ชานนท์ดันให้หญิงสาวนอนลงบนเตียงแล้วเบียดร่างแข็งแรงให้เสียดสีกับร่างเย้ายวนด้านล่าง ปุณณิศาหน้าแดงระเรื่อ เนื้อตัวสั่นสะท้านกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอ และเมื่อสบตากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาก็ทำให้เธอแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง
“แสดงเก่งดีนี่”
เสียงทุ้มกระซิบก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปตวัดหยอกล้อกับซอกคอและติ่งหู ขบเม้มเบาๆ ทำให้ปุณณิศาปั่นป่วนไปทั้งท้องน้อย ชายหนุ่มประกบปากจูบอีกครั้งส่งปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรง ปากนุ่ม เกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กอย่างหิวกระหาย ความหวานที่ได้รับยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกหลงใหล ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาให้ลุกโชนได้มากเท่านี้มาก่อนเลย
ความรู้สึกต่อต้านในคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความแปลกใหม่ปุณณิศากำลังจะหมดแรงเพราะฤทธิ์จูบจากเขา
“อ่า...”
ชานนท์ครางด้วยเขาพอใจกับการตอบสนองเงอะงะของ คนที่เขาคิดว่าเธอกำลังเสแสร้ง กายของเขารุ่มร้อนและจูบก็เริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กว่าเขาจะเขายอมผละออกจากปากอวบอิ่ม ปุณณิศาก็แทบจะขาดอากาศหายใจ
ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่น เขาไล้ปากและจมูกลงไปยังซอกคอระหง ยอมรับเลยว่ากลิ่นกายของเธอช่างหอมและเย้ายวนอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
“อื้อคุณ...”
“ชานนท์ ผมชื่อชานนท์”
เขากระซิบบอกชื่อตัวเองที่ข้างหู ก่อนจะลากลิ้นไปตามลำคออีกครั้ง เขาทำราวกับว่ากำลังลากปลายลิ้นลงบนไอศกรีมรสโปรด นั่นก็ทำให้หญิงสาวร้องครางออกมาอย่างไม่อาจจะอดกลั้นได้ร่างกายเย้ายวนเริ่มดิ้นพล่านกับการจู่โจมของคนมากประสบการณ์ หญิงสาวครางกระเส่าใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยพายุอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ฝ่ามือร้อนกุมอกอิ่มที่ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน ปุณณิศาทั้งเขินทั้งเสียวซ่านจนครองสติแทบไม่อยู่
“อื้อ...คุณนนท์”
หญิงสาวอยากจะร้องขอให้เขาหยุดแต่ก็ช้าไปเมื่อตอนนี้เขาดึงชุดเกาะอกของเธอจนมันขาดออกจากกันอย่างง่ายดายจนเผยให้เห็นความอวบอิ่มที่สะดุดตา
ปุณณิศาสะท้านไปทั้งร่างเมื่อริมฝีปากของเขาไล่ลงมาต่ำยังเนินอกอิ่ม มือหนึ่งอ้อมไปด้านหลัง เขาปลดตะขอบราเซียร์ของเธอออกด้วยความชำนาญ
“เธอไม่ได้ไปศัลยกรรมมาใช่ไหม”
ชานนท์เงยหน้าขึ้นมาถาม แล้วก้มลงมองความอวบอิ่มอย่างหื่นกระหาย ยิ่งเห็นเธอส่ายหน้าเขาก็ยิ่งพอใจกับคำตอบ ชายหนุ่มก้มลงไปพิสูจน์ด้วยปลายลิ้นร้อนและเพียงแค่สัมผัสส่วนปลายเม็ดทับทิมก็แข็งชูชันต้อนรับอย่างท้าทาย
“อื้อ...คุณนนท์”
เสียงหวานครางสะท้านเมื่อเจอทั้งปลายลิ้น ปากและฟันของเขาหยอกเย้าลงบนทรวงอกอิ่มอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านที่พุ่งพรวดเข้ามาโจมตีทำให้สาวสั่นไปทั้งตัว
ชานนท์กำลังสับสนเพราะเธอทำเหมือนไม่เคยถูกใครสัมผัสมาก่อน เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอเล็กน้อยจากนั้นก้มหน้าลงดูดกลืนเม็ดทับทิมสีสวยเข้าปากสลับเปลี่ยนข้างไปมามือใหญ่บีบเคล้นอย่างหลงใหลในความอวบอิ่ม
และเมื่อได้ยินเสียงหวานดังขึ้นมือที่ฟอนเฟ้นอกอวบก็เลื่อนลงต่ำลงมายังหน้าท้องแบนราบผ่านชั้นในตัวบางลงไป
“อ๊ะ...”
ปุณณิศาครางเสียงสั่น เมื่อนิ้วร้ายกำลังคลี่กลีบกุหลาบซึ่งเริ่มมีละอองน้ำหวานให้แยกออกจากกัน ปลายนิ้วสะกิดบนยอดเกสรที่ไวต่อความรู้สึก จนร่างหญิงสาวสั่นสะท้าน ปุณณิศาบิดตัวเกร็งร่างในบางครั้งเสียงร้องครางยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ
ชานนท์ส่งปลายนิ้วที่ลูบไล้บนกลีบเกสรกุหลาบ ก่อนจะกดเข้าไปโพรงอุ่นร้อนอย่างช้าๆ
“อ๊ะ....”
“เธอชื่ออะไร ฉันจะได้เรียกถูก”
“หนูชื่อปุณณิศาค่ะคุณนนท์”
“ชื่อเพราะดีนะ เสียงก็เพราะ เวลาเสร็จอย่าลืมเรียกชื่อฉันล่ะ จำได้ใช่ไหมว่าฉันชื่ออะไร”
เขาถามขณะที่มือก็กดนวดอยู่ในโพรงถ้ำราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง
“อื้อ..คุณนนท์ หนูจำได้”
เสียงหวานตอบกระท่อนกระแท่นเพราะร่างกายกำลังถูกปลุกเร้าอย่างหนักจนแทบจะครองสติไม่อยู่
“ปุณณิศา....”
เสียงครางเรียกเธอแหบพร่าเพราะความคับแน่นที่รัดนิ้วเอาไว้ เขาสั่นสะท้านอยากแทรกร่างเข้าหาจนห้ามแทบไม่อยู่
ปากร้อนของเขายังคงวนเวียนดูดดุนเม็ดทับทิมเข้าปากอย่างไม่ยอมหยุด ปลายนิ้วร้ายก็ไม่หยุดการเคลื่อนไหวสักจุดเดียว ในขณะที่ปุณณิศารู้สึกเหมือนใจจะขาด มือกดศีรษะเขาให้แนบชิดอกอิ่ม ส่วนปากก็ครวญครางอย่างน่าอาย
ชานนท์หลอกล่อเธอด้วยแรงดูดดึงที่ยอดอกอิ่มอีกมือก็ดึง แพนที่สีขาวก็หลุดออกจากร่างแล้วส่งนิ้วเขาไปอีกครั้ง เมื่อเสียงหวานร้องครางอย่างเร้าใจ เขาก็แน่ใจแล้วว่าเธอพร้อม ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะปลดกางเกงของตนออกแล้วหยิบถุงยางอนามัยมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ ปุณณิศานอนมองการกระทำของเขาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวแต่เธอมาไกลเกินกว่าจะถอย อีกเพียงอึดใจเดียวเงินจำนวนห้าหมื่นบาทก็จะเป็นของเธอ
“ฉันรู้ว่าของฉันมันใหญ่ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะฉันเชื่อว่าเธอจะทำให้มันเล็กได้ ปุณณิศา”
เขากระซิบแหบพร่าก่อนจะจับเรียวขาให้แยกออกจากกันปุณณิศาส่ายหน้าพลางกัดริมฝีปากตัวเองแน่น นั่นยิ่งทำให้เธอดูเร่าร้อนขึ้นไปอีกมาก เนื้อตัวเธอสั่นสะท้าน เขาไม่รู้ว่าเธอสั่นเพราะกลัวหรือสั่นเพราะเสียวกันแน่
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเพราะคิดว่าเธอกำลังแสดงบทบาทสาวพรหมจรรย์อยู่ เขาก้มลงมองตากับเธอในระยะประชิด ก่อนจะบดจูบอย่างเร่าร้อน จูบให้เธอหยุดการต่อต้าน มือข้างหนึ่งประคองอกอิ่มบีบเคล้น ส่วนอีกข้างประคองท่อนเอ็นร้อนถูไถกับกลีบกุหลาบและน้ำหวานที่ไหลรินอย่างปลุกเร้า ปุณณิศาแทบคลั่งกับการกระทำของเขา ปากร้อนผละจากปากอิ่มไปดูดกลืนยอดอกสีสวยที่กำลังชูชัน เมื่อเห็นเธอกำลังเคลิ้มเขาก็ส่งท่อนเอ็นที่เคลือบไปด้วยน้ำหวานของกุหลาบเข้าไปด้านในอย่างเต็มแรง
“อ๊ะ!....หนูเจ็บ”
ปุณณิศาร้องด้วยความเจ็บและตกใจ น้ำตาไหลลงมาทาง หางตา ร่างกายที่เคลิบเคลิ้มเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น ทิ้งไว้แค่เพียง ความเจ็บปวดราวกับร่างกายถูกฉีกออกเป็นชิ้น
“ปุณณิศา......”
ชานนท์ก็หยุดชะงักด้วยความตกใจ ประหลาดใจ ก่อนจะซบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่น ชายหนุ่มหายใจเข้าออกแรงๆ เพื่อระงับความดิบเถื่อนในอารมณ์รักของตน เขาน่าจะเชื่อสิ่งที่เธอแสดงออกแต่เพราะเขาคิดว่าเธอเสแสร้งก็เลยไม่มีความอ่อนโยนอย่างที่ควรจะเป็น ยิ่งได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด
“ฉันไม่รู้ เจ็บมากไหม”
“คุณนนท์ เอาออกก่อนได้ไหม หนูเจ็บ”
ปุณณิศาตอบด้วยเสียงสั่นเครือ แววตาเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำตายังคงไหลรินชายหนุ่มปาดมันออกเบาๆ แต่ถ้าให้เขาหยุดตอนนี้เขาคงได้ขาดใจตายแน่ๆ
“เธอเจ็บคนเดียวที่ไหน ฉันก็เจ็บ เธอรัดฉันแน่นมาก”
“งั้นคุณเอาออกก่อนได้ไหมคะ”
“ได้ที่ไหนละ มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันจ่ายเธอไปตั้งห้าหมื่นถ้าหยุดตอนนี้ฉันก็เสียเงินฟรีน่ะสิ เดี๋ยวเธอก็รู้สึกดีขึ้นเชื่อฉันนะปุณณิศา”
ชานนท์ก้มลงใช้ปากร้อนครอบครองเต้างามดูดดึงโลมเลียอย่างเมามัน ปุณณิศาเองก็หมดแรงจะต่อต้านสุดท้ายก็ต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตามเขาอารมณ์ของเขา
ท่อนเอ็นร้อนที่อยู่ในช่องทางรักอันคับแน่นเริ่มขยับตัวอย่างช้าๆ เพื่อให้เธอได้ปรับรับตัวตนของเข้าให้ได้มากที่สุด มือก็โอบกอดและดันแผ่นหลังให้อกอิ่มแนบชิดปากร้อน ส่วนเอวสอบก็ควบจังหวะไม่ได้หยุดนิ่งและนั่นก็ทำให้ปุณณิศาได้เห็นโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีอยู่จริง
“อื้อ.... คุณนนท์......อ่าห์....”
เสียงหวานครางเรียก ขณะที่มือเล็กดศีรษะให้แนบชิดอกอิ่ม ชานนท์ขยับกายเคลื่อนไหวในจังหวะที่เริ่มแรงและเร็วขึ้น ตามลำดับไปตามอารมณ์กำลังพุ่งสูง ปากร้อนยังคงดูดกลืนยอดอกสีสวยไว้ในปากอย่างไม่ยอมปล่อยราวกับทารกน้อยที่กำลังหิวกระหาย เสียงครางเล็ดลอดออกมาเป็นระยะด้วยความพอใจที่ได้ดูดกิน
“ปุณณิศา... เธอมันสุดยอด”
“คุณนนท์ อื้อ....."
เธอครางเรียกชื่อเขาแทบไม่ขาดปากนั่งยิ่งกระตุ้นให้เขาขยับสะโพกเข้าออกรัวเร็วขึ้น
ทุกจังหวะที่สอดประสานทำเอาปุณณิศาสั่นสะท้านไปทั้งร่างเหนื่อยหอบราวกับวิ่งมาหลายกิโล แต่ในความเหนื่อยนั้นกลับมีความรู้สึกอย่างอื่นร่วมอยู่ด้วย
“อ่าห์ เธอรัดฉันแน่นมาก เสียวที่สุดเลย เธอเก่งมากมาก”
“คุณนนท์ขา หนูใจจะขาด มันรู้สึกแปลกๆ ไม่ไหว หนูว่าหนูจะไม่ไหว”
“อีกนิดนะ รับรองว่าเธอจะได้เห็นดาวนับล้านดวงเลยที่เดียวปุณณิศา”
ชานนท์เร่งจังหวะสะโพกให้เร็วขึ้นแรงขึ้น เพื่อส่งเธอไปยังดินแดนสวรรค์
เสียงหวานกรีดร้องร่างกายเกร็งกระตุกติดๆ กันจนเขาต้องกอดไว้แน่น สองมือจิกไปบนไหล่หนา รู้สึกสมองว่างเปล่าและเหมือนกับเห็นดาวนับล้านดวงลอยอยู่เต็มไปหมดอย่างที่เขาบอกจริงๆ
เมื่อเธอสุขสมอย่างรุนแรงช่องทางรักก็ตอดรัดถี่รัวไปตามกลไกลธรรมชาติชานนท์ขยับเข้าออกหนักหน่วงอีกไม่กี่ครั้งเขาก็สุขสมตามเธอไปติดๆ
“อ่าห์...เธอเด็ดมากฉันชักติดใจแล้วสิ ต่อกันเลยนะ”
“คุณนนท์หนูไม่ไหวแล้ว” ปุณณิศาร้องขอเธอกำลังจะหมดแรงในขณะที่เขายังคงไม่ยอมหยุดพัก “อีกครั้งปุณ” ปุณณิศาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการร่วมรักครั้งแรกของเธอจะเกิดความรู้สึกมากมายได้ขนาดนี้ ทั้งสุข ทั้งเสียว ทั้งทรมาน ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อชื้นไปด้วยเหงื่อยามที่เขาอยู่ด้านบนตัวเธอแล้วก็ยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาของเธอพุ่งขึ้นสูงได้อย่างง่ายดาย “แน่นมาก ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยปุณเธอทำให้ฉันแทบคลั่ง” “คุณนนท์..อื้ม..หนูจะถึงอีกแล้ว...” “พร้อมกันนะปุณ อื้อ....อ่าห์.....” เสียงแหบพร่าครางอย่างสุขสม ความรู้สึกที่ช่องทางรักโอบรัดมันทำให้เขาฉีดพ่นลาวารักออกมาอย่างมากมายไม่รู้จบ ชานนท์รีบถอดเกราะป้องกันออกจากนั้นสวมกอดเธอไว้แน่นอย่างที่ไม่เคยทำแบบนี้กับคู่นอนคนไหนมาก่อน “ฉันมีความสุขมากปุณณิศา เธอก็มีความสุขเหมือนกันใช่ไหม” เขากระซิบข้างหู แต่อีกคนกลับนอนนิ่ง พอเขาก้มหน้ามองก็เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว “ฉันไม่อยากให้เธอทำแบบนี้กับใครเลยปุณณิศา”เมื่อได้ครอบครองเธอเป็นคนแรกเขาก็รู้สึกหวงแหนและยอมไม่ได้ถ้าจะให้ใครม
เมื่อคืนกัญญาวีร์แวะที่ร้านขายยาที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อซื้อยาแก้ปวดและแก้อักเสบให้ปุณณิศาทานเช้านี้หญิงสาวเลยไม่รู้สึกเจ็บมาก แต่ตามเนื้อตัวยังมีร่องรอยที่เขาทำไว้ เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกายสาวก็สั่นสะท้าน เธอยอมรับว่ามันเจ็บมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็อ่อนโยนกับเธอมากขึ้นปุณณิศาจำไม่ได้ว่าตัวเองมีความสุขกี่ครั้ง รู้แต่ไม่เคยมีความสุขแบบนั้นมาก่อน ไม่รู้ว่าเวลาที่เขาเห็นตัวเองในกระจกเขาจะคิดถึงเธอเหมือนที่เธอคิดถึงเขาหรือเปล่า เพราะเธอเองก็ทั้งข่วนทั้งหยิกและกัดไปที่บ่าของเขาไปไม่รู้กี่ครั้ง แต่ตอนนั้นมันห้ามร่างกายไม่ได้เลยสักนิด ทุกอย่างมันเป็นไปตามสัญชาตญาณซึ่งเขาเป็นคนปลุกมันขึ้นมา ปุณณิศาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวนานกว่าทุกวันเพราะต้องปกปิดร่องรอยที่เขาทำไว้ให้ดีก่อนที่จะออกจากบ้าน หญิงสาวแวะที่ธนาคารจัดการขึ้นเช็คจากนั้นก็รีบตรงไปยังโรงพยาบาล “พี่ปุณมาพอดีเลย ผมขอไปเรียนก่อนนะครับแม่แล้วตอนเย็นจะมาใหม่นะครับ” “ตั้งใจเรียนนะปั้น” “ครับแม่ ผมไปก่อนนะครับแม่ พี่ปุณ” พอลูกชายออกไปแล้วสีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อคร
ปุณณิศามาพบชานนท์ที่บริษัทในเวลาบ่ายของวันจันทร์จากนั้นเขาก็ให้ผู้ช่วยเลขาพาหญิงสาวไปซื้อชุดใหม่ ก่อนจะพาเธอกลับมานั่งรอเขาที่ห้องทำงานเพราะชายหนุ่มติดประชุมกับผู้บริหาร ชุดที่ผู้ช่วยเลขาเลือกซื้อส่วนใหญ่จะเน้นที่ชุดกระโปรงทำให้เธอกลายเป็นสาวหวานอย่างที่ชานนท์สั่งไว้ ส่วนใบหน้าและทรงผมนั้นเขาพอใจอยู่แล้วจึงไม่ต้องเปลี่ยนหรือแต่งหน้าให้ยุ่งยาก หญิงสาวมองถุงที่ใส่ชุดอีกหลายถุงที่วางอยู่ตรงพื้นแล้วก็ถอนหายใจเพราะมันดูจะมากเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ แต่พอบอกจะไม่เอาคนที่พาเธอไปก็ขอร้องเพราะถ้าอย่างนั้นเธออาจจะโดนเขาดุ ปุณณิศาก็เลยได้เสื้อผ้ามาอีกหลายชุด กว่าชานนท์จากออกจากห้องประชุมก็เกือบจะค่ำ แต่วันนี้ปุณณิศาไม่ต้องไปทำงานที่ผับแล้วจึงไม่มีธุระรีบไปไหน “เบื่อไหม” เขาถามหลังจากกลับมาจากห้องประชุมแล้วเห็นหญิงสาวนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ชานนท์เดินไปนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน “นิดหน่อยค่ะ” อันที่จริงเธอเบื่อมากที่ต้องมานั่งไถมือถือเล่นเพื่อรอเขาแบบนี้ แต่เพราะชานนท์เป็นนายจ้างปุณณิศาก็เลยต้องยอม “หิวหรือยังล่ะ”
ชานนท์พาปุณณิศามายังบ้านของตนเอง ซึ่งเพิ่งจะสร้างขึ้นได้ไม่นานเพราะก่อนหน้านั้นเขาอยู่กับบิดามารดาซึ่งบ้านของท่านอยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ไปอีกซอย แต่พอบิดามารดาย้ายไปเชียงใหม่ เขาก็มาสร้างบ้านอีกหลังใกล้กับบ้านของคุณปู่ “พี่นนท์อยู่คนเดียวเหรอคะ” “อือ ถามทำไม คิดว่าเหรอจะอยู่กับใครเหรอ” “เปล่าค่ะ หนูก็แค่แปลกใจ คุณปู่ก็อยู่คนเดียวพี่นนท์ก็อยู่คนเดียว แต่ทำไมไม่อยู่บ้านเดียวกันล่ะคะ” “คนเราก็ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้างสิ” “อ้อ วิถีคนรวยสินะคะ” ปุณณิศานึกถึงบ้านของตนเองที่อยู่กันตั้งสามคนแต่ขนาดของบ้านไม่ได้ครึ่งหนึ่งของบ้านหลังนี้ด้วยซ้ำ “หรือเธออยากจะให้ฉันย้ายไปอยู่กับคุณปู่ล่ะ” “ไม่ดีกว่าค่ะ อยู่ห่างแบบนี้ก็ดีเหมือนกันหนูจะได้ไม่เกร็งมาก” “ยังจะต้องเกร็งอะไร ฉันเห็นเธอคุยกับปู่ของฉันสนิทสนมเชียว” “ก็หนูอยากทำงานให้คุ้มค่าจ้างนี่ค่ะ” “แน่นะว่าอยากทำงานให้คุ้มค่าจ้าง” จู่ๆ คนที่เดินนำหน้าก็หยุดแล้วหันกลับมาทำให้คนที่เดินตามหลังไม่ทันระวังใบหน้าสวยจึงชนกับแผงอกเขาอย่างจัง หญิงสาวเก
ชานนท์มาพาปุณณิศามาพบกับหมอที่เป็นเพื่อนของเขาเพื่อขอคำแนะนำการคุมกำเนิด เมื่อคุณหมออธิบายถึงข้อดีข้อเสียของการคุมกำเนิดแต่ละวิธีแล้วก็ให้หญิงสาวเป็นคนตัดสินใจเอง “หมอคะถ้าหนูเลือกฝังเข็มได้ไหมคะ” ปุณณิศาตัดสินใจเลือกวิธีนี้เพราะหนึ่งในข้อดีของยาชนิดนี้คือเธอจะปวดประจำเดือนน้อยลง เนื่องจากที่ผ่านมาในแต่ละเดือนนั้นเธอปวดท้องมากจนบางครั้งลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว “ได้ครับ แต่คนไข้จะเจ็บ 2 ครั้งคือครั้งที่ฝังกับครั้งที่เอาออกแต่เรื่องความปลอดภัยก็ค่อนข้างสูงกว่าวิธีอื่น” “มันเจ็บไม่มากใช่ไหมคะ” “ไม่ครับคนไข้จะเจ็บก็ตอนที่ฉีดยาชาเท่านั้นแล้วแผลก็เล็กมากระยะเวลาคุมกำเนิดก็มี 3-5 ปี แต่ถ้าอยากจะเอาออกก่อนครบกำหนดก็สามารถเอาออกได้ทันทีครับ” คุณหมออธิบายอีกครั้งเพื่อประกอบการตัดสินใจเนื่องจากวิธีอื่นเธอจะไม่เจ็บตัว “ปุณ แน่ใจนะว่าจะเลือกวิธีนี้” ชานนท์นึกว่าเธอจะเลือกวิธีทานยาคุมกำเนิดเหมือนที่เธอเคยบอกกับเขา “ค่ะ หนูกลัวพลาด แล้วหนูก็ขี้ลืมด้วยค่ะ วิธีนี้เหมาะกับหนูที่สุดแล้ว” “แล้วไม่กลัวเข็มเหรอ”
แผลจากการฝังยาคุมกำเนิดของปุณณิศาหายดีหลังจากผ่านไปสี่วันตอนนี้เธอกลับมาสวมเสื้อแขนสั้นและไปทานอาหารที่บ้านของคุณปู่มนตรีได้อย่างไม่ต้องระแวงว่าท่านจะถามถึงที่มาของแผลที่ต้นแขน“เย็นนี้พี่นนท์ไปทานข้าวกับลูกค้า เราทานข้าวกันสองคนนะคะคุณปู่” ปุณณิศาพูดพลางตักอาหารใส่จานให้ปู่มนตรี เธอชอบที่จะทานกับคุณปู่แค่สองคนมากกว่าเพราะถ้าชานนท์อยู่ด้วยเธอจะค่อนข้างเกร็ง“ปู่ชินแล้วล่ะ ตานนท์ก็บ้างานแบบนี้ตลอด จะห่วงก็แต่หนูนั่นแหละ ย้ายมาอยู่กับพี่เขาก็เกือบอาทิตย์แล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ”“ก็ดีค่ะ”“ถ้าพี่เขาทำอะไรให้ลำบากใจก็บอกปู่นะ หลานปู่นะ มันค่อนข้างจริงจังกับงานบางครั้งก็อาจจะกลับดึกบ้าง หนูอยู่คนเดียวได้ไหมล่ะ จะให้ชมพู่ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่คนเดียวได้”หลังอาหารค่ำปุณณิศาก็นั่งคุยเป็นเพื่อนคุณปู่จนกระทั่งถึงเวลาที่ท่านต้องเข้านอน หญิงสาวจึงเดินกลับมายังบ้านของชานนท์ซึ่งตอนนี้เจ้าของบ้านยังไม่กลับมาจากทานอาหารเย็นกับลูกค้าหญิงสาวอาบน้ำแล้วลงมานั่งรอเข้าที่ห้องรับแขกอย่างที่เคยรอเป็นประจำ ปุณณิศาไม่รู้ว่าคืนนี้จะกลับมาตอนไหน เธอนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกจนกระทั่งเผลอหลับ
“ปู่ครับ ผมว่าแม่ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เลยจู่ๆ ก็ขึ้นมากรุงเทพ” ชานนท์ได้รับสายจากมารดาว่าเย็นนี้ให้เขาไปทานอาหารที่บ้านซึ่งพอเขาโทรกลับไปถามบิดาว่าอยากให้เขาเอาเครื่องดื่มอะไรไปให้ไหม บิดาของเขากลับบอกว่ามารดาลงมากรุงเทพกับเพื่อนซึ่งมันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เพราะปกติแล้วท่านจะไม่ค่อยไปไหนหากบิดาไม่ไปด้วย “ปู่ก็ไม่รู้เหมือน แล้วยังไงล่ะ เราไปทานอาหารเย็นกับแม่เขาไหม” “ก็คงต้องไปแหละ ผมอยากชวนปูไปด้วย” ชานนท์รับมือกับมารดาได้ไม่ดีเท่าไหร่เขาจึงอยากชวนคุณปู่ไปด้วย เพราะท่านกับมารดามักจะมีความคิดเห็นไม่ค่อยตรงกัน “แล้วหนูปุณล่ะ” “กำลังเตรียมตัวครับ ปู่ครับ ผมกลัวว่าแม่จะไปยอมรับปุณ” “หนูปุณน่ารักออกอย่างนั้นจะไม่ยอมรับได้ยังไง ปู่ว่าแกกังวลเกินไปหรือเปล่า” “ไม่รู้สิครับ ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆ” “ไม่มีอะไรหรอก ปู่ไปด้วยทั้งคน” ชานนท์ขับรถมายังบ้านของบิดามารดาซึ่งเขาอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าท่านทั้งสองจะไปทำที่ไร่ส้มที่เชียงใหม่แล้วแต่ที่บ้านก็ยังมีคนสวนและแม่บ้านที่คอยดูแลอยู่เสมอ “มาแล้วเหรอตา
ชานนท์มาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทย เขาและปุณณิศาลงไปส่งคุณปู่ที่ห้องรับแขก พอนายทศเห็นก็รีบเอาน้ำเย็นๆ มาต้อนรับ “เป็นยังไงบ้างล่ะหนูปุณ เจอฤทธิ์แม่ตานนท์เข้าไป คงไม่คิดจะถอยหรอกนะ” “ไม่หรอกค่ะคุณปู่” “ปู่ดีใจที่เห็นหนูสองคนหนักแน่นนะ ถ้าไม่ติดว่ายังต้องเรียนหนังสือปู่จะให้รีบแต่งงานกันก่อนเลย” “คุณท่านครับ เรียนก็แต่งได้ คุณท่านจำหลานคุณสุพจน์ได้ไหมครับ เขาเพิ่งแต่งงานจดทะเบียนไปเอง” “อ้อ จริงสิ” มนตรีนึกออกเพราะเขาก็ไปร่วมงานแต่งงานซึ่งจัดเป็นงานเล็กๆ ภายในครอบครัวเท่านั้น “ปู่ครับ ผมว่าเรื่องแต่งงานเอาไว้ก่อนดีไหม ผมอยากให้ปุณเรียนให้จบจะได้ไม่มีใครว่าเอาได้ แล้วถ้าต้องแต่งเหมือนหลานคุณสุพจน์ปู่จะยอมเหรอครับ” “ไม่มีทาง แต่งแบบนั้นรู้กันไม่กี่คน หลานชายปู่แต่งงานทั้งทีต้องจัดให้ใหญ่ ถ้าอย่างนั้นหนูปุณอดทนหน่อยนะลูก แม่ตานนท์เขามาแค่แป๊บเดียวไม่กี่วันก็คงกลับเชียงใหม่” “ค่ะคุณปู่” ปุณณิศารับคำ เพราะถ้าให้เธอต้องแต่งงานตอนนี้คงไม่ดีแน่ ทั้งสองคนคุยกับปู่อีกไม่นานก็ขอตัวกลับบ้าน ระหว่างทางชา
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว
วันนี้ปุณณิศามีเรียนในตอนบ่ายหญิงสาวจึงตื่นนอนสายกว่าทุกวัน เธอไม่ต้องไปทานอาหารเช้ากับคุณปู่เพราะวันนี้ท่านไปทำบุญที่วัดกับลุงทศตั้งแต่เช้าเรื่องที่ชานนท์บอกว่าจะคุยด้วยก็ยังไม่ได้คุย เพราะเมื่อคืนเธอหมดแรงหลับไปก่อน พอตื่นเช้ามาเขาก็ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวเดินลงมาที่ห้องครัวก็มีอาหารวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เธอทานเสร็จก็เก็บล้างและคิดว่าจะออกไปมหาวิทยาลัยสักสิบเอ็ดโมงเพราะมีแผนจะไปยืมไอแพดที่มหาวิทยาลัยขณะกำลังแต่งตัวชานนท์ก็โทรมาบอกเธอรอเขาอยู่ที่บ้านเพราะชายหนุ่มจะมารับเธอไปส่งที่มหาวิทยาลัย พอเขามาถึงเธอก็เร่งให้เขารีบไปส่งทันที“มีเรียนบ่ายโมงใช่เหรอ ทำไมดูรีบจังพี่ว่าจังพี่ว่าจะชวนหนูไปหาอะไรกินแล้วค่อยไปเรียนสักหน่อย”“หนูรีบไปยืมไอแพดค่ะ พี่นนท์ออกรถเลยค่ะ”“ยืมไอแพด ยืมใครครับ แล้วทำไมไม่ซื้อเอง”“ยืมที่คณะค่ะ เขามีให้นักศึกษายืม แต่ต้องเขียนคำร้องแล้ววันนี้ก็เปิดให้เขียนคำร้องวันแรกค่ะ หนูอยากรีบไปเขียนก่อนเข้าเรียนค่ะ”“พี่เคยบอกว่าถ้าอยากได้อะไรก็ให้บอกจำไม่ได้เหรอ”“จำได้ค่ะ แต่นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหนู”ชานนท์หันมามองก่อนจะถอนหายใจอย่างแรงพลางส่ายหน้า“
ชานนท์กดริมฝีปากลงกับเนินอกอวบอิ่มหนักๆ สร้างร่องรอยตีตราจองไว้ทุกจุดที่ลากผ่า ปลายนิ้วเรียวยาวเลื่อนลงไปสัมผัสจุดอ่อนไหวเบื้องล่าง“พี่นนท์...”“เปียกอีกแล้ว”“ก็เพิ่งอาบน้ำ”“แน่ใจเหรอว่าเพราะอาบน้ำ”“พี่นนท์ขา...”หญิงสาวเสียงสั่นเลือดลมในกายพลุ่งพล่านร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงราคะที่พร้อมจะแผดเผา ลมหายใจเริ่มสะดุดเพราะนิ้วร้ายที่รุกล้ำนั้นขยับเข้าออกเร่งเร้าให้ไฟให้โหมกระหน่ำมากขึ้นทุกขณะ“เสียวมากไหนคนเก่ง”“อื้ม พี่นนท์ขาอย่าแกล้ง”“ใครจะแกล้งเมียกันล่ะ พี่ก็แค่กำลังจะส่งหนูไปสวรรค์”“อ๊า...”เสียงครวญครางของหญิงสาวที่ค่อยๆ เพิ่ม ระดับความดังมากขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูงจากการปรนเปรอด้วยนิ้วร้ายที่หมุนวนคว้านครูดเสียดสีจนสมองของปุณณิศามึนงงไปหมด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงแรงบีบรัดที่ตอดถี่รัวกล้ามเนื้อภายในกลีบกุหลาบสีสวยของเธอ สองหนุ่มสาวสบตาสื่อสารกันทางความรู้สึกที่เข้าใจได้ไม่ยาก ปุณณิศาหน้าแดงซ่านร่างกายกำลังจะถึงจุดสูงสุด ชานนท์ดูดเต้างามเข้าอุ้งปาก ปลายลิ้นตวัดเลียเม็ดทับทิม ขณะส่งนิ้วรัวเร็วจนในที่สุดหญิงสาวก็ขับน้ำหวานออกมาจนชุ่มไปทั้งปลายนิ้ว เธอเกร็งกระตุกรัดนิ้วอย่างรุนแรงจนเขาต้องร
ชานนท์ขับรถตรงมาจอดที่หน้าบ้านของตัวเองเพราะอยากจะคุยกับปุณณิศาให้รู้เรื่อง แต่พอเขาจอดรถ เธอก็เปิดประตูแล้วรีบเดินไปทางบ้านของคุณปู่ เขาเลยต้องเดินตามเธอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าตัวเองเพิ่งจะร้องไห้มาในรถแต่พอมาเจอกับคุณปู่ปุณณิศาก็ปรับอารมณ์ของตนเองได้อย่างดี เธอไม่อยากให้ท่านต้องเป็นกังวลไปด้วยที่เห็นว่าเธอกับเขาโกรธกันอยู่ “เปิดเทอมแล้วเรียนนักไหมล่ะปุณ” “ไม่ค่ะ ช่วงนี้ยังสบายๆ อยู่ค่ะ แต่เดือนหน้าก็คงจะเริ่มหนักขึ้น” “อดทนนะ อีกไม่ถึงสองปีก็จะจบแล้ว คิดไว้หรือยังว่าจบแล้วจะไปทำงานที่ไหน”“หนูอยากสอนที่โรงเรียนใกล้บ้านค่ะ แต่ไม่รู้จะสอบได้ไหม เพราะโรงเรียนที่อยู่ในเมืองคนก็จะสอบกันเยอะค่ะ แต่บางทีก็คิดเหมือนกันค่ะว่าอยากจะไปสอบโรงเรียนไกลๆ เพราะไม่ค่อยมีใครอยากไปกันเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะสอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ก็มีมากขึ้น”“แล้วถ้าต้องอยู่ลำบากแบบนั้นหนูจะทนได้เหรอลูก” ปู่มนตรีเป็นห่วงกลัวหลานสะใภ้จะลำบาก“ได้สิคะ”“ปู่ขออวยพรให้หนูสอบได้โรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆ บ้านก็แล้วกันนะลูก ปู่ไม่อยากให้ไปไกลเลย”“ขอบคุณค่ะคุณปู่”“จะไปสอบทำไมใ