แชร์

บทที่ 2 เธอคือใคร 100%

หญิงสาวรับผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมเช็ดหน้า ส่วนเขาเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมายื่นให้ เพราะเห็นเธอตัวสั่นราวกับลูกนก เนื่องจากบริเวณนี้อากาศค่อนข้างเย็น อีกทั้งเพิ่งจะจมน้ำมาอีก กลัวว่าจะเจ็บป่วยขึ้นมา

“คุณไปเปลี่ยนเสื้อก่อนก็แล้วกัน อากาศหนาวแบบนี้ไม่ควรอยู่ตัวเปียก ๆ เดี๋ยวจะเป็นหวัด วันหลังค่อยเอามาคืนผมก็ได้ ห้องน้ำอยู่ด้านใน แต่เดินระวังหน่อยนะ ลูกชายผมหลับอยู่” เขาว่า

หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องน้ำอย่างว่าง่าย คงเป็นเพราะกำลังหนาวจัดจริง ๆ เพราะตอนนี้ใกล้สี่โมงเย็นแล้ว แถมยังอยู่ในหุบเขา อากาศเย็นทั้งวันและจะเย็นมากขึ้นเมื่อใกล้ค่ำ

ชลธรกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเอง เขาหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแล้วเดินออกมาข้างนอก พร้อมกับธนบัตรใบละห้าร้อยบาทที่เก็บไว้ในลิ้นชัก เห็นหญิงสาวนั่งมองชลธีอยู่ข้างเบาะ เขาผุดยิ้มขึ้นมาบาง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วก็ยื่นธนบัตรใบละห้าร้อยบาทให้กับเธอ หญิงสาวทำหน้างุนงง

“ให้ฉันทำไมคะ เธอเงยหน้ามาถาม”

“เงินที่คุณให้มา ผมไม่พอซื้อเสื้อตัวใหม่ ก็เลยเอามาคืน คุณชดใช้ผมโดยการซักเสื้อที่คุณใส่อยู่มาคืนผมก็แล้วกัน วันนั้นในงานแต่งงานคุณทำไวน์แดงหกรดเสื้อผม แล้วผมก็ซักไม่ออก” หญิงสาวอ้าปากค้างก้มมองเสื้อที่ใส่อยู่ ซึ่งมีคราบสีแดงจาง ๆ

“เป็นคุณเองหรือคะ มิน่าละ ฉันถึงคุ้นหน้าคุณมาก แล้วคุณทำงานที่สวนชลธรเหรอคะ” หญิงสาวถาม

“ครับ ผมทำงานที่นี่” เขาตอบแล้วยิ้มบาง ๆ

“เฮ้อ คุณคงเป็นหัวหน้าคนงานที่นี่สินะคะ กระท่อมคุณดูน่าอยู่ดี ว่าแต่นายหัวชลธรเขาดูแลคุณดีไหม” หญิงสาวถาม เธอรู้มาจากบิดาว่านายหัวชลธรยังไม่มีครอบครัวแล้วก็อยู่บ้านหลังใหญ่สีขาวนั่น แต่เขาคนนี้มีลูกชายแล้วยังจะอยู่กระท่อมหลังเล็ก ๆ ก็น่าจะเป็นคนงานของเขา

“เอ่อ ก็...ดีตามสมควรครับ”

“แล้วนี่ลูกชายคุณเหรอ”

“ครับ น่ารักไหม” ตอบแล้วถามกลับดวงตาเป็นประกายเมื่อได้พูดถึงลูกชายที่นอนอยู่

“น่ารัก น่ารักมากเลยแหละ ขนาดยังหลับอยู่นะเนี่ย แก้มยุ้ยเชียว”

หญิงสาวยิ้มให้เขา ก่อนจะก้มมองหนูน้อยด้วยความเอ็นดูแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามเขาอีกครั้ง

“แล้วแม่เขาไปไหนล่ะคะ ถ้าเขากลับมาเห็นฉันในสภาพนี้จะไม่เข้าใจคุณผิดเอาเหรอ” ถามแล้วหันมองไปรอบ ๆ ท่าทางมีกังวล

“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกครับ คุณไม่ต้องทำท่ากลัวขนาดนั้น ผมไม่มีใครมาหึงมาหวงแน่นอน รับรองได้ว่าคุณจะปลอดภัย”

“คุณเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหรอ” เธอถามอย่างสนใจ

“จะว่างั้นก็ได้” เขาตอบยิ้ม ๆ ขณะเดียวกับที่เจ้าตัวน้อยที่นอนอยู่ขยับตัวแล้วลืมตาขึ้น

“โอ๋ ๆ ธีตื่นแล้วหรือลูก ไม่ร้องนะ ป๊าอยู่นี่” หนูน้อยปรือตาแล้วหันมองหน้าทั้งสองสลับกันด้วยท่าทางงง ๆ เขาช้อนร่างหนูน้อยขึ้นมาไว้บนตัก

“ลูกชายคุณชื่อธีหรือคะ” เธอถาม

“ครับ แล้วคุณชื่ออะไรล่ะ ผมจะได้แนะนำให้ลูกชายผมรู้จัก”

“อรุณนิภา เรียกว่านิภาเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”

“เอ่อ ผม ชลครับ” เขาบอกชื่อเล่นออกไป

“ชล งั้นฉันเรียกนายชลแล้วกันจ๊ะ ชื่อนายชลคล้ายนายหัวชลธรเลยนะ เฮ้อ แต่นิสัยคงไม่เหมือนกันเนอะ”

“ทำไมหรือครับ นายหัวชลธรนิสัยเป็นยังไง” เขาถามด้วยความอยากรู้ว่าในความคิดของเธอแล้วนายหัวชลธรเป็นคนแบบไหน

“นายชลก็อย่าหาว่าฉันนินทานายหัวของนายชลก็แล้วกัน แต่ฉันน่ะ ไม่ชอบเขาเลย คนอะไรรวยจะตายอยู่แล้ว ยังโลภมาก ไปทู่ซี้ซื้อที่ดินจากพ่อฉันอยู่ได้ ไม่คิดจะให้คนอื่นเขามีที่ทำกินบ้างหรือไง คุณดูสิที่ดินเขาตั้งกี่ร้อยไร่ ที่ฉันมีอยู่แค่เจ็ดสิบไร่ยังจะมาขอซื้อไปตั้งห้าสิบไร่ แล้วพ่อฉันก็บ้าจี้เสียด้วย จะขายให้เขาเฉยเลย ไม่รู้เขาไปกล่อมยังไง พวกนายทุนก็งี้ หน้าเลือด คิดแต่จะเอาเงินฟาดหัวอย่างเดียว ฉันนี่สาปส่งเลยจริง ๆ กับนายคนนี้ ถ้าฉันไม่ขู่ว่าจะตัดพ่อตัดลูกไม่กลับมาดูดำดูดี พ่อฉันคงจะขายที่ดินตรงนั้นให้เขาไปแล้ว” เธอชี้ไปยังที่ดินฝั่งตรงข้ามลำธาร

ชลธรได้แต่นั่งหน้าเหวอ เพราะโดนนินทาซึ่ง ๆ หน้า แถมยังยังโดนด่าเสียหูชา เขาเพิ่งรู้ว่าตอนนี้เขากลายเป็นนายทุนหน้าเลือดไปแล้ว มันก็จริงอย่างที่เธอว่า ที่เขาไปขอซื้อที่ดินฝั่งตรงข้ามนั้นมาหลายครั้งแล้ว ตอนแรกก็ขอซื้อทั้งแปลง แต่ท่านไม่ขาย

ต่อมาเขาไปเยี่ยมอีกเพราะรู้ว่าท่านป่วยก็พูดคุยกันเรื่องนี้อีกครั้ง เขาขอซื้อห้าสิบไร่ ท่านจะได้เหลือไว้เป็นที่อยู่อาศัยและทำมาหากินเลี้ยงชีพสักเล็กน้อยท่านทำท่าลังเล แต่อีกสองสามวันต่อมาก็โทร. ไปบอกว่าจะขายให้ แต่เขาติดธุระอยู่ที่กรุงเทพฯ พอเสร็จธุระก็รีบกลับมาว่าจะเข้าไปเจรจาเรื่องซื้อขาย ท่านก็โทร. มาบอกว่าลูกสาวไม่ให้ขาย ลูกสาวที่ท่านว่าก็คือคนนี้นี่เอง ตอนแรกเขาก็นึกว่านิสากรไม่ยอมขายให้เขาเสียอีก

ล่าสุดเขาไปขอซื้อยี่สิบไร่ ด้วยอยากเอามาเป็นของขวัญให้กับชลธีแต่ท่านก็ไม่ยอมขายอีกบอกว่าลูกสาวไม่ยอมให้ขาย จนตอนนี้เขาทำได้แค่นั่งมองแล้วภาวนาว่าให้ท่านเปลี่ยนใจขายให้สักที

“ฉันขออุ้มลูกนายชลหน่อยได้ไหมจ๊ะ” เธอถาม

“ได้สิ ธีครับ นี่คุณน้านิภานะครับ ธีให้คุณน้าอุ้มหน่อยนะครับ” เขาบอกแล้วก็ยื่นเจ้าตัวเล็กให้ หนูน้อยก็ให้อุ้มอย่างง่ายดาย ไม่มีทีท่าจะร้องไห้หรือตกใจกลัวแต่อย่างใดแถมยังเอามือจับเส้นผมยาวสลวยที่ยังเปียกชื้นดึงแรง ๆ แล้วหัวเราะชอบใจ

“โอ๊ะ ธีไม่ดึงผมคุณน้านะครับ” เขารีบเอามือแกะออกให้ เพราะกลัวว่าเจ้าลูกชายจะดึงผมเธอแรงจนเจ็บ เขาดูเธอเล่นกับชลธีด้วยท่าทางมีความสุข เธอมีความเป็นธรรมชาติ และดูเหมือนชลธีจะชอบเล่นกับเธอเสียด้วย เมื่อเธอหยอกล้อก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี จนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ซึ่งเขาก็นั่งมองจนลืมเวลาไปแล้วเช่นกัน

“อุ๊ย สี่โมงเย็นแล้ว ฉันต้องรีบกลับไปทำกับข้าวให้พ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนบ่ายสามฉันจะเอาเสื้อมาคืนให้นะ มารดน้ำผักแล้วก็จะมาเล่นกับธีด้วย”

“ครับ งั้นเอาตาหนูมานี่ครับ เดี๋ยวผมอุ้มไปส่ง อ้อ เสื้อผ้าคุณที่เปียกเอาใส่ถุงนี้ไปก็แล้วกันครับ เขาเดินไปหยิบถุงพลาสติกมาให้ เพราะตอนนี้เธอสวมกางเกงสกินนี่สีดำที่ยังเปียกแต่สวมเสื้อสีขาวของเขาซึ่งตัวใหญ่โคร่งทับไว้อีกที ส่วนรองเท้านั้นน่าจะลอยน้ำหายไปแล้ว

“แล้วก็นี่ครับ รองเท้าแตะใส่ของผมไปก่อนก็ได้ ใหญ่หน่อยแต่ก็ดีกว่าเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน” หยิบรองเท้าให้ แล้วเดินไปส่งหญิงสาวที่ริมตลิ่ง

อรุณนิภามองสะพานไม้ที่เป็นเพียงท่อนไม้กลมสองอันพาดไว้แล้วใจสั่นหวิว แต่เธอก็จำใจเดินกลับไปอย่างระมัดระวัง

“เดินดี ๆ นะ ไว้วันหลังผมจะทำสะพานใหม่ให้ จะได้ข้ามมาง่าย ๆ หน่อย” เขาตะโกนบอก เธอหันมายิ้มให้เมื่อเดินข้ามไปถึงฝั่ง เขาโบกมือให้ เธอก็โบกมือให้เขาเช่นกัน

“ธีครับ พรุ่งนี้น้ามาหานะครับ บ้ายบาย” ว่าแล้วก็โบกมือให้หนูน้อย

ชลธรจับมือลูกน้อยโบกให้เช่นกัน ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างมีความสุข หัวใจอิ่มฟูขึ้นอย่างประหลาด เขาไม่รู้ตัวเลยว่ายืนยิ้มมองคนที่เดินจากไปจนกระทั่งเธอเดินหายลับไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังยืนอยู่ที่เดิม กระทั่งเสียงขุนพลเอ่ยเรียก

“นายหัว ๆ นายแม่ให้มาตาม เห็นว่านายหัวคีรินโทร. มาถามว่าจะเอาคุณธีไปส่งกี่โมง ถ้านายหัวยุ่งอยู่เขาจะมารับเอง” ขุนพลตะโกนมาขณะที่นั่งอยู่บนรถเอทีวีสีแดงซึ่งขับมาส่งเขาก่อนหน้านี้

“เออ ๆ จะพาไปส่งอยู่ตอนนี้แหละ แค่นี้ก็ต้องมาทวง ไหนบอกว่ายกให้ เอามาแค่แป๊บเดียวก็มาทวงแล้ว”  ตอบพลางทำเสียงหงุดหงิด เดินเข้าไปหารถแล้วขึ้นไปนั่ง

“แต่นายหัวเอามาเกือบทุกวันเลยนะครับ แล้วได้ข่าวว่าวันนี้นายหัวไปรับมาตั้งแต่ก่อนเที่ยงไม่ใช่หรือครับนี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ไม่แป๊บแล้วนะครับ ลูกเขาเหมือนกันนะครับ เขาก็ต้องอยากอยู่กับลูกบ้าง” ขุนพลว่า คนเป็นนายหัวทำหน้ายุ่งหันไปทำตาขวาง

“มึงขับรถไปเลยไปไอ้ขุนพล แหม รู้ไปหมดทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องกูเนี่ย ไม่รู้สักเรื่องจะได้ไหม” ตอบพลางก้าวเท้าขึ้นไปนั่งบนรถ

“แหม จะว่าผมเสือกเรื่องนายหัวก็ว่าเถอะครับ ผมทำด้วยความห่วงใย” ขุนพลว่าพลางถอยรถแล้วขับเคลื่อนผ่านหน้ากระท่อมออกไป ขณะที่คนเป็นนายหัวหันไปค้อนให้ราวกับผู้หญิงเมื่อได้ยินคำว่าห่วงใยของมัน

“รีบขับไปเถอะ เอาไปส่งก่อน พรุ่งนี้เที่ยง ๆ ค่อยไปรับมาใหม่ก็ได้”

“หือ นายหัวยังจะไปรับมาอีกเหรอครับ”

“ใช่น่ะสิ ก็ลูกฉันนี่” ตอบไปอย่างนั้น แต่ในใจกลัวว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่ไปรับมา จะบอกคนที่จะเอาเสื้อมาคืนได้อย่างไรว่าลูกไปไหน

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status