๑
ความหลัง
ชายหนุ่มผิวสองสีดวงหน้าคมเข้มในชุดเสื้อโปโลสีขาว สวมกางเกงยีนส์สีซีดเดินอย่างกระฉับกระเฉงไปยังรถ SUV สีขาว ซึ่งจอดอยู่ในโรงรถของบ้านหลังใหญ่สไตล์โรมัน ที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนเนินสูง รายล้อมด้วยสวนทุเรียนกว้างใหญ่สุดหูสุดตา ก่อนจะเปิดประตูรถเขาได้ยินเสียงตะโกนถามไล่หลังมาจากหญิงวัยกลางคนร่างท้วม
“ตาชล จะไปไหนหรือลูก” ชลธรหันกลับไปหามารดาแล้วยิ้มด้วยสีหน้าสดใสก่อนจะตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ไปรับตาหนูครับแม่ ไม่ได้เจอหน้าลูกหลายวันแล้วคิดถึง”
“ก็เพิ่งไปส่งเมื่อสองวันก่อนนี้เองไม่ใช่เหรอ” สายชลผู้เป็นมารดาว่า
“ก็นั่นแหละครับ คิดถึงแล้ว เดี๋ยวผมมานะครับแม่”
“จ้ะ งั้นก็ไปเถอะ แม่ก็คิดถึงตาธีแล้วเหมือนกัน”
“ครับแม่ เดี๋ยวผมซื้อขนมมาฝากนะครับ” ว่าแล้วก็ก้าวเท้าขึ้นรถขับไปตามถนนที่ลาดด้วยซีเมนต์ ซึ่งเป็นถนนในสวนที่มีความกว้างขนาดรถสวนกันได้สองคันระยะทางราวห้าร้อยเมตร มุ่งตรงออกจากสวนทุเรียนไปยังถนนใหญ่
ก่อนจะแวะซื้อของกินเล็กน้อยที่ร้านอาหารจีนเจ้าประจำเพื่อไปฝากน้องสาวและน้องชายที่ไร่คีริน ซึ่งเป็นที่ตั้งบริษัทและรีสอร์ตของน้องชาย
ไม่นานชลธรก็มาถึงไร่คีรินที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง เขาก็จอดรถที่หน้าบ้านของน้องสาวเพื่อเอาอาหารไปส่งให้ เพราะแม้ว่าเธอจะแต่งงานมีสามีไปแล้ว แต่ด้วยความเคยชิน เขาต้องซื้อของไปฝากทุกครั้งที่ไปหา ไม่อย่างนั้นก็จะงอนไม่เลิกราเหมือนกับตอนเป็นเด็ก ที่จะต้องรอของฝากจากเขาอยู่เสมอ
“พี่ชล ซื้ออะไรมาฝากน้องภาคะ” เสียงสดใสพร้อมกับร่างเพรียวบางในชุดเดรสยาวสีหวานที่วิ่งออกมาทันที่ที่เห็นเขาจอดรถหน้าบ้านแล้วถือถุงพะรุงพะรังเข้าไปหา
“ฮ้อยจ๊อปูกับกระเพาะปลาน้ำแดง แล้วก็เป็ดตุ๋นที่เราชอบกินไง แล้วเป้ไปไหนล่ะ ออกไปทำงานเหรอ” เขาถามพลางกวาดตามองหาปรัชญาสามีของน้องสาว นภาธรยิ้มกว้างชี้เข้าไปในบ้านแล้วตอบว่า
“รีดผ้าให้น้องภาอยู่ในบ้านโน่นแน่ะค่ะ”
“รีดผ้าให้น้องภาเนี่ยนะ แล้วทำไมเราใช้สามีรีดผ้าแบบนั้นล่ะ”
“น้องภาไม่ได้ใช้สักหน่อย น้องภาจะเอาไปส่งร้านซักรีด แต่พี่เป้บอกว่าเปลืองตังค์จะซักรีดเองนี่คะ”
“เรานี่ก็นะ ระวังไว้เถอะ เขาไปเจอผู้หญิงคนใหม่เอาใจเก่ง ๆ จะถูกทิ้งไม่รู้ด้วย” ชลธรปรามน้องสาว
“ก็พี่เป้บอกว่าน้องภารีดผ้าไม่เรียบค่ะ ให้น้องภาซักผ้าอย่างเดียวพอ เอาใส่เครื่องซักผ้าแล้วเอาไปตาก เขาจะรีดเอง แบ่งหน้าที่กันทำค่ะ” คนเป็นน้องสาวว่า
“อือ ก็ยังดีหน่อย งั้นเอาฮ้อยจ๊อไปกินนะ พี่จะไปหาตาหนูก่อน”
“อ้าว ไม่เข้าไปคุยกับพี่เป้ก่อนเหรอคะ”
“ไม่เป็นไร พี่ค่อยมาวันหลัง เดี๋ยวจะเสียเวลาเขารีดผ้า ไปก่อนนะ” ว่าแล้วโยกหัวน้องสาว ก่อนจะเดินกลับไปที่รถแล้วขับไปยังบ้านของน้องชาย
เห็นคีรินปูเสื่อนั่งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน โดยมีชลธีหนูน้อยวัยราวแปดเดือน ซึ่งตอนนี้สามารถลุกนั่งได้ด้วยตัวเองและเริ่มจะคลานได้แล้ว กำลังนั่งเล่นของเล่นพลางส่งเสียงหัวเราะระรื่น เขาจอดรถแล้วไปหยิบของฝากที่อยู่ท้ายรถ
“อ้าว พี่ชลมาหาตาหนูเหรอคะ” เสียงใสที่เอ่ยทักทำให้ชลธรต้องหันไปหาน้องสะใภ้ก่อนจะส่งของฝากให้
“ใช่จ้ะ ฤดี นี่พี่ซื้อของกินที่คีรินเขาชอบมาฝาก ฤดีเอาไปเก็บนะ เดี๋ยวพี่จะไปหาตาหนูก่อน” ว่าแล้วยื่นของให้น้องสะใภ้ เขามองจนเพียงฤดีหิ้วของเข้าไปในบ้าน ก่อนจะเดินไปหาคีรินที่เล่นกับลูกชายอยู่บนเสื่อกระจูด
“อ้าว พี่ชลมานั่งด้วยกันสิ ผ่านมาแถวนี้เหรอครับ ถึงแวะมา” คนเป็นน้องชายถามพลางดึงลูกชายตัวน้อยมานั่งตัก
ชลธรนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วปรบมือเบา ๆ เรียก แค่เห็นหน้าพ่อทูนหัว ชลธีก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก รีบลงจากตักพ่อตัวจริงคลานเข้ามาหาทันที ชลธรรีบคว้าร่างป้อมตรงหน้ามาไว้บนตักแล้วตอบว่า
“ก็ตั้งใจมาหาตาหนูนี่แหละ คิดถึง แม่ก็คิดถึง เดี๋ยวพี่ขอพาไปหาแม่นะ” คนเป็นพี่ชายว่าพลางชูตัวหนูน้อยขึ้นเหนือศรีษะแล้วแหงนคอมอง ชลธีหัวเราะคิกคักท่าทางมีความสุข
“ธีไปกับป๊าใช่ไหมลูก ธีหันไปขออนุญาตพ่อหน่อย ว่าให้ไปกับป๊าเนอะ” ว่าแล้วหันตัวหนูน้อยไปหาน้องชาย
“นะ พี่ขอพาไปเล่นที่บ้านเดี๋ยวบ่าย ๆ จะเอามาคืน” คนเป็นพี่ชายว่า ราวกับเห็นลูกของน้องชายเป็นของเล่น ที่มาขอไปเล่นที่บ้านได้แทบทุกวัน
“ครับ แล้วพี่ชลไม่อยู่กินข้าวก่อนหรือครับ”
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวจะพาตาหนูไปซื้อของเล่นด้วย แล้วค่อยกลับไปกินข้าวเที่ยงกับแม่ บอกแม่ว่ามาไม่นาน มารับตาธีเสร็จแล้วจะซื้อขนมไปฝาก วันนี้วันหยุดพี่เอาลูกไปเลี้ยงเอง นายจะได้มีเวลาอยู่กับฤดีบ้างไง เผื่อจะมีหลานเพิ่มให้พี่อีกคน จะได้ไม่ต้องแย่งกัน”
“แล้วพี่ชลไม่อยากมีลูกเป็นของตัวเองบ้างหรือครับ” คนเป็นพ่อตัวจริงถามเสียงอ่อย ๆ แม้จะอยากใช้เวลาในวันหยุดเล่นกับลูกบ้าง แต่จะไม่ให้ชลธรเอาไปก็ไม่ได้ เพราะถ้าไม่ได้พี่ชายคนนี้คอยดูแลมาตั้งแต่เด็ก เขาก็คงไม่ได้เติบโตมีชีวิตที่ดีเช่นทุกวันนี้
จะถือว่าชลธรเป็นพ่อคนที่สองของเขาไปแล้วก็ได้ เพราะเป็นพี่ชายที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่แบเบาะเลยทีเดียว เนื่องจากตอนที่เขาเกิดชลธรอายุแปดขวบ มีหน้าที่ช่วยปู่กับย่าเลี้ยงน้องตอนที่พ่อกับแม่ออกไปทำสวน
จนกระทั่งเขาเริ่มโตก็เห็นว่าชลธรเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยบิดาทำสวนทำไร่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ด้วยตอนนั้นฐานะทางบ้านไม่ได้ดีนัก ต้องหาเงินส่งเขาและน้องสาวเรียน จนกระทั่งเขาเรียนจบมัธยมต้นก็ยังทำงานส่งเขาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ อีก ไม่ว่าต้องการเงินไปทำสิ่งใด พี่ชายคนนี้ก็ไม่เคยขัด ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีก็จะต้องโอนให้น้องทันที แล้วเขาจะกล้าใจดำได้อย่างไร
“มีตาธีพี่ก็หายเหงาแล้ว ส่วนลูกของตัวเองน่ะ แม่เขายังไม่เกิดละมั้ง ป่านนี้ถึงยังไม่เจอ นายก็รีบมีลูกเพิ่มก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องมาแย่งกับพี่”ชลธรว่าพลางกอดหอมชลธีไปด้วย
“โธ่ ก็มันทำไม่ได้ง่าย ๆ นี่ครับ พยายามแล้วพยายามอีกก็ได้มาแค่คนเดียวนี่แหละ งั้นเดี๋ยวผมไปเตรียมขวดนมให้ใหม่นะครับ” พ่อลูกอ่อนว่าพลางลุกเดินเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้พี่ชายเล่นกับลูกชาย ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับหิ้วตะกร้าหวายซึ่งมีอุปกรณ์สำหรับเด็กหลายอย่างอยู่ในนั้น
ชลธรอุ้มหนูน้อยพร้อมกับหิ้วตะกร้าหวายไปที่รถ เขาวางตะกร้าไว้ที่เบาะหลัง แล้วนำชลธีไว้ในคาร์ซีทด้านหน้า แม้ยังไม่มีลูกเป็นของตัวเอง แต่เขาก็เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสำหรับชลธีตั้งแต่หลานคนนี้ยังไม่เกิด
---------------------------------------
สวัสดีค่ะ นักอ่านที่รัก เรามาพบกับเจ้าสาวชลธร...เพียงรักนี้มีเธอ ซึ่งเป็นนิยายเรื่องที่ 3 ของซีรีส์ชุดเพียงรัก โดย ทิพย์ทิวา กันต่อนะคะ ซึ่งนิยายชุดนี้มี 3 เรื่องดังนี้
ฤดีคีริน...เพียงรักนี้มีเรา
ดวงใจปรัชญา...เพียงรักกันก็พอ
เจ้าสาวชลธร...เพียงรักนี้มีเธอ
เมื่อชลธรรับเจ้าตัวน้อยมาได้สมใจที่คิดถึงแล้ว จึงรีบพาไปแวะที่ร้านมินิมาร์ทในตัวอำเภอเพื่อซื้อของเล่นให้อย่างเคย“ธีเอาอันไหนดีครับลูก อันนี้มั้ย เป็ดน้อย มีเสียงปี๊บ ๆ ด้วย” ชลธรบีบตุ๊กตาเป็ดน้อยสีเหลืองให้หนูน้อยในอ้อมแขนดู ชลธีหัวเราะถูกใจพยายามเอื้อมมือไปคว้า ชลธรยิ้มด้วยท่าทางมีความสุข“จะถือเองหรือครับลูก โอเค ป๊าให้ถือเองนะครับ ไปจ่ายเงินที่พี่คนสวยกันเนอะ” ว่าแล้วก็หันไปยังพนักงานร้านที่อยู่หลังเคาน์เตอร์“น้องคะ เอารังนกให้พี่แพ็คนึงค่ะ แล้วก็ซุปไก่อีกแพ็คนึงด้วยค่ะ” เสียงหญิงสาวที่เดินไปถึงเคาน์เตอร์ก่อนหน้าเขาดังขึ้น พลางชี้ไปด้านหลังพนักงานที่มีเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพหลากหลายชนิดวางอยู่ชลธรหันมองแล้วอึ้งไปอึดใจหนึ่ง เมื่อเห็นหญิงสาวผิวขาวผมยาวสลวยรูปร่างบอบบาง ดวงหน้าเรียวหวานสะดุดตา ซึ่งเขาจำได้ชัดเจนว่าหญิงสาวคนนี้เคยวิ่งมาชนเขาที่งานแต่งงานของนภาธร เธอยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาเต้นแรง เธอจ่ายเงินเสร็จก็รับของ แล้วหมุนตัวจะเดินออก ก่อนจะชะงักนิ่งเมื่อเห็นเขายืนอยู่ ชายหนุ่มได้แต่ยืนอึ้ง นึกไม่ออกว่าจะทักทายอย่างไร“พี่คะ ถึงคิวแล้วค่ะ” เสียงพนักงานสาวเอ่ยเรียก ชลธรละสายต
ภาพที่หญิงสาวคนนั้นยัดเงินห้าร้อยบาทใส่มือของเขา ตอนที่วิ่งมาชนจนไวน์แดงหกรดเสื้อเชิ้ตในงานแต่งงานของนภาธร แล้วเธอก็วิ่งหายลับไปอย่างรวดเร็ว ผุดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่เห็นวันนี้คือคนเดียวกับที่วิ่งชนเขาวันนั้นอย่างแน่นอน เพราะเขาอยู่ที่นี่มานานยังไม่เคยเห็นใครที่มีใบหน้าหวาน ผิวพรรณขาวใสสะดุดตาเช่นนี้มาก่อน“จะได้เจอกันอีกไหมนี่ จะได้เอาเงินไปคืนให้” เขาพึมพำก่อนจะเก็บเงินไว้ในลิ้นชักอย่างเดิมแล้วหยิบโน้ตบุ๊กออกมานั่งอยู่ริมระเบียง ทอดสายตามองไปยังลำธารด้านล่าง วันนี้น้ำขึ้นสูงและไหลเชี่ยวกว่าปกติเพราะฝนตกในช่วงกลางคืนมาหลายวันแล้วก่อนจะก้มมองจอคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านข่าวและดูราคาหุ้นที่ตนเองซื้อเก็บไว้เก็งกำไร ไหนยังจะกองทุนต่าง ๆ ที่ซื้อเก็บไว้เพื่อรับเงินปันผล ซึ่งเขามักจะเข้าไปตรวจเช็คอยู่บ่อย ๆหลังจากนั้นจึงเข้าไปดูข้อมูลด้านการเกษตรอื่น ๆ ที่จะต้องอัปเดตให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะมีเรื่องโรคและแมลงต่าง ๆ ที่อาจจะมาลงในแปลงสวนทุเรียนของเขาได้ จะได้ระมัดระวังไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาเอกแล้ว จึงไม่ได้มีงานให้ทำมากเหมือนเมื่อก่อน ได้แต่ใช้เวลาส่วน
๒เธอคือใครที่บ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้หลังไม่ใหญ่มากนัก บริเวณบ้านรายรอบไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ และผลไม้หลากหลายชนิด ด้านหน้าเป็นลานกว้าง ปูด้วยหญ้าญี่ปุ่นเขียวขจี มองเข้าไปในบ้านชั้นล่าง ด้านหน้าบ้านเทพื้นปูนออกมากว้างขวาง ปูกระเบื้องสีน้ำตาลและต่อหลังคายื่นออกมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นและมีชุดโต๊ะไม้สีน้ำตาลขัดเงาตั้งอยู่หนึ่งชุดสำหรับนั่งเล่น และใช้สำหรับนั่งรับประทานอาหารได้ด้วย ชายชรานั่งอยู่บนรถเข็นหน้าบ้าน มองออกไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีดำที่ขับเข้ามาจอด ร่างเพรียวบางในชุดกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดแขนยาวสีครีมลงมาจากรถ ในมือถือถุงพะรุงพะรังเข้ามาหา ผมยาวสลวยของเธอพริ้วไหวไปตามแรงลม “อ้าว พ่อทำไมมานั่งคนเดียวตรงนี้ล่ะคะ แล้วพี่นิสาไปไหน” หญิงสาวถามพลางกวาดตามองไปยังที่จอดรถประจำของพี่สาว ซึ่งก่อนออกไปซื้อของข้างนอกเธอยังเห็นรถสปอร์ตสีแดงจอดอยู่ “พี่เขามีธุระน่ะ ออกไปสักพักได้แล้วละ เห็นบอกว่าไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ” นายอรุณผู้เป็นบิดาตอบ “แล้วทิ้งพ่อให้อยู่คนเดียวเนี่ยนะคะ ทั้ง ๆ ที่นิภาก็บอกไว้แล้วว่าให้อยู่เป็นเพื่อนพ่อก่อน” อรุณนิภาเอ่ย
อรุณนิภากวาดตามองไปทั่วบริเวณท้ายสวน ซึ่งเป็นเวิ้งกว้างก่อนถึงลำธาร เธอเพิ่งจ้างคนงานมาตัดหญ้าทำให้ดูโปร่งสบายตา ก่อนหน้านี้มีหญ้ารกท่วมทีเดียว ด้วยบิดาสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะตั้งแต่มารดาของเธอจากไปเมื่อห้าปีก่อน ท่านก็อยู่ลำพังมาตลอด มีเพียงน้าชายสวนใกล้กันที่คอยมาอยู่เป็นเพื่อน ในช่วงที่เธอกับพี่สาวไปอยู่ที่กรุงเทพฯช่วงสองสามปีมานี้ท่านมีปัญหาปวดเข่า จึงไม่ค่อยได้เข้ามาท้ายสวนบ่อยนัก ได้แต่ปล่อยที่ดินทิ้งร้างไว้ คนงานประจำก็ไม่มี ได้แต่จ้างทำเป็นรายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกผลไม้ ยางพารา สวนมะพร้าว ซึ่งพอให้ท่านมีรายได้ทุกวันไว้ใช้จ่ายในยามแก่ แต่พอป่วยก็รู้สึกว่าพื้นที่มีมากเกินกว่าตัวเองจะทำไหว หากขายที่ดินได้เงินก้อนใหญ่มาแบ่งให้กับลูก ๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงไม่ถนัดทำสวนทำไร่ ก็น่าจะดีกว่า ท่านเก็บไว้เพียงสวนยางพาราที่พอมีรายได้เลี้ยงชีพก็น่าจะเพียงพอ จึงได้มาบอกเธอว่าจะขายที่ดิน แต่เพราะเธอยับยั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ขาย ท่านจึงต้องยกเลิกความคิดนี้ไปหญิงสาวมองข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นเนินสูงขึ้นไป ใกล้ลำธารมีกระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นกระท่อมคนงานของสวนชลธร ซึ่งเป็
หญิงสาวรับผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมเช็ดหน้า ส่วนเขาเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมายื่นให้ เพราะเห็นเธอตัวสั่นราวกับลูกนก เนื่องจากบริเวณนี้อากาศค่อนข้างเย็น อีกทั้งเพิ่งจะจมน้ำมาอีก กลัวว่าจะเจ็บป่วยขึ้นมา“คุณไปเปลี่ยนเสื้อก่อนก็แล้วกัน อากาศหนาวแบบนี้ไม่ควรอยู่ตัวเปียก ๆ เดี๋ยวจะเป็นหวัด วันหลังค่อยเอามาคืนผมก็ได้ ห้องน้ำอยู่ด้านใน แต่เดินระวังหน่อยนะ ลูกชายผมหลับอยู่” เขาว่าหญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องน้ำอย่างว่าง่าย คงเป็นเพราะกำลังหนาวจัดจริง ๆ เพราะตอนนี้ใกล้สี่โมงเย็นแล้ว แถมยังอยู่ในหุบเขา อากาศเย็นทั้งวันและจะเย็นมากขึ้นเมื่อใกล้ค่ำชลธรกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเอง เขาหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแล้วเดินออกมาข้างนอก พร้อมกับธนบัตรใบละห้าร้อยบาทที่เก็บไว้ในลิ้นชัก เห็นหญิงสาวนั่งมองชลธีอยู่ข้างเบาะ เขาผุดยิ้มขึ้นมาบาง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วก็ยื่นธนบัตรใบละห้าร้อยบาทให้กับเธอ หญิงสาวทำหน้างุนงง“ให้ฉันทำไมคะ เธอเงยหน้ามาถาม”“เงินที่คุณให้มา ผมไม่พอซื้อเสื้อตัวใหม่ ก็เลยเอามาคืน คุณชดใช้ผมโดยการซักเสื้อที่คุณใส่อยู่มาคืนผมก็แล้วกัน วันนั้นในงานแต่งงานคุณทำไวน์แดงหกร
หญิงสาวรับผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมเช็ดหน้า ส่วนเขาเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมายื่นให้ เพราะเห็นเธอตัวสั่นราวกับลูกนก เนื่องจากบริเวณนี้อากาศค่อนข้างเย็น อีกทั้งเพิ่งจะจมน้ำมาอีก กลัวว่าจะเจ็บป่วยขึ้นมา“คุณไปเปลี่ยนเสื้อก่อนก็แล้วกัน อากาศหนาวแบบนี้ไม่ควรอยู่ตัวเปียก ๆ เดี๋ยวจะเป็นหวัด วันหลังค่อยเอามาคืนผมก็ได้ ห้องน้ำอยู่ด้านใน แต่เดินระวังหน่อยนะ ลูกชายผมหลับอยู่” เขาว่าหญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องน้ำอย่างว่าง่าย คงเป็นเพราะกำลังหนาวจัดจริง ๆ เพราะตอนนี้ใกล้สี่โมงเย็นแล้ว แถมยังอยู่ในหุบเขา อากาศเย็นทั้งวันและจะเย็นมากขึ้นเมื่อใกล้ค่ำชลธรกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเอง เขาหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแล้วเดินออกมาข้างนอก พร้อมกับธนบัตรใบละห้าร้อยบาทที่เก็บไว้ในลิ้นชัก เห็นหญิงสาวนั่งมองชลธีอยู่ข้างเบาะ เขาผุดยิ้มขึ้นมาบาง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วก็ยื่นธนบัตรใบละห้าร้อยบาทให้กับเธอ หญิงสาวทำหน้างุนงง“ให้ฉันทำไมคะ เธอเงยหน้ามาถาม”“เงินที่คุณให้มา ผมไม่พอซื้อเสื้อตัวใหม่ ก็เลยเอามาคืน คุณชดใช้ผมโดยการซักเสื้อที่คุณใส่อยู่มาคืนผมก็แล้วกัน วันนั้นในงานแต่งงานคุณทำไวน์แดงหกร
อรุณนิภากวาดตามองไปทั่วบริเวณท้ายสวน ซึ่งเป็นเวิ้งกว้างก่อนถึงลำธาร เธอเพิ่งจ้างคนงานมาตัดหญ้าทำให้ดูโปร่งสบายตา ก่อนหน้านี้มีหญ้ารกท่วมทีเดียว ด้วยบิดาสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะตั้งแต่มารดาของเธอจากไปเมื่อห้าปีก่อน ท่านก็อยู่ลำพังมาตลอด มีเพียงน้าชายสวนใกล้กันที่คอยมาอยู่เป็นเพื่อน ในช่วงที่เธอกับพี่สาวไปอยู่ที่กรุงเทพฯช่วงสองสามปีมานี้ท่านมีปัญหาปวดเข่า จึงไม่ค่อยได้เข้ามาท้ายสวนบ่อยนัก ได้แต่ปล่อยที่ดินทิ้งร้างไว้ คนงานประจำก็ไม่มี ได้แต่จ้างทำเป็นรายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกผลไม้ ยางพารา สวนมะพร้าว ซึ่งพอให้ท่านมีรายได้ทุกวันไว้ใช้จ่ายในยามแก่ แต่พอป่วยก็รู้สึกว่าพื้นที่มีมากเกินกว่าตัวเองจะทำไหว หากขายที่ดินได้เงินก้อนใหญ่มาแบ่งให้กับลูก ๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงไม่ถนัดทำสวนทำไร่ ก็น่าจะดีกว่า ท่านเก็บไว้เพียงสวนยางพาราที่พอมีรายได้เลี้ยงชีพก็น่าจะเพียงพอ จึงได้มาบอกเธอว่าจะขายที่ดิน แต่เพราะเธอยับยั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ขาย ท่านจึงต้องยกเลิกความคิดนี้ไปหญิงสาวมองข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นเนินสูงขึ้นไป ใกล้ลำธารมีกระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นกระท่อมคนงานของสวนชลธร ซึ่งเป็
๒เธอคือใครที่บ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้หลังไม่ใหญ่มากนัก บริเวณบ้านรายรอบไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ และผลไม้หลากหลายชนิด ด้านหน้าเป็นลานกว้าง ปูด้วยหญ้าญี่ปุ่นเขียวขจี มองเข้าไปในบ้านชั้นล่าง ด้านหน้าบ้านเทพื้นปูนออกมากว้างขวาง ปูกระเบื้องสีน้ำตาลและต่อหลังคายื่นออกมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นและมีชุดโต๊ะไม้สีน้ำตาลขัดเงาตั้งอยู่หนึ่งชุดสำหรับนั่งเล่น และใช้สำหรับนั่งรับประทานอาหารได้ด้วย ชายชรานั่งอยู่บนรถเข็นหน้าบ้าน มองออกไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีดำที่ขับเข้ามาจอด ร่างเพรียวบางในชุดกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดแขนยาวสีครีมลงมาจากรถ ในมือถือถุงพะรุงพะรังเข้ามาหา ผมยาวสลวยของเธอพริ้วไหวไปตามแรงลม “อ้าว พ่อทำไมมานั่งคนเดียวตรงนี้ล่ะคะ แล้วพี่นิสาไปไหน” หญิงสาวถามพลางกวาดตามองไปยังที่จอดรถประจำของพี่สาว ซึ่งก่อนออกไปซื้อของข้างนอกเธอยังเห็นรถสปอร์ตสีแดงจอดอยู่ “พี่เขามีธุระน่ะ ออกไปสักพักได้แล้วละ เห็นบอกว่าไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ” นายอรุณผู้เป็นบิดาตอบ “แล้วทิ้งพ่อให้อยู่คนเดียวเนี่ยนะคะ ทั้ง ๆ ที่นิภาก็บอกไว้แล้วว่าให้อยู่เป็นเพื่อนพ่อก่อน” อรุณนิภาเอ่ย
ภาพที่หญิงสาวคนนั้นยัดเงินห้าร้อยบาทใส่มือของเขา ตอนที่วิ่งมาชนจนไวน์แดงหกรดเสื้อเชิ้ตในงานแต่งงานของนภาธร แล้วเธอก็วิ่งหายลับไปอย่างรวดเร็ว ผุดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่เห็นวันนี้คือคนเดียวกับที่วิ่งชนเขาวันนั้นอย่างแน่นอน เพราะเขาอยู่ที่นี่มานานยังไม่เคยเห็นใครที่มีใบหน้าหวาน ผิวพรรณขาวใสสะดุดตาเช่นนี้มาก่อน“จะได้เจอกันอีกไหมนี่ จะได้เอาเงินไปคืนให้” เขาพึมพำก่อนจะเก็บเงินไว้ในลิ้นชักอย่างเดิมแล้วหยิบโน้ตบุ๊กออกมานั่งอยู่ริมระเบียง ทอดสายตามองไปยังลำธารด้านล่าง วันนี้น้ำขึ้นสูงและไหลเชี่ยวกว่าปกติเพราะฝนตกในช่วงกลางคืนมาหลายวันแล้วก่อนจะก้มมองจอคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านข่าวและดูราคาหุ้นที่ตนเองซื้อเก็บไว้เก็งกำไร ไหนยังจะกองทุนต่าง ๆ ที่ซื้อเก็บไว้เพื่อรับเงินปันผล ซึ่งเขามักจะเข้าไปตรวจเช็คอยู่บ่อย ๆหลังจากนั้นจึงเข้าไปดูข้อมูลด้านการเกษตรอื่น ๆ ที่จะต้องอัปเดตให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะมีเรื่องโรคและแมลงต่าง ๆ ที่อาจจะมาลงในแปลงสวนทุเรียนของเขาได้ จะได้ระมัดระวังไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาเอกแล้ว จึงไม่ได้มีงานให้ทำมากเหมือนเมื่อก่อน ได้แต่ใช้เวลาส่วน
เมื่อชลธรรับเจ้าตัวน้อยมาได้สมใจที่คิดถึงแล้ว จึงรีบพาไปแวะที่ร้านมินิมาร์ทในตัวอำเภอเพื่อซื้อของเล่นให้อย่างเคย“ธีเอาอันไหนดีครับลูก อันนี้มั้ย เป็ดน้อย มีเสียงปี๊บ ๆ ด้วย” ชลธรบีบตุ๊กตาเป็ดน้อยสีเหลืองให้หนูน้อยในอ้อมแขนดู ชลธีหัวเราะถูกใจพยายามเอื้อมมือไปคว้า ชลธรยิ้มด้วยท่าทางมีความสุข“จะถือเองหรือครับลูก โอเค ป๊าให้ถือเองนะครับ ไปจ่ายเงินที่พี่คนสวยกันเนอะ” ว่าแล้วก็หันไปยังพนักงานร้านที่อยู่หลังเคาน์เตอร์“น้องคะ เอารังนกให้พี่แพ็คนึงค่ะ แล้วก็ซุปไก่อีกแพ็คนึงด้วยค่ะ” เสียงหญิงสาวที่เดินไปถึงเคาน์เตอร์ก่อนหน้าเขาดังขึ้น พลางชี้ไปด้านหลังพนักงานที่มีเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพหลากหลายชนิดวางอยู่ชลธรหันมองแล้วอึ้งไปอึดใจหนึ่ง เมื่อเห็นหญิงสาวผิวขาวผมยาวสลวยรูปร่างบอบบาง ดวงหน้าเรียวหวานสะดุดตา ซึ่งเขาจำได้ชัดเจนว่าหญิงสาวคนนี้เคยวิ่งมาชนเขาที่งานแต่งงานของนภาธร เธอยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาเต้นแรง เธอจ่ายเงินเสร็จก็รับของ แล้วหมุนตัวจะเดินออก ก่อนจะชะงักนิ่งเมื่อเห็นเขายืนอยู่ ชายหนุ่มได้แต่ยืนอึ้ง นึกไม่ออกว่าจะทักทายอย่างไร“พี่คะ ถึงคิวแล้วค่ะ” เสียงพนักงานสาวเอ่ยเรียก ชลธรละสายต
๑ความหลังชายหนุ่มผิวสองสีดวงหน้าคมเข้มในชุดเสื้อโปโลสีขาว สวมกางเกงยีนส์สีซีดเดินอย่างกระฉับกระเฉงไปยังรถ SUV สีขาว ซึ่งจอดอยู่ในโรงรถของบ้านหลังใหญ่สไตล์โรมัน ที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนเนินสูง รายล้อมด้วยสวนทุเรียนกว้างใหญ่สุดหูสุดตา ก่อนจะเปิดประตูรถเขาได้ยินเสียงตะโกนถามไล่หลังมาจากหญิงวัยกลางคนร่างท้วม“ตาชล จะไปไหนหรือลูก” ชลธรหันกลับไปหามารดาแล้วยิ้มด้วยสีหน้าสดใสก่อนจะตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ไปรับตาหนูครับแม่ ไม่ได้เจอหน้าลูกหลายวันแล้วคิดถึง”“ก็เพิ่งไปส่งเมื่อสองวันก่อนนี้เองไม่ใช่เหรอ” สายชลผู้เป็นมารดาว่า“ก็นั่นแหละครับ คิดถึงแล้ว เดี๋ยวผมมานะครับแม่”“จ้ะ งั้นก็ไปเถอะ แม่ก็คิดถึงตาธีแล้วเหมือนกัน”“ครับแม่ เดี๋ยวผมซื้อขนมมาฝากนะครับ” ว่าแล้วก็ก้าวเท้าขึ้นรถขับไปตามถนนที่ลาดด้วยซีเมนต์ ซึ่งเป็นถนนในสวนที่มีความกว้างขนาดรถสวนกันได้สองคันระยะทางราวห้าร้อยเมตร มุ่งตรงออกจากสวนทุเรียนไปยังถนนใหญ่ก่อนจะแวะซื้อของกินเล็กน้อยที่ร้านอาหารจีนเจ้าประจำเพื่อไปฝากน้องสาวและน้องชายที่ไร่คีริน ซึ่งเป็นที่ตั้งบริษัทและรีสอร์ตของน้องชายไม่นานชลธรก็มาถึงไร่คีรินที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง เข