แชร์

บทที่ 2 เธอคือใคร 70%

อรุณนิภากวาดตามองไปทั่วบริเวณท้ายสวน ซึ่งเป็นเวิ้งกว้างก่อนถึงลำธาร เธอเพิ่งจ้างคนงานมาตัดหญ้าทำให้ดูโปร่งสบายตา ก่อนหน้านี้มีหญ้ารกท่วมทีเดียว ด้วยบิดาสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะตั้งแต่มารดาของเธอจากไปเมื่อห้าปีก่อน ท่านก็อยู่ลำพังมาตลอด มีเพียงน้าชายสวนใกล้กันที่คอยมาอยู่เป็นเพื่อน ในช่วงที่เธอกับพี่สาวไปอยู่ที่กรุงเทพฯ

ช่วงสองสามปีมานี้ท่านมีปัญหาปวดเข่า จึงไม่ค่อยได้เข้ามาท้ายสวนบ่อยนัก ได้แต่ปล่อยที่ดินทิ้งร้างไว้ คนงานประจำก็ไม่มี ได้แต่จ้างทำเป็นรายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกผลไม้ ยางพารา สวนมะพร้าว ซึ่งพอให้ท่านมีรายได้ทุกวันไว้ใช้จ่ายในยามแก่ แต่พอป่วยก็รู้สึกว่าพื้นที่มีมากเกินกว่าตัวเองจะทำไหว หากขายที่ดินได้เงินก้อนใหญ่มาแบ่งให้กับลูก ๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงไม่ถนัดทำสวนทำไร่ ก็น่าจะดีกว่า ท่านเก็บไว้เพียงสวนยางพาราที่พอมีรายได้เลี้ยงชีพก็น่าจะเพียงพอ จึงได้มาบอกเธอว่าจะขายที่ดิน แต่เพราะเธอยับยั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ขาย ท่านจึงต้องยกเลิกความคิดนี้ไป

หญิงสาวมองข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นเนินสูงขึ้นไป ใกล้ลำธารมีกระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นกระท่อมคนงานของสวนชลธร ซึ่งเป็นสวนทุเรียนขนาดใหญ่แปลงติดกับสวนของเธอ

เธอมักจะมองไปยังบ้านหลังใหญ่สีขาวกลางสวนนั้นเสมอที่ขับรถผ่าน เพราะรู้จากบิดาว่าเจ้าของสวนทุเรียนขนาดใหญ่นั้น เป็นคนไปขอซื้อที่ดินจากบิดาของเธอ แถมไม่ได้ไปขอครั้งเดียวด้วย แต่ไปขออยู่หลายครั้งทีเดียว คิดแล้วเธอก็นึกชังน้ำหน้านายชลธรคนนั้นนัก ที่รวยจนไม่รู้จะรวยอย่างไรแล้ว แต่ยังอยากได้ที่ดินของคนอื่นอีก ถึงขั้นไปหลอกล่อให้บิดาของเธอยอมขายให้

“พวกนายทุนก็งี้แหละ เห็นแก่ตัว อยากได้ทุกอย่างเป็นของตัวเองไปหมด ยิ่งมีมากก็ยิ่งโลภมาก คงชินกับการใช้เงินซื้อไปหมดทุกอย่าง ฉันจะไม่ยอมให้นายได้สมหวังหรอกนะ” เธอมองไปยังบ้านหลังสีขาวที่อยู่ไกล ๆ ซึ่งสูงเด่นอยู่บนเนินที่สูงที่สุดของบริเวณนี้ ทำให้มองเห็นชัดเจน

หญิงสาวนำจอบและฝักบัวที่ถือมาวางไว้ห่างจากลำธารเล็กน้อย เธอหยิบเมล็ดพันธุ์ผักขึ้นมาดู ซึ่งเป็นผักทั่วไปที่มักจะซื้อมาทำอาหารรับประทานบ่อย ๆ เช่น ผักบุ้ง มะเขือ ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ แตงกวา เธอเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในการปลูกผักมากนัก แต่จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยมาปลูกผักกับมารดาที่บริเวณนี้อยู่หลายครั้ง

‘ปลูกผักกินเองประหยัดดี ไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมีด้วย เราชอบกินอะไรก็เอามาปลูกไว้ ไม่กี่วันก็ได้กินแล้ว จำไว้นะลูก เงินทองมันหายากต้องรู้จักเก็บรู้จักออม’ เธออดคิดถึงมารดาไม่ได้ ท่านเป็นคนประหยัดอดออม อะไรที่ไม่จำเป็นต้องซื้อก็จะไม่ยอมเสียเงินซื้อเป็นอันขาด แม้ท่านจะประหยัดแต่ท่านก็ดูแลทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างดีไม่เคยให้อดเรื่องอาหารการกิน

ตั้งแต่มารดาเสียชีวิตไปด้วยโรคประจำตัว ทำให้เธออดเคว้งคว้างไม่ได้ เหมือนขาดที่ปรึกษาที่สนิทที่สุดไป เหลือเพียงบิดาที่ท่านเป็นคนเรียบง่าย แถมสุขภาพก็ไม่ค่อยดีอีก เธอจึงเลี่ยงที่จะเอาเรื่องไม่สบายใจไปเล่าให้ฟัง เพราะเหลือท่านเป็นเสาหลักอยู่เพียงคนเดียวแล้ว จึงอยากประคับประคองให้ท่านอยู่กับเธอให้นานที่สุด คำน้อยที่จะทำให้ท่านไม่สบายใจจึงถูกเลี่ยงที่จะพูดออกมาเสมอ

หญิงสาวลงมือถากหญ้าแล้วขุดแปลงผักเล็ก ๆ ขึ้นมาสี่แปลง ปลูกมะเขือเทศ ผักบุ้ง มะเขือ ถั่วฝักยาวและแตงกวา โดยใช้นิ้วเจาะเป็นรูในแปลงแล้วใช้เมล็ดหย่อนลงไป โดยไม่รู้เลยว่ามีคนยืนมองอยู่ที่กระท่อมฝั่งตรงข้ามของลำธาร

“ใครน่ะ” ชลธรอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ เพราะเขาอยู่ที่นี่มาตั้งนาน ก็ไม่เคยเห็นใครมาทำอะไรตรงนั้นสักที เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ปล่อยไว้ว่างเปล่ามานาน นาน ๆ ครั้งจะเห็นมีคนมาตัดหญ้าหรือถางป่าบ้าง แต่เพราะอยู่ห่างกันเขาจึงเห็นไม่ถนัดนัก รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิงสวมเสื้อลายสก็อตสีฟ้ามัดผมเป็นหางม้า กำลังใช้จอบขุดดินมาพักใหญ่แล้ว ก่อนจะลงไปนั่งยอง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ เดินไปทางโน้นทีทางนี้ทีแล้วไปคว้าบัวรดน้ำสีฟ้าเดินมาที่ลำธาร

เธอเดินไปที่ตลิ่งแล้วทำท่าจะเอาบัวรดน้ำจ้วงลงไปตักน้ำ แต่ดูเหมือนกับว่าตลิ่งจะอยู่สูงเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึง หญิงสาวลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง ก่อนจะหันรีหันขวางแล้วหันไปยังสะพานไม้ที่เขาเอาไม้ท่อนขนาดกลาง ๆ สองอันพาดไว้ให้สามารถเดินข้ามฝั่งไปยังสวนฝั่งตรงข้ามได้

ซึ่งปกติเขาก็ไม่ได้เดินข้ามไปบ่อยนัก เพราะมันไม่ใช่ที่ของเขา แต่ด้วยเขาชอบไปเล่นน้ำในลำธารจึงเอาไม้ไปพาดไว้เพื่อใช้สำหรับไปนั่งห้อยขาแช่น้ำบ้าง หรือบางทีก็ขึ้นไปนั่งอาบน้ำ และบางทีเขาก็แวะไปเยี่ยมชายชราเจ้าของสวนบ้างนาน ๆ สักครั้งหนึ่ง

เขาเห็นหญิงสาวคนนั้นเดินไปกลางสะพานด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วเอาบัวรดน้ำจ้วงลงไป ก่อนจะยกบัวรดน้ำขึ้นมาแล้วพยายามจะพยุงตัวให้ยืนบนไม้สองท่อนนั้นให้ได้

“ว้ายยย! ตูม!!!” เสียงกรีดร้อง ก่อนจะเห็นเธอลื่นตกลงไปในลำธาร เขาเห็นเธอตะกายน้ำผลุบ ๆ โผล่ ๆ

“ช่วยด้วย ๆ” เสียงตะโกนให้ช่วยพร้อมกับร่างที่ไหลไปกับกระแสน้ำที่กำลังเชี่ยวกราก ทำให้ชลธรรีบวิ่งลงจากกระท่อมทันที เขาเห็นเธอไหลไปตามน้ำก่อนที่ร่างนั้นจะจมหายไป

เขากระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว ยังจุดที่เธอจมน้ำ ก่อนจะคว้าคอเสื้อของเธอแล้วลากขึ้นมาบนตลิ่งอย่างทุลักทุเล

“คุณ ๆ” เขาใช้มือตบเบา ๆ ที่ดวงหน้าเนียนใส แต่เธอก็ไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เมื่อเห็นใบหน้าของเธอชัดเจน

หญิงสาวผมยาวใบหน้าเรียวสวย ผิวขาวเนียนที่เขาจำได้ติดตานอนหมดสติอยู่ตรงหน้าของเขา ชลธรจับชีพจรของเธอเห็นว่ายังเต้นเป็นปกติ

ชายหนุ่มตัดสินใจยกร่างบางพาดไหล่ก่อนจะพาวิ่งกลับไปที่กระท่อม ตั้งใจให้เธอสำลักน้ำออกมา แล้วเป็นอย่างที่เขาตั้งใจเพราะเมื่อวางเธอลงบนระเบียงกระท่อม หญิงสาวก็สำลักน้ำออกมาจริง ๆ ซึ่งทำให้เขาถอนใจโล่งอก

“คุณเป็นยังไงบ้าง” เธอปรือตาขึ้น พอเห็นเขาก็ลุกพรวดขึ้นมา

“ฉัน ฉันยังไม่ตาย” เธอพึมพำเบา ๆ

“ใช่ แต่ก็เกือบตายละ ถ้าผมช่วยขึ้นมาไม่ทัน คุณคงไม่รอด”

“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยฉันไว้”

“อืม ไม่เป็นไร ว่าแต่ทำไมถึงได้ตกน้ำลงไป” เขาถามทั้ง ๆ ที่เห็นเหตุการณ์อยู่แล้ว

“ฉันแค่จะมาตักน้ำไปรดผัก แต่สะพานมันลื่น ฉันทรงตัวไม่อยู่”

“ทีหลังก็ต้องระวัง คุณว่ายน้ำไม่เป็น ลำธารตรงนี้น้ำลึกและไหลเชี่ยว แล้วคุณเป็นอะไรกับลุงอรุณเหรอ ถึงมาปลูกผักอยู่ตรงนั้น”

“ฉันเป็นลูกสาวเขา” เธอตอบ ฟันกระทบกันดังกึก ๆ ด้วยความหนาว

“ลูกสาว...” ชลธรพึมพำ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า จะมาถูกใจลูกสาวอีกคนของนายอรุณเข้าอีกแล้ว เธอคงจะเป็นน้องสาวของนิสากร ซึ่งเขาเองก็อดระแวงไม่ได้ว่าจะมีนิสัยเหมือนกับพี่สาว

“งั้น คุณนั่งตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน เปียกไปหมดแล้ว เดี๋ยวผมจะเอาผ้ามาให้เช็ดตัว” ชลธรว่าแล้วก็เดินเข้าไปในห้อง หยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวออกมายื่นให้หญิงสาวคลายมือจากที่กอดเข่าอยู่แล้วยื่นไปรับ

“เอาไปเช็ดตัวก่อน อากาศหนาว เดี๋ยวจะเป็นหวัด ผ้าสะอาดดี เพิ่งซัก  ผมยังไม่ได้ใช้” เขาว่า ราวกับกลัวว่าเธอจะรังเกียจ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status