ภาพที่หญิงสาวคนนั้นยัดเงินห้าร้อยบาทใส่มือของเขา ตอนที่วิ่งมาชนจนไวน์แดงหกรดเสื้อเชิ้ตในงานแต่งงานของนภาธร แล้วเธอก็วิ่งหายลับไปอย่างรวดเร็ว ผุดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่เห็นวันนี้คือคนเดียวกับที่วิ่งชนเขาวันนั้นอย่างแน่นอน เพราะเขาอยู่ที่นี่มานานยังไม่เคยเห็นใครที่มีใบหน้าหวาน ผิวพรรณขาวใสสะดุดตาเช่นนี้มาก่อน
“จะได้เจอกันอีกไหมนี่ จะได้เอาเงินไปคืนให้” เขาพึมพำก่อนจะเก็บเงินไว้ในลิ้นชักอย่างเดิมแล้วหยิบโน้ตบุ๊กออกมานั่งอยู่ริมระเบียง ทอดสายตามองไปยังลำธารด้านล่าง วันนี้น้ำขึ้นสูงและไหลเชี่ยวกว่าปกติเพราะฝนตกในช่วงกลางคืนมาหลายวันแล้ว
ก่อนจะก้มมองจอคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านข่าวและดูราคาหุ้นที่ตนเองซื้อเก็บไว้เก็งกำไร ไหนยังจะกองทุนต่าง ๆ ที่ซื้อเก็บไว้เพื่อรับเงินปันผล ซึ่งเขามักจะเข้าไปตรวจเช็คอยู่บ่อย ๆ
หลังจากนั้นจึงเข้าไปดูข้อมูลด้านการเกษตรอื่น ๆ ที่จะต้องอัปเดตให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะมีเรื่องโรคและแมลงต่าง ๆ ที่อาจจะมาลงในแปลงสวนทุเรียนของเขาได้ จะได้ระมัดระวังไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
ตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาเอกแล้ว จึงไม่ได้มีงานให้ทำมากเหมือนเมื่อก่อน ได้แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการติดตามข่าวสาร และพูดคุยกับเพื่อน ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและเช็คอีเมล
ชลธรเอนกายพิงพนักพิง เขายิ้มเยาะตัวเองที่รู้สึกเหงาขึ้นมา เมื่อไม่มีเรื่องเรียนที่ต้องหาข้อมูลมากมายผ่านอินเทอร์เน็ตเหมือนเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ตอนนี้เขาก็อายุสามสิบแปดปีแล้ว แต่เพราะมัวแต่มุ่งหน้าหาเงินและเรียนมหาวิทยาลัยในตอนที่อายุมากกว่าคนอื่น ๆ ก็เลยไม่มีเวลามองหาใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิต จนตอนนี้สำเร็จหมดทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางการเงิน การศึกษาที่ไม่ได้ด้อยกว่าใครนัก สิ่งที่คลายเหงาได้จึงมีเพียงชลธี ซึ่งเป็นลูกของน้องชายเท่านั้น ที่เขาเอามาเล่นด้วยในยามเหงา
ซึ่งตอนนี้ชลธียังหลับสนิทอยู่ในบ้าน เขาหันไปมองเจ้าตัวเล็ก ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นมาให้เขาเล่นด้วยสักที จึงลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวไปมาคลายความเมื่อยล้า เดินไปจับราวกั้นของระเบียง ทอดสายตาไปยังฝั่งตรงข้าม แล้วอดนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของที่แปลงนั้นขึ้นมาไม่ได้
เมื่อหลายปีก่อนเขาลุกขึ้นมาเรียนอย่างเป็นบ้าเป็นหลังเพราะคำดูถูกของผู้หญิงคนนั้น จากปริญญาตรี ก็ไปต่อปริญญาโท แล้วก็ไปจบที่ปริญญาเอก แม้ว่าจะเรียนจบช้ากว่าคนอื่น ๆ
‘นิสา พี่โอนเงินค่าเทอมไปให้แล้วนะครับ ปิดเทอมนี้จะกลับมาบ้านหรือเปล่าพี่คิดถึงนะ เราไม่ได้เจอมาเป็นปีแล้ว เทอมที่แล้วนิสาก็ไม่กลับบ้าน คุยทางโทรศัพท์ก็ไม่เหมือนเจอหน้ากัน’
‘แล้วพี่ชลไม่ขึ้นมาเรียนกรุงเทพฯ เหรอคะ’ เธอถามกลับมา
‘พี่ยังไปไม่ได้ ถ้าไปแล้วใครจะช่วยพ่อทำสวนที่สวนยังไม่เข้าที่เข้าทางเลย พี่ทิ้งให้พ่อทำคนเดียวไม่ได้ น้อง ๆ พี่ทั้งสองคนก็ต้องเรียนหนังสือ ถ้าพี่ไม่ช่วยพ่อแล้วจะเอาเงินที่ไหนส่งเรียนล่ะ’
‘แต่นิสาเรียนจะจบปริญญาตรีอยู่แล้วนะ พี่จบแค่ ม.6 เราจะคบกันต่อได้ยังไง’ คำถามนั้นทำให้เขาอึ้งไปนาน ก่อนจะถามว่า
‘ถ้าพี่ไม่ได้เรียนต่อ นิสาจะทำยังไงเหรอ’
‘นิสาจะทำยังไงเหรอคะ ก็ต้องหาคนที่เหมาะสม คุยกันรู้เรื่องสิคะ รู้มั้ยการศึกษามันเป็นตัวแบ่งชนชั้นอย่างหนึ่ง จะให้นิสาบอกใครต่อใครว่ายังไงคะ ถ้ายังคบกับพี่ชล บอกเขาว่าพี่ชลจบแค่ ม.6 เหรอคะ นิสาอายค่ะ’
‘นิสาอายที่พี่จบแค่ ม.6 งั้นเหรอ ครับ พี่เข้าใจ นิสาก็พูดไม่ผิดหรอก แต่พี่ไปเรียนตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ คงใช้เวลาอีกสักสองสามปี ให้ในสวนลงตัวกว่านี้ก่อน ถึงจะไปเรียนได้’
‘อีกสองสามปี ตอนนั้นนิสาคงเรียนจบปริญญาโท ไปแล้วมั้งคะ พี่ชลเพิ่งจะเข้าปีหนึ่ง ตลกเกินไปไหมคะ ถ้าเทอมหน้าพี่ชลไม่ขึ้นมาเรียนกับนิสา เราก็เลิกกันค่ะ เพราะนิสาต้องการความก้าวหน้า เพื่อน ๆ นิสามีแฟนเรียนมหาวิทยาลัยกันทั้งนั้น นิสาก็อยากมีแฟนเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง ตอนนี้มีคนเรียนเก่ง ๆ ฐานะดี ๆ มาจีบนิสาเยอะแยะไป ทำไมนิสาต้องรอพี่ชลตั้งสองสามปีด้วย นิสาให้โอกาสพี่ชลแค่เทอมหน้าเท่านั้นค่ะ’
‘พี่ทำอย่างที่นิสาต้องการไม่ได้จริง ๆ พี่ทิ้งให้พ่อลำบากหาเงินส่งพี่และน้อง ๆ เรียนตามลำพังไม่ได้ รอพี่อีกแค่สองสามปีไม่ได้เหรอ พี่จะรีบกลับไปเรียนให้จบ’
‘ไม่ได้ค่ะ ถ้าพี่ชลมาเรียนต่อกับนิสาเทอมหน้าไม่ได้ ก็แสดงว่าพี่ชลเลือกที่จะเลิกกับนิสา ในเมื่อคบกับพี่ชลไปนิสาก็คงไม่มีอนาคต ก็ไม่รู้จะคบทำไม งั้นเลิกกันแค่นี้ก็แล้วกันค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย’
นิสากรวางสายไปพร้อมกับน้ำตาของเขาที่ไหลหลั่งลงมา ในใจปวดหนึบไปหมด ความรักที่เฝ้าทะนุถนอมมาหลายปีพังทลายลงไปเพียงเพราะเขาไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย
นอกจากเงินที่ส่งน้อง ๆ และให้พ่อกับแม่ใช้จ่ายในครอบครัวแล้ว เงินรายได้ส่วนตัวที่บิดาให้เขาเก็บไว้ใช้ เขาก็ประหยัดอดออมส่งให้เธอเรียนด้วย เพราะฐานะทางบ้านของเธอก็ไม่ได้ดีนัก เพียงแต่เธอมีญาติอยู่ในกรุงเทพฯ พ่อกับแม่ของเธอจึงส่งให้เธอไปเรียนที่กรุงเทพฯ ได้ และเธอก็ขอให้เขาส่งเงินให้ใช้จ่ายอยู่เสมอหากเงินที่ทางบ้านส่งไปให้ไม่เพียงพอ
หลังจากนั้นราวครึ่งเดือนที่เขาทุรนทุรายอยู่กับความรักที่สูญเสียไป จนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ มันรุนแรงถึงขั้นที่เขาแทบไม่มีแรงจะทำอะไร โทร. ไปหาเธอหลายครั้งเพื่อขอปรับความเข้าใจ แต่เธอก็ไม่รับสายเขาอีก
เขาจึงตัดสินใจขึ้นกรุงเทพฯ เพื่อไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเปิด และตั้งใจจะไปหาอีกครั้ง บอกเธอว่าเขาจะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเปิดของรัฐบาล เผื่อว่าคราวนั้นเธอจะแค่น้อยใจและพูดไปอย่างนั้นเอง หากเขาเรียนต่อเธออาจจะกลับมาดีกับเขาเหมือนเดิมก็ได้
เมื่อสมัครเรียนเสร็จ ก็ไปหาเธอที่หอพัก จะเอาเอกสารสมัครเรียนไปให้เธอดูว่า เขามาสมัครเรียนแล้วจริง ๆ เขานั่งรอหน้าหอพักอยู่นาน จนกระทั่งเธอกลับจากมหาวิทยาลัย ก็พบว่าเธอมีคนอื่นไปแล้วจริง ๆ ผู้ชายคนนั้นแต่งชุดนักศึกษา ขับรถยนต์หรูหรามาส่ง หน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเอกละคร มองเขากราดตั้งแต่หัวจดเท้า เมื่อเขาเดินเข้าไปหานิสากร
เธอแนะนำว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนของเธอและเขาคือคนข้างบ้าน ที่มาจากต่างจังหวัด สายตาของเธอเต็มไปด้วยความประหวั่น ราวกับกลัวว่าเขาจะเปิดเผยว่าเคยเป็นอะไรกับเธอ
‘ครับ ผมเป็นเพื่อนบ้าน แค่แวะมาเยี่ยมครับ แล้วก็...เอาของมาฝากนิสา พี่กลับก่อนนะนิสา’
ในเวลานั้นเขาไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่านี้ นอกจากยื่นอาหารที่ตั้งใจจะซื้อมากินด้วยกันให้เธอไป เพราะเธอก็ไม่ผิด ในเมื่อเธอบอกเลิกเขาแล้วจริง ๆ
เธอรับของจากมือเขาแล้วเดินไปยังประตูทางเข้าหอพักหญิง โดยมีผู้ชายคนนั้นเดินโอบไหล่เธอไปส่งที่หน้าประตู ท่ามกลางหัวใจที่แหลกสลายของผู้ชายบ้านนอกอย่างเขา ที่เทียบอะไรไม่ติดกับคนใหม่ของเธอแม้แต่อย่างเดียว
และเขาก็ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าจะไปหาเธอเพื่อให้เจ็บปวดซ้ำอีกทำไม แค่เธอบอกเลิกทางโทรศัพท์ก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ยังต้องมาเห็นว่าคนใหม่ของเธอดีกว่าเขามากแค่ไหน ยิ่งทำให้เจ็บปวดเกินจะทานทน
ภาพนั้นหลอกหลอนเขามาจนทุกวันนี้ แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก็ควรขอบคุณเธอ ที่ทำให้เขาตัดสินใจเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้สักที
๒เธอคือใครที่บ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้หลังไม่ใหญ่มากนัก บริเวณบ้านรายรอบไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ และผลไม้หลากหลายชนิด ด้านหน้าเป็นลานกว้าง ปูด้วยหญ้าญี่ปุ่นเขียวขจี มองเข้าไปในบ้านชั้นล่าง ด้านหน้าบ้านเทพื้นปูนออกมากว้างขวาง ปูกระเบื้องสีน้ำตาลและต่อหลังคายื่นออกมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นและมีชุดโต๊ะไม้สีน้ำตาลขัดเงาตั้งอยู่หนึ่งชุดสำหรับนั่งเล่น และใช้สำหรับนั่งรับประทานอาหารได้ด้วย ชายชรานั่งอยู่บนรถเข็นหน้าบ้าน มองออกไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีดำที่ขับเข้ามาจอด ร่างเพรียวบางในชุดกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดแขนยาวสีครีมลงมาจากรถ ในมือถือถุงพะรุงพะรังเข้ามาหา ผมยาวสลวยของเธอพริ้วไหวไปตามแรงลม “อ้าว พ่อทำไมมานั่งคนเดียวตรงนี้ล่ะคะ แล้วพี่นิสาไปไหน” หญิงสาวถามพลางกวาดตามองไปยังที่จอดรถประจำของพี่สาว ซึ่งก่อนออกไปซื้อของข้างนอกเธอยังเห็นรถสปอร์ตสีแดงจอดอยู่ “พี่เขามีธุระน่ะ ออกไปสักพักได้แล้วละ เห็นบอกว่าไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ” นายอรุณผู้เป็นบิดาตอบ “แล้วทิ้งพ่อให้อยู่คนเดียวเนี่ยนะคะ ทั้ง ๆ ที่นิภาก็บอกไว้แล้วว่าให้อยู่เป็นเพื่อนพ่อก่อน” อรุณนิภาเอ่ย
อรุณนิภากวาดตามองไปทั่วบริเวณท้ายสวน ซึ่งเป็นเวิ้งกว้างก่อนถึงลำธาร เธอเพิ่งจ้างคนงานมาตัดหญ้าทำให้ดูโปร่งสบายตา ก่อนหน้านี้มีหญ้ารกท่วมทีเดียว ด้วยบิดาสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะตั้งแต่มารดาของเธอจากไปเมื่อห้าปีก่อน ท่านก็อยู่ลำพังมาตลอด มีเพียงน้าชายสวนใกล้กันที่คอยมาอยู่เป็นเพื่อน ในช่วงที่เธอกับพี่สาวไปอยู่ที่กรุงเทพฯช่วงสองสามปีมานี้ท่านมีปัญหาปวดเข่า จึงไม่ค่อยได้เข้ามาท้ายสวนบ่อยนัก ได้แต่ปล่อยที่ดินทิ้งร้างไว้ คนงานประจำก็ไม่มี ได้แต่จ้างทำเป็นรายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกผลไม้ ยางพารา สวนมะพร้าว ซึ่งพอให้ท่านมีรายได้ทุกวันไว้ใช้จ่ายในยามแก่ แต่พอป่วยก็รู้สึกว่าพื้นที่มีมากเกินกว่าตัวเองจะทำไหว หากขายที่ดินได้เงินก้อนใหญ่มาแบ่งให้กับลูก ๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงไม่ถนัดทำสวนทำไร่ ก็น่าจะดีกว่า ท่านเก็บไว้เพียงสวนยางพาราที่พอมีรายได้เลี้ยงชีพก็น่าจะเพียงพอ จึงได้มาบอกเธอว่าจะขายที่ดิน แต่เพราะเธอยับยั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ขาย ท่านจึงต้องยกเลิกความคิดนี้ไปหญิงสาวมองข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นเนินสูงขึ้นไป ใกล้ลำธารมีกระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นกระท่อมคนงานของสวนชลธร ซึ่งเป็
หญิงสาวรับผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมเช็ดหน้า ส่วนเขาเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมายื่นให้ เพราะเห็นเธอตัวสั่นราวกับลูกนก เนื่องจากบริเวณนี้อากาศค่อนข้างเย็น อีกทั้งเพิ่งจะจมน้ำมาอีก กลัวว่าจะเจ็บป่วยขึ้นมา“คุณไปเปลี่ยนเสื้อก่อนก็แล้วกัน อากาศหนาวแบบนี้ไม่ควรอยู่ตัวเปียก ๆ เดี๋ยวจะเป็นหวัด วันหลังค่อยเอามาคืนผมก็ได้ ห้องน้ำอยู่ด้านใน แต่เดินระวังหน่อยนะ ลูกชายผมหลับอยู่” เขาว่าหญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องน้ำอย่างว่าง่าย คงเป็นเพราะกำลังหนาวจัดจริง ๆ เพราะตอนนี้ใกล้สี่โมงเย็นแล้ว แถมยังอยู่ในหุบเขา อากาศเย็นทั้งวันและจะเย็นมากขึ้นเมื่อใกล้ค่ำชลธรกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเอง เขาหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแล้วเดินออกมาข้างนอก พร้อมกับธนบัตรใบละห้าร้อยบาทที่เก็บไว้ในลิ้นชัก เห็นหญิงสาวนั่งมองชลธีอยู่ข้างเบาะ เขาผุดยิ้มขึ้นมาบาง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วก็ยื่นธนบัตรใบละห้าร้อยบาทให้กับเธอ หญิงสาวทำหน้างุนงง“ให้ฉันทำไมคะ เธอเงยหน้ามาถาม”“เงินที่คุณให้มา ผมไม่พอซื้อเสื้อตัวใหม่ ก็เลยเอามาคืน คุณชดใช้ผมโดยการซักเสื้อที่คุณใส่อยู่มาคืนผมก็แล้วกัน วันนั้นในงานแต่งงานคุณทำไวน์แดงหกร
๑ความหลังชายหนุ่มผิวสองสีดวงหน้าคมเข้มในชุดเสื้อโปโลสีขาว สวมกางเกงยีนส์สีซีดเดินอย่างกระฉับกระเฉงไปยังรถ SUV สีขาว ซึ่งจอดอยู่ในโรงรถของบ้านหลังใหญ่สไตล์โรมัน ที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนเนินสูง รายล้อมด้วยสวนทุเรียนกว้างใหญ่สุดหูสุดตา ก่อนจะเปิดประตูรถเขาได้ยินเสียงตะโกนถามไล่หลังมาจากหญิงวัยกลางคนร่างท้วม“ตาชล จะไปไหนหรือลูก” ชลธรหันกลับไปหามารดาแล้วยิ้มด้วยสีหน้าสดใสก่อนจะตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ไปรับตาหนูครับแม่ ไม่ได้เจอหน้าลูกหลายวันแล้วคิดถึง”“ก็เพิ่งไปส่งเมื่อสองวันก่อนนี้เองไม่ใช่เหรอ” สายชลผู้เป็นมารดาว่า“ก็นั่นแหละครับ คิดถึงแล้ว เดี๋ยวผมมานะครับแม่”“จ้ะ งั้นก็ไปเถอะ แม่ก็คิดถึงตาธีแล้วเหมือนกัน”“ครับแม่ เดี๋ยวผมซื้อขนมมาฝากนะครับ” ว่าแล้วก็ก้าวเท้าขึ้นรถขับไปตามถนนที่ลาดด้วยซีเมนต์ ซึ่งเป็นถนนในสวนที่มีความกว้างขนาดรถสวนกันได้สองคันระยะทางราวห้าร้อยเมตร มุ่งตรงออกจากสวนทุเรียนไปยังถนนใหญ่ก่อนจะแวะซื้อของกินเล็กน้อยที่ร้านอาหารจีนเจ้าประจำเพื่อไปฝากน้องสาวและน้องชายที่ไร่คีริน ซึ่งเป็นที่ตั้งบริษัทและรีสอร์ตของน้องชายไม่นานชลธรก็มาถึงไร่คีรินที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง เข
เมื่อชลธรรับเจ้าตัวน้อยมาได้สมใจที่คิดถึงแล้ว จึงรีบพาไปแวะที่ร้านมินิมาร์ทในตัวอำเภอเพื่อซื้อของเล่นให้อย่างเคย“ธีเอาอันไหนดีครับลูก อันนี้มั้ย เป็ดน้อย มีเสียงปี๊บ ๆ ด้วย” ชลธรบีบตุ๊กตาเป็ดน้อยสีเหลืองให้หนูน้อยในอ้อมแขนดู ชลธีหัวเราะถูกใจพยายามเอื้อมมือไปคว้า ชลธรยิ้มด้วยท่าทางมีความสุข“จะถือเองหรือครับลูก โอเค ป๊าให้ถือเองนะครับ ไปจ่ายเงินที่พี่คนสวยกันเนอะ” ว่าแล้วก็หันไปยังพนักงานร้านที่อยู่หลังเคาน์เตอร์“น้องคะ เอารังนกให้พี่แพ็คนึงค่ะ แล้วก็ซุปไก่อีกแพ็คนึงด้วยค่ะ” เสียงหญิงสาวที่เดินไปถึงเคาน์เตอร์ก่อนหน้าเขาดังขึ้น พลางชี้ไปด้านหลังพนักงานที่มีเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพหลากหลายชนิดวางอยู่ชลธรหันมองแล้วอึ้งไปอึดใจหนึ่ง เมื่อเห็นหญิงสาวผิวขาวผมยาวสลวยรูปร่างบอบบาง ดวงหน้าเรียวหวานสะดุดตา ซึ่งเขาจำได้ชัดเจนว่าหญิงสาวคนนี้เคยวิ่งมาชนเขาที่งานแต่งงานของนภาธร เธอยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาเต้นแรง เธอจ่ายเงินเสร็จก็รับของ แล้วหมุนตัวจะเดินออก ก่อนจะชะงักนิ่งเมื่อเห็นเขายืนอยู่ ชายหนุ่มได้แต่ยืนอึ้ง นึกไม่ออกว่าจะทักทายอย่างไร“พี่คะ ถึงคิวแล้วค่ะ” เสียงพนักงานสาวเอ่ยเรียก ชลธรละสายต