Share

บทที่ 1 ความหลัง 100%

ภาพที่หญิงสาวคนนั้นยัดเงินห้าร้อยบาทใส่มือของเขา ตอนที่วิ่งมาชนจนไวน์แดงหกรดเสื้อเชิ้ตในงานแต่งงานของนภาธร แล้วเธอก็วิ่งหายลับไปอย่างรวดเร็ว ผุดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่เห็นวันนี้คือคนเดียวกับที่วิ่งชนเขาวันนั้นอย่างแน่นอน เพราะเขาอยู่ที่นี่มานานยังไม่เคยเห็นใครที่มีใบหน้าหวาน ผิวพรรณขาวใสสะดุดตาเช่นนี้มาก่อน

“จะได้เจอกันอีกไหมนี่ จะได้เอาเงินไปคืนให้” เขาพึมพำก่อนจะเก็บเงินไว้ในลิ้นชักอย่างเดิมแล้วหยิบโน้ตบุ๊กออกมานั่งอยู่ริมระเบียง ทอดสายตามองไปยังลำธารด้านล่าง วันนี้น้ำขึ้นสูงและไหลเชี่ยวกว่าปกติเพราะฝนตกในช่วงกลางคืนมาหลายวันแล้ว

ก่อนจะก้มมองจอคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านข่าวและดูราคาหุ้นที่ตนเองซื้อเก็บไว้เก็งกำไร ไหนยังจะกองทุนต่าง ๆ ที่ซื้อเก็บไว้เพื่อรับเงินปันผล ซึ่งเขามักจะเข้าไปตรวจเช็คอยู่บ่อย ๆ

หลังจากนั้นจึงเข้าไปดูข้อมูลด้านการเกษตรอื่น ๆ ที่จะต้องอัปเดตให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะมีเรื่องโรคและแมลงต่าง ๆ ที่อาจจะมาลงในแปลงสวนทุเรียนของเขาได้ จะได้ระมัดระวังไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาเอกแล้ว จึงไม่ได้มีงานให้ทำมากเหมือนเมื่อก่อน ได้แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการติดตามข่าวสาร และพูดคุยกับเพื่อน ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและเช็คอีเมล

ชลธรเอนกายพิงพนักพิง เขายิ้มเยาะตัวเองที่รู้สึกเหงาขึ้นมา เมื่อไม่มีเรื่องเรียนที่ต้องหาข้อมูลมากมายผ่านอินเทอร์เน็ตเหมือนเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

ตอนนี้เขาก็อายุสามสิบแปดปีแล้ว แต่เพราะมัวแต่มุ่งหน้าหาเงินและเรียนมหาวิทยาลัยในตอนที่อายุมากกว่าคนอื่น ๆ ก็เลยไม่มีเวลามองหาใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิต จนตอนนี้สำเร็จหมดทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางการเงิน การศึกษาที่ไม่ได้ด้อยกว่าใครนัก สิ่งที่คลายเหงาได้จึงมีเพียงชลธี ซึ่งเป็นลูกของน้องชายเท่านั้น ที่เขาเอามาเล่นด้วยในยามเหงา

ซึ่งตอนนี้ชลธียังหลับสนิทอยู่ในบ้าน เขาหันไปมองเจ้าตัวเล็ก ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นมาให้เขาเล่นด้วยสักที จึงลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวไปมาคลายความเมื่อยล้า เดินไปจับราวกั้นของระเบียง ทอดสายตาไปยังฝั่งตรงข้าม แล้วอดนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของที่แปลงนั้นขึ้นมาไม่ได้

เมื่อหลายปีก่อนเขาลุกขึ้นมาเรียนอย่างเป็นบ้าเป็นหลังเพราะคำดูถูกของผู้หญิงคนนั้น จากปริญญาตรี ก็ไปต่อปริญญาโท แล้วก็ไปจบที่ปริญญาเอก แม้ว่าจะเรียนจบช้ากว่าคนอื่น ๆ

‘นิสา พี่โอนเงินค่าเทอมไปให้แล้วนะครับ ปิดเทอมนี้จะกลับมาบ้านหรือเปล่าพี่คิดถึงนะ เราไม่ได้เจอมาเป็นปีแล้ว เทอมที่แล้วนิสาก็ไม่กลับบ้าน คุยทางโทรศัพท์ก็ไม่เหมือนเจอหน้ากัน’

‘แล้วพี่ชลไม่ขึ้นมาเรียนกรุงเทพฯ เหรอคะ’ เธอถามกลับมา

‘พี่ยังไปไม่ได้ ถ้าไปแล้วใครจะช่วยพ่อทำสวนที่สวนยังไม่เข้าที่เข้าทางเลย พี่ทิ้งให้พ่อทำคนเดียวไม่ได้ น้อง ๆ พี่ทั้งสองคนก็ต้องเรียนหนังสือ ถ้าพี่ไม่ช่วยพ่อแล้วจะเอาเงินที่ไหนส่งเรียนล่ะ’

‘แต่นิสาเรียนจะจบปริญญาตรีอยู่แล้วนะ พี่จบแค่ ม.6 เราจะคบกันต่อได้ยังไง’ คำถามนั้นทำให้เขาอึ้งไปนาน ก่อนจะถามว่า

‘ถ้าพี่ไม่ได้เรียนต่อ นิสาจะทำยังไงเหรอ’

‘นิสาจะทำยังไงเหรอคะ ก็ต้องหาคนที่เหมาะสม คุยกันรู้เรื่องสิคะ รู้มั้ยการศึกษามันเป็นตัวแบ่งชนชั้นอย่างหนึ่ง จะให้นิสาบอกใครต่อใครว่ายังไงคะ ถ้ายังคบกับพี่ชล บอกเขาว่าพี่ชลจบแค่ ม.6 เหรอคะ นิสาอายค่ะ’

‘นิสาอายที่พี่จบแค่ ม.6 งั้นเหรอ ครับ พี่เข้าใจ นิสาก็พูดไม่ผิดหรอก แต่พี่ไปเรียนตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ คงใช้เวลาอีกสักสองสามปี ให้ในสวนลงตัวกว่านี้ก่อน ถึงจะไปเรียนได้’

‘อีกสองสามปี ตอนนั้นนิสาคงเรียนจบปริญญาโท ไปแล้วมั้งคะ พี่ชลเพิ่งจะเข้าปีหนึ่ง ตลกเกินไปไหมคะ ถ้าเทอมหน้าพี่ชลไม่ขึ้นมาเรียนกับนิสา เราก็เลิกกันค่ะ เพราะนิสาต้องการความก้าวหน้า เพื่อน ๆ นิสามีแฟนเรียนมหาวิทยาลัยกันทั้งนั้น นิสาก็อยากมีแฟนเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง ตอนนี้มีคนเรียนเก่ง ๆ ฐานะดี ๆ มาจีบนิสาเยอะแยะไป ทำไมนิสาต้องรอพี่ชลตั้งสองสามปีด้วย นิสาให้โอกาสพี่ชลแค่เทอมหน้าเท่านั้นค่ะ’

‘พี่ทำอย่างที่นิสาต้องการไม่ได้จริง ๆ พี่ทิ้งให้พ่อลำบากหาเงินส่งพี่และน้อง ๆ เรียนตามลำพังไม่ได้ รอพี่อีกแค่สองสามปีไม่ได้เหรอ พี่จะรีบกลับไปเรียนให้จบ’

‘ไม่ได้ค่ะ ถ้าพี่ชลมาเรียนต่อกับนิสาเทอมหน้าไม่ได้ ก็แสดงว่าพี่ชลเลือกที่จะเลิกกับนิสา ในเมื่อคบกับพี่ชลไปนิสาก็คงไม่มีอนาคต ก็ไม่รู้จะคบทำไม งั้นเลิกกันแค่นี้ก็แล้วกันค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย’

นิสากรวางสายไปพร้อมกับน้ำตาของเขาที่ไหลหลั่งลงมา ในใจปวดหนึบไปหมด ความรักที่เฝ้าทะนุถนอมมาหลายปีพังทลายลงไปเพียงเพราะเขาไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย

นอกจากเงินที่ส่งน้อง ๆ และให้พ่อกับแม่ใช้จ่ายในครอบครัวแล้ว เงินรายได้ส่วนตัวที่บิดาให้เขาเก็บไว้ใช้ เขาก็ประหยัดอดออมส่งให้เธอเรียนด้วย เพราะฐานะทางบ้านของเธอก็ไม่ได้ดีนัก เพียงแต่เธอมีญาติอยู่ในกรุงเทพฯ พ่อกับแม่ของเธอจึงส่งให้เธอไปเรียนที่กรุงเทพฯ ได้ และเธอก็ขอให้เขาส่งเงินให้ใช้จ่ายอยู่เสมอหากเงินที่ทางบ้านส่งไปให้ไม่เพียงพอ

หลังจากนั้นราวครึ่งเดือนที่เขาทุรนทุรายอยู่กับความรักที่สูญเสียไป จนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ มันรุนแรงถึงขั้นที่เขาแทบไม่มีแรงจะทำอะไร โทร. ไปหาเธอหลายครั้งเพื่อขอปรับความเข้าใจ แต่เธอก็ไม่รับสายเขาอีก

เขาจึงตัดสินใจขึ้นกรุงเทพฯ เพื่อไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเปิด และตั้งใจจะไปหาอีกครั้ง บอกเธอว่าเขาจะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเปิดของรัฐบาล เผื่อว่าคราวนั้นเธอจะแค่น้อยใจและพูดไปอย่างนั้นเอง หากเขาเรียนต่อเธออาจจะกลับมาดีกับเขาเหมือนเดิมก็ได้

เมื่อสมัครเรียนเสร็จ ก็ไปหาเธอที่หอพัก จะเอาเอกสารสมัครเรียนไปให้เธอดูว่า เขามาสมัครเรียนแล้วจริง ๆ เขานั่งรอหน้าหอพักอยู่นาน จนกระทั่งเธอกลับจากมหาวิทยาลัย ก็พบว่าเธอมีคนอื่นไปแล้วจริง ๆ ผู้ชายคนนั้นแต่งชุดนักศึกษา ขับรถยนต์หรูหรามาส่ง หน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเอกละคร มองเขากราดตั้งแต่หัวจดเท้า เมื่อเขาเดินเข้าไปหานิสากร

เธอแนะนำว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนของเธอและเขาคือคนข้างบ้าน ที่มาจากต่างจังหวัด สายตาของเธอเต็มไปด้วยความประหวั่น ราวกับกลัวว่าเขาจะเปิดเผยว่าเคยเป็นอะไรกับเธอ

‘ครับ ผมเป็นเพื่อนบ้าน แค่แวะมาเยี่ยมครับ แล้วก็...เอาของมาฝากนิสา พี่กลับก่อนนะนิสา’

ในเวลานั้นเขาไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่านี้ นอกจากยื่นอาหารที่ตั้งใจจะซื้อมากินด้วยกันให้เธอไป เพราะเธอก็ไม่ผิด ในเมื่อเธอบอกเลิกเขาแล้วจริง ๆ

เธอรับของจากมือเขาแล้วเดินไปยังประตูทางเข้าหอพักหญิง โดยมีผู้ชายคนนั้นเดินโอบไหล่เธอไปส่งที่หน้าประตู ท่ามกลางหัวใจที่แหลกสลายของผู้ชายบ้านนอกอย่างเขา ที่เทียบอะไรไม่ติดกับคนใหม่ของเธอแม้แต่อย่างเดียว

และเขาก็ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าจะไปหาเธอเพื่อให้เจ็บปวดซ้ำอีกทำไม แค่เธอบอกเลิกทางโทรศัพท์ก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ยังต้องมาเห็นว่าคนใหม่ของเธอดีกว่าเขามากแค่ไหน ยิ่งทำให้เจ็บปวดเกินจะทานทน

ภาพนั้นหลอกหลอนเขามาจนทุกวันนี้ แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก็ควรขอบคุณเธอ ที่ทำให้เขาตัดสินใจเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้สักที

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status