เช้าวันนี้ปุณณิศาตื่นนอนมาด้วยความเมื่อยล้า เธอค่อยๆเอามือที่โอบอยู่บนเอวออกอย่างเบาที่สุดก่อนจะรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว และพอกลับเข้ามาในห้องนอนชานนท์ยังไม่ตื่นหญิงสาวนั่งลงข้างเตียงมองใบหน้าหล่อนั้นแล้วยิ้ม ถ้าเขาเป็นคนรักของเธอจริงๆ เธอคงจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุด ชานนท์เป็นผู้ชายที่สาวๆ ต่างฝันถึง เขาทั้งหล่อทั้งรวยและเวลาอยู่บนเตียงก็ดุดันจนเธอหลงใหล หลายวันที่ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านเธอคิดถึงเขามาก เขาคงทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงติดเซ็กซ์ไปแล้ว ปุณณิศาคิดไม่ออกว่าถ้าถึงวันที่เขาเลิกจ้างชีวิตเธอจะเป็นยังไงต่อเธอรักเขาไปแล้ว รักไปตั้งแต่ตอนไหนตัวเองก็ไม่แน่ใจ ถ้าวันหนึ่งเขาเจอคนที่เหมาะสมเธอคงจะเจ็บไม่น้อย แต่ในเมื่อเวลานั้นยังมาไม่ถึงเธอก็จะตักตวงความสุขเอาไว้ให้มากที่สุด“แอบมองแบบนี้คิดอะไรอยู่เหรอ”“เปล่านะคะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธแล้วถอยห่างแค่ก็ยังช้ากว่าเขา ชานนท์ดึงเธอลงมานอนกอดอย่างรวดเร็ว“ยังจะมาปฏิเสธอีก ฉันเห็นว่าเธอจ้องหน้าฉัน”“ตาพี่นนท์ปิดอยู่จะเห็นได้ยังไง”“นั่นไง ถ้าไม่มองจะรู้ได้ยังไงว่าตาฉันปิดอยู่”“หนูว่าพี่นนท์ปล่อยหนูก่อนดีกว่านะคะ นี่มันสายแล้ว หนูว่าคุณปู่
ชานนท์ควันออกหูเมื่อได้ยินเธอพูดว่าอายุมาก เขาอายุมากที่ไหนแค่ก็แค่สามสิบปีเองนะ “เธอกำลังว่าฉันแก่นะปุณณิศา” “เปล่านะคะ หนูไม่ได้พูดคำนั้นเลย หนูก็แค่บอกว่าพี่นนท์อายุมากแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่ทำอะไรเด็กแบบหนูหรอก”“ความหมายมันก็คล้ายกัน”“อย่าทำหน้าเครียดสิคะ พี่นนท์ยังไม่แก่สักนิดแถมยังหล่อมากอีกด้วย” “ไม่ต้องมาประจบ จะไปซื้อเสื้อไหม ถ้าจะไปก็เดินนำก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ” “พี่นนท์จะใส่แน่นะคะ” “ถ้าเธอกล้าใส่ฉันก็กล้าใส่” “ขอบคุณค่ะ พี่นนท์น่ารักที่สุดเลยค่ะ ถ้าใครได้เป็นแฟนต้องโชคดีมากแน่ๆ เลยนะคะ” “แล้วตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองโชคดีไหมล่ะ” “ตอนนี้หนูเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยค่ะ” ปุณณิศาคล้องแขนชายหนุ่มแล้วเดินไปยังแผนกกางเกงยีนผู้ชายก่อนเป็นอันดับแรก “หนูว่าสีซีดๆ แบบนี้พี่นนท์ใส่แล้วหล่อมากเลยค่ะ” “แล้วปกติฉันไม่หล่อเหรอ” “หล่อสิคะ หล่อที่สุดอยู่แล้วค่ะ” พอได้กางเกงของชายหนุ่มแล้วก็ไปยังร้านที่เธอจะซื้อบ้าง ชานนท์เลือกสีที่ใกล้เคียงกับของเขา จากนั้นก็ไป
“พี่นนท์ ลงมาตั้งแต่ตอนไหนคะ” ปุณณิศาตกใจที่หมุนตัวกลับแล้วเจอเขายืนพิงเคาน์เตอร์ครัวอยู่“ลงมาทำอะไรดึกอย่างนี้”“หนูลงมาชงชาให้พี่นนท์” หญิงสาวชี้ไปยังชาที่เธอชงไว้ที่วางอยู่บนโต๊ะ“ขอบใจ จะขึ้นนอนเลยไหม”“ค่ะ แล้วพี่นนท์ล่ะคะ ลงมาทำไมแล้วจะขึ้นไปนอนหรือทำงานต่อคะ”“ฉันทำงานเสร็จแล้ว ไปที่ห้องไม่เห็นก็เลยลงมาตาม” ชานนท์เพิ่งสังเกตว่าวันนี้ปุณณิศาสวมชุดนอนสายเดี่ยวตัวบางที่เขาซื้อให้เป็นครั้งแรก ความบางเบาบวกกับรูปร่างที่เย้ายวนมันกระตุ้นให้ไฟในกายของเขาลุกขึ้นได้อย่างง่ายดาย“ตามหนูเหรอคะ”“บ้านนี้อยู่กันสองคน ถ้าไม่ตามเธอฉันจะตามใครละ” ชานนท์เดินเข้ามาใกล้คนเธอต้องถอยหลังไปชนกับประตูตู้เย็น“จะถอยทำไม กลัวฉันเหรอ”“หนูจะกลัวทำไม”“เธอบอกไม่กลัวแต่ทำไมเธอตัวสั่นล่ะปุณณิศา”หญิงสาวรู้สึกร้อนๆ หนาวอย่างไม่ทราบสาเหตุหรือจะเป็นเพราะชุดนอนวาบหวิวที่เธอหยิบขึ้นมาสวม“ฉันว่าเธอดูแปลกๆ นะ” ชานนท์รู้สึกว่าหญิงสาวหายใจแรงกว่าปกติ“หนูไม่รู้ หนูคงจะหนาวชุดมันบางมาก”“แต่ฉันว่าเซ็กซี่ดีนะ”“พี่นนท์ชอบไหม”“อือ” เขาตอบพร้อมกับเดินเข้ามากอด“พี่นนท์ ปล่อยนะคะ” ปุณณิศาพยายามดันให้เขาออก“ก็เธอบอกว
ปุณณิศาตื่นสายกว่าทุกวัน นาฬิกาที่ผนังห้องบอกเวลาเกือบจะเที่ยงหญิงสาวรับลุกจากที่นอน แต่พอก้าวขาลงจากเตียงก็รู้สึกเจ็บระบบทั่วหว่างขา กว่าจะเดินมายังห้องน้ำได้ก็เกือบจะล้มไปตั้งหลายครั้ง ดวงตากลมโตมองตัวเองในกระจกสลับกับก้มมองที่ร่างกายขาวของตนที่มีรอยแดงเต็ม อีกทั้งยังมีรอยฟันอยู่บนทรวงอกทั้งสองข้าง ขาเนียนสวยทั้งสองข้างเต็มไปด้วยรอยมือและรอยสีกุหลาบ ชานนท์ไม่เคยทำร่างกายเธอเป็นรอยเยอะขนาดนี้มาก่อน เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนเธอยอมให้เขาทำกับร่างกายของเธอได้ยังไง ปุณณิศาจำได้ว่าเขาลงไปหาเธอที่ห้องครัวจากนั้นก็อุ้มเธอไปวางบนโต๊ะในห้องทำงาน ใบหน้าสวยแดงก่ำเมื่อนึกถึงบทรักที่เกิดขึ้น เธอจำได้ดีว่าตนเองเรียกร้องอะไรจากเขาบ้าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมากจนสึกรู้สึกอายที่ทำแบบนั้นลงไป หญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัว สวมเสื้อผ้าที่ปิดบังร่องรอยอย่างมิดชิด พอลงมาจากห้องนอนก็เห็นว่าชานนท์เดินเข้าบ้านมาพอดี “ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม” เขาถามอย่างห่วงใย “ค่ะ ทำไมไม่ปลุกหนูล่ะคะ” “ก็เห็นหลับสบายเลยไม่อยากปลุก ไม่ต้องห่วงฉันบอกปู่ไปแล้วว่าเธอไ
ชานนท์และปุณณิศามาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า เขาแวะเอาของเก็บที่โรงแรมของน้องสาวจากนั้นก็ขับรถที่ชาลิตาเตรียมไว้ให้ก่อนจะตรงไปยังไร่ของบิดาซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ 60 กิโลเมตร “ง่วงก็นอนก่อนเลยถึงแล้วฉันจะปลุก” “หนูอยากมองวิวสองข้างทางมากกว่าค่ะ” “อือ อยากลงไปถ่ายรูปไหม” “ไปถ่ายที่ไรก็ได้ค่ะ คุณปู่บอกว่าที่นั่นสวยมาก ตอนนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปด้วย หนูขอถ่ายรูปแล้วเอาลงไอจีได้ไหมคะ” “อยากทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องขอทุกอย่างหรอกฉันไม่ใช่ผู้ปกครองเธอนะ” ชานนท์หันไปมองคนที่นั่งมองสองข้างทางแล้วเขาก็ยิ้มตามเธอไปด้วย “แล้วหนูถ่ายคู่กับพี่ได้ไหมคะ แค่อยากถ่ายเก็บไว้ หนูสัญญาเลยว่าจะไม่เอารูปคู่ของพี่กับหนูให้ใครเห็น” “ถ้าถ่ายไม่เอาลงก็ไม่ต้องถ่าย” ชานนท์คิดว่าเธออายจึงไม่ค่อยพอใจ เขาเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อระบายอารมณ์โกรธ “พี่นนท์ ขับเร็วเกินไปแล้วนะคะ” ชายหนุ่มไม่ฟังเสียงคัดค้านนั่นยิ่งทำให้คนตัวเล็กที่นั่งมาข้างๆ รู้สึกกลัวจนตัวสั่น กว่าชานนท์จะยอมลดความเร็วลงรถก็มาถึงบริเวณท
กลับมาจากไร่ชานนท์ก็มาทานอาหารกับน้องสาวและสามีของเธอที่ห้องอาหารของโรงแรม “สองคนนี้ไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน” ชานนท์มองน้องสาวและปุณณิศาที่นั่งคุยกันอย่างถูกคอแล้วก็ถามด้วยความแปลกใจ “คุณปู่แนะนำให้เรารู้จักกันตั้งนานแล้วค่ะ” ชลิตาบอกพี่ชาย “ถึงว่าล่ะ ทำไม่ปุณถึงได้อยากจะมาเที่ยวเชียงใหม่” “คืนนี้ตาจะพาปุณไปเดินเที่ยวที่ถนนคนเดินนะคะ พี่สองคนจะไปด้วยไหมคะ” “พี่ขอบายนะตา ไม่ถนัดจริงๆ” อนุตรรีบบอกภรรยา “พี่นนท์ละคะ จะไปกับเราไหม” เธอหันมาถามพี่ชายต่อ “ไม่ล่ะไม่ใช่แนวพี่เลย” “งั้นเราไปนั่งดื่มกันดีไหม ไม่อยากกลับไปเหงาที่บ้านคนเดียว” อนุตรชวนพี่ชายภรรยา “ได้สิ ตาพี่ฝากปุณด้วยนะ อย่ากลับดึกล่ะ” ชานนท์หันมาบอกน้องสาว แต่สายตามองทางปุณณิศาอย่างห่วงใย “ไม่ดึกหรอกค่ะ พี่สองคนก็อย่าดื่มจนลืมเวลานะ แล้วจะไปดื่มร้านไหนกันล่ะคะ” “ใต้โรงแรมนี้แหละ” อนุตรตอบภรรยา “งั้นถ้าตากับปุณกลับมาแล้ว จะไปรอที่ห้องพี่นนท์นะคะ เราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน” “ครับ”
“ไม่กลัวแล้วเหรอที่จะไปทานข้าวกับคุณแม่” ชานนท์ถามปุณณิศาที่ดูเหมือนวันนี้เธอจะไม่ค่อยเกร็งเหมือนวันแรก “ก็วันนี้พี่ตาไปด้วยนี่ค่ะ หนูก็มีเพื่อนคุย” “แล้วตอนนี้พี่ตาของปุณอยู่ไหนแล้วล่ะ ทำไมไม่ลงมาสักทีล่ะ” “พี่ตาไปสั่งงานค่ะ ส่วนพี่อั๋นไปเอาไวน์ค่ะ” “ปุณไปเอาเสื้อแขนยาวดีไหม กลางคืนที่ไร่จะหนาวนะครับ รออยู่ตรงนี้พี่จะขึ้นไปเอาให้” สรรพนามที่ชานนท์เลือกใช้เปลี่ยนไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ส่วนคนฟังอย่างปุณณิศานั้นรู้แต่ก็ไม่อยากจะทักเพราะเธอชอบที่เขาแทนตัวเองแบบนี้ “ไม่เป็นไรค่ะ เสื้อหนูไม่ได้บางมากขนาดนั้น พี่นนท์คะเราจะกลับดึกไหมคะ หนูยังไม่ได้จัดกระเป๋าเลยค่ะ” “ไม่ดึกมากหรอก คงไม่เกินสี่ทุ่ม” “งั้นหนูค่อยกลับมาเก็บของก็ได้ค่ะ” “พรุ่งนี้อยากไปไหนอีกไหม เราพอมีเวลาก่อนกลับนะ” “ไม่ดีกว่าค่ะ พี่นนท์ล่ะคะ อยากไปไหนหรือเปล่า” “ถ้าไม่อยากไปไหนคืนนี้นอนดึกหน่อยก็ได้ กลับมาถึงโรงแรมแล้วเราไปฟังเพลงกันดีไหม อยากไปหรือเปล่า” “ค่ะ อยากไปค่ะ” “นอกจากไปทำงานที
รถตู้ของโรงแรมเคลื่อนออกจากไร่ส้ม ชลิตากดปุ่มกั้นส่วนของผู้โดยสารกับคนขับรถเพราะอยากจะคุยเรื่องเมื่อครู่กับพี่ชายอีกครั้ง “พี่นนท์ ตาว่าสองแม่ลูกนั้นแปลกๆ นะคะ” “นั่นสิ” “แล้วคืนนั้นคนที่นอนกับคุณแพรเป็นใครกันนะ” “พี่ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พี่แน่นอน ตาก็เห็นว่าพี่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ พี่คงแยกร่างไม่ได้หรอกนะ” “น่าสงสารนะคะ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนอนกับใคร” ปุณณิศารู้สึกเห็นแพรไพลิน “ปุณ ไม่โกรธเหรอ เขาพยายามแย่งพี่นนท์ไปจากปุณเลยนะ” ชนิตาถามน้องสะใภ้ “แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จนี่คะพี่ตา” “ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ล่ะ” ชานนท์ถามขึ้นบ้าง “หนูรู้ว่าพี่นนท์ไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วถ้าพี่นนท์กับเธอจะแอบคบหากันหรือมีอะไรกันก็คงไม่ทำในโรงแรมของพี่ตาหรอกค่ะ” เธอกล่าวอย่างมั่นใจ “เรื่องนี้สืบไม่ยากหรอก แค่ดูว่าใครเป็นคนเช็กอินห้องนั้นเราก็น่าจะรู้แล้วล่ะ พรุ่งนี้เช้าจะรีบดูให้นะ” อนุตรบอก “นั้นสิ แต่เดี๋ยวกลับไปที่โรงแรมพี่อั๋นลองตามเด็กเสิร์ฟที่เห็นในกล้องนะคะ” “ได
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว
วันนี้ปุณณิศามีเรียนในตอนบ่ายหญิงสาวจึงตื่นนอนสายกว่าทุกวัน เธอไม่ต้องไปทานอาหารเช้ากับคุณปู่เพราะวันนี้ท่านไปทำบุญที่วัดกับลุงทศตั้งแต่เช้าเรื่องที่ชานนท์บอกว่าจะคุยด้วยก็ยังไม่ได้คุย เพราะเมื่อคืนเธอหมดแรงหลับไปก่อน พอตื่นเช้ามาเขาก็ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวเดินลงมาที่ห้องครัวก็มีอาหารวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เธอทานเสร็จก็เก็บล้างและคิดว่าจะออกไปมหาวิทยาลัยสักสิบเอ็ดโมงเพราะมีแผนจะไปยืมไอแพดที่มหาวิทยาลัยขณะกำลังแต่งตัวชานนท์ก็โทรมาบอกเธอรอเขาอยู่ที่บ้านเพราะชายหนุ่มจะมารับเธอไปส่งที่มหาวิทยาลัย พอเขามาถึงเธอก็เร่งให้เขารีบไปส่งทันที“มีเรียนบ่ายโมงใช่เหรอ ทำไมดูรีบจังพี่ว่าจังพี่ว่าจะชวนหนูไปหาอะไรกินแล้วค่อยไปเรียนสักหน่อย”“หนูรีบไปยืมไอแพดค่ะ พี่นนท์ออกรถเลยค่ะ”“ยืมไอแพด ยืมใครครับ แล้วทำไมไม่ซื้อเอง”“ยืมที่คณะค่ะ เขามีให้นักศึกษายืม แต่ต้องเขียนคำร้องแล้ววันนี้ก็เปิดให้เขียนคำร้องวันแรกค่ะ หนูอยากรีบไปเขียนก่อนเข้าเรียนค่ะ”“พี่เคยบอกว่าถ้าอยากได้อะไรก็ให้บอกจำไม่ได้เหรอ”“จำได้ค่ะ แต่นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหนู”ชานนท์หันมามองก่อนจะถอนหายใจอย่างแรงพลางส่ายหน้า“
ชานนท์กดริมฝีปากลงกับเนินอกอวบอิ่มหนักๆ สร้างร่องรอยตีตราจองไว้ทุกจุดที่ลากผ่า ปลายนิ้วเรียวยาวเลื่อนลงไปสัมผัสจุดอ่อนไหวเบื้องล่าง“พี่นนท์...”“เปียกอีกแล้ว”“ก็เพิ่งอาบน้ำ”“แน่ใจเหรอว่าเพราะอาบน้ำ”“พี่นนท์ขา...”หญิงสาวเสียงสั่นเลือดลมในกายพลุ่งพล่านร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงราคะที่พร้อมจะแผดเผา ลมหายใจเริ่มสะดุดเพราะนิ้วร้ายที่รุกล้ำนั้นขยับเข้าออกเร่งเร้าให้ไฟให้โหมกระหน่ำมากขึ้นทุกขณะ“เสียวมากไหนคนเก่ง”“อื้ม พี่นนท์ขาอย่าแกล้ง”“ใครจะแกล้งเมียกันล่ะ พี่ก็แค่กำลังจะส่งหนูไปสวรรค์”“อ๊า...”เสียงครวญครางของหญิงสาวที่ค่อยๆ เพิ่ม ระดับความดังมากขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูงจากการปรนเปรอด้วยนิ้วร้ายที่หมุนวนคว้านครูดเสียดสีจนสมองของปุณณิศามึนงงไปหมด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงแรงบีบรัดที่ตอดถี่รัวกล้ามเนื้อภายในกลีบกุหลาบสีสวยของเธอ สองหนุ่มสาวสบตาสื่อสารกันทางความรู้สึกที่เข้าใจได้ไม่ยาก ปุณณิศาหน้าแดงซ่านร่างกายกำลังจะถึงจุดสูงสุด ชานนท์ดูดเต้างามเข้าอุ้งปาก ปลายลิ้นตวัดเลียเม็ดทับทิม ขณะส่งนิ้วรัวเร็วจนในที่สุดหญิงสาวก็ขับน้ำหวานออกมาจนชุ่มไปทั้งปลายนิ้ว เธอเกร็งกระตุกรัดนิ้วอย่างรุนแรงจนเขาต้องร
ชานนท์ขับรถตรงมาจอดที่หน้าบ้านของตัวเองเพราะอยากจะคุยกับปุณณิศาให้รู้เรื่อง แต่พอเขาจอดรถ เธอก็เปิดประตูแล้วรีบเดินไปทางบ้านของคุณปู่ เขาเลยต้องเดินตามเธอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าตัวเองเพิ่งจะร้องไห้มาในรถแต่พอมาเจอกับคุณปู่ปุณณิศาก็ปรับอารมณ์ของตนเองได้อย่างดี เธอไม่อยากให้ท่านต้องเป็นกังวลไปด้วยที่เห็นว่าเธอกับเขาโกรธกันอยู่ “เปิดเทอมแล้วเรียนนักไหมล่ะปุณ” “ไม่ค่ะ ช่วงนี้ยังสบายๆ อยู่ค่ะ แต่เดือนหน้าก็คงจะเริ่มหนักขึ้น” “อดทนนะ อีกไม่ถึงสองปีก็จะจบแล้ว คิดไว้หรือยังว่าจบแล้วจะไปทำงานที่ไหน”“หนูอยากสอนที่โรงเรียนใกล้บ้านค่ะ แต่ไม่รู้จะสอบได้ไหม เพราะโรงเรียนที่อยู่ในเมืองคนก็จะสอบกันเยอะค่ะ แต่บางทีก็คิดเหมือนกันค่ะว่าอยากจะไปสอบโรงเรียนไกลๆ เพราะไม่ค่อยมีใครอยากไปกันเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะสอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ก็มีมากขึ้น”“แล้วถ้าต้องอยู่ลำบากแบบนั้นหนูจะทนได้เหรอลูก” ปู่มนตรีเป็นห่วงกลัวหลานสะใภ้จะลำบาก“ได้สิคะ”“ปู่ขออวยพรให้หนูสอบได้โรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆ บ้านก็แล้วกันนะลูก ปู่ไม่อยากให้ไปไกลเลย”“ขอบคุณค่ะคุณปู่”“จะไปสอบทำไมใ