“ปู่ครับ ผมว่าแม่ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เลยจู่ๆ ก็ขึ้นมากรุงเทพ” ชานนท์ได้รับสายจากมารดาว่าเย็นนี้ให้เขาไปทานอาหารที่บ้านซึ่งพอเขาโทรกลับไปถามบิดาว่าอยากให้เขาเอาเครื่องดื่มอะไรไปให้ไหม บิดาของเขากลับบอกว่ามารดาลงมากรุงเทพกับเพื่อนซึ่งมันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เพราะปกติแล้วท่านจะไม่ค่อยไปไหนหากบิดาไม่ไปด้วย “ปู่ก็ไม่รู้เหมือน แล้วยังไงล่ะ เราไปทานอาหารเย็นกับแม่เขาไหม” “ก็คงต้องไปแหละ ผมอยากชวนปูไปด้วย” ชานนท์รับมือกับมารดาได้ไม่ดีเท่าไหร่เขาจึงอยากชวนคุณปู่ไปด้วย เพราะท่านกับมารดามักจะมีความคิดเห็นไม่ค่อยตรงกัน “แล้วหนูปุณล่ะ” “กำลังเตรียมตัวครับ ปู่ครับ ผมกลัวว่าแม่จะไปยอมรับปุณ” “หนูปุณน่ารักออกอย่างนั้นจะไม่ยอมรับได้ยังไง ปู่ว่าแกกังวลเกินไปหรือเปล่า” “ไม่รู้สิครับ ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆ” “ไม่มีอะไรหรอก ปู่ไปด้วยทั้งคน” ชานนท์ขับรถมายังบ้านของบิดามารดาซึ่งเขาอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าท่านทั้งสองจะไปทำที่ไร่ส้มที่เชียงใหม่แล้วแต่ที่บ้านก็ยังมีคนสวนและแม่บ้านที่คอยดูแลอยู่เสมอ “มาแล้วเหรอตา
ชานนท์มาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทย เขาและปุณณิศาลงไปส่งคุณปู่ที่ห้องรับแขก พอนายทศเห็นก็รีบเอาน้ำเย็นๆ มาต้อนรับ “เป็นยังไงบ้างล่ะหนูปุณ เจอฤทธิ์แม่ตานนท์เข้าไป คงไม่คิดจะถอยหรอกนะ” “ไม่หรอกค่ะคุณปู่” “ปู่ดีใจที่เห็นหนูสองคนหนักแน่นนะ ถ้าไม่ติดว่ายังต้องเรียนหนังสือปู่จะให้รีบแต่งงานกันก่อนเลย” “คุณท่านครับ เรียนก็แต่งได้ คุณท่านจำหลานคุณสุพจน์ได้ไหมครับ เขาเพิ่งแต่งงานจดทะเบียนไปเอง” “อ้อ จริงสิ” มนตรีนึกออกเพราะเขาก็ไปร่วมงานแต่งงานซึ่งจัดเป็นงานเล็กๆ ภายในครอบครัวเท่านั้น “ปู่ครับ ผมว่าเรื่องแต่งงานเอาไว้ก่อนดีไหม ผมอยากให้ปุณเรียนให้จบจะได้ไม่มีใครว่าเอาได้ แล้วถ้าต้องแต่งเหมือนหลานคุณสุพจน์ปู่จะยอมเหรอครับ” “ไม่มีทาง แต่งแบบนั้นรู้กันไม่กี่คน หลานชายปู่แต่งงานทั้งทีต้องจัดให้ใหญ่ ถ้าอย่างนั้นหนูปุณอดทนหน่อยนะลูก แม่ตานนท์เขามาแค่แป๊บเดียวไม่กี่วันก็คงกลับเชียงใหม่” “ค่ะคุณปู่” ปุณณิศารับคำ เพราะถ้าให้เธอต้องแต่งงานตอนนี้คงไม่ดีแน่ ทั้งสองคนคุยกับปู่อีกไม่นานก็ขอตัวกลับบ้าน ระหว่างทางชา
“กรี๊ด!!!!” แม้ว่าแพรไพลินจะกรี๊ดลงกับหมอนแต่เสียงก็ยังเล็ดลอดออกมาจนมารดาต้องรีบเดินเข้ามาห้าม “เบาๆ หน่อยสิลูก เดี๋ยวป้านุชก็มาได้ยินหรอกค่ะ” “แม่ขา แพรว่าเราคงหมดหวังแล้วล่ะค่ะ พี่นนท์ทั้งรักทั้งหลงมันขนาดนั้นไหนจะคุณปู่ที่เห็นดีเห็นงามไปอีกคนเราจะเสียเวลาเปล่านะคะแม่” “ไม่หรอกลูก หนูอย่าลืมสิว่าเรามีป้านุชที่อยู่ข้างเรานะ คนเป็นแม่ย่อมมีสิทธิ์มากกว่าใครอื่น” “แต่เท่าที่เห็นพี่นนท์ไม่ฟังแม่เขาเลยนะคะ” “มันเพิ่งเริ่มต้น แม่ว่าเดี๋ยวป้านุชก็จัดการเด็กคนนั้นได้ ถ้าแยกเขาสองคนออกจากกันได้ หนูก็เข้าไปแทรกตรงกลางแค่นั้นเอง” “แล้วถ้าป้านุชทำไม่ได้ เราจะไม่เสียเวลาเปล่าเหรอค่ะ” แพรไพลินมองไม่เห็นทางออกเลยว่าจะแยกชานนท์กับภรรยาออกจากกันยังไง “เราต้องทนลูก แม่ไม่อยากให้หนูไปเป็นเมียพ่อเลี้ยงแก่ๆ พวกนั้น ถ้าหนูได้แต่งงานกับคุณชานนท์หนูจะได้สบายไปทั้งชาติเท่าที่แม่รู้มาบริษัทของเขาทำรายได้ปีหนึ่งเป็นพันล้าน” “แม่คะ ถ้าเขามีเงินเยอะมากขนาดนั้นจริงๆ ทำไมป้านุชกับลุงธาตรีถึงไปทำไร่ที่เชียงใหม่ล่ะคะ ถ้าหนูมีเ
“นนท์เรื่องคุณปู่เป็นไงบ้างว่ะ” “ก็เรียบร้อยดี” ชานนท์ตอบเมคินในขณะที่เพื่อนคนอื่นไม่สนใจจะฟังเพราะตอนนี้บนตักของแต่ละคนมีสาวๆ นั่งอยู่ “แล้วออกมากินเหล้าแบบนี้ปุณไม่ว่าเหรอ” “ไม่หรอก เราจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว” “จริงสิ ปุณก็แค่รับจ้างเป็นเมียมึงเท่านั้นเอง แล้วนี่จะจ้างถึงเมื่อไหร่” “ก็จนกว่าจะเจอคนที่อยากแต่งงานด้วยนั่นแหละ” “แล้วปู่ไม่เร่งให้แต่งงานเหรอ” “ไม่เพราะปุณยังเรียนอยู่ ปู่ก็เลยยอม” “ปู่ชอบปุณเหรอว่ะ” “อือ ทั้งรักทั้งหลงเลยแหละ กูนี่กลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว” “แล้วมึงไม่หลงบ้างเหรอ” “มึงก็รู้ว่ากูเบื่อคนง่ายจะตาย” “เหรอ แต่กูว่าตอนนี้มึงกำลังหลงว่ะ เพราะนี่มันก็เดือนหนึ่งแล้วนะที่มึงยังไม่เรียกเด็กไปนอนด้วยเลยสักคน แล้วเวลามึงพูดถึงปุณมึงดูมีความสุขมาก” “ก็กูจ่ายเงินแล้วไง กูก็ต้องใช้ให้คุ้มสิวะ” “อ๋อ มึงจ่ายไปเยอะด้วยสิ” เมคินพูดอย่างรู้ทัน เขารู้จักนิสัยชานนท์ดี ถ้าชายหนุ่มไม่ถูกใจมีหรือเขาจะจ่ายเธอเยอะขนาดนั้น แม้แต่กั
ปุณณิศาแทบจะลืมหายใจเมื่อเธอตอนนี้เธอกลืนกินท่อนเอ็นร้อนเข้ามาลึกสุดจนรู้สึกคับแน่นไปทั่วท้องน้อย“เจ็บมากไหมปุณ”ชายหนุ่มถามด้วยความห่วงใย“ไม่ค่ะหนูทนได้”ชานนท์ให้รางวัลความอดทนของหญิงสาวด้วยจูบเร่าร้อน ฝ่ามือลูบไล้ไปตามผิวเนียนนุ่ม ก่อนจะจับที่สะโพกกลมกลึงให้เริ่มขยับทีละนิด“อื้อ... พี่นนท์”หญิงสาวกอดรัดเขาไว้แน่นเมื่อรู้สึกถึงความเสียวที่มันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด“ขยับสิปุณ ขยับตามใจปุณจะได้รู้ว่าเวลาที่พี่อยู่ด้านบนพี่รู้สึกดีแค่ไหน”เขาช่วยประคองสะโพกพอเห็นว่าเธอจับจังหวะได้แล้วก็ปล่อยให้เธอได้ทำตามใจปรารถนา แล้วมือที่ว่างก็เปลี่ยนมาเคล้นคลึงหน้าอกอวบ กอบกุมมันเข้าปากร้อนสลับไปมาทั้งสองข้างจนเปียกชุ่มไปทั่วทั้งสองข้าง บางจังหวะก็ใช้ฟันครูด บางจังหวะก็ดูดแรงจนแก้มตอบ ปลายลิ้นก็กระหน่ำรัวบนเม็ดทับทิมถี่รัวไปตามอารมณ์กระสันหญิงสาวเร่งจังหวะบดเบียดโพรงนุ่มเข้าหาความแข็งแกร่ง เธอเร่งขย่มขยับไปตามตามอารมณ์ที่กำลังปะทุเดือด พอร่างกายเรียนรู้ว่าจุดไหนที่ทำให้ตนเองรู้สึกดีก็ขยับกระแทกไปตรงจุดเดิมซ้ำๆ ความร้อนในร่างกายพุ่งขึ้นสูงไปตามความเร็วที่เธอเร่งจังหวะ ขึ้น
เช้าวันนี้ปุณณิศาตื่นนอนมาด้วยความเมื่อยล้า เธอค่อยๆเอามือที่โอบอยู่บนเอวออกอย่างเบาที่สุดก่อนจะรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว และพอกลับเข้ามาในห้องนอนชานนท์ยังไม่ตื่นหญิงสาวนั่งลงข้างเตียงมองใบหน้าหล่อนั้นแล้วยิ้ม ถ้าเขาเป็นคนรักของเธอจริงๆ เธอคงจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุด ชานนท์เป็นผู้ชายที่สาวๆ ต่างฝันถึง เขาทั้งหล่อทั้งรวยและเวลาอยู่บนเตียงก็ดุดันจนเธอหลงใหล หลายวันที่ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านเธอคิดถึงเขามาก เขาคงทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงติดเซ็กซ์ไปแล้ว ปุณณิศาคิดไม่ออกว่าถ้าถึงวันที่เขาเลิกจ้างชีวิตเธอจะเป็นยังไงต่อเธอรักเขาไปแล้ว รักไปตั้งแต่ตอนไหนตัวเองก็ไม่แน่ใจ ถ้าวันหนึ่งเขาเจอคนที่เหมาะสมเธอคงจะเจ็บไม่น้อย แต่ในเมื่อเวลานั้นยังมาไม่ถึงเธอก็จะตักตวงความสุขเอาไว้ให้มากที่สุด“แอบมองแบบนี้คิดอะไรอยู่เหรอ”“เปล่านะคะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธแล้วถอยห่างแค่ก็ยังช้ากว่าเขา ชานนท์ดึงเธอลงมานอนกอดอย่างรวดเร็ว“ยังจะมาปฏิเสธอีก ฉันเห็นว่าเธอจ้องหน้าฉัน”“ตาพี่นนท์ปิดอยู่จะเห็นได้ยังไง”“นั่นไง ถ้าไม่มองจะรู้ได้ยังไงว่าตาฉันปิดอยู่”“หนูว่าพี่นนท์ปล่อยหนูก่อนดีกว่านะคะ นี่มันสายแล้ว หนูว่าคุณปู่
ชานนท์ควันออกหูเมื่อได้ยินเธอพูดว่าอายุมาก เขาอายุมากที่ไหนแค่ก็แค่สามสิบปีเองนะ “เธอกำลังว่าฉันแก่นะปุณณิศา” “เปล่านะคะ หนูไม่ได้พูดคำนั้นเลย หนูก็แค่บอกว่าพี่นนท์อายุมากแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่ทำอะไรเด็กแบบหนูหรอก”“ความหมายมันก็คล้ายกัน”“อย่าทำหน้าเครียดสิคะ พี่นนท์ยังไม่แก่สักนิดแถมยังหล่อมากอีกด้วย” “ไม่ต้องมาประจบ จะไปซื้อเสื้อไหม ถ้าจะไปก็เดินนำก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ” “พี่นนท์จะใส่แน่นะคะ” “ถ้าเธอกล้าใส่ฉันก็กล้าใส่” “ขอบคุณค่ะ พี่นนท์น่ารักที่สุดเลยค่ะ ถ้าใครได้เป็นแฟนต้องโชคดีมากแน่ๆ เลยนะคะ” “แล้วตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองโชคดีไหมล่ะ” “ตอนนี้หนูเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยค่ะ” ปุณณิศาคล้องแขนชายหนุ่มแล้วเดินไปยังแผนกกางเกงยีนผู้ชายก่อนเป็นอันดับแรก “หนูว่าสีซีดๆ แบบนี้พี่นนท์ใส่แล้วหล่อมากเลยค่ะ” “แล้วปกติฉันไม่หล่อเหรอ” “หล่อสิคะ หล่อที่สุดอยู่แล้วค่ะ” พอได้กางเกงของชายหนุ่มแล้วก็ไปยังร้านที่เธอจะซื้อบ้าง ชานนท์เลือกสีที่ใกล้เคียงกับของเขา จากนั้นก็ไป
“พี่นนท์ ลงมาตั้งแต่ตอนไหนคะ” ปุณณิศาตกใจที่หมุนตัวกลับแล้วเจอเขายืนพิงเคาน์เตอร์ครัวอยู่“ลงมาทำอะไรดึกอย่างนี้”“หนูลงมาชงชาให้พี่นนท์” หญิงสาวชี้ไปยังชาที่เธอชงไว้ที่วางอยู่บนโต๊ะ“ขอบใจ จะขึ้นนอนเลยไหม”“ค่ะ แล้วพี่นนท์ล่ะคะ ลงมาทำไมแล้วจะขึ้นไปนอนหรือทำงานต่อคะ”“ฉันทำงานเสร็จแล้ว ไปที่ห้องไม่เห็นก็เลยลงมาตาม” ชานนท์เพิ่งสังเกตว่าวันนี้ปุณณิศาสวมชุดนอนสายเดี่ยวตัวบางที่เขาซื้อให้เป็นครั้งแรก ความบางเบาบวกกับรูปร่างที่เย้ายวนมันกระตุ้นให้ไฟในกายของเขาลุกขึ้นได้อย่างง่ายดาย“ตามหนูเหรอคะ”“บ้านนี้อยู่กันสองคน ถ้าไม่ตามเธอฉันจะตามใครละ” ชานนท์เดินเข้ามาใกล้คนเธอต้องถอยหลังไปชนกับประตูตู้เย็น“จะถอยทำไม กลัวฉันเหรอ”“หนูจะกลัวทำไม”“เธอบอกไม่กลัวแต่ทำไมเธอตัวสั่นล่ะปุณณิศา”หญิงสาวรู้สึกร้อนๆ หนาวอย่างไม่ทราบสาเหตุหรือจะเป็นเพราะชุดนอนวาบหวิวที่เธอหยิบขึ้นมาสวม“ฉันว่าเธอดูแปลกๆ นะ” ชานนท์รู้สึกว่าหญิงสาวหายใจแรงกว่าปกติ“หนูไม่รู้ หนูคงจะหนาวชุดมันบางมาก”“แต่ฉันว่าเซ็กซี่ดีนะ”“พี่นนท์ชอบไหม”“อือ” เขาตอบพร้อมกับเดินเข้ามากอด“พี่นนท์ ปล่อยนะคะ” ปุณณิศาพยายามดันให้เขาออก“ก็เธอบอกว
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว
วันนี้ปุณณิศามีเรียนในตอนบ่ายหญิงสาวจึงตื่นนอนสายกว่าทุกวัน เธอไม่ต้องไปทานอาหารเช้ากับคุณปู่เพราะวันนี้ท่านไปทำบุญที่วัดกับลุงทศตั้งแต่เช้าเรื่องที่ชานนท์บอกว่าจะคุยด้วยก็ยังไม่ได้คุย เพราะเมื่อคืนเธอหมดแรงหลับไปก่อน พอตื่นเช้ามาเขาก็ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวเดินลงมาที่ห้องครัวก็มีอาหารวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เธอทานเสร็จก็เก็บล้างและคิดว่าจะออกไปมหาวิทยาลัยสักสิบเอ็ดโมงเพราะมีแผนจะไปยืมไอแพดที่มหาวิทยาลัยขณะกำลังแต่งตัวชานนท์ก็โทรมาบอกเธอรอเขาอยู่ที่บ้านเพราะชายหนุ่มจะมารับเธอไปส่งที่มหาวิทยาลัย พอเขามาถึงเธอก็เร่งให้เขารีบไปส่งทันที“มีเรียนบ่ายโมงใช่เหรอ ทำไมดูรีบจังพี่ว่าจังพี่ว่าจะชวนหนูไปหาอะไรกินแล้วค่อยไปเรียนสักหน่อย”“หนูรีบไปยืมไอแพดค่ะ พี่นนท์ออกรถเลยค่ะ”“ยืมไอแพด ยืมใครครับ แล้วทำไมไม่ซื้อเอง”“ยืมที่คณะค่ะ เขามีให้นักศึกษายืม แต่ต้องเขียนคำร้องแล้ววันนี้ก็เปิดให้เขียนคำร้องวันแรกค่ะ หนูอยากรีบไปเขียนก่อนเข้าเรียนค่ะ”“พี่เคยบอกว่าถ้าอยากได้อะไรก็ให้บอกจำไม่ได้เหรอ”“จำได้ค่ะ แต่นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหนู”ชานนท์หันมามองก่อนจะถอนหายใจอย่างแรงพลางส่ายหน้า“
ชานนท์กดริมฝีปากลงกับเนินอกอวบอิ่มหนักๆ สร้างร่องรอยตีตราจองไว้ทุกจุดที่ลากผ่า ปลายนิ้วเรียวยาวเลื่อนลงไปสัมผัสจุดอ่อนไหวเบื้องล่าง“พี่นนท์...”“เปียกอีกแล้ว”“ก็เพิ่งอาบน้ำ”“แน่ใจเหรอว่าเพราะอาบน้ำ”“พี่นนท์ขา...”หญิงสาวเสียงสั่นเลือดลมในกายพลุ่งพล่านร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงราคะที่พร้อมจะแผดเผา ลมหายใจเริ่มสะดุดเพราะนิ้วร้ายที่รุกล้ำนั้นขยับเข้าออกเร่งเร้าให้ไฟให้โหมกระหน่ำมากขึ้นทุกขณะ“เสียวมากไหนคนเก่ง”“อื้ม พี่นนท์ขาอย่าแกล้ง”“ใครจะแกล้งเมียกันล่ะ พี่ก็แค่กำลังจะส่งหนูไปสวรรค์”“อ๊า...”เสียงครวญครางของหญิงสาวที่ค่อยๆ เพิ่ม ระดับความดังมากขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูงจากการปรนเปรอด้วยนิ้วร้ายที่หมุนวนคว้านครูดเสียดสีจนสมองของปุณณิศามึนงงไปหมด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงแรงบีบรัดที่ตอดถี่รัวกล้ามเนื้อภายในกลีบกุหลาบสีสวยของเธอ สองหนุ่มสาวสบตาสื่อสารกันทางความรู้สึกที่เข้าใจได้ไม่ยาก ปุณณิศาหน้าแดงซ่านร่างกายกำลังจะถึงจุดสูงสุด ชานนท์ดูดเต้างามเข้าอุ้งปาก ปลายลิ้นตวัดเลียเม็ดทับทิม ขณะส่งนิ้วรัวเร็วจนในที่สุดหญิงสาวก็ขับน้ำหวานออกมาจนชุ่มไปทั้งปลายนิ้ว เธอเกร็งกระตุกรัดนิ้วอย่างรุนแรงจนเขาต้องร
ชานนท์ขับรถตรงมาจอดที่หน้าบ้านของตัวเองเพราะอยากจะคุยกับปุณณิศาให้รู้เรื่อง แต่พอเขาจอดรถ เธอก็เปิดประตูแล้วรีบเดินไปทางบ้านของคุณปู่ เขาเลยต้องเดินตามเธอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าตัวเองเพิ่งจะร้องไห้มาในรถแต่พอมาเจอกับคุณปู่ปุณณิศาก็ปรับอารมณ์ของตนเองได้อย่างดี เธอไม่อยากให้ท่านต้องเป็นกังวลไปด้วยที่เห็นว่าเธอกับเขาโกรธกันอยู่ “เปิดเทอมแล้วเรียนนักไหมล่ะปุณ” “ไม่ค่ะ ช่วงนี้ยังสบายๆ อยู่ค่ะ แต่เดือนหน้าก็คงจะเริ่มหนักขึ้น” “อดทนนะ อีกไม่ถึงสองปีก็จะจบแล้ว คิดไว้หรือยังว่าจบแล้วจะไปทำงานที่ไหน”“หนูอยากสอนที่โรงเรียนใกล้บ้านค่ะ แต่ไม่รู้จะสอบได้ไหม เพราะโรงเรียนที่อยู่ในเมืองคนก็จะสอบกันเยอะค่ะ แต่บางทีก็คิดเหมือนกันค่ะว่าอยากจะไปสอบโรงเรียนไกลๆ เพราะไม่ค่อยมีใครอยากไปกันเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะสอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ก็มีมากขึ้น”“แล้วถ้าต้องอยู่ลำบากแบบนั้นหนูจะทนได้เหรอลูก” ปู่มนตรีเป็นห่วงกลัวหลานสะใภ้จะลำบาก“ได้สิคะ”“ปู่ขออวยพรให้หนูสอบได้โรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆ บ้านก็แล้วกันนะลูก ปู่ไม่อยากให้ไปไกลเลย”“ขอบคุณค่ะคุณปู่”“จะไปสอบทำไมใ