ปุณณิศาเปลี่ยนมาสวมชุดเกาะอกรัดรูปสีแดงเพลิงส่งให้ร่างที่ขาวอยู่แล้วกลับขาวเด่นยิ่งขึ้น ชุดที่สวมนั้นเน้นสัดส่วนยั่วยวนจนเธอเองมองในกระจกแล้วยังรู้สึกว่ามันเซ็กซี่เกินไปด้วยซ้ำ
เธอนั่งให้เพื่อนร่วมงานช่วยแต่งหน้าในขณะที่สมองกำลังคิดทบทวนสิ่งที่ทำอยู่ว่ามันจะคุ้มค่าไหมกับสิ่งที่ต้องเสียไปเพียงเพื่อเงินห้าหมื่นบาท
“ปุณ เรารู้นะว่าปุณกำลังคิดว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้องไหม แต่ปุณอย่าลืมนะว่าเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าปุณไม่ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายให้โรงพยาบาล แล้วถ้าป้าดาไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลตามกำหนดปุณก็ต้องจ่ายค่ารักษาเพิ่ม”
“เรากลัวแม่รู้แม่จะเสียใจ”
“แล้วปุณมีทางออกอื่นไหมล่ะ”
“ก็เพราะไม่มีทางออกน่ะสิ ถึงต้องทำแบบนี้ กัญญาห้ามบอกเรื่องนี้กับแม่และน้องเราเด็ดขาดนะ”
“ไม่บอกหรอกน่า สัญญาเลย” กัญญาวีร์เกี่ยวก้อยสัญญากับเพื่อน เธอเองก็อยากจะช่วยเพื่อนแต่ก็หาทางออกไม่ได้เหมือนกัน ลำพังเงินของตัวเองแต่ละเดือนก็แทบจะไม่มีเหลือแล้วจะเอาเงินที่ไหนให้เพื่อนหยิบยืม
“แต่เรากลัว...” ปุณณิศาพูดด้วยเสียงสั่น
“เราเข้าใจปุณนะ ปุณท่องไว้นะว่าทำเพื่อแม่และน้องถ้าไม่ทำ แม่ก็จะไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล น้องก็จะไม่ได้ไปเรียน”
“อือ เราทำเพื่อแม่ละน้อง”
“เชื่อนะปุณ เราเองก็ไม่ได้อยากให้ปุณทำงานแบบนี้ แต่เพราะเราไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าคืนนี้ปุณถูกใจเสี่ยคนใดคนหนึ่งเข้าก็ จะสบายเลยนะ ยิ่งสาวสวยแบบนี้พวกเสี่ยตัณหากลับมันยิ่งชอบ ปุณจะได้ไม่ต้องไปเปลืองตัวให้คนอื่นอีกไงล่ะ”
ปุณณิศาถอดหายใจอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนสำรวจตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอรักสบายคิดหาเงินทางลัดแต่เป็นเพราะเธอไม่มีทางเลือกต่างหากและครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวที่เธอจะตัดสินใจทำงานนี้ ถ้าได้เงินแล้วจะไม่ทำอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน
“เราจะทำครั้งนี้ครั้งแรกและจะเป็นครั้งเดียวขอแค่คืนนี้มีใครสักคนยอมจ่ายเงินห้าหมื่นบาทแล้วเราจะไม่ทำอีกเลย”
กัญญาวีย์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้เพื่อนก่อนที่ปุณณิศาจะติดเบอร์ตองที่หน้าอกแล้วเดินไปนั่งกับเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่น
เกือบชั่วโมงแล้วที่ปุณณิศานั่งอยู่ในห้องกระจกทำที่นั่งเป็นชั้นๆ เหมือนอัฒจันทร์ เธอนั่งอยู่แถวบนสุด นอกจากเธอแล้วก็ยังมีหญิงสาวคนอื่นที่นั่งอยู่อีกหลายคน แต่ละคนก็แต่งหน้าแต่งตัวยั่วยวนเต็มที่ มีหลายคนที่ถูกเรียกออกมารับแขก
“มาทำงานวันแรกเหรอ” หญิงสาวนั่งอยู่ถังจากเธอไปหนึ่งขั้นหันมาถาม”
“อือ”
“แปลกจัง คนที่มาทำวันแรก คนด้านนอกจะเชียร์แล้วแขกก็แทบจะแย่งกันเลยนะ เธอบอกพวกเขาไหมว่าเรียกราคาเท่าไหร่”
“อือ เราบอกไปห้าหมื่น”
“ราคานี้ฉันว่าเธอคงได้นั่งถึงเช้า”
“มันแพงไปเหรอ”
“ใช่นะสิ อย่างมากเบอร์ตองเขาก็เรียกกันแค่หมื่นเดียวเองนะ”
“แต่เราจำเป็นต้องใช้เงินด่วน”
“ทำไมไม่เรียกที่หนึ่งหมื่น รับห้าคนก็ได้ห้าหมื่นแล้ว” เธอให้คำแนะนำในฐานะคนที่เคยทำงานมาก่อน
“ขอบใจนะ เราจะลองคิดดู” ปุณณิศายิ้มแห้ง แต่ยังไม่คิดจะทำตาม เธอทำใจไม่ได้ถ้าต้องนอนกับผู้ชายถึงห้าคน
ปุณณิศายังคงนั่งอยู่ที่เดิมขณะที่ผู้หญิงที่นั่งคุยกับเธอถูกเรียกออกไปแล้ว
“ปุณ รับแขก”
ปุณณิศาที่กำลังนั่งเหม่อถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง เธอก้าวขาลงจากที่นั่งก่อนจะก้าวออกมาจากห้องกระจกด้วยขาที่สั่นเทา
“ชั้นสามห้องริมสุดเคยไปใช่ไหม”
“ค่ะ” ปุณณิศารู้ว่าห้องนั้นเป็นห้องที่แขกวีไอพีมักเข้าไปใช้แต่เธอยังไม่เคยเข้าไปในนั้นเลยสักครั้ง
หญิงสาวมาหยุดอยู่หน้าห้อง เธอสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งเพื่อปลุกความกล้าในตัว ไม่ว่าเปิดประตูเข้าจะเจออะไรในห้องนั้นเธอก็พร้อมที่จะยอมรับเพราะมันจะเป็นแค่ครั้งแรก ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำแบบนี้
เธอเคาะประตูสามครั้งตามที่ผู้จัดการบอกจากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปช้าๆ
“คุณเรียกหนูเหรอคะ” หญิงสาวถามผู้ชายที่กำลังยืนถือแก้วเครื่องดื่มหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างด้วยเสียงสั่น
“ถ้าเธอคือคนที่ติดเบอร์ตองและเรียกเงินห้าหมื่นก็ใช่” พูดจบชายหนุ่มร่างสูงก็หันหน้ากลับมา
ปุณณิศามองเขาตาไม่กะพริบ เพราะเธอเคยเห็นเขามาที่นี่หลายครั้งและยังแอบชื่นชมเขาอยู่ในใจว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่หล่อและหุ่นดีราวกับนายแบบ และไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะต้องมาให้บริการเขา
“นั่งก่อนสิ ดื่มอะไรไหม”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“ฉันว่าดูเธอตื่นเต้นนะ”
“นิดหน่อยค่ะ”
“เธอเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ”
“ไม่ค่ะ ยังไงหนูก็ไม่เปลี่ยนใจ”
ชานนท์มองใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างขัดใจ ไม่คิดว่าเวลาผ่านไปไม่กี่วันเธอจะเปลี่ยนใจมาทำงานแบบนี้ วันนี้เขาพาลูกค้าไปทานข้าวเลยไม่ได้รับโทรศัพท์ของเมคิน
แต่พอเห็นข้อความที่เพื่อนส่งไปบอกว่าหญิงสาวที่เขาสนใจกำลังจะเริ่มรับงานอย่างว่าเขาก็รีบบึ่งรถมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ในตู้กระจกพร้อมสวมชุดที่อวดสัดส่วนเขาก็แทบอยากจะเข้าไปกระชากเธอออกมา
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงเปลี่ยนใจไปทำงานแบบนั้น เพราะมาถึงเขาก็ยังไม่ได้คุยกับเมคินเลย แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่เขามาถึงที่นี่ก่อนที่คนอื่นจะคว้าเธอไปเสียก่อน
“ฉันจำได้ว่าแต่ก่อนเธอแค่ทำหน้าที่เชียร์แขกนี่ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจมาทำงานนี้ได้ล่ะ” ชานนท์กล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“หนูไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้กับคุณ”
“ในเมื่อฉันยอมจ่ายเธอถึงห้ามหมื่นเธอก็ควรจะตอบคำถามของฉันนะสาวน้อย หรือว่าที่นี่เขาไม่ได้บอกว่าให้ตามใจแขกทุกอย่าง”
“ถ้าคุณอยากรู้หนูจะบอกให้ก็ได้ค่ะ เพราะหนูต้องการใช้เงิน”
“ใครๆ ก็ต้องการใช้เงินกันทั้งนั้นและ มีงานอื่นอีกเยอะที่ได้เงิน”
“ก็ไม่มีงานอะไรได้เงินเร็วเท่านี้ไงคะ”
“นั่นสินะผู้หญิงสวยๆ หุ่นดีก็มีวิธีหาเงินง่ายโดยไม่ต้องใช้สมอง”
“คุณจ่ายเงินหนูก็จริงแต่คุณไม่มีสิทธิ์มาดูถูกหนู” ปุณณิศาเริ่มโมโห
“ในเมื่อฉันจ่ายเงินแล้ว ฉันก็ควรจะมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวเธอสิ”
ชานนท์มองใบหน้าสวยที่แดงก่ำเพราะเจ้าตัวกำลังโมโหที่เขาดูถูก หญิงสาวหายใจเข้าออกอย่างแรงและนั้นก็ยิ่งทำให้หน้าอกที่กำลังสะท้อนขึ้นลงดึงดูดสายตาของคนมองไม่น้อย
ท่าทางของเธอมันทำให้ชานนท์ปรารถนาเธอมากขึ้นเขามองเรือนร่างของหญิงสาวที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งราวกับนาฬิกาทรายแล้วอย่างพอใจ
ชานนท์เดินเข้าไปหาหญิงสาวช้าๆ ก่อน เขาเห็นแววตาที่หวาดกลัวแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
“กลัวเหรอ”
“เปล่าค่ะ” ปุณณิศารีบเถียง
“งั้นก็ดี เพราะฉันก็ไม่ชอบพวกเก่งแต่ปาก”
เขารู้สึกว่าเธอกำลังสั่นและคิดว่าเธอกำลังเสแสร้ง ชายหนุ่มกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสวยปุณณิศารีบยกมือขึ้นยันอกเขาไว้ เธอเบี่ยงใบหน้าหนีริมฝีปากร้อนผ่าวที่ไล่ต้อนจุมพิตเธอราวกับไม่เคยเจอผู้หญิงมานาน
“อย่าทำเหมือนไม่เคยไปหน่อยเลย ถ้าคืนนี้เธอทำถูกใจฉัน เธอจะได้มากกว่าที่ขอ”
เมื่อพูดเรื่องเงินหญิงสาวก็นิ่ง นั่นยิ่งทำให้เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังทำทุกอย่างเพื่อเงินจริงๆ และเขาก็เป็นนักธุรกิจที่จะไม่ยอมเสียเงินไปกับอะไรที่มันไม่คุ้มค่า
ชานนท์ดันให้หญิงสาวนอนลงบนเตียงแล้วเบียดร่างแข็งแรงให้เสียดสีกับร่างเย้ายวนด้านล่าง ปุณณิศาหน้าแดงระเรื่อ เนื้อตัวสั่นสะท้านกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอ และเมื่อสบตากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาก็ทำให้เธอแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง“แสดงเก่งดีนี่”เสียงทุ้มกระซิบก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปตวัดหยอกล้อกับซอกคอและติ่งหู ขบเม้มเบาๆ ทำให้ปุณณิศาปั่นป่วนไปทั้งท้องน้อย ชายหนุ่มประกบปากจูบอีกครั้งส่งปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรง ปากนุ่ม เกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กอย่างหิวกระหาย ความหวานที่ได้รับยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกหลงใหล ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาให้ลุกโชนได้มากเท่านี้มาก่อนเลยความรู้สึกต่อต้านในคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความแปลกใหม่ปุณณิศากำลังจะหมดแรงเพราะฤทธิ์จูบจากเขา“อ่า...”ชานนท์ครางด้วยเขาพอใจกับการตอบสนองเงอะงะของ คนที่เขาคิดว่าเธอกำลังเสแสร้ง กายของเขารุ่มร้อนและจูบก็เริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กว่าเขาจะเขายอมผละออกจากปากอวบอิ่ม ปุณณิศาก็แทบจะขาดอากาศหายใจชายหนุ่มสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่น เขาไล้ปากและจมูกลงไปยังซอกคอระหง ยอมรับเลยว่ากลิ่นกายของเธอช่างหอมและเย้ายวนอย่างที่ไม่เ
“คุณนนท์หนูไม่ไหวแล้ว” ปุณณิศาร้องขอเธอกำลังจะหมดแรงในขณะที่เขายังคงไม่ยอมหยุดพัก “อีกครั้งปุณ” ปุณณิศาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการร่วมรักครั้งแรกของเธอจะเกิดความรู้สึกมากมายได้ขนาดนี้ ทั้งสุข ทั้งเสียว ทั้งทรมาน ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อชื้นไปด้วยเหงื่อยามที่เขาอยู่ด้านบนตัวเธอแล้วก็ยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาของเธอพุ่งขึ้นสูงได้อย่างง่ายดาย “แน่นมาก ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยปุณเธอทำให้ฉันแทบคลั่ง” “คุณนนท์..อื้ม..หนูจะถึงอีกแล้ว...” “พร้อมกันนะปุณ อื้อ....อ่าห์.....” เสียงแหบพร่าครางอย่างสุขสม ความรู้สึกที่ช่องทางรักโอบรัดมันทำให้เขาฉีดพ่นลาวารักออกมาอย่างมากมายไม่รู้จบ ชานนท์รีบถอดเกราะป้องกันออกจากนั้นสวมกอดเธอไว้แน่นอย่างที่ไม่เคยทำแบบนี้กับคู่นอนคนไหนมาก่อน “ฉันมีความสุขมากปุณณิศา เธอก็มีความสุขเหมือนกันใช่ไหม” เขากระซิบข้างหู แต่อีกคนกลับนอนนิ่ง พอเขาก้มหน้ามองก็เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว “ฉันไม่อยากให้เธอทำแบบนี้กับใครเลยปุณณิศา”เมื่อได้ครอบครองเธอเป็นคนแรกเขาก็รู้สึกหวงแหนและยอมไม่ได้ถ้าจะให้ใครม
เมื่อคืนกัญญาวีร์แวะที่ร้านขายยาที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อซื้อยาแก้ปวดและแก้อักเสบให้ปุณณิศาทานเช้านี้หญิงสาวเลยไม่รู้สึกเจ็บมาก แต่ตามเนื้อตัวยังมีร่องรอยที่เขาทำไว้ เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกายสาวก็สั่นสะท้าน เธอยอมรับว่ามันเจ็บมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็อ่อนโยนกับเธอมากขึ้นปุณณิศาจำไม่ได้ว่าตัวเองมีความสุขกี่ครั้ง รู้แต่ไม่เคยมีความสุขแบบนั้นมาก่อน ไม่รู้ว่าเวลาที่เขาเห็นตัวเองในกระจกเขาจะคิดถึงเธอเหมือนที่เธอคิดถึงเขาหรือเปล่า เพราะเธอเองก็ทั้งข่วนทั้งหยิกและกัดไปที่บ่าของเขาไปไม่รู้กี่ครั้ง แต่ตอนนั้นมันห้ามร่างกายไม่ได้เลยสักนิด ทุกอย่างมันเป็นไปตามสัญชาตญาณซึ่งเขาเป็นคนปลุกมันขึ้นมา ปุณณิศาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวนานกว่าทุกวันเพราะต้องปกปิดร่องรอยที่เขาทำไว้ให้ดีก่อนที่จะออกจากบ้าน หญิงสาวแวะที่ธนาคารจัดการขึ้นเช็คจากนั้นก็รีบตรงไปยังโรงพยาบาล “พี่ปุณมาพอดีเลย ผมขอไปเรียนก่อนนะครับแม่แล้วตอนเย็นจะมาใหม่นะครับ” “ตั้งใจเรียนนะปั้น” “ครับแม่ ผมไปก่อนนะครับแม่ พี่ปุณ” พอลูกชายออกไปแล้วสีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อคร
ปุณณิศามาพบชานนท์ที่บริษัทในเวลาบ่ายของวันจันทร์จากนั้นเขาก็ให้ผู้ช่วยเลขาพาหญิงสาวไปซื้อชุดใหม่ ก่อนจะพาเธอกลับมานั่งรอเขาที่ห้องทำงานเพราะชายหนุ่มติดประชุมกับผู้บริหาร ชุดที่ผู้ช่วยเลขาเลือกซื้อส่วนใหญ่จะเน้นที่ชุดกระโปรงทำให้เธอกลายเป็นสาวหวานอย่างที่ชานนท์สั่งไว้ ส่วนใบหน้าและทรงผมนั้นเขาพอใจอยู่แล้วจึงไม่ต้องเปลี่ยนหรือแต่งหน้าให้ยุ่งยาก หญิงสาวมองถุงที่ใส่ชุดอีกหลายถุงที่วางอยู่ตรงพื้นแล้วก็ถอนหายใจเพราะมันดูจะมากเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ แต่พอบอกจะไม่เอาคนที่พาเธอไปก็ขอร้องเพราะถ้าอย่างนั้นเธออาจจะโดนเขาดุ ปุณณิศาก็เลยได้เสื้อผ้ามาอีกหลายชุด กว่าชานนท์จากออกจากห้องประชุมก็เกือบจะค่ำ แต่วันนี้ปุณณิศาไม่ต้องไปทำงานที่ผับแล้วจึงไม่มีธุระรีบไปไหน “เบื่อไหม” เขาถามหลังจากกลับมาจากห้องประชุมแล้วเห็นหญิงสาวนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ชานนท์เดินไปนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน “นิดหน่อยค่ะ” อันที่จริงเธอเบื่อมากที่ต้องมานั่งไถมือถือเล่นเพื่อรอเขาแบบนี้ แต่เพราะชานนท์เป็นนายจ้างปุณณิศาก็เลยต้องยอม “หิวหรือยังล่ะ”
ชานนท์พาปุณณิศามายังบ้านของตนเอง ซึ่งเพิ่งจะสร้างขึ้นได้ไม่นานเพราะก่อนหน้านั้นเขาอยู่กับบิดามารดาซึ่งบ้านของท่านอยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ไปอีกซอย แต่พอบิดามารดาย้ายไปเชียงใหม่ เขาก็มาสร้างบ้านอีกหลังใกล้กับบ้านของคุณปู่ “พี่นนท์อยู่คนเดียวเหรอคะ” “อือ ถามทำไม คิดว่าเหรอจะอยู่กับใครเหรอ” “เปล่าค่ะ หนูก็แค่แปลกใจ คุณปู่ก็อยู่คนเดียวพี่นนท์ก็อยู่คนเดียว แต่ทำไมไม่อยู่บ้านเดียวกันล่ะคะ” “คนเราก็ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้างสิ” “อ้อ วิถีคนรวยสินะคะ” ปุณณิศานึกถึงบ้านของตนเองที่อยู่กันตั้งสามคนแต่ขนาดของบ้านไม่ได้ครึ่งหนึ่งของบ้านหลังนี้ด้วยซ้ำ “หรือเธออยากจะให้ฉันย้ายไปอยู่กับคุณปู่ล่ะ” “ไม่ดีกว่าค่ะ อยู่ห่างแบบนี้ก็ดีเหมือนกันหนูจะได้ไม่เกร็งมาก” “ยังจะต้องเกร็งอะไร ฉันเห็นเธอคุยกับปู่ของฉันสนิทสนมเชียว” “ก็หนูอยากทำงานให้คุ้มค่าจ้างนี่ค่ะ” “แน่นะว่าอยากทำงานให้คุ้มค่าจ้าง” จู่ๆ คนที่เดินนำหน้าก็หยุดแล้วหันกลับมาทำให้คนที่เดินตามหลังไม่ทันระวังใบหน้าสวยจึงชนกับแผงอกเขาอย่างจัง หญิงสาวเก
ชานนท์มาพาปุณณิศามาพบกับหมอที่เป็นเพื่อนของเขาเพื่อขอคำแนะนำการคุมกำเนิด เมื่อคุณหมออธิบายถึงข้อดีข้อเสียของการคุมกำเนิดแต่ละวิธีแล้วก็ให้หญิงสาวเป็นคนตัดสินใจเอง “หมอคะถ้าหนูเลือกฝังเข็มได้ไหมคะ” ปุณณิศาตัดสินใจเลือกวิธีนี้เพราะหนึ่งในข้อดีของยาชนิดนี้คือเธอจะปวดประจำเดือนน้อยลง เนื่องจากที่ผ่านมาในแต่ละเดือนนั้นเธอปวดท้องมากจนบางครั้งลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว “ได้ครับ แต่คนไข้จะเจ็บ 2 ครั้งคือครั้งที่ฝังกับครั้งที่เอาออกแต่เรื่องความปลอดภัยก็ค่อนข้างสูงกว่าวิธีอื่น” “มันเจ็บไม่มากใช่ไหมคะ” “ไม่ครับคนไข้จะเจ็บก็ตอนที่ฉีดยาชาเท่านั้นแล้วแผลก็เล็กมากระยะเวลาคุมกำเนิดก็มี 3-5 ปี แต่ถ้าอยากจะเอาออกก่อนครบกำหนดก็สามารถเอาออกได้ทันทีครับ” คุณหมออธิบายอีกครั้งเพื่อประกอบการตัดสินใจเนื่องจากวิธีอื่นเธอจะไม่เจ็บตัว “ปุณ แน่ใจนะว่าจะเลือกวิธีนี้” ชานนท์นึกว่าเธอจะเลือกวิธีทานยาคุมกำเนิดเหมือนที่เธอเคยบอกกับเขา “ค่ะ หนูกลัวพลาด แล้วหนูก็ขี้ลืมด้วยค่ะ วิธีนี้เหมาะกับหนูที่สุดแล้ว” “แล้วไม่กลัวเข็มเหรอ”
แผลจากการฝังยาคุมกำเนิดของปุณณิศาหายดีหลังจากผ่านไปสี่วันตอนนี้เธอกลับมาสวมเสื้อแขนสั้นและไปทานอาหารที่บ้านของคุณปู่มนตรีได้อย่างไม่ต้องระแวงว่าท่านจะถามถึงที่มาของแผลที่ต้นแขน“เย็นนี้พี่นนท์ไปทานข้าวกับลูกค้า เราทานข้าวกันสองคนนะคะคุณปู่” ปุณณิศาพูดพลางตักอาหารใส่จานให้ปู่มนตรี เธอชอบที่จะทานกับคุณปู่แค่สองคนมากกว่าเพราะถ้าชานนท์อยู่ด้วยเธอจะค่อนข้างเกร็ง“ปู่ชินแล้วล่ะ ตานนท์ก็บ้างานแบบนี้ตลอด จะห่วงก็แต่หนูนั่นแหละ ย้ายมาอยู่กับพี่เขาก็เกือบอาทิตย์แล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ”“ก็ดีค่ะ”“ถ้าพี่เขาทำอะไรให้ลำบากใจก็บอกปู่นะ หลานปู่นะ มันค่อนข้างจริงจังกับงานบางครั้งก็อาจจะกลับดึกบ้าง หนูอยู่คนเดียวได้ไหมล่ะ จะให้ชมพู่ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่คนเดียวได้”หลังอาหารค่ำปุณณิศาก็นั่งคุยเป็นเพื่อนคุณปู่จนกระทั่งถึงเวลาที่ท่านต้องเข้านอน หญิงสาวจึงเดินกลับมายังบ้านของชานนท์ซึ่งตอนนี้เจ้าของบ้านยังไม่กลับมาจากทานอาหารเย็นกับลูกค้าหญิงสาวอาบน้ำแล้วลงมานั่งรอเข้าที่ห้องรับแขกอย่างที่เคยรอเป็นประจำ ปุณณิศาไม่รู้ว่าคืนนี้จะกลับมาตอนไหน เธอนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกจนกระทั่งเผลอหลับ
“ปู่ครับ ผมว่าแม่ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เลยจู่ๆ ก็ขึ้นมากรุงเทพ” ชานนท์ได้รับสายจากมารดาว่าเย็นนี้ให้เขาไปทานอาหารที่บ้านซึ่งพอเขาโทรกลับไปถามบิดาว่าอยากให้เขาเอาเครื่องดื่มอะไรไปให้ไหม บิดาของเขากลับบอกว่ามารดาลงมากรุงเทพกับเพื่อนซึ่งมันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เพราะปกติแล้วท่านจะไม่ค่อยไปไหนหากบิดาไม่ไปด้วย “ปู่ก็ไม่รู้เหมือน แล้วยังไงล่ะ เราไปทานอาหารเย็นกับแม่เขาไหม” “ก็คงต้องไปแหละ ผมอยากชวนปูไปด้วย” ชานนท์รับมือกับมารดาได้ไม่ดีเท่าไหร่เขาจึงอยากชวนคุณปู่ไปด้วย เพราะท่านกับมารดามักจะมีความคิดเห็นไม่ค่อยตรงกัน “แล้วหนูปุณล่ะ” “กำลังเตรียมตัวครับ ปู่ครับ ผมกลัวว่าแม่จะไปยอมรับปุณ” “หนูปุณน่ารักออกอย่างนั้นจะไม่ยอมรับได้ยังไง ปู่ว่าแกกังวลเกินไปหรือเปล่า” “ไม่รู้สิครับ ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆ” “ไม่มีอะไรหรอก ปู่ไปด้วยทั้งคน” ชานนท์ขับรถมายังบ้านของบิดามารดาซึ่งเขาอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าท่านทั้งสองจะไปทำที่ไร่ส้มที่เชียงใหม่แล้วแต่ที่บ้านก็ยังมีคนสวนและแม่บ้านที่คอยดูแลอยู่เสมอ “มาแล้วเหรอตา
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว
วันนี้ปุณณิศามีเรียนในตอนบ่ายหญิงสาวจึงตื่นนอนสายกว่าทุกวัน เธอไม่ต้องไปทานอาหารเช้ากับคุณปู่เพราะวันนี้ท่านไปทำบุญที่วัดกับลุงทศตั้งแต่เช้าเรื่องที่ชานนท์บอกว่าจะคุยด้วยก็ยังไม่ได้คุย เพราะเมื่อคืนเธอหมดแรงหลับไปก่อน พอตื่นเช้ามาเขาก็ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวเดินลงมาที่ห้องครัวก็มีอาหารวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เธอทานเสร็จก็เก็บล้างและคิดว่าจะออกไปมหาวิทยาลัยสักสิบเอ็ดโมงเพราะมีแผนจะไปยืมไอแพดที่มหาวิทยาลัยขณะกำลังแต่งตัวชานนท์ก็โทรมาบอกเธอรอเขาอยู่ที่บ้านเพราะชายหนุ่มจะมารับเธอไปส่งที่มหาวิทยาลัย พอเขามาถึงเธอก็เร่งให้เขารีบไปส่งทันที“มีเรียนบ่ายโมงใช่เหรอ ทำไมดูรีบจังพี่ว่าจังพี่ว่าจะชวนหนูไปหาอะไรกินแล้วค่อยไปเรียนสักหน่อย”“หนูรีบไปยืมไอแพดค่ะ พี่นนท์ออกรถเลยค่ะ”“ยืมไอแพด ยืมใครครับ แล้วทำไมไม่ซื้อเอง”“ยืมที่คณะค่ะ เขามีให้นักศึกษายืม แต่ต้องเขียนคำร้องแล้ววันนี้ก็เปิดให้เขียนคำร้องวันแรกค่ะ หนูอยากรีบไปเขียนก่อนเข้าเรียนค่ะ”“พี่เคยบอกว่าถ้าอยากได้อะไรก็ให้บอกจำไม่ได้เหรอ”“จำได้ค่ะ แต่นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหนู”ชานนท์หันมามองก่อนจะถอนหายใจอย่างแรงพลางส่ายหน้า“
ชานนท์กดริมฝีปากลงกับเนินอกอวบอิ่มหนักๆ สร้างร่องรอยตีตราจองไว้ทุกจุดที่ลากผ่า ปลายนิ้วเรียวยาวเลื่อนลงไปสัมผัสจุดอ่อนไหวเบื้องล่าง“พี่นนท์...”“เปียกอีกแล้ว”“ก็เพิ่งอาบน้ำ”“แน่ใจเหรอว่าเพราะอาบน้ำ”“พี่นนท์ขา...”หญิงสาวเสียงสั่นเลือดลมในกายพลุ่งพล่านร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงราคะที่พร้อมจะแผดเผา ลมหายใจเริ่มสะดุดเพราะนิ้วร้ายที่รุกล้ำนั้นขยับเข้าออกเร่งเร้าให้ไฟให้โหมกระหน่ำมากขึ้นทุกขณะ“เสียวมากไหนคนเก่ง”“อื้ม พี่นนท์ขาอย่าแกล้ง”“ใครจะแกล้งเมียกันล่ะ พี่ก็แค่กำลังจะส่งหนูไปสวรรค์”“อ๊า...”เสียงครวญครางของหญิงสาวที่ค่อยๆ เพิ่ม ระดับความดังมากขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูงจากการปรนเปรอด้วยนิ้วร้ายที่หมุนวนคว้านครูดเสียดสีจนสมองของปุณณิศามึนงงไปหมด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงแรงบีบรัดที่ตอดถี่รัวกล้ามเนื้อภายในกลีบกุหลาบสีสวยของเธอ สองหนุ่มสาวสบตาสื่อสารกันทางความรู้สึกที่เข้าใจได้ไม่ยาก ปุณณิศาหน้าแดงซ่านร่างกายกำลังจะถึงจุดสูงสุด ชานนท์ดูดเต้างามเข้าอุ้งปาก ปลายลิ้นตวัดเลียเม็ดทับทิม ขณะส่งนิ้วรัวเร็วจนในที่สุดหญิงสาวก็ขับน้ำหวานออกมาจนชุ่มไปทั้งปลายนิ้ว เธอเกร็งกระตุกรัดนิ้วอย่างรุนแรงจนเขาต้องร
ชานนท์ขับรถตรงมาจอดที่หน้าบ้านของตัวเองเพราะอยากจะคุยกับปุณณิศาให้รู้เรื่อง แต่พอเขาจอดรถ เธอก็เปิดประตูแล้วรีบเดินไปทางบ้านของคุณปู่ เขาเลยต้องเดินตามเธอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าตัวเองเพิ่งจะร้องไห้มาในรถแต่พอมาเจอกับคุณปู่ปุณณิศาก็ปรับอารมณ์ของตนเองได้อย่างดี เธอไม่อยากให้ท่านต้องเป็นกังวลไปด้วยที่เห็นว่าเธอกับเขาโกรธกันอยู่ “เปิดเทอมแล้วเรียนนักไหมล่ะปุณ” “ไม่ค่ะ ช่วงนี้ยังสบายๆ อยู่ค่ะ แต่เดือนหน้าก็คงจะเริ่มหนักขึ้น” “อดทนนะ อีกไม่ถึงสองปีก็จะจบแล้ว คิดไว้หรือยังว่าจบแล้วจะไปทำงานที่ไหน”“หนูอยากสอนที่โรงเรียนใกล้บ้านค่ะ แต่ไม่รู้จะสอบได้ไหม เพราะโรงเรียนที่อยู่ในเมืองคนก็จะสอบกันเยอะค่ะ แต่บางทีก็คิดเหมือนกันค่ะว่าอยากจะไปสอบโรงเรียนไกลๆ เพราะไม่ค่อยมีใครอยากไปกันเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะสอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ก็มีมากขึ้น”“แล้วถ้าต้องอยู่ลำบากแบบนั้นหนูจะทนได้เหรอลูก” ปู่มนตรีเป็นห่วงกลัวหลานสะใภ้จะลำบาก“ได้สิคะ”“ปู่ขออวยพรให้หนูสอบได้โรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆ บ้านก็แล้วกันนะลูก ปู่ไม่อยากให้ไปไกลเลย”“ขอบคุณค่ะคุณปู่”“จะไปสอบทำไมใ