Share

บทที่ ๕. คู่หมั้นที่เป็นเพื่อนสาว

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-13 10:30:49

ไม่คาดคิดว่าแม่หญิงคู่หมั้นคู่หมายจะมีนิสัยแปลกไป แตกต่างจากผู้หญิงทุกคนในยุคนี้ราวกับเธอเป็นคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก ไม่หนำซ้ำยังกอดแขนกอดคอเรียกเขาว่าเพื่อนและสาวได้หน้าตาเฉยทั้งที่เธออายุน้อยกว่าเขาหลายขวบปี ตอนแรกยังว่าเขาแก่อยู่เลยอยู่ๆก็มาเป็นเพื่อนเสียอย่างนั้น

“หึ....” ออกพระรามแอบมองพริกแกงที่กำลังทำท่าทางประหลาดอยู่แถวๆท่าน้ำหลังจากที่เจรจาต่อรองกันเสร็จเรียบร้อยในเรื่องที่เขาไม่เข้าใจภาษาแต่ก็พอเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อถึง ในสายตาของพริกแกงตอนนี้เขาเป็นพวกบันเดาะนอกรีตที่ครอบครัวไม่ยอมรับและปกปิดตัวเองไว้ แถมเจ้าหล่อนยังยอมรับได้ช่วยแต่งงานปกปิด

“นี่มันเรื่องวิปริตกระไรกันหนอ” พูดไปมองท่าทางของหญิงสาวไปและยิ้มออกมา

“มองดูอะไรรึพ่อราม” ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาหาลูกชายตัวเองทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยงรีบหันกลับไปทางต้นเสียงทันทีพร้อมกับเอาตัวเองบังหน้าต่างไว้

“ดึกดื่นป่านนี้เจ้าคุณแม่ออกมาพบลูกด้วยเรื่องอันใดกันขอรับ?”

“เรื่องแม่พริก”

“ทำไมรึขอรับ?”

“บ่าวไพร่ลือกันให้ทั่วว่าแม่พริกโดนพิษจนวิปลาส แม่เห็นเป็นจริงดังบ่าวไพร่ว่า”

“งั้นรือขอรับ...” ตอบเพียงแค่นั้นเพราะคิดว่าจริงอย่างที่คนอื่นว่า

จากการพูดจาท่าทางกริยาต่างๆมันแตกต่างออกไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินเรื่องกริยามารยาทของแม่หญิงพริกแกงที่เมืองละโว้จากที่สืบเสาะมา ถึงอย่างนั้นมันก็แปลกไปจากที่ได้ยินมาเสียหน่อย เรื่องที่เคยได้ยินว่าชอบชม้อยชม้ายชายตายั่วยวนชายทุกผู้ไม่สงวนท่าทีทุกตัวคนนั่นยังไม่ทันได้เห็นเป็นจริงดังเขาเล่าอ้างกันมา  

“ไตร่ตรองแล้วก็สงสารนางหนาพ่อราม”

“..ขอรับ..”

“หากนางมิได้เดินทางมายังเรือนเราที่อยุธยาคงจักมิต้องประสบพบเจอเรื่อง”

“ลูกผิดเองขอรับเจ้าคุณแม่”

“แม่มิได้หมายว่าอย่างนั้น...แม่รู้สาแก่ใจดีว่าพ่อรามมีใจให้แม่เดือนแรม”

“ขอรับ?...เอ่อ..”

“แต่ถึงกระนั้นแม่พริกก็เป็นคู่หมายของพ่อรามนะลูก แม่อยากให้พ่อไตร่ตรองดูเสียหน่อย”

“......”

“หักใจจากแม่เดือนแรมเสีย จักมิได้เสียสัตย์ที่เจ้าคุณพ่อให้กับเพื่อนไว้และเรื่องจักมิได้บานปลายเกินกว่าจักแก้ได้”

“ลูกยังพอมีเวลาขอรับ...ขอลูกทำงานราชนี้สำเร็จก่อนลูกจักให้คำตอบขอรับ”

เมื่อคุณหญิงซ่อนกลิ่นได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะเข้าไปจับแขนแกร่งของลูกชายแล้วพยักหน้ารับที่อย่างน้อยลูกชายของตนก็ยังฟังตนและที่เขาจะลองคิดเรื่องของพริกแกงอยู่บ้าง

“ดึกมากแล้วขอรับ เจ้าคุณแม่เข้าเรือนเถิด...ประเดี๋ยวจักป่วยเพราะน้ำค้างเอาได้” พูดพร้อมประคองผู้เป็นแม่เดินไปยังหน้าห้องก่อนจะรอส่งจนคุณหญิงซ่อนกลิ่นเข้าห้องปิดประตูไป จะเหลือก็แต่คู่หมั้นคู่หมายของเขานั่นแหละที่ยังไม่ยอมขึ้นเรือนเสียที

ออกพระรามจึงเดินลงไปอีกครั้งก็เห็นพริกแกงกำลังโยกย้ายส่ายเอวหัวเราะคิกคักกับบ่าวของตน เขาจึงชะงักแล้วรีบหันหลังให้เธอทันทีด้วยความเขินอายกับท่าทางที่ดูยั่วยวนนั้นของเธอ

“อะฮึ่ม! ดึกมากแล้วหนาออเจ้า ทำท่าทีประหลาดยั่วยวนผีสางอยู่รือ มิอายฟ้าอายดินอายข้าบ้างเลยรือ?”

“อ้าว จะอายทำไมในเมื่อคุณออกพระไม่ได้มีความรู้สึกกับเรือนร่างผู้หญิง ‘สวย’ อย่างข้านี่เจ้าคะ”

“แม่หญิงอย่าเอ็ดไปเจ้าค่ะ! ประเดี๋ยวผู้ใดจะมาได้ยินเข้ามันจักเสียท่านออกพระ” บ่าวทั้งสามพูดห้ามปรามพร้อมกัน

“ถึงกระนั้น...”

“ต่อให้ข้า...” พูดแทรกขึ้นพร้อมกับเดินไปใกล้ร่างกำยำกรีดกรายปลายนิ้วที่ไหล่แกร่งเดินนวยนาดสะบัดบั้นท้ายไปตรงหน้าเขาก่อนจะไล่ปลายนิ้วลงมายังอกกำยำนั้นและเลื่อนลงมาเรื่อยๆพร้อมกับสายตาหวานหยาดเยิ้ม

“จะยั่วๆบดๆคุณออกพระแค่ไหนก็ไม่เห็นเป็น...” พูดแล้วก็ส่ายเอวไปมายั่วยวนคนตรงหน้า

หมับ!!

มือหนาคว้าข้อมืออวบของเธอไว้แน่นทั้งที่เธอยังพูดไม่จบ สายตาดูดุดันจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความอายแต่เก็บอาการ...และพยายามข่มใจชายแท้ที่ซ่อนอยู่เอาไว้

“จริงดังออเจ้าว่า แต่...” หันกลับมาเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จ้องมองเข้าไปในดวงตานั้น คราวนี้คนที่เอี้ยวเอนตัวหลบเห็นทีจะเป็นเธอไปเสียแล้ว พริกแกงจ้องมองเขานิ่งสายตาอดใจสำรวจใบหน้าหล่อคมหวานนั้นไม่ได้ราวกับโดนมนต์สะกด..

“มิเห็นควรที่ออเจ้าจักมายั่วยวนข้าเช่นนี้...”

“เอ่อ....”

“เพราะถึงอย่างไรร่างกายข้าก็เป็นชาย พวกบันเฑาะก์พึงใจชายก็หาต้านอารมณ์ที่ถูกยั่วยวนได้ไม่ มิว่าหญิงรือชาย”

“......” พริกแกงถึงกับเงียบจ้องมองเขาค้าง ที่ค้างเพราะเธอไม่เข้าใจคำว่าบันเฑาะก์มันคือตัวอะไร ถึงได้นิ่งและต่อล้อต่อเถียงเขาไม่ได้ ออกพระรามรูปงามยกยิ้มขึ้นก่อนจะยอมปล่อยมือเธอ

“กลัวรึ? ข้าเพียงแค่ล้อออเจ้าเล่นอย่าได้กลัวไป”

“โธ่! เจเจ๊!”

“เจเจ๊? มันคืออันใด? มันมีชีวิตรือไม่?”

“เจเจ๊ หมายถึงพี่สาว ข้าจะใช้เรียกผู้ชายที่มีใจเป็นหญิงหรือรักกับผู้ชายด้วยกันที่อายุมากกว่าว่าเจเจ๊"

“ออเจ้าหมายความกระไร ข้ามิเห็นจักรู้ความ”

“ชายที่มีใจรักชายเจ้าค่ะ ชายที่ไม่สนใจเรือนร่างผู้หญิง”

“กระนั้นรึ” พยักหน้าเข้าใจแม้คิ้วยังคงขมวดแน่นด้วยความงุนงง

...เจเจ๊ก็เจเจ๊ว่ะ อ้ายรามเอ๋ย! มันคือตัวกระไรก็ช่าง....

ออกพระรามได้แต่คิดในใจยอมไปก่อนเดี๋ยวไม่อย่างนั้นจะเสียการใหญ่ ยังไม่รู้เลยว่าออกหลวงคนไหนเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้ ถ้าความรั่วไหลว่าเขาไม่ใช่พวกบันเฑาะก์จะเข้าไปในโรงน้ำชานนั้นไม่ได้แล้วจะสืบไม่ได้เรื่อง ยังไงช่วงนี้เขาก็ต้องไปไหนมาไหนกับจหมื่นสุนทรเป็นหลักอยู่แล้วเพื่อให้เห็นว่าสนิทสนมกันมากเพียงใด แม้จะไม่อาจโจ่งแจ้งได้แต่พวกบันเฑาะก์ด้วยกันจักมองออก

“ว่าแต่...บัน..เฑาะก์ คืออะไรหรือเจ้าคะ?”

“ถามอ้ายอีพวกนี้เอาเองเถิด ข้ากระดากที่จักตอบ” พูดจบก็เดินขั้นเรือนไป...

“อ้าว นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป อะไรของเจเจ๊วะ?” พริกแกงเกาหัวมองตามหลังออกพระรามไป ก่อนจะหันไปหาบ่าวทั้งสามที่นั่งหลบสายตาเธออยู่

“บันเฑาะก์คืออะไร?” นั่งลงหยองถามบ่าวคนสนิททั้งสามอย่างไม่ถือตัว บ่าวทั้งสามกระอึกกระอักที่จะตอบก่อนที่สาลี่จะเป็นคนพูดออกมาเพราะสายตาคาดคั้นของหญิงผู้เป็นเจ้านาย

“บันเฑาะก์คือ...เอ่อ...ชายผู้มีกามราคะมากเจ้าค่ะ”

“ฮะ?...แล้ว?”

“ชายผู้มีกามราคะมากล่อลวงชายด้วยกันประพฤตินอกรีต...” จันเอ่ยเสริม

“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง”

“แต่มิเป็นที่ยอมรับได้เจ้าค่ะ จักพูดบันเฑาะก์ไปทั่วมิได้ จักหมายว่าด่าทอชายผู้นั้นด้วยเจ้าค่ะมิสมควร”สาลี่เอ่ยต่อ

“ให้ผู้ใดรู้ก็มิได้เจ้าค่ะ เสียชื่อถือว่าอัปมงคลจักพาลทำให้คนในเรือนเสียตำแหน่ง โทษหนักถึงตายเจ้าค่ะ” แจ่มพูดขึ้นด้วยท่าทีหวาดหวั่น เพราะอย่างนี้พวกบ่าวถึงได้หันหลังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะยังไงออกพระรามก็เป็นผู้มีพระคุณของบ่าวและทาสที่เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำไถ่ชีวิตมาให้ทำงานในบ้านไม่ต้องไปขายแรงงานเป็นทาสชาติอื่น..

“น่าสงสารจัง...ไม่เห็นเหมือนอีกสามร้อยกว่าปีข้างหน้าเลย...แล้วอย่างนี้จะรักกันได้ยังไงล่ะ” พูดไปพร้อมกับทำหน้าสลดนึกสงสารออกพระที่เธอเรียกว่าเจเจ๊ขึ้นมาทันที ตำแหน่งก็ใหญ่โตแต่ต้องมาแอบรักกับชายที่รักแบบหลบๆซ่อนๆ มิน่าละถึงได้ประวิงเวลาไม่แต่งงานสักที

“ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วขึ้นเรือนเถิดเจ้าค่ะแม่หญิง” จันพูดขึ้นด้วยท่าทีเป็นห่วง

“ประเดี๋ยวดึกดื่นมากกว่านี้แล้วจักป่วยไข้เอาได้เจ้าค่ะ” แจ่มเอ่ยต่อ

พริกแกงพยักหน้าก่อนจะเดินนำพวกบ่าวทั้งสามไปที่ห้องหรือที่พวกคุณๆเขาเรียกว่าเรือนหอนอน เพื่อที่จะเตรียมตัวไปอาบน้ำอาบท่าหลังจากออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมตัว แม้จะหิวแต่เธอก็มีความอดทนมากพอที่จะไม่กินมื้อดึก การเปลี่ยนแปลงไปทั้งลักษณะนิสัยการกินและนิสัยอื่นๆของแม่หญิง ทำให้พวกบ่าวที่ตามรับใช้ค่อนข้างที่จะเป็นห่วงไม่น้อย จะว่าดีก็ดีจะว่าไม่ดีก็ตรงที่พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองนี่แหละนี่น่าเป็นห่วง

“ฮัดชิ้ว!!”

หลังจากที่จัดการอาบน้ำเสร็จท่ามกลางอากาศที่เย็นลงในยามค่ำคืนดึกดื่น พริกแกงก็ได้แต่กอดตัวเองกับผ้าคลุมไหล่ผืนบางแล้วรีบวิ่งเข้าห้องก่อนพวกบ่าวเสียอีก เล่นเอาบ่าวทั้งสามวิ่งตามแทบไม่ทัน

...สมัยก่อนทำไมหนาวขนาดนี้วะ ไม่ใช่ว่ามีฤดูร้อน ร้อนมาก ร้อนโคตรๆเหมือนสมัยเราเหรอเนี่ย...

เมื่อลองคิดเปรียบเทียบกันแล้ว ในโลกปัจจุบันหน้าหนาวมาเยือนแค่สองสามวันเท่านั้นนอกนั้นร้อนจนแทบอยู่ไม่ได้ แต่ยุคสมัยโบราณนั้นไม่ว่าฤดูไหนอากาศตอนกลางคืนจะเย็น อาจจะเป็นเพราะว่าต้นไม้ใบหน้าเยอะกว่าปัจจุบัน ไม่ว่าเจ้าขุนมูลนายตำแหน่งไหน ต่างก็มีที่นาไว้ปลูกข้าว พืชผักซะส่วนใหญ่ รอบบ้านจะมีแต่ดอกไม้ใบหญ้านาข้าวนาบัว

“ปกติพวกพี่นอนที่ไหน?”

“พวกบ่าวจักนอนอยู่หน้าเรือนแม่หญิงเจ้าค่ะ เกิดเหตุกระไรขึ้นแม่หญิงเรียกบ่าวได้ตลอดเลยเจ้าค่ะ” สาลี่ตอบ

“จะเกิดเหตุอะไรล่ะ บ้านนี้ก็เป็นถึงบ้านท่านออกญาไม่ใช่เหรอ? ใครมันจะกล้าเข้ามาเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งล่ะ”

“จริงดังแม่หญิงว่าเจ้าค่ะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีโจรเก่งกล้าอยู่มิน้อยเลย” จันพูดขึ้นเสียงแผ่วราวกับกลัวใครที่ไหนจะมาได้ยิน พริกแกงก็ได้แต่พยักหน้ารอให้พวกบ่าวแต่งตัวให้แล้วเสร็จก็ลุกพรวดขึ้นเปิดประตูห้องเดินออกไปทันที

“แม่หญิง! แม่หญิงจักไปที่ใดรือเจ้าคะ?!” แจ่มทักท้วงขึ้นอย่างหน้าตาตื่น

“ข้าว่าจะไปคุยกับคุณออกพระหน่อย”

“มิได้เจ้าค่ะ มิงาม...เป็นหญิงเป็นนางจักไปเคาะห้องชายได้อย่างไร” สาลี่พูดขึ้นหน้าตาตื่นรีบลุกเดินไปนั่งขวางทางข้างหน้าแม่หญิงของตนทันทีด้วยสีหน้าจะร้องไห้ ก่อนที่บ่าวอีกสองคนจะเดินมาขวางทางด้วยอีกแรง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๖. มิสมควร

    “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เจเจ๊เป็นเพื่อนสาวไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างข้าไม่คิดว่าคุณออกพระเป็นชายเลยสักนิด”ว่าจบก็เดินเบี่ยงบ่าวทั้งสามไปแต่บ่าวทั้งสามก็รีบวิ่งไปดักหน้าจับเท้าเธอก้มหัวลงแทบจะชิดติดเท้าแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือทำเอาเธอตกใจไม่น้อย“หากแม่หญิงไป พวกบ่าวหลังลายเป็นแน่เจ้าค่ะ” แจ่มพูด“ไม่มีใครกล้าตีพวกพี่หรอกเชื่อข้า! ข้าจะปกป้องพวกพี่เอง” พูดพร้อมกับตบบ่าบ่าวทั้งสามก่อนจะรีบเดินไปยังห้องหอนอนตรงข้าม พวกบ่าวเห็นอย่างนั้นก็จำยอมต้องตามแม่หญิงของตนพร้อมกับมอบลงก้มหัวตัวสั่นอยู่หน้าห้องก๊อกๆ...“เจเจ๊ หลับหรือยังเจ้าคะ?” เคาะไปพลางเรียกไปแต่เสียงยังคงเงียบกริบ เธอเงี่ยหูแนบประตูไม้หวังจะฟังเสียงด้านใน แอบคิดว่าออกพระอาจจะนัดชายใดมาที่ห้องก็ได้ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วเธออยากรู้ว่าชาวLGBTQ+สมัยอยุธยาจะหาทางพลอดรักกันอย่างไรก๊อกๆ... “เจเจ๊..หลับหรือ...ว๊าย!!” ไม่ทันตั้งตัวใบหน้าที่แนบกับประตูไม้สีเข้มก็ถลาเข้าไปชนกับอกแกร่งแข็งทันทีจนเธอร้องเสียงหลง เขาเองก็รีบรับตัวเธ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-13
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๗. แม่พริกเปลี่ยนไป

    “นี่...แม่พริก...หรอกรือ?” ออกพระรามยังคงมองเธอนิ่งค้าง หญิงงามตรงหน้าเปลี่ยนไปเสียหมดทั้งรูปร่างหน้าตาแต่ก็ยังคงมีเค้าโครงหน้าเดิมของเธออยู่ พริกแกงยังคงยืนยิ้มแป้นอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าของเขา“ก็พริกแกงนี่แหละค่ะ พริกแกงคนดีคนเดิม”“...อ๋อ...เอ่อ...อืม...ออเจ้าเปลี่ยนไปมากเสียจน...”“สวยล่ะสิ”“สวย?”“เขาเรียกอะไร งาม...งามล่ะสิ”“ออ..อืม...ก็งามมากอยู่” พูดไปพร้อมยกยิ้มอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าการที่เธอหายหน้าไปอยู่แต่ในเรือนจะออกมาอีกทีเป็นหญิงงามจนเขาแทบจะไม่อยากวางละสายตาไปเสียอย่างนั้น“เจเจ๊ ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง”รอยยิ้มได้หุบลงหลังจากที่ได้ยินเธอเรียกเขา หญิงงามที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายยังคงคิดว่าเขาเป็นบันเดาะไม่ได้มองว่าเขาเป็นชายแท้นั้นทำให้เขาแทบหมดอารมณ์จะเอ่ยชม ถึงเขาชมเธอไปเธอก็ไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใดและคงคิดว่าชมแบบเพื่อนสาวอย่างที่เธอเคยบอกไว้เป็นแน่ ชมแบบอิจฉาเธอคงคิดอย่างนั้น...แต่ก็จำต้องยอม“เรื่

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-14
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๘. โบราณว่าอย่านุ่งผ้าสีแดงไปนา

    เรือล่องไปตามแม่น้ำที่กว้างใหญ่ถ้าเทียบกับปัจจุบันที่ถูกถมดินไปกว่าครึ่งแม่น้ำ พริกแกงยังคงมองรอบๆตัวด้วยท่าทีตื่นตาตื่นใจ แม้มันจะไม่ทันสมัยเหมือนที่เธอเคยเป็นอยู่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงความสวยงามแบบธรรมชาติที่คนไทยสรรค์สร้างขึ้น บ้านเรือนที่ปลูกด้วยไม้ดูเข้ากันกับต้นไม้มากมายรายล้อม มีทุ่งนาที่สามารถมองเห็นได้เป็นหย่อมๆตลอดทางเรือของออพระรามที่เธอนั่งโดยสารอยู่ด้วยก็ได้พายมาถึงหัวโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาขนาบขนานระหว่างป้อมปืนและวัดนักบุญโจเซฟ ก่อนจะพายไปจอดถัดจากวัดนักบุญเลยคลองตะเคียนไปก็ถึงที่หมายที่เรียกว่าตลาดบ้านจีน ออกพระรามขึ้นจากเรือไปก่อนโดยไม่สนใจพริกแกงเลยสักนิดจนบ่าวคนสนิททั้งสามของเธอมาประคองขึ้นจากเรือแทน“คนอะไรใจดำชะมัด” ขึ้นฝั่งได้ก็อดมองคนที่ยืนหันหลังตาขวางไม่ได้ เคยเห็นแต่ในละครที่บุรุษกรุงเก่าจะช่วยเหลือแม่หญิงงาม แต่ไม่เคยเห็นใครเมินแม่หญิงแบบเขาผู้นี้“ออเจ้าก็ไปเดินชมตลาดกับบ่าวของออเจ้า ข้าก็จักไปทำธุระของข้า”“ก็ต้องอย่างนั้นแหละค่ะ”“อย่าได้เที่ยวทะเวนไปทั่วเพียงลำพังเป็นอันขาด&rdqu

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-14
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๙. เกิดเรื่อง

    ...ผลั่ก!! ซู้ม!!!...เสียงสุดท้ายที่ได้ยินราวกับหนังบู๊แอ็คชั่นที่เคยเห็นในละครโทรทัศน์ ร่างบางถูกผลักตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาหลังจากที่วิ่งหนีมาสักพัก ภาพสุดท้ายที่เห็นคือร่างหนาของอ้ายทองก่อนที่เธอจะตกลงไปในน้ำนั้นถูกควายขวิดจนกระเด็นเธอตกลงในน้ำจมลึกลงเรื่อยๆ พริกแกงพยายามหรี่ตาสู้กับน้ำสีขุ่นนั้นพยายามว่ายน้ำขึ้นไปก่อนจะเห็นลางๆ ว่ามีคนกระโดดน้ำลงมามากมายเพื่อหาเธอ แต่ไม่รู้ว่าเพราะกระแสน้ำหรืออย่างไรดูพวกเขาห่างไกลจากเธอพอสมควร...จะตายอีกแล้วเหรอวะ...ถ้าตายแล้วจะได้กลับไปโลกเดิมไหมนะ...ลมหายใจที่เก็บกลั้นไว้เหลือน้อยเต็มที เธอใกล้จะกลั้นหายใจไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้ยินเสียงจากบนผิวน้ำแค่กลายๆ ของบ่าวทั้งสามที่ร้องห้มร้องไห้ไม่พักพยายามร้องเรียกให้คนช่วย ไม่ต่างจากชาวบ้านแม่ค้าที่ร้องเรียกให้มาช่วยคนตกน้ำ...ยุคนี้ก็ทำให้เห็นแล้วน่า ชาวสยามมีน้ำใจแค่ไหน...ดีจังที่ได้เห็นก่อนจะ...ตู้มมมม!!!...เสียงของคนกระโดดลงน้ำใกล้ๆ เธอดังขึ้นในวินาทีที่เธอแทบจะไม่เหลือสติ ร่างกายค่อยๆ จมลงสู่ใต้แม่น้ำเจ้าพ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-15
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๐. มิอาจคิดอาจเอื้อม

    พริกแกงแอบย่องลงมาจากเรือนเงียบๆ โดยมีบ่าวติดตามมาสองคน ส่วนแจ่มนั้นสาลี่บอกให้อยู่ดูต้นทางหน้าหอนอนของแม่หญิงแทน เธอเดินมายังใต้ถุนเรือนที่มืดสนิทเพราะบ่าวในเรือนต่างดับใต้ (ตะเกียงน้ำมันใส้ผ้าในกระป๋องไม่มีที่ครอบสมัยก่อน) กันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงตรงที่แคร่ใต้ถุนเรือนที่ที่อ้ายทองนอนเอาหลังชี้ฟ้าอยู่เท่านั้น“หูย...หลอนกว่าบ้านผีสิงอีกนะเนี่ย” พริกแกงบ่นอุบพลางเดินเข้าไปชิดบ่าวทั้งสองแล้วมองไปรอบๆ ตัวที่บรรยากาศช่างน่ากลัว ถ้าเป็นยุคเธอพวกล่าท้าผีเป็นคอนเทนต์คงจะไม่พลาดมาล่าท้าผีที่นี่แน่ๆ“นั่นเจ้าค่ะ อ้ายทองนอนอยู่กงนั้น” สาลี่เอ่ยขึ้นพลางชี้ไปทางแคร่ที่อยู่ไม่ไกลสายตานัก พริกแกงหรี่ตามองก่อนจะเดินเข้าไปหาอ้ายทองที่แคร่นั่นโดยที่เจ้าตัวยังคงไม่รู้ตัว อาจจะเพราะความเจ็บแผลที่โดนโบยจนไม่ทันนึกถึงสิ่งรอบตัว จันเดินเอาตะเกียงที่ถือไปจ่อที่อ้ายทองก่อนที่เขาจะหันมามองตามแสงนั้นเงยหน้าขึ้นก็ตั้งท่าจะรีบลุกทันทีหลังจากเห็นผู้มาเยือน“ไม่ต้องลุกหรอก นอนพักเถอะค่ะ”“แม่หญิงลงเรือนมาดึกๆ ดื่นมีกระไรให้บ่าวรับใช้รือขอรับ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-15
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๑. แม่หญิงโดนโบย

    “แม่หญิง!! โธ่ แม่หญิง...” จันร้องไห้ฮือออกมาอย่างไม่อายฟ้าอายดินห่วงก็แต่แม่หญิงของตนที่ถูกลากขึ้นเรือนมาเพราะความโกรธของออกพระรามที่ดูท่าคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ เป็นแน่“ออกพระท่านเจ้าคะ ฮือๆ อย่าได้ลงโทษแม่หญิงเลยนะเจ้าคะ”“พวกเอ็งก็อีกคน! มิรู้จักห้ามปรามแม่หญิงของเอ็งเสียบ้าง! กูจักโบยให้เข็ดหลาบกันเสียหมดทุกผู้ทุกตัวคน!!”“อย่าตีพวกพี่เขานะคะ!! ถ้าโกรธข้าก็ตีข้าแค่คนเดียว” พริกแกงยังคงเอ่ยเสียงแข็ง“เวลานี้ออเจ้ายังมิรู้คิดอีกรือ!”“เสียงดังเรื่องกระไรกัน...เอะอะกันเสียให้วุ่นไปหมด” ออกญาเจ้าเรือนเดินออกมาพร้อมไม้เท้าค้ำยันร่างโดยมีคุณหญิงซ่อนกลิ่นคอยพยุงด้วยสีหน้าดุดันจนทุกคนเงียบกริบ“มีเรื่องกระไรรือพ่อราม” คุณหญิงซ่อนกลิ่นเอ่ยขึ้นถามอย่างใจเย็นก่อนจะสอดส่องเมียงมองทุกคนอย่างหาคำตอบแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน จะมีก็แต่...“แม่หญิงเจ้าค่ะ...ย่องไปลงหาอ้ายทองถึงใต้ถุนเรือนกลางดึก ออกพระท่านรู้เข้าจึงโกรธ” แจ่มพูดขึ้นก่อนที่จะ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-16
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๒. เยี่ยมเยือนคู่หมั้นออกพระ

    “แม่หญิงมีไข้เจ้าค่ะ” สาลี่เอ่ยตอบ ออกพระรามจึงชะเง้อคอมองเข้าไปในห้องก่อนจะยิ้มออกมาราวกับพอใจที่เธอป่วย“ถ้าเช่นนั้นข้าจักบอกหมื่นสุนทรให้กลับไปเสียก่อน คราหน้าค่อยมาใหม่”“ไหวค่ะ!! ข้าจะออกไป” พริกแกงรีบโพลงขึ้นทันทีเพราะความที่อยากเห็นโมเม้นต์ของทั้งสอง อยู่ๆ เลือดสาววายก็สูบฉีดขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วเธอแค่อยากรู้ว่าคู่เกย์สมัยอยุธยาเขาพลอดรักไปมาหาสู่กันยังไงก็แค่นั้น อุตส่าห์ได้เกิดมาในยุครุ่นเก่าจะพลาดได้ยังไงไม่ใช่ว่าใครก็มาเห็นได้เสียเมื่อไหร่“ออเจ้ามิต้องฝืนดอก หลังลายกระนั้นยังกล้าออกไปพบแขกเหรื่อมิอายรือ?” ออกพระรามถึงกับขมวดคิ้วแน่นหันไปมองหญิงสาวที่พยายามจะลุกจากเตียงและก็ลุกขึ้นได้สำเร็จราวกับไม่เป็นอะไร เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้กระตือรือร้นขนาดนั้นหรือเป็นเพราะว่าแขกนั้นเป็นชาย ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดใจ....“ไม่เป็นไรแล้วเห็นไหม” พริกแกงรีบวิ่งออกไปทั้งที่ยังนุ่งแค่เกาะอกไม่ได้มีผ้าคลุมอย่างที่ควรจะเป็นจนออกพระรามถึงกับเบือนหน้าหันหนีไปทางอื่นแทบจะทันที ถ้าเธอไม

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-16
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๓. แต่งตัวเที่ยว

    “งั้นข้าขอไปด้วย” พริกแกงพูดขึ้นหลังจากที่แม่เดือนแรมบอกว่าจะไป สีหน้าของเธอที่ร้องบอกจ้องมองออกพระรามอย่างตื่นเต้นระริกระรี้จนออกพระรามถึงกับขมวดคิ้วมุ่น“ไยออเจ้าจักไป ข้ามิได้เที่ยวเล่น”“ก็อยากรู้ว่าโรงละครจะเหมือนโรงหนังไหม? ทีแม่เดือนแรมยังไปได้เลย” พูดขึ้นอย่างไม่ยอม“จักเหมือนโรงหนังใหญ่ได้อย่างไร ที่ละโว้มิเคยไปรือ?” พริกแกงส่ายหน้าไปมาแล้วทำหน้าสลดมองออกพระรามตาปริบๆ ออดอ้อน เขาทอดถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าไปมา“ทำไมล่ะ เจ๊? นะนะ แม่เดือนแรมยังไปเลย”“แม่เดือนแรมเขาดูแลตนเองได้ พอมีวิชาการต่อสู้อยู่บ้าง แต่ออเจ้า...”“ข้ามีนะ! ไม่เชื่อลองมาต่อยกันสักยกมะ?” พูดสวนไปอย่างหนักแน่นและกำหมัดยกขึ้นหันไปทางออกพระราม ทุกคนต่างตกใจกับท่าทางของเธอก่อนจะหลุดขำ เพราะสายตาของออกพระจึงต้องกลั้นขำแล้วหันไปคนละทิศละทางพริกแกงไม่ได้มีวิชาการต่อสู้อะไรทั้งนั้นอย่างมากก็แค่เคยมีเรื่องชกต่อยตอนเรียนประถมเท่านั้น ตามประสาเด็กบ้านนอกโรงเรียนในชุมชน“กิริ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-17

Bab terbaru

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๕. จุดจบ

    พริกแกงเริ่มเล่าที่มาของเธอว่าเธอนั้นมาจากอนาคตอีกสี่ร้อยปีข้างหน้า เพื่อมาแก้ไขไม่ให้ตัวเองอายุสั้นและการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนั้นมันเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปฝืนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลต่ออนาคต ทุกคนนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยสีหน้าเหลือเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เนื่องจากเธอไม่เหมือนคนอื่นๆ หลายอย่างจากที่ผ่านมา“ต่อไปกาลข้างหน้า จักมีผู้เก่งกาจกอบกู้เมืองสยามแล้วไปตั้งเมืองหลวงที่อื่นรือ?” พริกแกงพยักหน้าให้กับคำถามของจหมื่นพันแสง“นานรือไม่ กว่าจักกอบกู้เมืองได้?” พระยารามเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้“เจ็ด...” พริกแกงนำหน้าครุ่นคิด“เจ็ดปีเทียวรือ” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน พริกแกงส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ จากที่เธอเคยอ่านมา“เจ็ดเดือนเจ้าค่ะ”“เก่งประมาณนั้นเทียวรือ”“เก่งมากเลยล่ะเจ้าค่ะ...ไม่อย่างนั้นไทยก็คงไม่เป็นไทจนชั่วลูกชั่วหลาน” เมื่อได้ฟังอย่างนั้นทุกคนก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ความรักชาติบ้านเมืองของชาวกรุงเก่านั้นเข้มขลังจนเธอรู้สึกขนลุกอีกครั้ง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๔. ปมที่ต้องแก้ไข

    “แม่พริก...เป็นกระไรไปรือ? ตั้งแต่พี่กลับมาออเจ้าก็มิร่าเริงเลยหนา” พระยารามเอ่ยถามพริกแกงหลังจากที่เขาเปลี่ยนผลัดผ้าเรียบร้อย เพราะเธอไม่เข้าไปใกล้เขาเลยตอนแต่งชุดนักรบ พริกแกงหันมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ดูหวาดกลัว“คุณพี่...จำที่เคยสัญญากับข้าได้ไหมเจ้าคะ?” พริกแกงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล พระยารามยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู“พี่จำได้แม่น...พี่มิได้มีเมียเล็กเมียน้อยดอกหนา ไปถึงสุโขทัยมิได้เข้าหอชำเรา มิได้แตะเนื้อต้องตัวหญิงใด”“ไม่ใช่เรื่องนั้นเจ้าค่ะ”“ออ...มิว่าจะเกิดกระไรขึ้น...” เขาเงียบไปครู่หนึ่งหลุบสายตามองพริกแกงที่รอฟังอย่างคาดหวัง พระยารามจึงดึงเธอเข้ามากอดปลอบโยนเธอแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ก็จักมิมีวันฟันคอออเจ้าผู้ที่เป็นเมียพี่” เขาพูดขึ้น ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงนิ่งอึ้งค้างท่าทางเหมือนกลัวขนาดนั้นเมื่อตอนเห็นเขากลับมาพร้อมเครื่องราชย์เหล่านั้น“แล้วทำไมถึงเอาของพวกนั้นมาไว้ที่เรือนตัวเองล่ะเจ้าคะ? ไม่ใช่ว่าต้อง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๓. สุขสมอารมณ์หมาย

    อดทนมาหลายวัน แอบเมียงมองว่าที่ภริยาของตนเตรียมตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างห่วงๆ แต่กลับทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเธอกลับเป็นแม่บ้านแม่เรือนกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก ก่อนจะถึงวันแต่งงานเขาก็ได้ทำตามที่ใจของพริกแกงที่ได้ตั้งใจไว้เรื่องรับบ่าวเมื่อเข้าวังไปรับงานราชก็ทูลขอขุนหลวงเรื่องบ่าวของออกหลวงมโนสรที่ถูกชำเราให้ละเว้นโทษ และรับมาเลี้ยงดูเป็นบ่าวในเรือนของตน ขุนหลวงเห็นว่าออกพระรามมีผลงานดีงามและใกล้จะแต่งงานจึงได้ยอมยกบ่าวของออกหลวงให้ตามที่ทูลขอ อ้ายผาและพวกพ้องจึงเข้ามาทำงานในเรือนของออกพระรามและรับใช้อย่างซื่อสัตย์วันแต่งงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้พริกแกงจะทำตัวแก่นแก้วเต้นกลางงานแต่ก็พาคนอื่นๆ สนุกสนานไปด้วย เมื่อแต่งงานแล้วออกพระรามและพริกแกงก็ต้องหาที่ปลูกเรือนแยก ในบริเวณที่ดินใกล้เรือนพ่อแม่ของออกพระรามนั่นแหละ ไม่ได้ไกลกันนัก..ส่วนเรื่องของแม่เดือนแรมเห็นทีจะยอมพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว เนื่องจากจหมื่นพันแสงนั้นเคยขัดห้ามอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะฟ้องพ่อกับแม่ก็เลยทำให้แม่เดือนแรมยอมรามือไปเสีย ทุกอย่างคลี่คลายราบรื่น..แต่เพื่อนพ้องของออกพระรามคิดเห็นว่าออก

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๒. เชยชมบุปผางาม

    “ทะ...ทำไมต้องเขินด้วยเล่า...อย่างนี้คนอื่นก็เขินด้วยน่ะสิ” พริกแกงพูดแก้เขิน เมื่อเห็นเขาเขินเธอก็เขินตามไปด้วย ออกพระรามกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา“พี่มิเคย...เอ่ยคำนี้กับผู้ใด” พูดไปพลางเบือนหน้าหนี พริกแกงเองก็เบือนหน้ากลับมานั่งมองนิ้วตัวเองเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก...ตอนได้กันครั้งแรกยังไม่เห็นเขินอะไรขนาดนี้เลยด้วยซ้ำไม่ทันได้เขินนานนักก็รู้สึกถึงมือหนาที่เลื่อนลูบปลายเส้นผมของเธอเบาๆ พริกแกงหันไปมองหน้าคนที่เปลี่ยนอารมณ์ไวเหมือนกิ้งก่า คิดจะหันไปจิกกัดเขาแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่กำลังยิ้มบางๆ พร้อมกับก้มลงดอมดมปลายเส้นผมของเธอที่เขาจับอยู่ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นท่าทางนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งมีแขนแกร่งพาดเข่าที่ชันขึ้น มืออีกข้างจับเล่นเส้นผมของเธอดอมดมมันด้วยใบหน้าที่ดูพึงพอใจนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูมีเสน่ห์จนเธอละสายตาไม่ได้ ท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าโสร่งมัดพันรอบเอวยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์..รับกับใบหน้าหล่อคมหวานของเขาพอดิบพอดี เผลอจ้องจนเจ้าของร่างรู้ตัว“จดจ้องเรือนกายพี่เช่นนี้

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๑. ขัดคำสั่ง

    พอถึงช่วงเย็นก็ไปกินข้าวพร้อมหน้าเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้บรรยากาศมันจะเงียบเหงาไปเสียหน่อย ไม่กล้ามีใครเอ่ยพูดอะไรขึ้นต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าจนแล้วเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าเข้าหอนอนของตัวเองพริกแกงนั่งหวีสางผมเผ้าอยู่หน้ากระจก จ้องมองในกระจกนั้นอย่างเหม่อลอยเพราะในหัวคาวมคิดรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกผุ้อาวุโสทั้งสองว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากล้มเลิกงานแต่ง สีหน้าของทั้งสองท่านเมื่อตอนเย็นบนโต๊ะกินข้าวนั้นทำให้เธอนั่งถอนหายใจอยู่พักใหญ่ สาลี่และจันมองหน้ากันไปมาก่อนหันไปมองแม่หญิงของตนอย่างนึกห่วง“มีเรื่องกระไรมิสบายใจรือเจ้าคะแม่หญิง” สาลี่เอ่ยถาม“ข้าว่าคุณลุงคุณป้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ดูสีหน้าท่านเมื่อตอนเย็นสิพี่” พูดแล้วก็หันไปทำหน้างอแงใส่บ่าวทั้งสองคน สาลี่และจันเอื้อมมือไปจับกุมมือเล็กของผู้เป็นเจ้านายอย่างเอ็นดู“โธ่...แม่หญิงของบ่าว มิต้องคิดมากไปดอกเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเรื่องมันก็ซา” จันเอ่ยปลอบ“นั่นสิเจ้าคะ...ต่อให้แม่หญิงมิพูด แต่พอถึงวันงานมันก็จักดีขึ้นเจ้าค่ะ” สา

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๐. มิได้เป็นเช่นนั้น

    ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มกริ่มออกมาไม่ได้ เดินตามแม่หญิงขึ้นโบสถ์ไป ทั้งสองต่างนั่งแอบลอบมองกันไปมาอย่างยิ้มๆ พริกแกงเองก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาอยู่เนืองๆ การกระทำของชายหญิงทั้งคู่ประจักษ์แก่สายตาของคุณหญิงซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าลูกชาย หันไปเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปกับกิริยาท่าทางของลูกชายและพริกแกงเมื่องานเสร็จสรรพเรียบร้อยดี เหล่าขุนนางและคนอื่นๆ ก็ต่างพากันร่ำลากลับเรือนไปเสีย มาตั้งแต่เช้าจะกลับก็บ่ายแล้ว เรือขุนนางหลายลำแล่นแยกย้ายกันออกไป ออกญาผู้เป็นพ่อและคุณหญิงซ่อนกลิ่น รวมถึงพริกแกง ออกพระรามและบ่าวไพร่คนสนิทนั่งเรือลำเดียวกันเป็นเรือใหญ่ ส่วนบ่าวไพร่คนอื่นๆ ก็นั่งลำอื่นพายตามกันมาติดๆ คุณหญิงมองลูกชายตนที่นั่งแนบชิดติดกายแม่หญิงคู่หมั้นจ้องมองเธอไม่วางตาก็อดกระแอมขึ้นขัดไม่ได้“อะแฮ่ม...พ่อราม ใกล้จักถึงวันงานแต่งของลูกแล้วหนา”“ขอรับเจ้าคุณแม่” พูดตอบรับผู้เป็นแม่พลางจ้องมองหญิงสาวข้างกายด้วยรอยยิ้ม พริกแกงก็หลบเลี่ยงสายตามองไปทางอื่นไม่ให้ตัวเองเขินไปมากกว่านี้“แม่ใคร่ให้ลูก...อดใจห่างม

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๙. รู้ความจริง

    “เอ่อ...ก็...” พอรู้ตัวก็หลบเลี่ยงสายตาของจหมื่นพันแสงเล็กน้อย ลอบสายตาขึ้นมองออกพระรามที่นิ่งเงียบจ้องมองเธออย่างรอคำตอบที่เธอจะตอบรับจหมื่นพันแสงเช่นกัน“คุณหมื่นยังไม่ได้ตอบคำถามข้าที่ถามก่อนเลยนะเจ้าคะ” หลีกเลี่ยงคำตอบแล้วหันไปถามจหมื่นพันแสงกลับ เมื่อได้ยินอย่างนั้นจหมื่นพันแสงก็ยิ้มหวานออกมารู้ได้ว่าเธอกำลังหลีกเลี่ยงแต่เขาก็เลือกที่จะตอบคำถามของเธอ“ออ...ที่มิบอกกันกงๆ เพราะแม่หญิงผู้นั้นมิอาจเอื้อมถึง หาใช่แม่หญิงที่ควรนึกถึงได้ไม่...ในเมื่อหักใจตัดเสียมิได้...ก็จักเลือกแสดงความรู้สึกผ่านดอกไม้ดอกนั้น หากแม่หญิงผู้นั้นคิดเช่นเดียวกันกับชายผู้ให้ ก็จักเก็บดอกไม้นั้นไว้กับตัว”“อ๋อ รักต้องห้ามสินะ” พริกแกงพยักเข้าใจในทันทีอย่างลืมตัว เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับคำตอบนั้นไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายสมัยก่อนนี้มีความโรแมนติกอยู่ไม่น้อย“แล้วแม่เล่า...จักเก็บดอกปีบนั้นไว้รือจักทิ้งมันไปเสีย?” หันไปถามเธอกลับ พริกแกงมองจหมื่นพันแสงก่อนจะหันไปมองออกพระรามที่มองเธอด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บป

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๘. ต่อหน้าต่อตา

    เสร็จงานกฐินหลังจากที่ยกต้นกฐินเข้าโบสถ์ฟังเทศฟังธรรมกันอยู่นั้น พริกแกงที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่นานถึงกับอยู่ไม่สุข ความปวดเมื่อยคลืบคลานเข้ามาจนทำให้เอนตัวไปมาเพื่อคลายความปวดเมื่อยนั้น แม้ว่ามือเล็กทั้งสองข้างจะยกขึ้นพนมไหว้รับพรอยู่ก็ตามทีออกพระรามปรายสายตาหันไปทางเธอที่นั่งอยู่ด้านข้างห่างจากเขาเพียงทางเดินกั้น พริกแกงเห็นอย่างนั้นก็โน้มตัวเข้าไปทางเขาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงกระซิบ“คุณเจ๊ ข้าขอออกไปด้านนอกก่อนได้ไหมเจ้าคะ? พอดีมันเมื่อยจนขาชาไปหมดแล้ว” ออกพระรามได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้ากลับไปมองที่พระสงฆ์องค์เจ้ากำลังสวดให้พรอยู่“อืม” ตอบออกไปเพียงสั้นๆ แม้ในใจไม่อยากให้เธอหายไปจากสายตาของเขาเสียเท่าไหร่นักถึงอย่างไรเธอก็ไปอยู่ดีหากเขาห้ามก็คงไม่ฟังเมื่อได้รับคำอนุญาตพริกแกงก็ค่อยๆ ลุกคลานถอยหลังออกไปตามทางอย่างเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินขากระเพกออกจากโบสถ์ไป เรียกสายตาให้เพื่อนๆ ของออกพระรามหันไปมองแล้วอมยิ้มกลั้นขำไปตามๆ กันออกพระรามทอดถอนหายใจก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาฟังพระสวดต่อ ปรายสายตาเหลือบไปเห็นจหมื่

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๗. กฐินดึงดาว

    “คนรัก? ของข้ารือ?” จหมื่นสุนทรทำหน้าสงสัยอย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองไปมีคนรักตอนไหน พริกแกงพยักเพยิดหน้าไปทางโบสถ์ก่อนจะเห็นออกพระรามและแม่เดือนแรมเดินยิ้มหวานกันออกมา“โน่นไงเจ้าคะ มาโน่นแล้ว” จหมื่นสุนทรหันไปตามดวงหน้าที่พยักไป ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาอย่างเข้าใจว่าพริกแกงนั้นยังเข้าใจเขากับออกพระรามผิดไปอยู่ แต่จหมื่นสุนทรก็แปลกใจไม่น้อยที่ออกพระรามพาแม่เดือนแรมน้องสาวของจหมื่นพันแสงเข้าไปกราบพระแทนที่จะเป็นพริกแกงคู่หมั้น“มากันแล้วรือ” ออกพระรามและแม่เดือนแรมเดินมาถึงกลุ่มก้อนเพื่อนของตน ออกพระรามก็เอ่ยทักขึ้นโดยมีแม่เดือนแรมยืนเคียงข้างไม่ห่างกาย ส่วนพริกแกงนั้นยืนอยู่ระหว่างจหมื่นพันแสงและจหมื่นสุนทรเช่นกัน ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็ดูมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก“ขอรับออกพระท่าน” ทั้งสามเอ่ยตอบรับ ออกพระรามพยักหน้ายังคงหันไปขมวดคิ้วให้พริกแกงพร้อมถลึงถลนตาเป็นเชิงตักเตือนว่าไม่ควรที่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่พริกแกงกลับไม่รู้เพราะไม่เข้าใจที่เข้าต้องการจะสื่อเท่าไหร่“ที่ที่ควรยืนอยู่กลับมิยืน” พูดแล้วหั

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status