อรุณนิภากวาดตามองไปทั่วบริเวณท้ายสวน ซึ่งเป็นเวิ้งกว้างก่อนถึงลำธาร เธอเพิ่งจ้างคนงานมาตัดหญ้าทำให้ดูโปร่งสบายตา ก่อนหน้านี้มีหญ้ารกท่วมทีเดียว ด้วยบิดาสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะตั้งแต่มารดาของเธอจากไปเมื่อห้าปีก่อน ท่านก็อยู่ลำพังมาตลอด มีเพียงน้าชายสวนใกล้กันที่คอยมาอยู่เป็นเพื่อน ในช่วงที่เธอกับพี่สาวไปอยู่ที่กรุงเทพฯ
ช่วงสองสามปีมานี้ท่านมีปัญหาปวดเข่า จึงไม่ค่อยได้เข้ามาท้ายสวนบ่อยนัก ได้แต่ปล่อยที่ดินทิ้งร้างไว้ คนงานประจำก็ไม่มี ได้แต่จ้างทำเป็นรายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกผลไม้ ยางพารา สวนมะพร้าว ซึ่งพอให้ท่านมีรายได้ทุกวันไว้ใช้จ่ายในยามแก่ แต่พอป่วยก็รู้สึกว่าพื้นที่มีมากเกินกว่าตัวเองจะทำไหว หากขายที่ดินได้เงินก้อนใหญ่มาแบ่งให้กับลูก ๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงไม่ถนัดทำสวนทำไร่ ก็น่าจะดีกว่า ท่านเก็บไว้เพียงสวนยางพาราที่พอมีรายได้เลี้ยงชีพก็น่าจะเพียงพอ จึงได้มาบอกเธอว่าจะขายที่ดิน แต่เพราะเธอยับยั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ขาย ท่านจึงต้องยกเลิกความคิดนี้ไป
หญิงสาวมองข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นเนินสูงขึ้นไป ใกล้ลำธารมีกระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นกระท่อมคนงานของสวนชลธร ซึ่งเป็นสวนทุเรียนขนาดใหญ่แปลงติดกับสวนของเธอ
เธอมักจะมองไปยังบ้านหลังใหญ่สีขาวกลางสวนนั้นเสมอที่ขับรถผ่าน เพราะรู้จากบิดาว่าเจ้าของสวนทุเรียนขนาดใหญ่นั้น เป็นคนไปขอซื้อที่ดินจากบิดาของเธอ แถมไม่ได้ไปขอครั้งเดียวด้วย แต่ไปขออยู่หลายครั้งทีเดียว คิดแล้วเธอก็นึกชังน้ำหน้านายชลธรคนนั้นนัก ที่รวยจนไม่รู้จะรวยอย่างไรแล้ว แต่ยังอยากได้ที่ดินของคนอื่นอีก ถึงขั้นไปหลอกล่อให้บิดาของเธอยอมขายให้
“พวกนายทุนก็งี้แหละ เห็นแก่ตัว อยากได้ทุกอย่างเป็นของตัวเองไปหมด ยิ่งมีมากก็ยิ่งโลภมาก คงชินกับการใช้เงินซื้อไปหมดทุกอย่าง ฉันจะไม่ยอมให้นายได้สมหวังหรอกนะ” เธอมองไปยังบ้านหลังสีขาวที่อยู่ไกล ๆ ซึ่งสูงเด่นอยู่บนเนินที่สูงที่สุดของบริเวณนี้ ทำให้มองเห็นชัดเจน
หญิงสาวนำจอบและฝักบัวที่ถือมาวางไว้ห่างจากลำธารเล็กน้อย เธอหยิบเมล็ดพันธุ์ผักขึ้นมาดู ซึ่งเป็นผักทั่วไปที่มักจะซื้อมาทำอาหารรับประทานบ่อย ๆ เช่น ผักบุ้ง มะเขือ ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ แตงกวา เธอเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในการปลูกผักมากนัก แต่จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยมาปลูกผักกับมารดาที่บริเวณนี้อยู่หลายครั้ง
‘ปลูกผักกินเองประหยัดดี ไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมีด้วย เราชอบกินอะไรก็เอามาปลูกไว้ ไม่กี่วันก็ได้กินแล้ว จำไว้นะลูก เงินทองมันหายากต้องรู้จักเก็บรู้จักออม’ เธออดคิดถึงมารดาไม่ได้ ท่านเป็นคนประหยัดอดออม อะไรที่ไม่จำเป็นต้องซื้อก็จะไม่ยอมเสียเงินซื้อเป็นอันขาด แม้ท่านจะประหยัดแต่ท่านก็ดูแลทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างดีไม่เคยให้อดเรื่องอาหารการกิน
ตั้งแต่มารดาเสียชีวิตไปด้วยโรคประจำตัว ทำให้เธออดเคว้งคว้างไม่ได้ เหมือนขาดที่ปรึกษาที่สนิทที่สุดไป เหลือเพียงบิดาที่ท่านเป็นคนเรียบง่าย แถมสุขภาพก็ไม่ค่อยดีอีก เธอจึงเลี่ยงที่จะเอาเรื่องไม่สบายใจไปเล่าให้ฟัง เพราะเหลือท่านเป็นเสาหลักอยู่เพียงคนเดียวแล้ว จึงอยากประคับประคองให้ท่านอยู่กับเธอให้นานที่สุด คำน้อยที่จะทำให้ท่านไม่สบายใจจึงถูกเลี่ยงที่จะพูดออกมาเสมอ
หญิงสาวลงมือถากหญ้าแล้วขุดแปลงผักเล็ก ๆ ขึ้นมาสี่แปลง ปลูกมะเขือเทศ ผักบุ้ง มะเขือ ถั่วฝักยาวและแตงกวา โดยใช้นิ้วเจาะเป็นรูในแปลงแล้วใช้เมล็ดหย่อนลงไป โดยไม่รู้เลยว่ามีคนยืนมองอยู่ที่กระท่อมฝั่งตรงข้ามของลำธาร
“ใครน่ะ” ชลธรอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ เพราะเขาอยู่ที่นี่มาตั้งนาน ก็ไม่เคยเห็นใครมาทำอะไรตรงนั้นสักที เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ปล่อยไว้ว่างเปล่ามานาน นาน ๆ ครั้งจะเห็นมีคนมาตัดหญ้าหรือถางป่าบ้าง แต่เพราะอยู่ห่างกันเขาจึงเห็นไม่ถนัดนัก รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิงสวมเสื้อลายสก็อตสีฟ้ามัดผมเป็นหางม้า กำลังใช้จอบขุดดินมาพักใหญ่แล้ว ก่อนจะลงไปนั่งยอง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ เดินไปทางโน้นทีทางนี้ทีแล้วไปคว้าบัวรดน้ำสีฟ้าเดินมาที่ลำธาร
เธอเดินไปที่ตลิ่งแล้วทำท่าจะเอาบัวรดน้ำจ้วงลงไปตักน้ำ แต่ดูเหมือนกับว่าตลิ่งจะอยู่สูงเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึง หญิงสาวลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง ก่อนจะหันรีหันขวางแล้วหันไปยังสะพานไม้ที่เขาเอาไม้ท่อนขนาดกลาง ๆ สองอันพาดไว้ให้สามารถเดินข้ามฝั่งไปยังสวนฝั่งตรงข้ามได้
ซึ่งปกติเขาก็ไม่ได้เดินข้ามไปบ่อยนัก เพราะมันไม่ใช่ที่ของเขา แต่ด้วยเขาชอบไปเล่นน้ำในลำธารจึงเอาไม้ไปพาดไว้เพื่อใช้สำหรับไปนั่งห้อยขาแช่น้ำบ้าง หรือบางทีก็ขึ้นไปนั่งอาบน้ำ และบางทีเขาก็แวะไปเยี่ยมชายชราเจ้าของสวนบ้างนาน ๆ สักครั้งหนึ่ง
เขาเห็นหญิงสาวคนนั้นเดินไปกลางสะพานด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วเอาบัวรดน้ำจ้วงลงไป ก่อนจะยกบัวรดน้ำขึ้นมาแล้วพยายามจะพยุงตัวให้ยืนบนไม้สองท่อนนั้นให้ได้
“ว้ายยย! ตูม!!!” เสียงกรีดร้อง ก่อนจะเห็นเธอลื่นตกลงไปในลำธาร เขาเห็นเธอตะกายน้ำผลุบ ๆ โผล่ ๆ
“ช่วยด้วย ๆ” เสียงตะโกนให้ช่วยพร้อมกับร่างที่ไหลไปกับกระแสน้ำที่กำลังเชี่ยวกราก ทำให้ชลธรรีบวิ่งลงจากกระท่อมทันที เขาเห็นเธอไหลไปตามน้ำก่อนที่ร่างนั้นจะจมหายไป
เขากระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว ยังจุดที่เธอจมน้ำ ก่อนจะคว้าคอเสื้อของเธอแล้วลากขึ้นมาบนตลิ่งอย่างทุลักทุเล
“คุณ ๆ” เขาใช้มือตบเบา ๆ ที่ดวงหน้าเนียนใส แต่เธอก็ไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เมื่อเห็นใบหน้าของเธอชัดเจน
หญิงสาวผมยาวใบหน้าเรียวสวย ผิวขาวเนียนที่เขาจำได้ติดตานอนหมดสติอยู่ตรงหน้าของเขา ชลธรจับชีพจรของเธอเห็นว่ายังเต้นเป็นปกติ
ชายหนุ่มตัดสินใจยกร่างบางพาดไหล่ก่อนจะพาวิ่งกลับไปที่กระท่อม ตั้งใจให้เธอสำลักน้ำออกมา แล้วเป็นอย่างที่เขาตั้งใจเพราะเมื่อวางเธอลงบนระเบียงกระท่อม หญิงสาวก็สำลักน้ำออกมาจริง ๆ ซึ่งทำให้เขาถอนใจโล่งอก
“คุณเป็นยังไงบ้าง” เธอปรือตาขึ้น พอเห็นเขาก็ลุกพรวดขึ้นมา
“ฉัน ฉันยังไม่ตาย” เธอพึมพำเบา ๆ
“ใช่ แต่ก็เกือบตายละ ถ้าผมช่วยขึ้นมาไม่ทัน คุณคงไม่รอด”
“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยฉันไว้”
“อืม ไม่เป็นไร ว่าแต่ทำไมถึงได้ตกน้ำลงไป” เขาถามทั้ง ๆ ที่เห็นเหตุการณ์อยู่แล้ว
“ฉันแค่จะมาตักน้ำไปรดผัก แต่สะพานมันลื่น ฉันทรงตัวไม่อยู่”
“ทีหลังก็ต้องระวัง คุณว่ายน้ำไม่เป็น ลำธารตรงนี้น้ำลึกและไหลเชี่ยว แล้วคุณเป็นอะไรกับลุงอรุณเหรอ ถึงมาปลูกผักอยู่ตรงนั้น”
“ฉันเป็นลูกสาวเขา” เธอตอบ ฟันกระทบกันดังกึก ๆ ด้วยความหนาว
“ลูกสาว...” ชลธรพึมพำ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า จะมาถูกใจลูกสาวอีกคนของนายอรุณเข้าอีกแล้ว เธอคงจะเป็นน้องสาวของนิสากร ซึ่งเขาเองก็อดระแวงไม่ได้ว่าจะมีนิสัยเหมือนกับพี่สาว
“งั้น คุณนั่งตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน เปียกไปหมดแล้ว เดี๋ยวผมจะเอาผ้ามาให้เช็ดตัว” ชลธรว่าแล้วก็เดินเข้าไปในห้อง หยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวออกมายื่นให้หญิงสาวคลายมือจากที่กอดเข่าอยู่แล้วยื่นไปรับ
“เอาไปเช็ดตัวก่อน อากาศหนาว เดี๋ยวจะเป็นหวัด ผ้าสะอาดดี เพิ่งซัก ผมยังไม่ได้ใช้” เขาว่า ราวกับกลัวว่าเธอจะรังเกียจ
หญิงสาวรับผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมเช็ดหน้า ส่วนเขาเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมายื่นให้ เพราะเห็นเธอตัวสั่นราวกับลูกนก เนื่องจากบริเวณนี้อากาศค่อนข้างเย็น อีกทั้งเพิ่งจะจมน้ำมาอีก กลัวว่าจะเจ็บป่วยขึ้นมา“คุณไปเปลี่ยนเสื้อก่อนก็แล้วกัน อากาศหนาวแบบนี้ไม่ควรอยู่ตัวเปียก ๆ เดี๋ยวจะเป็นหวัด วันหลังค่อยเอามาคืนผมก็ได้ ห้องน้ำอยู่ด้านใน แต่เดินระวังหน่อยนะ ลูกชายผมหลับอยู่” เขาว่าหญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องน้ำอย่างว่าง่าย คงเป็นเพราะกำลังหนาวจัดจริง ๆ เพราะตอนนี้ใกล้สี่โมงเย็นแล้ว แถมยังอยู่ในหุบเขา อากาศเย็นทั้งวันและจะเย็นมากขึ้นเมื่อใกล้ค่ำชลธรกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเอง เขาหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแล้วเดินออกมาข้างนอก พร้อมกับธนบัตรใบละห้าร้อยบาทที่เก็บไว้ในลิ้นชัก เห็นหญิงสาวนั่งมองชลธีอยู่ข้างเบาะ เขาผุดยิ้มขึ้นมาบาง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วก็ยื่นธนบัตรใบละห้าร้อยบาทให้กับเธอ หญิงสาวทำหน้างุนงง“ให้ฉันทำไมคะ เธอเงยหน้ามาถาม”“เงินที่คุณให้มา ผมไม่พอซื้อเสื้อตัวใหม่ ก็เลยเอามาคืน คุณชดใช้ผมโดยการซักเสื้อที่คุณใส่อยู่มาคืนผมก็แล้วกัน วันนั้นในงานแต่งงานคุณทำไวน์แดงหกร
๑ความหลังชายหนุ่มผิวสองสีดวงหน้าคมเข้มในชุดเสื้อโปโลสีขาว สวมกางเกงยีนส์สีซีดเดินอย่างกระฉับกระเฉงไปยังรถ SUV สีขาว ซึ่งจอดอยู่ในโรงรถของบ้านหลังใหญ่สไตล์โรมัน ที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนเนินสูง รายล้อมด้วยสวนทุเรียนกว้างใหญ่สุดหูสุดตา ก่อนจะเปิดประตูรถเขาได้ยินเสียงตะโกนถามไล่หลังมาจากหญิงวัยกลางคนร่างท้วม“ตาชล จะไปไหนหรือลูก” ชลธรหันกลับไปหามารดาแล้วยิ้มด้วยสีหน้าสดใสก่อนจะตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ไปรับตาหนูครับแม่ ไม่ได้เจอหน้าลูกหลายวันแล้วคิดถึง”“ก็เพิ่งไปส่งเมื่อสองวันก่อนนี้เองไม่ใช่เหรอ” สายชลผู้เป็นมารดาว่า“ก็นั่นแหละครับ คิดถึงแล้ว เดี๋ยวผมมานะครับแม่”“จ้ะ งั้นก็ไปเถอะ แม่ก็คิดถึงตาธีแล้วเหมือนกัน”“ครับแม่ เดี๋ยวผมซื้อขนมมาฝากนะครับ” ว่าแล้วก็ก้าวเท้าขึ้นรถขับไปตามถนนที่ลาดด้วยซีเมนต์ ซึ่งเป็นถนนในสวนที่มีความกว้างขนาดรถสวนกันได้สองคันระยะทางราวห้าร้อยเมตร มุ่งตรงออกจากสวนทุเรียนไปยังถนนใหญ่ก่อนจะแวะซื้อของกินเล็กน้อยที่ร้านอาหารจีนเจ้าประจำเพื่อไปฝากน้องสาวและน้องชายที่ไร่คีริน ซึ่งเป็นที่ตั้งบริษัทและรีสอร์ตของน้องชายไม่นานชลธรก็มาถึงไร่คีรินที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง เข
เมื่อชลธรรับเจ้าตัวน้อยมาได้สมใจที่คิดถึงแล้ว จึงรีบพาไปแวะที่ร้านมินิมาร์ทในตัวอำเภอเพื่อซื้อของเล่นให้อย่างเคย“ธีเอาอันไหนดีครับลูก อันนี้มั้ย เป็ดน้อย มีเสียงปี๊บ ๆ ด้วย” ชลธรบีบตุ๊กตาเป็ดน้อยสีเหลืองให้หนูน้อยในอ้อมแขนดู ชลธีหัวเราะถูกใจพยายามเอื้อมมือไปคว้า ชลธรยิ้มด้วยท่าทางมีความสุข“จะถือเองหรือครับลูก โอเค ป๊าให้ถือเองนะครับ ไปจ่ายเงินที่พี่คนสวยกันเนอะ” ว่าแล้วก็หันไปยังพนักงานร้านที่อยู่หลังเคาน์เตอร์“น้องคะ เอารังนกให้พี่แพ็คนึงค่ะ แล้วก็ซุปไก่อีกแพ็คนึงด้วยค่ะ” เสียงหญิงสาวที่เดินไปถึงเคาน์เตอร์ก่อนหน้าเขาดังขึ้น พลางชี้ไปด้านหลังพนักงานที่มีเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพหลากหลายชนิดวางอยู่ชลธรหันมองแล้วอึ้งไปอึดใจหนึ่ง เมื่อเห็นหญิงสาวผิวขาวผมยาวสลวยรูปร่างบอบบาง ดวงหน้าเรียวหวานสะดุดตา ซึ่งเขาจำได้ชัดเจนว่าหญิงสาวคนนี้เคยวิ่งมาชนเขาที่งานแต่งงานของนภาธร เธอยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาเต้นแรง เธอจ่ายเงินเสร็จก็รับของ แล้วหมุนตัวจะเดินออก ก่อนจะชะงักนิ่งเมื่อเห็นเขายืนอยู่ ชายหนุ่มได้แต่ยืนอึ้ง นึกไม่ออกว่าจะทักทายอย่างไร“พี่คะ ถึงคิวแล้วค่ะ” เสียงพนักงานสาวเอ่ยเรียก ชลธรละสายต
ภาพที่หญิงสาวคนนั้นยัดเงินห้าร้อยบาทใส่มือของเขา ตอนที่วิ่งมาชนจนไวน์แดงหกรดเสื้อเชิ้ตในงานแต่งงานของนภาธร แล้วเธอก็วิ่งหายลับไปอย่างรวดเร็ว ผุดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่เห็นวันนี้คือคนเดียวกับที่วิ่งชนเขาวันนั้นอย่างแน่นอน เพราะเขาอยู่ที่นี่มานานยังไม่เคยเห็นใครที่มีใบหน้าหวาน ผิวพรรณขาวใสสะดุดตาเช่นนี้มาก่อน“จะได้เจอกันอีกไหมนี่ จะได้เอาเงินไปคืนให้” เขาพึมพำก่อนจะเก็บเงินไว้ในลิ้นชักอย่างเดิมแล้วหยิบโน้ตบุ๊กออกมานั่งอยู่ริมระเบียง ทอดสายตามองไปยังลำธารด้านล่าง วันนี้น้ำขึ้นสูงและไหลเชี่ยวกว่าปกติเพราะฝนตกในช่วงกลางคืนมาหลายวันแล้วก่อนจะก้มมองจอคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านข่าวและดูราคาหุ้นที่ตนเองซื้อเก็บไว้เก็งกำไร ไหนยังจะกองทุนต่าง ๆ ที่ซื้อเก็บไว้เพื่อรับเงินปันผล ซึ่งเขามักจะเข้าไปตรวจเช็คอยู่บ่อย ๆหลังจากนั้นจึงเข้าไปดูข้อมูลด้านการเกษตรอื่น ๆ ที่จะต้องอัปเดตให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะมีเรื่องโรคและแมลงต่าง ๆ ที่อาจจะมาลงในแปลงสวนทุเรียนของเขาได้ จะได้ระมัดระวังไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาเอกแล้ว จึงไม่ได้มีงานให้ทำมากเหมือนเมื่อก่อน ได้แต่ใช้เวลาส่วน
๒เธอคือใครที่บ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้หลังไม่ใหญ่มากนัก บริเวณบ้านรายรอบไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ และผลไม้หลากหลายชนิด ด้านหน้าเป็นลานกว้าง ปูด้วยหญ้าญี่ปุ่นเขียวขจี มองเข้าไปในบ้านชั้นล่าง ด้านหน้าบ้านเทพื้นปูนออกมากว้างขวาง ปูกระเบื้องสีน้ำตาลและต่อหลังคายื่นออกมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นและมีชุดโต๊ะไม้สีน้ำตาลขัดเงาตั้งอยู่หนึ่งชุดสำหรับนั่งเล่น และใช้สำหรับนั่งรับประทานอาหารได้ด้วย ชายชรานั่งอยู่บนรถเข็นหน้าบ้าน มองออกไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีดำที่ขับเข้ามาจอด ร่างเพรียวบางในชุดกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดแขนยาวสีครีมลงมาจากรถ ในมือถือถุงพะรุงพะรังเข้ามาหา ผมยาวสลวยของเธอพริ้วไหวไปตามแรงลม “อ้าว พ่อทำไมมานั่งคนเดียวตรงนี้ล่ะคะ แล้วพี่นิสาไปไหน” หญิงสาวถามพลางกวาดตามองไปยังที่จอดรถประจำของพี่สาว ซึ่งก่อนออกไปซื้อของข้างนอกเธอยังเห็นรถสปอร์ตสีแดงจอดอยู่ “พี่เขามีธุระน่ะ ออกไปสักพักได้แล้วละ เห็นบอกว่าไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ” นายอรุณผู้เป็นบิดาตอบ “แล้วทิ้งพ่อให้อยู่คนเดียวเนี่ยนะคะ ทั้ง ๆ ที่นิภาก็บอกไว้แล้วว่าให้อยู่เป็นเพื่อนพ่อก่อน” อรุณนิภาเอ่ย