แชร์

บทที่ 2 เธอคือใคร 30%

เธอคือใคร

ที่บ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้หลังไม่ใหญ่มากนัก บริเวณบ้านรายรอบไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ และผลไม้หลากหลายชนิด ด้านหน้าเป็นลานกว้าง ปูด้วยหญ้าญี่ปุ่นเขียวขจี มองเข้าไปในบ้านชั้นล่าง ด้านหน้าบ้านเทพื้นปูนออกมากว้างขวาง ปูกระเบื้องสีน้ำตาลและต่อหลังคายื่นออกมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นและมีชุดโต๊ะไม้สีน้ำตาลขัดเงาตั้งอยู่หนึ่งชุดสำหรับนั่งเล่น และใช้สำหรับนั่งรับประทานอาหารได้ด้วย

          ชายชรานั่งอยู่บนรถเข็นหน้าบ้าน มองออกไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีดำที่ขับเข้ามาจอด ร่างเพรียวบางในชุดกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดแขนยาวสีครีมลงมาจากรถ ในมือถือถุงพะรุงพะรังเข้ามาหา ผมยาวสลวยของเธอพริ้วไหวไปตามแรงลม

          “อ้าว พ่อทำไมมานั่งคนเดียวตรงนี้ล่ะคะ แล้วพี่นิสาไปไหน” หญิงสาวถามพลางกวาดตามองไปยังที่จอดรถประจำของพี่สาว ซึ่งก่อนออกไปซื้อของข้างนอกเธอยังเห็นรถสปอร์ตสีแดงจอดอยู่

          “พี่เขามีธุระน่ะ ออกไปสักพักได้แล้วละ เห็นบอกว่าไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ” นายอรุณผู้เป็นบิดาตอบ

          “แล้วทิ้งพ่อให้อยู่คนเดียวเนี่ยนะคะ ทั้ง ๆ ที่นิภาก็บอกไว้แล้วว่าให้อยู่เป็นเพื่อนพ่อก่อน” อรุณนิภาเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย เพราะของในตู้เย็นหมด เธอจึงต้องออกไปซื้อและฝากพี่สาวให้ช่วยดูแลบิดาที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ซึ่งร่างกายของท่านก็ยังไม่แข็งแรงนัก แต่พี่สาวกลับทิ้งให้บิดาอยู่คนเดียว

          “พ่อก็ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย นั่งเล่น ๆ อยู่ตรงนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวเขาก็กลับ” ผู้เป็นบิดาพยายามไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต แม้จะรู้ว่าบุตรสาวคนโตมักจะทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ค่อยเห็นอกเห็นใจใครสักเท่าไร แม้แต่ตัวท่านเองที่เป็นบิดาก็ไม่ค่อยเอาใจใส่นัก มาช่วยดูแลบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ไม่ถนัดจะมาดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิด อย่างมากก็ให้คอยเฝ้าแล้วคอยหยิบนั่นนิดนี่หน่อย

          “แต่พ่อยังเดินไม่คล่อง จะให้อยู่คนเดียวได้ยังไง เกิดอยากเข้าห้องน้ำ จะให้ใครพยุงไปล่ะ เดินไปเองเดี๋ยวก็หกล้มไปอีก แถมตอนนี้พ่อเป็นทั้งเบาหวาน ความดัน ต้องดูแลใกล้ชิด แล้วพี่นิสาให้พ่อกินข้าวหรือยังคะ”

          “เขาไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงน่ะ ตอนนั้นพ่อยังไม่หิว” นายอรุณแก้ตัวแทนลูกสาวคนโต แม้จะรู้ว่าโดนปล่อยปละละเลยแต่ก็ไม่อยากให้พี่น้องต้องมาทะเลาะกัน

          “เฮ้อ มาค่ะ มานั่งตรงนี้ เดี๋ยวนิภาจะไปทำกับข้าวมาให้กิน”

          อรุณนิภาเข็นรถเข็นมานั่งที่โต๊ะนั่งเล่น จัดที่นั่งให้เหมาะสมสำหรับนั่งรับประทานอาหาร ก่อนจะหิ้วของเข้าไปในบ้าน ครู่หนึ่งก็กลับออกมาพร้อมกับข้าวหนึ่งจาน แกงเลียงและปลานึ่ง

          “ช่วงนี้พ่อต้องกินข้าวน้อยหน่อยนะคะ หมอบอกให้ลดข้าวกับของหวาน นิภาเลยตักข้าวมาน้อย พ่อกินปลาให้หมดตัวเลยนะคะจะได้อิ่ม อ้อ เดี๋ยวนิภาไปเอาผักลวกกับน้ำพริกมาก่อน”

อรุณนิภาบอกบิดาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว เพราะหลังจากที่ท่านหกล้มก็ไปตรวจร่างกายพบว่านอกจากโรคความดันโลหิตสูงแล้ว ยังได้โรคเบาหวานแถมมาด้วยอีกหนึ่งโรค วันนี้เธอจึงออกไปตลาดเพื่อซื้ออาหารที่เหมาะสำหรับคนเป็นเบาหวาน มาทำให้บิดารับประทาน

เธอนำอาหารที่ทำไว้มาตั้งโต๊ะให้บิดา ก่อนจะตักข้าวสำหรับตัวเองมารับประทานพร้อมกับท่านและพูดคุยกันไปด้วย

“นิภาว่าจะปลูกผักสักหน่อยค่ะพ่อ ผักที่ตลาดสารเคมีทั้งนั้น วันนี้เดินหาผักที่ชาวบ้านปลูกเองแทบไม่เจอเลย ในสวนเราก็มีแต่ผลไม้ทั้งนั้น เมื่อกี้แวะซื้อเมล็ดผักที่ร้านเกษตรมา เลยมาถึงช้า”

“ก็ดีเหมือนกัน ไปปลูกที่ท้ายสวนก็ได้ น้ำท่าสะดวกดี เพิ่งตัดหญ้าไปน่าจะปลูกได้อยู่ ไม่ต้องใช้น้ำประปาให้เปลืองเงินไปอีก” นายอรุณแนะนำ

“ค่ะ งั้นเดี๋ยวถ้าพี่นิสากลับมา นิภาว่าจะออกไปดูท้ายสวนสักหน่อย ว่ารกมากไหม ตรงนั้นก็ดีเหมือนกันค่ะ ตอนเด็ก ๆ นิภาชอบไปนั่งเล่นที่นั่น วิวสวยดี มีลำธารไหลผ่าน ตักน้ำมารดง่ายดี” หญิงสาวว่าดวงตาเป็นประกายสดใสขึ้น เมื่อได้พูดถึงเรื่องที่วางแผนไว้ แต่ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ รถสปอร์ตสีแดงก็ขับมาจอดที่หน้าบ้าน

“อายุยืนจริง ๆ” อรุณนิภาพึมพำเบา ๆ พลางแบะปาก เธอยังนึกฉุนพี่สาวไม่หาย ที่ทิ้งบิดาซึ่งยังไม่แข็งแรงดีไว้ตามลำพัง โชคดีที่ท่านยังไม่เป็นอันตราย ไม่อย่างนั้นเธอจะโกรธตัดพี่ตัดน้องกันไปเลย

“อ้าว กินข้าวกันอยู่เหรอ” นิสากรลงจากรถก็เดินตรงเข้ามาหา

“ค่ะ กินข้าวอยู่ พี่นิสาจะกินด้วยไหมคะ”

“ไม่ล่ะจ้ะ พี่กินกับเพื่อนที่ร้านคาเฟ่มาเมื่อกี้นี้”

“พี่นิสาทิ้งพ่อเพื่อไปกินข้าวกับเพื่อนที่ร้านคาเฟ่เนี่ยนะคะ” อรุณนิภาขึ้นเสียงสูง ผู้เป็นพี่สาวหันมาทำตาวาวราวกับแม่เสือ

“ฉันก็มีธุระจะคุยเรื่องงานเรื่องการกับเพื่อนบ้างไม่ได้หรือไง ก็หล่อนไปช้า ฉันรอจนจะเที่ยงอยู่แล้ว ถึงต้องไปก่อน ไม่งั้นเขาก็รอแย่”

“ค่ะ” อรุณนิภาตอบสั้น ๆ ทั้ง ๆ ที่มีอีกเป็นแสนล้านคำที่อยากจะเอ่ยออกมา แต่ก็ไม่อยากจะพูดอะไรให้รุนแรงไปมากกว่านี้ต่อหน้าบิดา เพราะเธอก็ไม่ใช่คนใจเย็นนัก แม้ภายนอกจะดูเป็นคนเรียบร้อยก็ตาม แต่หากเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรเธอก็พร้อมจะปรอทแตกใส่ได้เหมือนกัน

“ถ้างั้น เดี๋ยวพี่นิสาอยู่เป็นเพื่อนพ่อด้วยนะคะ นิภาจะไปปลูกผักที่ท้ายสวน” หญิงสาวว่า

“ทำไมต้องปลูกด้วย ซื้อเอาก็ได้ เธอนี่ก็นะ ชอบทำอะไรให้ยุ่งยาก”

“พ่ออายุมากแล้ว กินผักตลาดแบบนั้นไม่เหมาะหรอกค่ะ มีแต่สารเคมีทั้งนั้น อันตรายจะตาย ตอนนี้พ่อเป็นเบาหวาน ต้องลดแป้ง ลดน้ำตาล ต้องให้พ่อกินผักและเนื้อสัตว์เสริม ไม่งั้นก็ไม่อิ่มเพราะหมอเน้นว่าให้ลดข้าว พ่อเคยชินกับกินข้าวเยอะ ๆ พอให้ลดข้าวก็จะหิวง่ายอีก” เธออธิบายให้พี่สาวฟัง

“ก็ตามใจ จะไปปลูกผักหรืออะไรก็ตามใจเธอเถอะ กินข้าวเสร็จก็พาพ่อเข้าไปในบ้านก็แล้วกัน ฉันจะไปนั่งดูทีวีรอ” นิสากรว่าพลางเดินเข้าไปในบ้าน อรุณนิภาได้แต่ถอนใจ แล้วก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ

หลังจากรับประทานอาหารเธอก็เข็นรถพาบิดาเข้าไปในบ้าน ก่อนจะเก็บจานชามไปล้าง แล้วหยิบซุปไก่สกัดกับรังนกที่ซื้อจากมินิมาร์ทในตลาดมาเปิดให้บิดารับประทาน

“พ่อจะดูทีวีกับพี่นิสา หรือว่าจะเข้าไปนอนพักคะ”

“พ่อนั่งดูทีวีสักพักก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าจะนอน พ่อค่อยให้พี่เขาพาไป หนูอยากไปปลูกผักก็ไปเถอะ” ท่านตอบเสียงเรียบ ๆ

“ค่ะพ่อ”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status