอบ ด่าไม่เคยด่ากลับจะกล้าลงมือกับเธอ ถูกหลินหยางชกหมัดเข้ากลางหน้าอกโดยไม่ทันระวังตัว

เมื่อบริเวณที่บอบบางและอ่อนนุ่มของฉินเยียนหรานถูกต่อย ทำให้รู้สึกเจ็บมาก

“รนหาที่ตายแล้ว!”

ฉินเยียนหรานใช้เท้าเปล่าครอสคิกใส่หัวสมองของหลินหยาง เหมือนกับโดนค้อนทุบทันใด หน้ามืดตาลาย ล้มลงกับพื้น

ฉินเยียนหรานเหยียบบนแผ่นหลังของหลินหยาง ล็อกมือขวาของเขาเอาไว้แล้วเหยียบ มือขวาของเขาก็หัก หลินหยางร้องออกมาอย่างน่าเวทนา

แม้หักแขนของหลินหยางหักข้างหนึ่งแล้ว แต่ฉินเยียนหรานยังไม่สาแกใจ จึงทั้งเตะทั้งต่อยไปอีกยก ซ้อมจนหลินหยางเลือดท่วมตัว หายใจรวยริน

“พอได้แล้ว! แกจะตีมันให้ตายเลยใช่ไหม?”

ฉินโม่หนงเดินเข้ามาที่ห้องใต้ดิน แผ่ซ่านความมีเสน่ห์ความเป็นผู้ใหญ่และสง่างามออกมา

ฉินเยียนหรานรูปร่างสูงสง่างาม เป็นหญิงงามที่มีรูปร่างร้อนแรง แต่เมื่อเทียบกับฉินโม่หนงผู้เป็นมารดาของเธอ ยังคงทิ้งห่างกันมาก

ตอนที่ฉินโม่หนงให้กำเนิดฉินเยียนหรานเพิ่งจะมีอายุได้สิบห้าปี ตอนนี้ก็อายุแค่เพียงสามสิบสี่ปีเท่านั้น ถ้าไม่บอกว่าเป็นแม่ลูกกัน อันที่จริงจะดูเหมือนพี่สาวกับน้องสาวมากกว่า

กลิ่นอายและเสน่ห์ที่มีความเป็นผู้ใหญ่บนตัวของฉินโม่หนง เป็นสิ่งที่ฉินเยียนหรานที่ยังเยาว์วัยไม่อาจเทียบได้!

“แม่ พวกเราเลี้ยงไอ้สวะนี่มาสองปีแล้ว มีประโยชน์อะไร? ไม่สู้อัดให้ตายไปเลยดีกว่า แค่หนูเห็นมันก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว”

ฉินเยียนหรานดึงแขนของฉินโม่หนงพร้อมเอ่ยกล่าว

“มันยังตายไม่ได้ จะกระทบต่อชื่อเสียงของฉัน ไม่อย่างนั้นฉันก็คงฆ่ามันทิ้งไปตั้งนานแล้ว!”

ฉินโม่หนงพูด มีท่าทางน่าเกรงขามโดยไม่ต้องโกรธ จริงแท้แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย

“แม่...”

ฉินเยียนหรานกล่าวอย่างออดอ้อน

“พอที เรียกหมอหลี่มารักษามันด้วย ที่บริษัทมีธุระด่วน ฉันจะออกไปสักหน่อย” ฉินโม่หนงกล่าว

“หนูรู้แล้ว”

ฉินเยียนหรานกล่าวรับพร้อมเบะปาก

แต่หลังจากที่ฉินโม่หนงเดินออกไป ฉินเยียนหรานก็ย้อนกลับมาที่ห้องใต้ดิน กล่าวเยาะหยัน “แม่ฉันอยากจะให้แกมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ฉันอยากให้แกตายให้ได้ สวะแบบแกมีชีวิตอยู่ต่อไปก็เปลืองอากาศเปล่า ๆ!”

ฉินเยียนหรานลากมือข้างหนึ่งของหลินหยางออกมาจากห้องใต้ดินราวกับลากศพสุนัขตัวหนึ่ง แล้วโยนไปที่ในห้องรับแขก

“ป้าหวัง เก็บกวาดภายในห้องให้สะอาดด้วย ฉันไม่อยากให้ในบ้านยังมีสิ่งของของมันหลงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว อีกเดี๋ยวฟ้ามืด ป้าก็โยนมันลงไปในแม่น้ำเป็นอาหารปลาซะ!”

ฉินเยียนหรานพูดกับแม่บ้าน

“คุณหนู ไหนคุณนายบอกว่าเขาจะตายไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ?” แม่บ้านกล่าว

“ป้าทำตามที่ฉันบอก เกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันรับผิดชอบเอง”

ฉินเยียนหรานสีหน้าไม่พอใจ

แม่บ้านลากหลินหยางออกไปอย่างรวดเร็ว โยนเข้าไปที่ท้ายรถ หลังจากที่ท้องฟ้ามืดลง ฉวยโอกาสในคืนที่ฝนตกหนักขับรถออกไปที่ริมแม่น้ำลั่วแล้วโยนหลินหยางลงไปในน้ำทันที

เนื่องจากฝนที่ตกหนักทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น น้ำไหลเชี่ยวกราก แต่มันกลับพัดพาหลินหยางไปยังริมฝั่งแม่น้ำ

น้ำฝนอันเย็นเฉียบปลุกหลินหยางที่หายใจรวยรินให้ตื่น และกระตุ้นความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดของเขาขึ้นมาอีกด้วย

หลินหยางค่อย ๆ ตะเกียกตะกายขึ้นมาจากโคลน คลานเข้าไปในวัดร้างผุพังแห่งหนึ่งที่อยู่ริมแม่น้ำลั่ว พอถึงเขาก็อ่อนล้าจนหมดแรง

หลินหยางนอนคว่ำอยู่บนพื้น รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะตายเต็มที เพียงแต่เขาไม่ยินยอม!

“พระเจ้าชั่ว ท่านเองก็ตาบอดเหมือนกันใช่ไหม?”

“ทำไมคนดีถึงไม่มีจุดจบที่ดี? พ่อแม่ของผมใจดีมีเมตตา แต่กลับต้องประสบกับภัยพิบัติ แม่ลูกตระกูลฉินจิตใจโหดเหี้ยม กลับได้ดิบได้ดี ผมไม่ยอม!”

“พระเจ้าชั่ว ไอ้ฉิบหาย ทำไมท่านถึงไม่ยุติธรรมขนาดนี้!”

เปรี้ยง!

เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับสวรรค์พิโรธ ผ่าจนต้นไม้หักที่อยู่นอกวัดร้างต้นหนึ่งไหม้เป็นตอตะโก!

“มาสิ พระเจ้าชั่ว แน่จริงท่านก็ผ่าผมให้ตายไปเลย!”

ดวงตาของหลินหยางเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว สีหน้าดุร้าย ด่าทอจนไร้เรี่ยวแรง น่าสังเวชเกินคำบรรยาย!

ทั้งฟ้าแลบฟ้าร้อง ลมฝนกระหน่ำ วัดร้างโยกเยกจะพังแหล่ไม่พังแหล่ท่ามกลางพายุฝน

เขาฝืนทนต่อไปอีกไม่ไหว หนังตาหนักอึ้ง สติเลือนราง จากนั้นก็หมดสติไป

ในเวลานี้ ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลัง เทวรูปของวัดร้าง

“สวรรค์และโลกไร้ความเมตตา พระเจ้าชั่วตาบอดไปแล้วจริง ๆ ดูท่านายเองก็ชะตารันทด”

ชายชราถอนหายใจทีหนึ่ง สำรวจร่างกายของหลินหยาง ยังมีชีพจรอยู่บางเบา จากนั้นก็เปิดเปลือกตาของเขา

ทันใดนั้น ชายชราคนนี้ก็หัวเราะออกมาราวกับถูกธาตุไฟเข้าแทรก

“เนตรคู่แต่กำเนิด?!”

“พระเจ้าชั่วเปิดตาแล้วหรือ? ให้ฉันได้เจอกับผู้ที่มีเนตรคู่ก่อนตาย ฉันจะถ่ายทอดวิชาให้นาย มอบโชควาสนาให้นายสักครั้ง!”
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Praphan
Fun good for reading
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status