Share

บทที่ ๗. แม่พริกเปลี่ยนไป

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-14 10:30:06

“นี่...แม่พริก...หรอกรือ?” ออกพระรามยังคงมองเธอนิ่งค้าง หญิงงามตรงหน้าเปลี่ยนไปเสียหมดทั้งรูปร่างหน้าตาแต่ก็ยังคงมีเค้าโครงหน้าเดิมของเธออยู่ พริกแกงยังคงยืนยิ้มแป้นอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าของเขา

“ก็พริกแกงนี่แหละค่ะ พริกแกงคนดีคนเดิม”

“...อ๋อ...เอ่อ...อืม...ออเจ้าเปลี่ยนไปมากเสียจน...”

“สวยล่ะสิ”

“สวย?”

“เขาเรียกอะไร งาม...งามล่ะสิ”

“ออ..อืม...ก็งามมากอยู่” พูดไปพร้อมยกยิ้มอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าการที่เธอหายหน้าไปอยู่แต่ในเรือนจะออกมาอีกทีเป็นหญิงงามจนเขาแทบจะไม่อยากวางละสายตาไปเสียอย่างนั้น

“เจเจ๊ ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง”

รอยยิ้มได้หุบลงหลังจากที่ได้ยินเธอเรียกเขา หญิงงามที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายยังคงคิดว่าเขาเป็นบันเดาะไม่ได้มองว่าเขาเป็นชายแท้นั้นทำให้เขาแทบหมดอารมณ์จะเอ่ยชม ถึงเขาชมเธอไปเธอก็ไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใดและคงคิดว่าชมแบบเพื่อนสาวอย่างที่เธอเคยบอกไว้เป็นแน่ ชมแบบอิจฉาเธอคงคิดอย่างนั้น...แต่ก็จำต้องยอม

“เรื่องกระไร?”

“อยากขอไปตลาด จะไปซื้อเครื่องหอมกับสไบผืนใหม่” พริกแกงพูดขึ้นด้วยตาเป็นประกายจ้องมองเขาอย่างมีความหวัง เพราะจากที่ศึกษากับบ่าวทั้งสามมาตลอดสองเดือนนั้น

การที่เธอจะออกไปไหนมาไหนได้ต้องขอไปกับเขาไม่สามารถไปด้วยตัวเองได้เพราะเป็นแม่หญิง ถึงจะยุ่งยากเยอะแยะไปหน่อยก็เถอะ แต่เธออยากไปเลือกสีสไบใหม่อย่างที่เธอชอบ

“ค่อยคุยกันหลังกินข้าวกินน้ำให้แล้วเสร็จเสียก่อน”

“เย้!” พริกแกงกำมือชูขึ้นฟ้าอย่างดีใจ ทำเอาคนตรงหน้ามองท่าทางนั้นแล้วขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินส่ายหน้าออกไปรอที่โต๊ะกลางบ้านที่ไว้สำหรับรับประทานอาหารกันพร้อมหน้า ในความคิดของเขาไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนกริยาท่าทางของเธอกลับได้เปลี่ยนไปจากตอนแรกที่เจอเลยสักนิด

“เป็นอย่างไรแม่พริก โกรธเคืองอันใดพี่เขารือออเจ้า ถึงมิออกมารับข้าวเป็นเดือน” คุณหญิงซ่อนกลิ่นที่เห็นพริกแกงเดินตามลูกชายของตนออกมาก็รีบเอ่ยถามทันทีด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเอ็นดู

“เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ แค่รับ...ประทานข้าวในเรือนไม่ได้โกรธคุณออกพระหรอกเจ้าค่ะ” พูดแล้วยิ้มเจื่อนก่อนจะคลานเข่าเข้าไปนั่งข้างๆคุณหญิงอย่างรู้งาน ที่จริงแล้วมันเหลือที่ว่างอยู่แค่ที่เดียวถึงได้คลานเข้าไปนั่ง

“ออเจ้าดูแปลกเปลี่ยนไปหนา ดูมิคุ้นชินสายตาลุงเอาเสียเลย” ออกญาศรีสุริยะราชาเจ้าเรือนเอ่ยขึ้นพร้อมหันไปมองหญิงสาวร่างเล็กที่พึ่งจะนั่งลงเรียบร้อยด้วยรอยยิ้ม คำพูดของออกญาทำให้คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยและจ้องมองเธอเป็นตาเดียวไม่เว้นแม้แต่บรรดาบ่าวไพร่

“ตอนป่วยรู้สึกอึกอัดตัวน่ะเจ้าค่ะ ก็เลย...”

“คำพูดคำจาออเจ้าก็ผิดแผกไป ราวกับไม่ใช่คนบ้านเมืองเรา...ชาวละโว้เขาพูดจากันเช่นนี้รึ?” คุณหญิงซ่อนกลิ่นอดไม่ได้ที่จะแทรกถามขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเธอพูดออกมาเพราะความไม่คุ้นหู จะว่าเข้าใจมันก็เข้าใจแต่แค่คำมันแปลกไป

“แม่ซ่อนกลิ่น อาจจักเป็นเพราะพิษยาก็เป็นได้...พิษยาอาจจะไปทำลายส่วนนึกคิดจนคำพูดกลับไปกลับมาเสียหมด” ออกญาหันไปทำเสียงเข้มปรามคุณหญิงก่อนจะชี้แจงแทนพริกแกงคู่หมั้นคู่หมายของลูกชายตน

“เป็นจริงดังเจ้าคุณพ่อว่าขอรับ...ท่านหมอได้แจ้งข้าไว้ว่าพิษที่นางได้รับมันมิได้มีเพียงชนิดเดียวขอรับ” ออกพระรามกล่าว

“โธ่แม่คุณเอ๋ย...ช่างน่าเห็นใจเสียนี่กระไร” คุณหญิงซ่อนกลิ่นหันไปจับที่ไหล่ของเธอเบาๆพร้อมด้วยสีหน้าที่เอ็นดูสงสาร ทุกคนต่างโทษพิษยาปลุกกำหนัดไปเสียหมด พริกแกงเองจะพูดว่าตัวเองมาจากยุคปัจจุบันก็เห็นทีจะไม่ได้ไม่วายคงจะโดนหาว่าเป็นผีห่าซาตานที่ไหนมาเข้าสิง วุ่นวายเรียกหมอผีมาสาดข้าวสารเสกใส่แน่ๆ

“เอาล่ะ ดีแล้วที่มิเป็นกระไรมาก...มากินข้าวกินปลากันเสียก่อนเถิด”

ออกญาเจ้าเรือนพูดขึ้นพร้อมกับล้างไม้ล้างมือในถ้วยกระเบื้องข้างตัว พริกแกงเห็นจึงหันไปทำตามก่อนจะมองไปรอบๆก็เห็นพวกเขาต่างใช้มือหยิบข้าวในจานใส่ปากตามยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาของแท้

เธอแอบคิดว่าทั้งชีวิตเคยจกแต่ข้าวเหนียวส้มตำกับโทนี่เพื่อนรัก แต่นี่ต้องมาจกข้าวสวยทีละคำเล็กๆ ยิ่งเป็นผู้หญิงต้องคำเท่าหยิบมือละเมียดละไมกินอย่างเรียบร้อย ดูจากคุณหญิงซ่อนกลิ่นที่นั่งข้างๆเธอเป็นตัวอย่าง

....โห...แล้วจะอิ่มกี่โมง... คิดไปพลางมองด้วยสีหน้าเจื่อนแล้วเริ่มทำตามคุณหญิงซ่อนกลิ่นค่อยๆหยิบข้าวเข้าปากทีละคำอย่างละเมียดละไม ออกพระรามหันไปมองกิริยาท่าทางของเธอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จ้องมองใบหน้าสวยของเธอไปหยิบข้าวเข้าปากไปอย่างลืมตัว คนที่เห็นเหตุการณ์คงไม่พ้นคนที่นั่งตรงข้ามอยู่หัวโต๊ะอย่างออกญาผู้เป็นพ่อ

หลังจากที่คิดเป็นกังวลเรื่องลูกชายอยู่นานที่ไม่ยอมหมายตาหญิงใดจนอายุก็ปาเข้าไปเลขสามตอนปลายแล้ว ซึ่งถ้าเป็นตามปกติจะต้องแต่งงานตั้งแต่อายุเข้ายี่สิบปีบริบูรณ์มากกว่านั้นไม่เกินห้าปี แต่ออกพระรามกลับไม่ได้สนใจเรื่องออกเรือนเลย

ออกพระรามทุ่มเทเวลาไปกับงานและเพื่อนฝูงเสียส่วนใหญ่จนมีผลงานมากมายได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งเป็นออกพระตั้งแต่ยังไม่ทันแก่ แต่พอมาเห็นลูกชายตัวเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้หญิงคู่หมายที่เขาหาให้ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ

“ท่านออกญาเจ้าคะ คือว่า...หนู...เอ้ย ข้าอยากขอไปตลาดน่ะเจ้าค่ะ อยากไปดูผ้านุ่ง สไบห่มใหม่” พริกแกงพูดขึ้นหลังจากกินข้าวกินปลาเสร็จและมองออกพระรามว่าเมื่อไหร่จะพูดเรื่องนี้แต่เขากลับทำท่าทีเมินเฉยไม่สนใจ เธอจึงตัดสินใจพูดขึ้นมาเองเสียเลย

“ว่าอย่างใดเล่าพ่อราม” ออกญาไม่วายหันไปถามลูกชายตนอย่างยิ้มๆ ออกพระรามปรายตามองพริกแกงแล้วทำหน้านิ่งก่อนจะหันเหสายตาไปยังผู้เป็นพ่อแล้วตอบขึ้น

“ลูกมีงานขอรับเจ้าคุณพ่อ...เห็นทีวันนี้จัก...”

“ก็มีงานมันอยู่ทุกวันมิใช่รือ ถึงอย่างไรพ่อรามก็ไปย่านตลาดโรงน้ำชา พาน้องติดสอยห้อยตามไปเสียหน่อยจักเป็นไร”

“...ขอรับ”

“แวะไปกับแม่พริกจักคราวคงมิเสียเวลามากนักดอก”

“เจ้าคุณพ่อว่าเช่นนั้นลูกก็มิขัด” ออกพระรามลอบมองพริกแกงที่ตอนนี้นั่งทำตาเป็นประกายก่อนจะตอบรับอย่างเสียไม่ได้ แม้จะรู้สึกรำคาญใจที่ต้องพาเธอติดสอยห้อยตามไปด้วยเพราะเขาไม่ว่างที่จะมานั่งดูแลเธอก็ตาม

“เอาล่ะ ฝากแม่พริกด้วยหนา พ่อจักไปห้องอ่านหนังสือเสียหน่อย” ออกญาเจ้าเรือนพูดจบก็ลุกออกไปก่อนที่คุณหญิงซ่อนกลิ่นจะหันไปทางพริกแกงแล้วพยักหน้ายิ้มให้เธอก่อนจะลุกตามออกญาไป

“สมใจออเจ้าแล้วหนา” ออกพระรามพูดขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง พริกแกงจึงหันไปยกยิ้มส่งให้เขาพร้อมกับทำตาปริบๆ

“ก็เจเจ๊บอกเองว่ากินข้าวเสร็จจะพูดเรื่องนี้นี่เจ้าคะ”

 “ข้าก็จักบอกออเจ้าว่าข้ามิว่าง แต่ออเจ้าชิงเอ่ยปากขอเจ้าคุณพ่อเสียก่อน...มิได้ถามไถ่ข้าสักคำ”

“ไม่รู้แหละเจ้าค่ะ รับปากแล้วก็ต้องทำ” พูดไปพลางทำหน้ามุ่ยอย่างเอาแต่ใจ ออกพระรามทอดถอนหายใจส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมจะหันหลังกลับเรือนแต่ก็หยุดชะงักเท้าที่ก้าวไว้

“อีกสิบบาทข้าจักออกเรือ ออเจ้ารีบไปเกียมตัวเสีย” พูดทิ้งท้ายแค่นั้นก็เดินจากไปปล่อยให้เธอนั่งทำหน้างงกับคำพูดของเขาที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปทางบ่าวทั้งสามที่นั่งคอยท่าเธออยู่และไม่ทันได้เอ่ยถาม เหมือนว่าพวกบ่าวจะรู้ว่าเธอต้องการอะไรจึงชิงพูดขึ้นมาก่อน

“สิบบาทคือหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ” สาลี่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มแป้นเล้น

“งั้นรีบสิ เดี๋ยวไม่ทันเร็วๆ” พริกแกงพูดแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าเรือนของตัวเองไปเพื่อเตรียมตัว อย่างน้อยวันนี้เธอต้องได้เครื่องสำอางเครื่องหอม ผ้าสไบลายใหม่สีใหม่มาให้ได้ต่อให้เขาติดงานเธอก็ไม่สน เพราะเธอไม่ได้จะให้เขามานั่งเฝ้าเสียหน่อย เธอไปเดินดูเองได้อยู่หรอกพริกแกงคิดว่าที่เขาไปโรงน้ำชาน่าจะเพราะนัดแฟนหนุ่มของเขาไว้แน่ๆ ถึงได้มีท่าทางที่ไม่อยากจะพาเธอไปด้วย

พริกแกงมานั่งรอผู้ที่จะพาเธอไปตลาดก่อนเวลาสิบห้านาที ด้วยความที่ติดนิสัยจากการทำงานในยุคปัจจุบันที่เธอต้องมาก่อนเวลาเสมอ แต่ไม่นานก็เห็นออกพระรามเดินออกมาพร้อมกับบ่าวคนสนิท พริกแกงเห็นจึงรีบเดินไปหาเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ออกพระรามหยุดฝีเท้าเหล่มองหญิงสาวตัวเล็กก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ข้าจักพาเจ้าไปตลาดบ้านวัดพร้าวก่อน ที่นั่นมีแป้งหอมน้ำมันหอม ก่อนจักพาเข้าตลาดบ้านจีน”

“ไปตลาดบ้านจีนเลยไม่ได้เหรอคะ? ที่นั่นขายของจีนแน่ๆ เครื่องแต่งหน้าสีสวยๆน่าจะมีนะเจ้าคะ”

“ออเจ้าพูดอย่างกับว่ารู้เส้นทางดี”

“ก็...ยังไงเจเจ๊ก็เข้าไปโรงทำชาตรงท้ายตลาดอยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ?” ที่เธอตอบได้แบบนี้เพราะในสมองจดจำได้ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เรื่องเดียวคือโรงน้ำชาในตลาดจีนที่ท้ายตลาดจะมีโรงชำเราในหนังสือประวัติศาสตร์ ถึงจะจำได้ลางๆไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม เพราะในสมัยที่เรียนนั้นเธอกับเพื่อนก็ค่อนข้างก๋ากั่นแซวเรื่องโรงโสเภณีในสมัยโบราณ

“มันมิใช่ที่ที่แม่หญิงอย่างออเจ้าควรย่างกลายเข้าไปดอกหนา”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ข้าไม่ถือ”

“ออเจ้านี่ช่างเป็นคนที่พูดมิรู้ความเสียจริง”

“อ้าว แล้วจะให้ทำ...”

“ข้าบอกว่ามิควรก็คือมิควร หาใช่เรื่องที่ออเจ้าดื้อดึงมิฟังได้” ออกพระรามพูดพร้อมกับชักสีหน้าอย่างเข้มขรึม พยายามบอกห้ามหญิงสาวตรงหน้าที่คิดจะย่างกลายเข้าไปในโรงชำเราอย่างรู้ทัน พริกแกงได้แต่มองหน้าคนตัวสูงแล้วทำสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่ได้โต้เถียงต่อแต่อย่างใด เพราะเกรงว่ามันจะเป็นเรื่องยืดยาวจนเธอไม่ได้ออกไปนอกเรือนกันเสียพอดี

“เข้าใจแล้วค่ะ” ตอบรับไปด้วยสีหน้าเสียดายไม่น้อย แต่...คนอย่างพริกแกงน่ะหรือจะยอมแพ้ ได้เกิดมาชาตินี้ขอเห็นอาบอบนวดสมัยอยุธยาให้เป็นบุญตาสักครั้งนั่นคือสิ่งที่พริกแกงคิด

“หากเข้าใจแล้ว ก็รีบไปกันเถิด..จักมิต้องเสียฤกษ์การงานที่ต้องทำ” พูดแล้วก็เดินนำหญิงสาวไปยังเรือที่บ่าวได้จัดเตรียมไว้ พร้อมกับพาตัวเองลงไปนั่งบนเรือเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่สนใจไยดีเลยว่าเธอจะลงเรืออย่างไร

“เจเจ๊ ช่วยหน่อยไม่ได้เหรอ?”

“...อ้ายทอง ช่วยแม่หญิงลงเรือที” ออกพระรามพูดพร้อมเบือนหน้าไปทางอื่นไม่ยอมหันกลับไปมอง ซ้ำยังสั่งให้ลูกน้องของตนช่วยเธออีกต่างหาก

“ฮะ? ได้เหรอ?...” พริกแกงเอ่ยขึ้นอย่างนึกสงสัย

“ออกพระว่าอย่างไรนะขอรับ...มันจัก..เอ่อ...”

“กูสั่งให้ทำก็ทำสิวะ”

“ขอรับ...”

แม้จะพยายามถามย้ำในคำสั่งของผู้เป็นนายแต่ออกพระรามก็ยังคงยืนยันคำสั่งเดิม ถึงเขาจะรู้ว่าการสั่งบ่าวที่เป็นผู้ชายให้ทำแบบนั้นไม่ถูกต้อง แต่เขาก็ยังไม่อยากที่จะแตะเนื้อต้องตัวเธอมากไปกว่านี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง

พริกแกงกลับคิดว่าเขาคงชังหญิงเลยไม่อยากที่จะแตะต้องตัวคงจะกลัวชายหนุ่มคนอื่นๆเข้าใจเขาผิดคิดว่าเปลี่ยนใจมาชอบผู้หญิง และพริกแกงยังแอบคิดว่าออกพระรามอาจจะมีกิ๊กเป็นบ่าวคนสนิทก็ได้ ถึงได้พยายามทำตัวแบบนี้กับเธอเพื่อที่จะให้อ้ายทองไม่เข้าใจผิด

“ข้ารู้หรอกนะว่าคุณออกพระกลัวพี่ทองเข้าใจผิด ใช่มะ?”

“พี่หรือ? อ้ายทองได้ยินมันคงจักยิ้มหน้าบาน”

พริกแกงเอี้ยวตัวเข้าไปใกล้ออกพระรามพร้อมกับทำทีท่ากระซิบกระซาบคนตรงหน้า แต่มีหรือที่คนอื่นจะไม่ได้ยินเพราะเรือมันเล็กแค่นี้ ขนาดอ้ายทองเองที่ได้ยินอย่างนั้นยังทำหน้างงเลยเสียด้วยซ้ำ ออกพระรามทำได้แค่ขมวดคิ้วจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คิดว่าความคิดของตนนั้นถูกต้อง เพราะเขาไม่ได้ตอบโต้อะไรกับเธอต่อเพียงแค่หันหน้าไปมองทางอื่นก็เท่านั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๘. โบราณว่าอย่านุ่งผ้าสีแดงไปนา

    เรือล่องไปตามแม่น้ำที่กว้างใหญ่ถ้าเทียบกับปัจจุบันที่ถูกถมดินไปกว่าครึ่งแม่น้ำ พริกแกงยังคงมองรอบๆตัวด้วยท่าทีตื่นตาตื่นใจ แม้มันจะไม่ทันสมัยเหมือนที่เธอเคยเป็นอยู่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงความสวยงามแบบธรรมชาติที่คนไทยสรรค์สร้างขึ้น บ้านเรือนที่ปลูกด้วยไม้ดูเข้ากันกับต้นไม้มากมายรายล้อม มีทุ่งนาที่สามารถมองเห็นได้เป็นหย่อมๆตลอดทางเรือของออพระรามที่เธอนั่งโดยสารอยู่ด้วยก็ได้พายมาถึงหัวโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาขนาบขนานระหว่างป้อมปืนและวัดนักบุญโจเซฟ ก่อนจะพายไปจอดถัดจากวัดนักบุญเลยคลองตะเคียนไปก็ถึงที่หมายที่เรียกว่าตลาดบ้านจีน ออกพระรามขึ้นจากเรือไปก่อนโดยไม่สนใจพริกแกงเลยสักนิดจนบ่าวคนสนิททั้งสามของเธอมาประคองขึ้นจากเรือแทน“คนอะไรใจดำชะมัด” ขึ้นฝั่งได้ก็อดมองคนที่ยืนหันหลังตาขวางไม่ได้ เคยเห็นแต่ในละครที่บุรุษกรุงเก่าจะช่วยเหลือแม่หญิงงาม แต่ไม่เคยเห็นใครเมินแม่หญิงแบบเขาผู้นี้“ออเจ้าก็ไปเดินชมตลาดกับบ่าวของออเจ้า ข้าก็จักไปทำธุระของข้า”“ก็ต้องอย่างนั้นแหละค่ะ”“อย่าได้เที่ยวทะเวนไปทั่วเพียงลำพังเป็นอันขาด&rdqu

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-14
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๙. เกิดเรื่อง

    ...ผลั่ก!! ซู้ม!!!...เสียงสุดท้ายที่ได้ยินราวกับหนังบู๊แอ็คชั่นที่เคยเห็นในละครโทรทัศน์ ร่างบางถูกผลักตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาหลังจากที่วิ่งหนีมาสักพัก ภาพสุดท้ายที่เห็นคือร่างหนาของอ้ายทองก่อนที่เธอจะตกลงไปในน้ำนั้นถูกควายขวิดจนกระเด็นเธอตกลงในน้ำจมลึกลงเรื่อยๆ พริกแกงพยายามหรี่ตาสู้กับน้ำสีขุ่นนั้นพยายามว่ายน้ำขึ้นไปก่อนจะเห็นลางๆ ว่ามีคนกระโดดน้ำลงมามากมายเพื่อหาเธอ แต่ไม่รู้ว่าเพราะกระแสน้ำหรืออย่างไรดูพวกเขาห่างไกลจากเธอพอสมควร...จะตายอีกแล้วเหรอวะ...ถ้าตายแล้วจะได้กลับไปโลกเดิมไหมนะ...ลมหายใจที่เก็บกลั้นไว้เหลือน้อยเต็มที เธอใกล้จะกลั้นหายใจไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้ยินเสียงจากบนผิวน้ำแค่กลายๆ ของบ่าวทั้งสามที่ร้องห้มร้องไห้ไม่พักพยายามร้องเรียกให้คนช่วย ไม่ต่างจากชาวบ้านแม่ค้าที่ร้องเรียกให้มาช่วยคนตกน้ำ...ยุคนี้ก็ทำให้เห็นแล้วน่า ชาวสยามมีน้ำใจแค่ไหน...ดีจังที่ได้เห็นก่อนจะ...ตู้มมมม!!!...เสียงของคนกระโดดลงน้ำใกล้ๆ เธอดังขึ้นในวินาทีที่เธอแทบจะไม่เหลือสติ ร่างกายค่อยๆ จมลงสู่ใต้แม่น้ำเจ้าพ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-15
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๐. มิอาจคิดอาจเอื้อม

    พริกแกงแอบย่องลงมาจากเรือนเงียบๆ โดยมีบ่าวติดตามมาสองคน ส่วนแจ่มนั้นสาลี่บอกให้อยู่ดูต้นทางหน้าหอนอนของแม่หญิงแทน เธอเดินมายังใต้ถุนเรือนที่มืดสนิทเพราะบ่าวในเรือนต่างดับใต้ (ตะเกียงน้ำมันใส้ผ้าในกระป๋องไม่มีที่ครอบสมัยก่อน) กันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงตรงที่แคร่ใต้ถุนเรือนที่ที่อ้ายทองนอนเอาหลังชี้ฟ้าอยู่เท่านั้น“หูย...หลอนกว่าบ้านผีสิงอีกนะเนี่ย” พริกแกงบ่นอุบพลางเดินเข้าไปชิดบ่าวทั้งสองแล้วมองไปรอบๆ ตัวที่บรรยากาศช่างน่ากลัว ถ้าเป็นยุคเธอพวกล่าท้าผีเป็นคอนเทนต์คงจะไม่พลาดมาล่าท้าผีที่นี่แน่ๆ“นั่นเจ้าค่ะ อ้ายทองนอนอยู่กงนั้น” สาลี่เอ่ยขึ้นพลางชี้ไปทางแคร่ที่อยู่ไม่ไกลสายตานัก พริกแกงหรี่ตามองก่อนจะเดินเข้าไปหาอ้ายทองที่แคร่นั่นโดยที่เจ้าตัวยังคงไม่รู้ตัว อาจจะเพราะความเจ็บแผลที่โดนโบยจนไม่ทันนึกถึงสิ่งรอบตัว จันเดินเอาตะเกียงที่ถือไปจ่อที่อ้ายทองก่อนที่เขาจะหันมามองตามแสงนั้นเงยหน้าขึ้นก็ตั้งท่าจะรีบลุกทันทีหลังจากเห็นผู้มาเยือน“ไม่ต้องลุกหรอก นอนพักเถอะค่ะ”“แม่หญิงลงเรือนมาดึกๆ ดื่นมีกระไรให้บ่าวรับใช้รือขอรับ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-15
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๑. แม่หญิงโดนโบย

    “แม่หญิง!! โธ่ แม่หญิง...” จันร้องไห้ฮือออกมาอย่างไม่อายฟ้าอายดินห่วงก็แต่แม่หญิงของตนที่ถูกลากขึ้นเรือนมาเพราะความโกรธของออกพระรามที่ดูท่าคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ เป็นแน่“ออกพระท่านเจ้าคะ ฮือๆ อย่าได้ลงโทษแม่หญิงเลยนะเจ้าคะ”“พวกเอ็งก็อีกคน! มิรู้จักห้ามปรามแม่หญิงของเอ็งเสียบ้าง! กูจักโบยให้เข็ดหลาบกันเสียหมดทุกผู้ทุกตัวคน!!”“อย่าตีพวกพี่เขานะคะ!! ถ้าโกรธข้าก็ตีข้าแค่คนเดียว” พริกแกงยังคงเอ่ยเสียงแข็ง“เวลานี้ออเจ้ายังมิรู้คิดอีกรือ!”“เสียงดังเรื่องกระไรกัน...เอะอะกันเสียให้วุ่นไปหมด” ออกญาเจ้าเรือนเดินออกมาพร้อมไม้เท้าค้ำยันร่างโดยมีคุณหญิงซ่อนกลิ่นคอยพยุงด้วยสีหน้าดุดันจนทุกคนเงียบกริบ“มีเรื่องกระไรรือพ่อราม” คุณหญิงซ่อนกลิ่นเอ่ยขึ้นถามอย่างใจเย็นก่อนจะสอดส่องเมียงมองทุกคนอย่างหาคำตอบแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน จะมีก็แต่...“แม่หญิงเจ้าค่ะ...ย่องไปลงหาอ้ายทองถึงใต้ถุนเรือนกลางดึก ออกพระท่านรู้เข้าจึงโกรธ” แจ่มพูดขึ้นก่อนที่จะ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-16
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๒. เยี่ยมเยือนคู่หมั้นออกพระ

    “แม่หญิงมีไข้เจ้าค่ะ” สาลี่เอ่ยตอบ ออกพระรามจึงชะเง้อคอมองเข้าไปในห้องก่อนจะยิ้มออกมาราวกับพอใจที่เธอป่วย“ถ้าเช่นนั้นข้าจักบอกหมื่นสุนทรให้กลับไปเสียก่อน คราหน้าค่อยมาใหม่”“ไหวค่ะ!! ข้าจะออกไป” พริกแกงรีบโพลงขึ้นทันทีเพราะความที่อยากเห็นโมเม้นต์ของทั้งสอง อยู่ๆ เลือดสาววายก็สูบฉีดขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วเธอแค่อยากรู้ว่าคู่เกย์สมัยอยุธยาเขาพลอดรักไปมาหาสู่กันยังไงก็แค่นั้น อุตส่าห์ได้เกิดมาในยุครุ่นเก่าจะพลาดได้ยังไงไม่ใช่ว่าใครก็มาเห็นได้เสียเมื่อไหร่“ออเจ้ามิต้องฝืนดอก หลังลายกระนั้นยังกล้าออกไปพบแขกเหรื่อมิอายรือ?” ออกพระรามถึงกับขมวดคิ้วแน่นหันไปมองหญิงสาวที่พยายามจะลุกจากเตียงและก็ลุกขึ้นได้สำเร็จราวกับไม่เป็นอะไร เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้กระตือรือร้นขนาดนั้นหรือเป็นเพราะว่าแขกนั้นเป็นชาย ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดใจ....“ไม่เป็นไรแล้วเห็นไหม” พริกแกงรีบวิ่งออกไปทั้งที่ยังนุ่งแค่เกาะอกไม่ได้มีผ้าคลุมอย่างที่ควรจะเป็นจนออกพระรามถึงกับเบือนหน้าหันหนีไปทางอื่นแทบจะทันที ถ้าเธอไม

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-16
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๓. แต่งตัวเที่ยว

    “งั้นข้าขอไปด้วย” พริกแกงพูดขึ้นหลังจากที่แม่เดือนแรมบอกว่าจะไป สีหน้าของเธอที่ร้องบอกจ้องมองออกพระรามอย่างตื่นเต้นระริกระรี้จนออกพระรามถึงกับขมวดคิ้วมุ่น“ไยออเจ้าจักไป ข้ามิได้เที่ยวเล่น”“ก็อยากรู้ว่าโรงละครจะเหมือนโรงหนังไหม? ทีแม่เดือนแรมยังไปได้เลย” พูดขึ้นอย่างไม่ยอม“จักเหมือนโรงหนังใหญ่ได้อย่างไร ที่ละโว้มิเคยไปรือ?” พริกแกงส่ายหน้าไปมาแล้วทำหน้าสลดมองออกพระรามตาปริบๆ ออดอ้อน เขาทอดถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าไปมา“ทำไมล่ะ เจ๊? นะนะ แม่เดือนแรมยังไปเลย”“แม่เดือนแรมเขาดูแลตนเองได้ พอมีวิชาการต่อสู้อยู่บ้าง แต่ออเจ้า...”“ข้ามีนะ! ไม่เชื่อลองมาต่อยกันสักยกมะ?” พูดสวนไปอย่างหนักแน่นและกำหมัดยกขึ้นหันไปทางออกพระราม ทุกคนต่างตกใจกับท่าทางของเธอก่อนจะหลุดขำ เพราะสายตาของออกพระจึงต้องกลั้นขำแล้วหันไปคนละทิศละทางพริกแกงไม่ได้มีวิชาการต่อสู้อะไรทั้งนั้นอย่างมากก็แค่เคยมีเรื่องชกต่อยตอนเรียนประถมเท่านั้น ตามประสาเด็กบ้านนอกโรงเรียนในชุมชน“กิริ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-17
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๔. โรงละคร

    “ออเจ้า...จักลองดีกับข้าใช่รือไม่..” ออกพระรามยังคงทำหน้าดุ กำมือแน่นเพื่อระงับโทสะ เมื่อเห็นเธอเดินออกมาด้วยสไบผ้าบางสีแดงเช่นเดิม เกาะอกด้านในก็ไม่เรียบร้อยไม่เปลี่ยนเหมือนเดิม พริกแกงเชิดหน้ากอดอกอย่างไม่ยอม“ข้าให้โอกาสออเจ้าครานี้คราสุดท้าย...”“ท่านออกพระขอรับ จมื่นสุนทรมาถึงท่าหน้าเรือนแล้วขอรับ” อ้ายทองรีบขึ้นมาจากท่าน้ำมาบอกออกพระรามพอดิบพอดี เมื่อได้ยินอย่างนั้นตอนที่ออกพระรามหันไปหาอ้ายทองพริกแกงก็รีบวิ่งกระจิงออกไปทันที“แม่พริก!!!” ลำบากออกพระรามก็ต้องรีบวิ่งตามออกไปอย่างหงุดหงิด บ่าวทั้งสองได้แต่มองหน้ากันอย่างโล่งอก“ทำไมพวกเอ็งถึงยอมให้แม่หญิงแต่งตัวเช่นนั้น?” อ้ายทองอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น“ใครห้ามแม่หญิงได้รือ? เอ็งดูแลแม่หญิงดีๆ แล้วกัน” สาลี่เอ่ยขึ้นอย่างจำยอมฝากฝังแม่หญิงกับอ้ายทองไว้เพราะรู้ว่าอ้ายทองคิดอย่างไรกับแม่หญิงน่าจะปกป้องได้ เพราะถึงจะคิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากออกพระรามมีบุญคุณกับอ้ายทองมากอยู่และอ้ายทองก็เป็นคนเจียมเนื้อเ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-17
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๕. แม่พริกสร้างเรื่องอีกแล้ว

    “พี่ทอง! พี่กล้าขัดข้าเหรอ! เอิ้ก” พูดไปสะอึกไป คำพูดของเธอที่เรียกบ่าวนั้นทำให้คนอื่นๆ ต่างมองมาทางเธอเป็นตาเดียวและซุบซิบกันไม่หยุด คงไม่พ้นว่าเธอเป็นแม่หญิงที่จับบ่าวทำผัวแน่นอนหรือไม่ก็หญิงงามเมืองเลือกบ่าวเป็นผัวเพราะเสียงของเธอแผดดังขึ้นลั่นโถงโรงละครแม้ว่าละครจะโหมโรงอยู่บนเวทีก็ตาม แต่มันก็ดังพอที่จะทำให้คนอื่นๆ รอบๆ หันไปมองเธอเป็นตาเดียว สายตาผู้ชายมองเธออย่างกระลิ้มกระเลี่ยอยากที่จะเข้ามาหาเพราะคิดว่าเธอเป็นหญิงงามเมืองที่มาเที่ยวโรงละครเหมือนๆ หญิงงามเมืองคนอื่นๆ และแน่นอนว่าออกพระรามเองก็หันไปมองคู่หมายของเขาเช่นกัน“แม่หญิงจ้ะ...เวลานี้แม่ว่างให้พี่ขุนคนนี้ไปแทนอ้ายบ่าวรือไม่?” ว่าแล้วก็มีชายวัยกลางคนที่น่าจะมีตำแหน่งออกขุนเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับจับข้อมือเธอไว้ลูบคลำอย่างได้ใจ อ้ายทองเห็นอย่างนั้นก็รีบจับมือยั้งการกระทำของชายคนนั้นไว้แล้วทำหน้าดุจนลืมไปว่าตัวเองเป็นบ่าว“ท่านขุนมิควรกระทำเช่นนี้ขอรับ แม่หญิงเป็นถึง...”“ไม่เป็นไรๆ อยากไปเหรอ? เอาสิ เลี้ยงเหล้าด้วยใช่มะ?” พูดไปอย่างไม่มีสติ คิด

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-18

Bab terbaru

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๕. จุดจบ

    พริกแกงเริ่มเล่าที่มาของเธอว่าเธอนั้นมาจากอนาคตอีกสี่ร้อยปีข้างหน้า เพื่อมาแก้ไขไม่ให้ตัวเองอายุสั้นและการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนั้นมันเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปฝืนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลต่ออนาคต ทุกคนนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยสีหน้าเหลือเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เนื่องจากเธอไม่เหมือนคนอื่นๆ หลายอย่างจากที่ผ่านมา“ต่อไปกาลข้างหน้า จักมีผู้เก่งกาจกอบกู้เมืองสยามแล้วไปตั้งเมืองหลวงที่อื่นรือ?” พริกแกงพยักหน้าให้กับคำถามของจหมื่นพันแสง“นานรือไม่ กว่าจักกอบกู้เมืองได้?” พระยารามเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้“เจ็ด...” พริกแกงนำหน้าครุ่นคิด“เจ็ดปีเทียวรือ” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน พริกแกงส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ จากที่เธอเคยอ่านมา“เจ็ดเดือนเจ้าค่ะ”“เก่งประมาณนั้นเทียวรือ”“เก่งมากเลยล่ะเจ้าค่ะ...ไม่อย่างนั้นไทยก็คงไม่เป็นไทจนชั่วลูกชั่วหลาน” เมื่อได้ฟังอย่างนั้นทุกคนก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ความรักชาติบ้านเมืองของชาวกรุงเก่านั้นเข้มขลังจนเธอรู้สึกขนลุกอีกครั้ง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๔. ปมที่ต้องแก้ไข

    “แม่พริก...เป็นกระไรไปรือ? ตั้งแต่พี่กลับมาออเจ้าก็มิร่าเริงเลยหนา” พระยารามเอ่ยถามพริกแกงหลังจากที่เขาเปลี่ยนผลัดผ้าเรียบร้อย เพราะเธอไม่เข้าไปใกล้เขาเลยตอนแต่งชุดนักรบ พริกแกงหันมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ดูหวาดกลัว“คุณพี่...จำที่เคยสัญญากับข้าได้ไหมเจ้าคะ?” พริกแกงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล พระยารามยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู“พี่จำได้แม่น...พี่มิได้มีเมียเล็กเมียน้อยดอกหนา ไปถึงสุโขทัยมิได้เข้าหอชำเรา มิได้แตะเนื้อต้องตัวหญิงใด”“ไม่ใช่เรื่องนั้นเจ้าค่ะ”“ออ...มิว่าจะเกิดกระไรขึ้น...” เขาเงียบไปครู่หนึ่งหลุบสายตามองพริกแกงที่รอฟังอย่างคาดหวัง พระยารามจึงดึงเธอเข้ามากอดปลอบโยนเธอแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ก็จักมิมีวันฟันคอออเจ้าผู้ที่เป็นเมียพี่” เขาพูดขึ้น ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงนิ่งอึ้งค้างท่าทางเหมือนกลัวขนาดนั้นเมื่อตอนเห็นเขากลับมาพร้อมเครื่องราชย์เหล่านั้น“แล้วทำไมถึงเอาของพวกนั้นมาไว้ที่เรือนตัวเองล่ะเจ้าคะ? ไม่ใช่ว่าต้อง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๓. สุขสมอารมณ์หมาย

    อดทนมาหลายวัน แอบเมียงมองว่าที่ภริยาของตนเตรียมตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างห่วงๆ แต่กลับทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเธอกลับเป็นแม่บ้านแม่เรือนกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก ก่อนจะถึงวันแต่งงานเขาก็ได้ทำตามที่ใจของพริกแกงที่ได้ตั้งใจไว้เรื่องรับบ่าวเมื่อเข้าวังไปรับงานราชก็ทูลขอขุนหลวงเรื่องบ่าวของออกหลวงมโนสรที่ถูกชำเราให้ละเว้นโทษ และรับมาเลี้ยงดูเป็นบ่าวในเรือนของตน ขุนหลวงเห็นว่าออกพระรามมีผลงานดีงามและใกล้จะแต่งงานจึงได้ยอมยกบ่าวของออกหลวงให้ตามที่ทูลขอ อ้ายผาและพวกพ้องจึงเข้ามาทำงานในเรือนของออกพระรามและรับใช้อย่างซื่อสัตย์วันแต่งงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้พริกแกงจะทำตัวแก่นแก้วเต้นกลางงานแต่ก็พาคนอื่นๆ สนุกสนานไปด้วย เมื่อแต่งงานแล้วออกพระรามและพริกแกงก็ต้องหาที่ปลูกเรือนแยก ในบริเวณที่ดินใกล้เรือนพ่อแม่ของออกพระรามนั่นแหละ ไม่ได้ไกลกันนัก..ส่วนเรื่องของแม่เดือนแรมเห็นทีจะยอมพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว เนื่องจากจหมื่นพันแสงนั้นเคยขัดห้ามอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะฟ้องพ่อกับแม่ก็เลยทำให้แม่เดือนแรมยอมรามือไปเสีย ทุกอย่างคลี่คลายราบรื่น..แต่เพื่อนพ้องของออกพระรามคิดเห็นว่าออก

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๒. เชยชมบุปผางาม

    “ทะ...ทำไมต้องเขินด้วยเล่า...อย่างนี้คนอื่นก็เขินด้วยน่ะสิ” พริกแกงพูดแก้เขิน เมื่อเห็นเขาเขินเธอก็เขินตามไปด้วย ออกพระรามกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา“พี่มิเคย...เอ่ยคำนี้กับผู้ใด” พูดไปพลางเบือนหน้าหนี พริกแกงเองก็เบือนหน้ากลับมานั่งมองนิ้วตัวเองเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก...ตอนได้กันครั้งแรกยังไม่เห็นเขินอะไรขนาดนี้เลยด้วยซ้ำไม่ทันได้เขินนานนักก็รู้สึกถึงมือหนาที่เลื่อนลูบปลายเส้นผมของเธอเบาๆ พริกแกงหันไปมองหน้าคนที่เปลี่ยนอารมณ์ไวเหมือนกิ้งก่า คิดจะหันไปจิกกัดเขาแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่กำลังยิ้มบางๆ พร้อมกับก้มลงดอมดมปลายเส้นผมของเธอที่เขาจับอยู่ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นท่าทางนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งมีแขนแกร่งพาดเข่าที่ชันขึ้น มืออีกข้างจับเล่นเส้นผมของเธอดอมดมมันด้วยใบหน้าที่ดูพึงพอใจนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูมีเสน่ห์จนเธอละสายตาไม่ได้ ท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าโสร่งมัดพันรอบเอวยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์..รับกับใบหน้าหล่อคมหวานของเขาพอดิบพอดี เผลอจ้องจนเจ้าของร่างรู้ตัว“จดจ้องเรือนกายพี่เช่นนี้

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๑. ขัดคำสั่ง

    พอถึงช่วงเย็นก็ไปกินข้าวพร้อมหน้าเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้บรรยากาศมันจะเงียบเหงาไปเสียหน่อย ไม่กล้ามีใครเอ่ยพูดอะไรขึ้นต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าจนแล้วเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าเข้าหอนอนของตัวเองพริกแกงนั่งหวีสางผมเผ้าอยู่หน้ากระจก จ้องมองในกระจกนั้นอย่างเหม่อลอยเพราะในหัวคาวมคิดรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกผุ้อาวุโสทั้งสองว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากล้มเลิกงานแต่ง สีหน้าของทั้งสองท่านเมื่อตอนเย็นบนโต๊ะกินข้าวนั้นทำให้เธอนั่งถอนหายใจอยู่พักใหญ่ สาลี่และจันมองหน้ากันไปมาก่อนหันไปมองแม่หญิงของตนอย่างนึกห่วง“มีเรื่องกระไรมิสบายใจรือเจ้าคะแม่หญิง” สาลี่เอ่ยถาม“ข้าว่าคุณลุงคุณป้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ดูสีหน้าท่านเมื่อตอนเย็นสิพี่” พูดแล้วก็หันไปทำหน้างอแงใส่บ่าวทั้งสองคน สาลี่และจันเอื้อมมือไปจับกุมมือเล็กของผู้เป็นเจ้านายอย่างเอ็นดู“โธ่...แม่หญิงของบ่าว มิต้องคิดมากไปดอกเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเรื่องมันก็ซา” จันเอ่ยปลอบ“นั่นสิเจ้าคะ...ต่อให้แม่หญิงมิพูด แต่พอถึงวันงานมันก็จักดีขึ้นเจ้าค่ะ” สา

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๐. มิได้เป็นเช่นนั้น

    ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มกริ่มออกมาไม่ได้ เดินตามแม่หญิงขึ้นโบสถ์ไป ทั้งสองต่างนั่งแอบลอบมองกันไปมาอย่างยิ้มๆ พริกแกงเองก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาอยู่เนืองๆ การกระทำของชายหญิงทั้งคู่ประจักษ์แก่สายตาของคุณหญิงซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าลูกชาย หันไปเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปกับกิริยาท่าทางของลูกชายและพริกแกงเมื่องานเสร็จสรรพเรียบร้อยดี เหล่าขุนนางและคนอื่นๆ ก็ต่างพากันร่ำลากลับเรือนไปเสีย มาตั้งแต่เช้าจะกลับก็บ่ายแล้ว เรือขุนนางหลายลำแล่นแยกย้ายกันออกไป ออกญาผู้เป็นพ่อและคุณหญิงซ่อนกลิ่น รวมถึงพริกแกง ออกพระรามและบ่าวไพร่คนสนิทนั่งเรือลำเดียวกันเป็นเรือใหญ่ ส่วนบ่าวไพร่คนอื่นๆ ก็นั่งลำอื่นพายตามกันมาติดๆ คุณหญิงมองลูกชายตนที่นั่งแนบชิดติดกายแม่หญิงคู่หมั้นจ้องมองเธอไม่วางตาก็อดกระแอมขึ้นขัดไม่ได้“อะแฮ่ม...พ่อราม ใกล้จักถึงวันงานแต่งของลูกแล้วหนา”“ขอรับเจ้าคุณแม่” พูดตอบรับผู้เป็นแม่พลางจ้องมองหญิงสาวข้างกายด้วยรอยยิ้ม พริกแกงก็หลบเลี่ยงสายตามองไปทางอื่นไม่ให้ตัวเองเขินไปมากกว่านี้“แม่ใคร่ให้ลูก...อดใจห่างม

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๙. รู้ความจริง

    “เอ่อ...ก็...” พอรู้ตัวก็หลบเลี่ยงสายตาของจหมื่นพันแสงเล็กน้อย ลอบสายตาขึ้นมองออกพระรามที่นิ่งเงียบจ้องมองเธออย่างรอคำตอบที่เธอจะตอบรับจหมื่นพันแสงเช่นกัน“คุณหมื่นยังไม่ได้ตอบคำถามข้าที่ถามก่อนเลยนะเจ้าคะ” หลีกเลี่ยงคำตอบแล้วหันไปถามจหมื่นพันแสงกลับ เมื่อได้ยินอย่างนั้นจหมื่นพันแสงก็ยิ้มหวานออกมารู้ได้ว่าเธอกำลังหลีกเลี่ยงแต่เขาก็เลือกที่จะตอบคำถามของเธอ“ออ...ที่มิบอกกันกงๆ เพราะแม่หญิงผู้นั้นมิอาจเอื้อมถึง หาใช่แม่หญิงที่ควรนึกถึงได้ไม่...ในเมื่อหักใจตัดเสียมิได้...ก็จักเลือกแสดงความรู้สึกผ่านดอกไม้ดอกนั้น หากแม่หญิงผู้นั้นคิดเช่นเดียวกันกับชายผู้ให้ ก็จักเก็บดอกไม้นั้นไว้กับตัว”“อ๋อ รักต้องห้ามสินะ” พริกแกงพยักเข้าใจในทันทีอย่างลืมตัว เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับคำตอบนั้นไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายสมัยก่อนนี้มีความโรแมนติกอยู่ไม่น้อย“แล้วแม่เล่า...จักเก็บดอกปีบนั้นไว้รือจักทิ้งมันไปเสีย?” หันไปถามเธอกลับ พริกแกงมองจหมื่นพันแสงก่อนจะหันไปมองออกพระรามที่มองเธอด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บป

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๘. ต่อหน้าต่อตา

    เสร็จงานกฐินหลังจากที่ยกต้นกฐินเข้าโบสถ์ฟังเทศฟังธรรมกันอยู่นั้น พริกแกงที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่นานถึงกับอยู่ไม่สุข ความปวดเมื่อยคลืบคลานเข้ามาจนทำให้เอนตัวไปมาเพื่อคลายความปวดเมื่อยนั้น แม้ว่ามือเล็กทั้งสองข้างจะยกขึ้นพนมไหว้รับพรอยู่ก็ตามทีออกพระรามปรายสายตาหันไปทางเธอที่นั่งอยู่ด้านข้างห่างจากเขาเพียงทางเดินกั้น พริกแกงเห็นอย่างนั้นก็โน้มตัวเข้าไปทางเขาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงกระซิบ“คุณเจ๊ ข้าขอออกไปด้านนอกก่อนได้ไหมเจ้าคะ? พอดีมันเมื่อยจนขาชาไปหมดแล้ว” ออกพระรามได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้ากลับไปมองที่พระสงฆ์องค์เจ้ากำลังสวดให้พรอยู่“อืม” ตอบออกไปเพียงสั้นๆ แม้ในใจไม่อยากให้เธอหายไปจากสายตาของเขาเสียเท่าไหร่นักถึงอย่างไรเธอก็ไปอยู่ดีหากเขาห้ามก็คงไม่ฟังเมื่อได้รับคำอนุญาตพริกแกงก็ค่อยๆ ลุกคลานถอยหลังออกไปตามทางอย่างเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินขากระเพกออกจากโบสถ์ไป เรียกสายตาให้เพื่อนๆ ของออกพระรามหันไปมองแล้วอมยิ้มกลั้นขำไปตามๆ กันออกพระรามทอดถอนหายใจก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาฟังพระสวดต่อ ปรายสายตาเหลือบไปเห็นจหมื่

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๗. กฐินดึงดาว

    “คนรัก? ของข้ารือ?” จหมื่นสุนทรทำหน้าสงสัยอย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองไปมีคนรักตอนไหน พริกแกงพยักเพยิดหน้าไปทางโบสถ์ก่อนจะเห็นออกพระรามและแม่เดือนแรมเดินยิ้มหวานกันออกมา“โน่นไงเจ้าคะ มาโน่นแล้ว” จหมื่นสุนทรหันไปตามดวงหน้าที่พยักไป ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาอย่างเข้าใจว่าพริกแกงนั้นยังเข้าใจเขากับออกพระรามผิดไปอยู่ แต่จหมื่นสุนทรก็แปลกใจไม่น้อยที่ออกพระรามพาแม่เดือนแรมน้องสาวของจหมื่นพันแสงเข้าไปกราบพระแทนที่จะเป็นพริกแกงคู่หมั้น“มากันแล้วรือ” ออกพระรามและแม่เดือนแรมเดินมาถึงกลุ่มก้อนเพื่อนของตน ออกพระรามก็เอ่ยทักขึ้นโดยมีแม่เดือนแรมยืนเคียงข้างไม่ห่างกาย ส่วนพริกแกงนั้นยืนอยู่ระหว่างจหมื่นพันแสงและจหมื่นสุนทรเช่นกัน ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็ดูมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก“ขอรับออกพระท่าน” ทั้งสามเอ่ยตอบรับ ออกพระรามพยักหน้ายังคงหันไปขมวดคิ้วให้พริกแกงพร้อมถลึงถลนตาเป็นเชิงตักเตือนว่าไม่ควรที่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่พริกแกงกลับไม่รู้เพราะไม่เข้าใจที่เข้าต้องการจะสื่อเท่าไหร่“ที่ที่ควรยืนอยู่กลับมิยืน” พูดแล้วหั

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status