Share

บทที่ ๓. นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-12 10:30:19

กว่าจะมาถึงเรือนน้ำก็เปียกเท้าไปเสียหมด สองนายบ่าวพากันพยุงร่างแม่หญิงขึ้นเรือนหลังใหญ่ตามยุคตามสมัย ถือว่าโอ่อ่าสมฐานะพอดูชม คนบนเรือนที่รอบุตรชายอย่างใจจดใจจ่อก็ลุกพรวดขึ้นเมื่อเห็นเรือเข้ามาเทียบท่าหน้าบ้าน ก่อนจะรีบเดินไปยังหน้าบันไดถัดจากที่นั่งกลางบ้าน ชายชราถือไม้เท้าค้ำยันตามวิสัยคนเฒ่าคนแก่ที่แข้งขาไม่ค่อยจะดีเดินนำคุณหญิงและคนอื่นๆไปดักหน้าลูกชายทันที

“มีเหตุกระไร ใยถึงมิยอมรอรับคู่หมั้นคู่หมายของลูกกันเล่าพ่อราม”

“ไหว้สาขอรับเจ้าคุณพ่อ...ลูกมีราชการด่วนจึงมิได้อยู่รอ..”

“จริงอยู่ที่ว่างานนั้นสำคัญ แต่ใช่ว่าจักรั้งรอไม่ได้เสียเมื่อไหร่ มันใช่เหตุรือที่ออกไปทำการตั้งแต่เวลาชาย”

ออกญาพระศรีสุริยะเอ่ยขึ้นเพราะรู้งานของบุตรชายตนอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรเมื่อใด แต่ที่ดูบุตรชายไม่เต็มใจทำและพยายามหลีกเลี่ยงคือการไปรับคู่หมั้นคู่หมายของตนถึงได้ออกไปทำงานตั้งแต่บ่าย

“คุณพี่เจ้าคะ ลูกอาจจักมีเหตุผล” คุณหญิงซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนฟังอยู่นาน

“แม่ซ่อนกลิ่นก็เป็นเสียอย่างนี้” ออกญาพูดขึ้นพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างขัดใจเมื่อเห็นภริยาให้ท้ายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตน ก่อนที่คุณหญิงจะหันมาทางลูกชายและจับที่แขนแกร่งของเขาเบาๆ

“พ่อรามรู้หรือไม่ ว่าน้องหายตัวไประหว่างทางมาเรือนเราจนป่านฉะนี้ยังมิมีวี่แววแม่หญิงเลย แม่กลัวจักเกิดเรื่องกระไรขึ้นกับน้อง”

“ไยถึงได้พึ่งบอกลูกขอรับ....!” ออกพระรามได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่รอ นี่ก็ดึกมากแล้วซ้ำยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย

“จะโทษถามมากความได้กระไรตอนนี้ มิหนำซ้ำพ่อรามยังพาแม่หญิงจากบ้านเรือนใดเข้าเรือนเราเสียอีกนี่...มิใช่การหักหน้าแม่พริกดอกรึ!”

ออกญาผู้เป็นพ่อออกเสียงเข้มดุดัน ก่อนที่คุณหญิงจะชะเง้อคอไปมองหญิงสาวร่างอวบที่สลบสไหลอยู่โดยมีบ่าวไพร่ผู้หญิงคอยประครองไว้ คุณหญิงถึงกับเอามือทาบอกตกใจจนดวงตาเบิกโพลงแล้วหันไปมองหน้าลูกชายของตน

“มิได้เป็นเช่นนั้นดอกขอรับเจ้าคุณพ่อ แม่หญิงผู้นี้ลูกช่วยไว้จากโรงน้ำชา...นางกำลังถูกออกหลวงผู้หนึ่งจักฆ่าแกงแล้วนำศพนางไปทิ้งขอรับ”

“จริงรึพ่อราม” คุณหญิงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีตกใจ แต่ตกใจได้ไม่ทันไรบ่าวทั้งสามที่มาจากเมืองละโว้ได้ล่องเรือถึงเรือนก่อนเพื่อแจ้งเหตุที่แม่หญิงของตนหายไปหลังจากรอจนค่ำ ก็รีบวิ่งกรูเข้าไปกอดขาแม่หญิงผู้นั้นที่ออกพระรามพามาไว้เสียแน่นพร้อมกับร้องห่มร้องไห้เสียงดังระงม

“แม่หญิง!!! ฮือ...แม่หญิงของบ่าว”

“ว่ากระไรนะ นางสาลี่?” ออกญาผู้เป็นพ่อตกใจก่อนจะรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ บ่าวไพร่ที่พยุงไว้รู้งานทันทีเชิดใบหน้านั้นขึ้นให้ออกญาท่านมองเห็นได้ชัด คราวนี้ไม่ใช่แค่ออกญาเจ้าเรือนเท่านั้นตกใจ คุณหญิงซ่อนกลิ่นที่เป็นภริยาก็ตกใจด้วยไม่แพ้กัน

“โอย...แม่จักเป็นลม”

“เจ้าคุณแม่ขอรับ!” ออกพระรามรีบเข้าไปพยุงผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังจะล้มพับไปอีกคน แต่ออกพระรามดูมีท่าทีตกใจมองแม่หญิงผู้นั้นก่อนจะหันกลับมามองผู้เป็นแม่อย่างตั้งคำถาม

“หมายว่ากระไรขอรับ?”

“นี่แม่พริกแกง...บุตรสาวของออกพระนครพราหมณ์เพื่อนรักพ่อ...คู่หมั้นคู่หม้ายของพ่อรามอย่างใดเล่า” ผู้เป็นพ่อหันไปเอ่ยขึ้นบอกลูกชายตัวเอง ออกพระรามถึงกับทำหน้าตกใจมองแม่หญิงผู้นั้นนิ่งค้าง

...จริงรึ? แม่หญิงผู้นี้น่ะรึคือคู่หมายของข้า?...งานช้างแล้วอ้ายรามเอ๋ย!....

เมื่อรู้ความจริงทั้งหมดแล้วบ่าวไพร่ทั้งสามก็นำพาร่างแม่หญิงของตนไปยังห้องหอนอนที่ทางคุณหญิงซ่อนกลิ่นได้จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งห้องอยู่ตรงข้ามกับห้องของออกพระรามพอดิบพอดี หญิงสาวที่สลบสไหลไม่รู้เรื่องอยู่ในห้องอย่างสบายใจ

ด้านนอกก็มีการถามไถ่พูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ออกพระรามจึงได้เล่าความจริงทั้งหมดแต่ไม่ทั้งหมด เว้นไว้ในเรื่องที่ไม่อาจเล่าได้มันจะพลอยเสียชื่อแม่หญิงเอาเสียเปล่าๆ และอีกอย่างที่นางทำแบบนั้นเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดที่ได้รับไป

“เป็นจริงดังนั้นรึพ่อราม?”

“ขอรับเจ้าคุณพ่อ แผนการงานราชในวันนี้จึงมิสำเร็จลุล่วงขอรับ”

“อืม...จักว่าอย่างไรดี...จักว่ามันถูกลิขิตมาแล้วก็คงมิผิด”

“อย่างไรแม่ก็คิดว่า แม่พริกนี้แลที่จักเป็นภริยาลูก”

“แต่ลูกมิได้ชอบพอพึงใจนางขอรับ...ลูกมิอาจรับนางเป็นภริยาได้”

“เพราะเหตุใด? บอกพ่อให้กระจ่างชัดที” ออกญาหันไปพูดกับลูกชายตัวเองด้วยสีหน้าจริงจังที่ลูกชายไม่ยอมรับคู่หมายที่เขาและเพื่อนสนิทได้ให้คำสัญญาต่อกันไว้

“ลูก...” ออกพระรามตะกุกตะกักไม่กล้าที่จะตอบออกไปตามจริง

...จักให้ตอบอย่างใดเล่า...ว่านางทั้งอวบอ้วน ทั้งทำบัดสีต่อหน้าต่อตาในโรงน้ำชา...เป็นแม่หญิงต้องอดทนสำรวมเอาไว้ให้ได้ นั่นคือสิ่งที่แม่หญิงทั่วฟ้าทุกเมืองควรพึงกระทำ แต่นางมิใช่...

“ว่าอย่างใดเล่าพ่อราม” คุณหญิงซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่คะยั้นคะยอรอฟังคำตอบจากลูกชายของตน

“ลูกมีคนที่ลูกหมายตาเอาไว้แล้วขอรับ” ตอบไปอย่างนั้นทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีผู้ใดในใจสักคน ถ้าจะเอ่ยนามแม่หญิงผู้นั้นเห็นทีคงจะคิดไม่ทัน

ที่ดูจะเข้าท่าเรียบร้อยหน่อยคงเป็นแม่หญิงเดือนแรมน้องสาวของจหมื่นพันแสงเพื่อนของเขาเท่านั้น ที่มักจะติดสอยห้อยตามพี่ชายมาที่เรือนของเขาบ่อยๆ ซ้ำยังเป็นแม่บ้านแม่เรือนมีนิสัยเรียบร้อยดังผ้าพับไว้ ชายใดพบเห็นคงไม่มีผู้ใดปฏิเสธที่ตกแต่งกับนางแต่ถึงอย่างนั้น ออกพระรามก็หาได้มีใจให้นางไม่ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กคิดคบกับนางก็แค่น้องสาวเท่านั้น

“ถึงจะเป็นจริงดังพ่อรามว่า...พ่อรามคงรู้อยู่แก่ใจในฐานะชายอยุธยามิอาจผิดสัจจะสัญญาที่ลั่นไว้ได้”

“แม่พอจักรู้แล้วว่าผู้ใดที่พ่อรามหมายตา” คุณหญิงซ่อนกลิ่นพูดแล้วยิ้มออกมาปรายตามองหน้าลูกชายที่ยิ้มเจื่อน

“ยังพอมีเวลาหนาพ่อราม...ดูแม่พริกไปเสียก่อนเถิดค่อยตัดสินใจ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างใจเย็น

“...ขอรับเจ้าคุณพ่อ หากเจ้าคุณพ่อต้องการเช่นนั้น”

ในเมื่อเป็นเรื่องที่เขาต้องตอบรับไปแบบนี้ เขาคงจะต้องทำอะไรสักอย่างให้นางยอมรับเขาไม่ได้หรือค่อยตกลงหารือกันว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องงานแต่งนี้ ถึงจะเป็นคำสัตย์สัญญาของทั้งสองขุนนางแต่ถ้าบุตรทั้งสองเห็นพร้อมต้องตรงกันว่ามีคนหมายตาไว้ทั้งคู่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องยอมตามใจถือว่าไม่มีฝ่ายใดเสียชื่อเสียง

เมื่อพูดคุยเจรจากับผู้เป็นพ่อแม่จบก็อดไม่ได้ที่จะเดินตรงไปยังห้องหอนอนของแม่หญิงพริกแกง พอดิบพอดีที่ท่านหมอออกมาจากห้องของนาง เขาไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปไถ่ถามท่านหมอทันที

“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ?”

“โชคยังดีที่นางรอดมาได้ พิษยาปลุกกำหนัดในร่างกายแม่หญิงมีมากจนโรคหัวใจนางกำเริบขอรับ”

“แล้วอย่างไรอีกเล่า?”

“ข้ามิอาจรู้ได้ว่าจักมีพิษใดในร่างกายของแม่หญิงอีกหรือไม่ขอรับ เพราะพิษที่กินเข้าไปมิได้มีเพียงชนิดเดียว...คาดว่าต้มยาให้นางกินตามเวลาก็จักทุเลาขอรับออกพระ”

“เช่นนั้นรึ...ขอบน้ำใจท่านหมอ”

“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอลา”

พอหมอเดินจากไปเขาก็ยังคงยืนมองหน้าห้องของแม่หญิงคู่หมายอย่างเงียบๆ จะบอกว่าสงสารก็สงสารอยู่ไม่น้อย แต่ถึงยังไงเขาคิดว่าเขาคงไม่คิดจะออกเรือนอยู่แล้ว เพราะอยากทุ่มเทให้กับงานราชการให้เต็มที่และยังมีเรื่องของนางที่ติดขัดในใจเขาอยู่

หาใช่ว่าเขารังเกียจแต่แค่เขาก็เป็นผู้ชายในยุคสมัยที่หัวโบราณ การมีหน้ามีตาในชนชั้นย่อมสำคัญอยู่แล้วมันจะได้ไม่เสียชื่อครอบครัวของเขาและตัวเขาเองที่เป็นถึงออกพระอีกด้วย...

ความฝันร้ายที่เห็นตัวเองล้มหัวฟาดชักโครกตายทำให้พริกแกงสะดุ้งตื่นขึ้นมาสุดตัวเหงื่อไคลท่วมไปหมด มองดูรอบๆก็ยิ่งตกใจเมื่อสิ่งที่เห็นไม่ใช่ห้องพักรูหนูที่คุ้นเคย แต่กลับเป็นห้องเรือนไทยน่ากลัวและมืดสลัว

เสียงไก่ขันดังไปทั่วบริเวณรอบๆที่เธออยู่ พริกแกงค่อยลุกออกจากเตียงตั่งกว้าง เดินด้วยท่าทางย่องเบาค่อยๆเปิดหน้าต่างมองไปรอบๆ ก็เห็นบ้านเรือนทรงไทยและยังมีคนนุ่งผ่าเตี่ยว เกาะอก จงกระเบน เต็มไปหมด ทรงผมชายหญิงแทรกกลางรั้งตึงไปด้านหลังเหมือนยุคสมัยก่อนไม่มีผิดเพี้ยน เธอรีบหดตัวลงทรุดนั่งข้างหน้าต่างก่อนจะตบหน้าตัวเองอย่างแรง

เพี๊ยะ!!

“โอ๊ย!! แม่งโคตรเจ็บ!...แสดงว่า...ไม่ได้ฝันเหรอวะ?” พูดไปพลางสำรวจตัวเองไป อีกใจหนึ่งก็ตื่นเต้นอีกใจก็อยากจะร้องไห้ออกมา เคยเห็นแต่ในละครไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวไม่หนำซ้ำความรู้ยังเป็นศูนย์!! ในหัวที่ศึกษามาอย่างหนักก่อนจะมาที่นี่คือเรื่องอย่างว่า...ไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยเลยสักนิดเพราะไม่ได้สนใจ!!

“จริงเหรอวะ?” พูดไปน้ำตาคลอไปก่อนจะลุกขึ้นไปส่องกระจกทรงกลมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเตียงนัก มองดูรูปร่างที่เละเทะของตัวเองอย่างหดหู่

“เขามีแต่หลุดเข้ามาในร่างแม่หญิงงามราวกับนางในวรรณคดี แต่กูดันหลุดเข้ามาในร่างเจ้าแม่ช้างชบาแก้วเนี่ยนะ อีพริกเอ้ยอีพริก!!”

พล่ามบ่นไปทำหน้างอแงใส่ตัวเองในกระจกไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก นึกโทษชีวิตที่รันทดในโลกที่ผ่านมาแล้วยังจะมาเคราะห์ซ้ำกรรมหนักย้อนอดีตได้ชีวิตใหม่ทั้งทียังมาอยู่ในร่างนี้ ซวยซ้ำซวยจนเรียกว่าเจ้าแม่ความซวยได้เลยเมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่ดันช่วยตัวเองต่อหน้าหนุ่มหล่อด้วยแล้วก็ยิ่ง...

...มีอะไรฉิบหายกว่านี้อีกไหมวะอีพริก!!...

งอแงกับตัวเองไปมองหน้ากระจกไปก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาแล้ว แต่พอมองดูดีๆใบหน้าของเธอก็ยังคงเป็นเธอแค่อวบอ้วนมากไปหน่อยจนเสียความมั่นใจไปหมด

“แม่หญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?” บ่าวสองคนเปิดประตูเข้ามาก็เห็นแม่หญิงของตนนั่งทำหน้ายู่ยี่อยู่หน้ากระจกเสียแล้ว ก่อนที่บ่าวอีกคนจะรีบพุ่งเข้ามาหาเธอพร้อมร้องห่มร้องไห้จับมือเธอไว้แน่น

“บ่าวเป็นห่วงแทบแย่เลยเจ้าค่ะแม่หญิง คิดว่าแม่หญิงจักเป็นอันใดไปเสียแล้ว” สาลี่เอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา

“แม่หญิงหายไปแบบนั้นบ่าวหัวใจจะวายเจ้าค่ะ” จันเอ่ยซ้ำยังร้องไห้ตามเพื่อนของตน

“คราวหน้าบ่าวจะมิยอมปล่อยแม่หญิงไปคนเดียวอีกแล้วเจ้าค่ะ” แจ่มพูดขึ้นต่อจากเพื่อนบ่าว

“เอ่อ...”

“ต่อให้บ่าวตายก็ไม่ยอมปล่อยแม่หญิงไปคนเดียวเจ้าค่ะ!” ทั้งสามคนพูดขึ้นพร้อมกัน พริกแกงทำได้แค่ทำหน้างงแล้วมองคนเหล่านั้นโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ...

...ใครนักวะเนี่ย? เอาเถอะ...อย่างน้อยก็มีดีอยู่เรื่องนึงละว้า...ไม่ได้ย้อนมาเป็นทาส!!...

“เอาล่ะ...คือว่า...พวกพี่...ชื่ออะไรกันคะ?” เธอพยายามตั้งสติก่อนจะเอ่ยถามบ่าวทั้งสามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแม้ในใจอยากจะร้องไห้เต็มที ...ก็ต้องสู้ล่ะวะ...ไหนๆก็มีชีวิตรอดมาได้ชีวิตนี้ล่ะ! อย่างแรกคือต้องลดน้ำหนัก!! ...

“แม่หญิง...ว่ากระไรนะเจ้าคะ?!!” ถามอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้งด้วยใบหน้าตกใจ พริกแกงสะดุ้งโหยงมองทั้งสาม

...แหม...คัดบ่าวไซด์พิเศษมาให้กูเลยนะ...เยี่ยมจริงๆ!!....

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔. ออกพระคู่หมั้น

    “ฉันถามว่าชื่ออะไร?” พูดย้ำอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าเซ็ง หรือว่าเธอพูดจาไม่รู้เรื่องกันนะพวกบ่าวทั้งสามถึงได้ไม่ยอมตอบเอาแต่มองหน้ากันไปมา รออยู่นานสองนานก็ไม่มีใครตอบจนเธอต้องพูดใหม่อีกครั้ง“ข้า...ถามว่าพี่ชื่ออะไร?” เมื่อพูดจบทั้งสามคนก็มองหน้ากันแล้วปล่อยน้ำตามาอีกครั้ง จับๆลูบๆคลำๆมือของเธอไม่หยุดทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น...WHATTTT???...วันนี้จะรู้เรื่องไหม?...“เป็นดังที่พ่อหมอว่าเลยอีสาลี่ แม่หญิงโดนพิษมากจนลืมไปเสียสิ้น” แจ่มเอ่ยขึ้น“ฮือๆ...พ่อหมอว่าตอนไหนวะ?” สาลี่เอ่ยถามทั้งน้ำตา“มึงมิได้ฟังรือ...พ่อหมอเจรจากับท่านออกพระว่าแม่หญิงโดนพิษมาก ฮือออ...” จันเอ่ยขึ้นต่อ“แต่พ่อหมอมิได้บอกว่าจะเสียสิ้นความจำ” สาลี่เอ่ยก่อนที่ทุกคนจะชะงักกึกมองหน้ากันราวกับไม่เคยร้องไห้...เออ คุยกันเองจังหวะซิทคอมเอง...บันเทิงล่ะทีนี้...สรุปไม่รู้เรื่อง!...“ใช่ก็ใช่ ข้าเสียความทรงจำ..ไม่สิ...หัวเสีย...ไม่ๆ ไม่ได้โกรธหัวเสียเพื่อ?!..

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-12
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๕. คู่หมั้นที่เป็นเพื่อนสาว

    ไม่คาดคิดว่าแม่หญิงคู่หมั้นคู่หมายจะมีนิสัยแปลกไป แตกต่างจากผู้หญิงทุกคนในยุคนี้ราวกับเธอเป็นคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก ไม่หนำซ้ำยังกอดแขนกอดคอเรียกเขาว่าเพื่อนและสาวได้หน้าตาเฉยทั้งที่เธออายุน้อยกว่าเขาหลายขวบปี ตอนแรกยังว่าเขาแก่อยู่เลยอยู่ๆก็มาเป็นเพื่อนเสียอย่างนั้น“หึ....” ออกพระรามแอบมองพริกแกงที่กำลังทำท่าทางประหลาดอยู่แถวๆท่าน้ำหลังจากที่เจรจาต่อรองกันเสร็จเรียบร้อยในเรื่องที่เขาไม่เข้าใจภาษาแต่ก็พอเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อถึง ในสายตาของพริกแกงตอนนี้เขาเป็นพวกบันเดาะนอกรีตที่ครอบครัวไม่ยอมรับและปกปิดตัวเองไว้ แถมเจ้าหล่อนยังยอมรับได้ช่วยแต่งงานปกปิด“นี่มันเรื่องวิปริตกระไรกันหนอ” พูดไปมองท่าทางของหญิงสาวไปและยิ้มออกมา“มองดูอะไรรึพ่อราม” ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาหาลูกชายตัวเองทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยงรีบหันกลับไปทางต้นเสียงทันทีพร้อมกับเอาตัวเองบังหน้าต่างไว้“ดึกดื่นป่านนี้เจ้าคุณแม่ออกมาพบลูกด้วยเรื่องอันใดกันขอรับ?”“เรื่องแม่พริก”“ทำไมรึขอรับ?”“บ่

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-13
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๖. มิสมควร

    “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เจเจ๊เป็นเพื่อนสาวไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างข้าไม่คิดว่าคุณออกพระเป็นชายเลยสักนิด”ว่าจบก็เดินเบี่ยงบ่าวทั้งสามไปแต่บ่าวทั้งสามก็รีบวิ่งไปดักหน้าจับเท้าเธอก้มหัวลงแทบจะชิดติดเท้าแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือทำเอาเธอตกใจไม่น้อย“หากแม่หญิงไป พวกบ่าวหลังลายเป็นแน่เจ้าค่ะ” แจ่มพูด“ไม่มีใครกล้าตีพวกพี่หรอกเชื่อข้า! ข้าจะปกป้องพวกพี่เอง” พูดพร้อมกับตบบ่าบ่าวทั้งสามก่อนจะรีบเดินไปยังห้องหอนอนตรงข้าม พวกบ่าวเห็นอย่างนั้นก็จำยอมต้องตามแม่หญิงของตนพร้อมกับมอบลงก้มหัวตัวสั่นอยู่หน้าห้องก๊อกๆ...“เจเจ๊ หลับหรือยังเจ้าคะ?” เคาะไปพลางเรียกไปแต่เสียงยังคงเงียบกริบ เธอเงี่ยหูแนบประตูไม้หวังจะฟังเสียงด้านใน แอบคิดว่าออกพระอาจจะนัดชายใดมาที่ห้องก็ได้ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วเธออยากรู้ว่าชาวLGBTQ+สมัยอยุธยาจะหาทางพลอดรักกันอย่างไรก๊อกๆ... “เจเจ๊..หลับหรือ...ว๊าย!!” ไม่ทันตั้งตัวใบหน้าที่แนบกับประตูไม้สีเข้มก็ถลาเข้าไปชนกับอกแกร่งแข็งทันทีจนเธอร้องเสียงหลง เขาเองก็รีบรับตัวเธ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-13
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๗. แม่พริกเปลี่ยนไป

    “นี่...แม่พริก...หรอกรือ?” ออกพระรามยังคงมองเธอนิ่งค้าง หญิงงามตรงหน้าเปลี่ยนไปเสียหมดทั้งรูปร่างหน้าตาแต่ก็ยังคงมีเค้าโครงหน้าเดิมของเธออยู่ พริกแกงยังคงยืนยิ้มแป้นอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าของเขา“ก็พริกแกงนี่แหละค่ะ พริกแกงคนดีคนเดิม”“...อ๋อ...เอ่อ...อืม...ออเจ้าเปลี่ยนไปมากเสียจน...”“สวยล่ะสิ”“สวย?”“เขาเรียกอะไร งาม...งามล่ะสิ”“ออ..อืม...ก็งามมากอยู่” พูดไปพร้อมยกยิ้มอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าการที่เธอหายหน้าไปอยู่แต่ในเรือนจะออกมาอีกทีเป็นหญิงงามจนเขาแทบจะไม่อยากวางละสายตาไปเสียอย่างนั้น“เจเจ๊ ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง”รอยยิ้มได้หุบลงหลังจากที่ได้ยินเธอเรียกเขา หญิงงามที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายยังคงคิดว่าเขาเป็นบันเดาะไม่ได้มองว่าเขาเป็นชายแท้นั้นทำให้เขาแทบหมดอารมณ์จะเอ่ยชม ถึงเขาชมเธอไปเธอก็ไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใดและคงคิดว่าชมแบบเพื่อนสาวอย่างที่เธอเคยบอกไว้เป็นแน่ ชมแบบอิจฉาเธอคงคิดอย่างนั้น...แต่ก็จำต้องยอม“เรื่

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-14
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๘. โบราณว่าอย่านุ่งผ้าสีแดงไปนา

    เรือล่องไปตามแม่น้ำที่กว้างใหญ่ถ้าเทียบกับปัจจุบันที่ถูกถมดินไปกว่าครึ่งแม่น้ำ พริกแกงยังคงมองรอบๆตัวด้วยท่าทีตื่นตาตื่นใจ แม้มันจะไม่ทันสมัยเหมือนที่เธอเคยเป็นอยู่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงความสวยงามแบบธรรมชาติที่คนไทยสรรค์สร้างขึ้น บ้านเรือนที่ปลูกด้วยไม้ดูเข้ากันกับต้นไม้มากมายรายล้อม มีทุ่งนาที่สามารถมองเห็นได้เป็นหย่อมๆตลอดทางเรือของออพระรามที่เธอนั่งโดยสารอยู่ด้วยก็ได้พายมาถึงหัวโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาขนาบขนานระหว่างป้อมปืนและวัดนักบุญโจเซฟ ก่อนจะพายไปจอดถัดจากวัดนักบุญเลยคลองตะเคียนไปก็ถึงที่หมายที่เรียกว่าตลาดบ้านจีน ออกพระรามขึ้นจากเรือไปก่อนโดยไม่สนใจพริกแกงเลยสักนิดจนบ่าวคนสนิททั้งสามของเธอมาประคองขึ้นจากเรือแทน“คนอะไรใจดำชะมัด” ขึ้นฝั่งได้ก็อดมองคนที่ยืนหันหลังตาขวางไม่ได้ เคยเห็นแต่ในละครที่บุรุษกรุงเก่าจะช่วยเหลือแม่หญิงงาม แต่ไม่เคยเห็นใครเมินแม่หญิงแบบเขาผู้นี้“ออเจ้าก็ไปเดินชมตลาดกับบ่าวของออเจ้า ข้าก็จักไปทำธุระของข้า”“ก็ต้องอย่างนั้นแหละค่ะ”“อย่าได้เที่ยวทะเวนไปทั่วเพียงลำพังเป็นอันขาด&rdqu

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-14
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๙. เกิดเรื่อง

    ...ผลั่ก!! ซู้ม!!!...เสียงสุดท้ายที่ได้ยินราวกับหนังบู๊แอ็คชั่นที่เคยเห็นในละครโทรทัศน์ ร่างบางถูกผลักตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาหลังจากที่วิ่งหนีมาสักพัก ภาพสุดท้ายที่เห็นคือร่างหนาของอ้ายทองก่อนที่เธอจะตกลงไปในน้ำนั้นถูกควายขวิดจนกระเด็นเธอตกลงในน้ำจมลึกลงเรื่อยๆ พริกแกงพยายามหรี่ตาสู้กับน้ำสีขุ่นนั้นพยายามว่ายน้ำขึ้นไปก่อนจะเห็นลางๆ ว่ามีคนกระโดดน้ำลงมามากมายเพื่อหาเธอ แต่ไม่รู้ว่าเพราะกระแสน้ำหรืออย่างไรดูพวกเขาห่างไกลจากเธอพอสมควร...จะตายอีกแล้วเหรอวะ...ถ้าตายแล้วจะได้กลับไปโลกเดิมไหมนะ...ลมหายใจที่เก็บกลั้นไว้เหลือน้อยเต็มที เธอใกล้จะกลั้นหายใจไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้ยินเสียงจากบนผิวน้ำแค่กลายๆ ของบ่าวทั้งสามที่ร้องห้มร้องไห้ไม่พักพยายามร้องเรียกให้คนช่วย ไม่ต่างจากชาวบ้านแม่ค้าที่ร้องเรียกให้มาช่วยคนตกน้ำ...ยุคนี้ก็ทำให้เห็นแล้วน่า ชาวสยามมีน้ำใจแค่ไหน...ดีจังที่ได้เห็นก่อนจะ...ตู้มมมม!!!...เสียงของคนกระโดดลงน้ำใกล้ๆ เธอดังขึ้นในวินาทีที่เธอแทบจะไม่เหลือสติ ร่างกายค่อยๆ จมลงสู่ใต้แม่น้ำเจ้าพ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-15
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๐. มิอาจคิดอาจเอื้อม

    พริกแกงแอบย่องลงมาจากเรือนเงียบๆ โดยมีบ่าวติดตามมาสองคน ส่วนแจ่มนั้นสาลี่บอกให้อยู่ดูต้นทางหน้าหอนอนของแม่หญิงแทน เธอเดินมายังใต้ถุนเรือนที่มืดสนิทเพราะบ่าวในเรือนต่างดับใต้ (ตะเกียงน้ำมันใส้ผ้าในกระป๋องไม่มีที่ครอบสมัยก่อน) กันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงตรงที่แคร่ใต้ถุนเรือนที่ที่อ้ายทองนอนเอาหลังชี้ฟ้าอยู่เท่านั้น“หูย...หลอนกว่าบ้านผีสิงอีกนะเนี่ย” พริกแกงบ่นอุบพลางเดินเข้าไปชิดบ่าวทั้งสองแล้วมองไปรอบๆ ตัวที่บรรยากาศช่างน่ากลัว ถ้าเป็นยุคเธอพวกล่าท้าผีเป็นคอนเทนต์คงจะไม่พลาดมาล่าท้าผีที่นี่แน่ๆ“นั่นเจ้าค่ะ อ้ายทองนอนอยู่กงนั้น” สาลี่เอ่ยขึ้นพลางชี้ไปทางแคร่ที่อยู่ไม่ไกลสายตานัก พริกแกงหรี่ตามองก่อนจะเดินเข้าไปหาอ้ายทองที่แคร่นั่นโดยที่เจ้าตัวยังคงไม่รู้ตัว อาจจะเพราะความเจ็บแผลที่โดนโบยจนไม่ทันนึกถึงสิ่งรอบตัว จันเดินเอาตะเกียงที่ถือไปจ่อที่อ้ายทองก่อนที่เขาจะหันมามองตามแสงนั้นเงยหน้าขึ้นก็ตั้งท่าจะรีบลุกทันทีหลังจากเห็นผู้มาเยือน“ไม่ต้องลุกหรอก นอนพักเถอะค่ะ”“แม่หญิงลงเรือนมาดึกๆ ดื่นมีกระไรให้บ่าวรับใช้รือขอรับ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-15
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๑๑. แม่หญิงโดนโบย

    “แม่หญิง!! โธ่ แม่หญิง...” จันร้องไห้ฮือออกมาอย่างไม่อายฟ้าอายดินห่วงก็แต่แม่หญิงของตนที่ถูกลากขึ้นเรือนมาเพราะความโกรธของออกพระรามที่ดูท่าคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ เป็นแน่“ออกพระท่านเจ้าคะ ฮือๆ อย่าได้ลงโทษแม่หญิงเลยนะเจ้าคะ”“พวกเอ็งก็อีกคน! มิรู้จักห้ามปรามแม่หญิงของเอ็งเสียบ้าง! กูจักโบยให้เข็ดหลาบกันเสียหมดทุกผู้ทุกตัวคน!!”“อย่าตีพวกพี่เขานะคะ!! ถ้าโกรธข้าก็ตีข้าแค่คนเดียว” พริกแกงยังคงเอ่ยเสียงแข็ง“เวลานี้ออเจ้ายังมิรู้คิดอีกรือ!”“เสียงดังเรื่องกระไรกัน...เอะอะกันเสียให้วุ่นไปหมด” ออกญาเจ้าเรือนเดินออกมาพร้อมไม้เท้าค้ำยันร่างโดยมีคุณหญิงซ่อนกลิ่นคอยพยุงด้วยสีหน้าดุดันจนทุกคนเงียบกริบ“มีเรื่องกระไรรือพ่อราม” คุณหญิงซ่อนกลิ่นเอ่ยขึ้นถามอย่างใจเย็นก่อนจะสอดส่องเมียงมองทุกคนอย่างหาคำตอบแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน จะมีก็แต่...“แม่หญิงเจ้าค่ะ...ย่องไปลงหาอ้ายทองถึงใต้ถุนเรือนกลางดึก ออกพระท่านรู้เข้าจึงโกรธ” แจ่มพูดขึ้นก่อนที่จะ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-16

Bab terbaru

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๕. จุดจบ

    พริกแกงเริ่มเล่าที่มาของเธอว่าเธอนั้นมาจากอนาคตอีกสี่ร้อยปีข้างหน้า เพื่อมาแก้ไขไม่ให้ตัวเองอายุสั้นและการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนั้นมันเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปฝืนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลต่ออนาคต ทุกคนนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยสีหน้าเหลือเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เนื่องจากเธอไม่เหมือนคนอื่นๆ หลายอย่างจากที่ผ่านมา“ต่อไปกาลข้างหน้า จักมีผู้เก่งกาจกอบกู้เมืองสยามแล้วไปตั้งเมืองหลวงที่อื่นรือ?” พริกแกงพยักหน้าให้กับคำถามของจหมื่นพันแสง“นานรือไม่ กว่าจักกอบกู้เมืองได้?” พระยารามเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้“เจ็ด...” พริกแกงนำหน้าครุ่นคิด“เจ็ดปีเทียวรือ” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน พริกแกงส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ จากที่เธอเคยอ่านมา“เจ็ดเดือนเจ้าค่ะ”“เก่งประมาณนั้นเทียวรือ”“เก่งมากเลยล่ะเจ้าค่ะ...ไม่อย่างนั้นไทยก็คงไม่เป็นไทจนชั่วลูกชั่วหลาน” เมื่อได้ฟังอย่างนั้นทุกคนก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ความรักชาติบ้านเมืองของชาวกรุงเก่านั้นเข้มขลังจนเธอรู้สึกขนลุกอีกครั้ง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๔. ปมที่ต้องแก้ไข

    “แม่พริก...เป็นกระไรไปรือ? ตั้งแต่พี่กลับมาออเจ้าก็มิร่าเริงเลยหนา” พระยารามเอ่ยถามพริกแกงหลังจากที่เขาเปลี่ยนผลัดผ้าเรียบร้อย เพราะเธอไม่เข้าไปใกล้เขาเลยตอนแต่งชุดนักรบ พริกแกงหันมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ดูหวาดกลัว“คุณพี่...จำที่เคยสัญญากับข้าได้ไหมเจ้าคะ?” พริกแกงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล พระยารามยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู“พี่จำได้แม่น...พี่มิได้มีเมียเล็กเมียน้อยดอกหนา ไปถึงสุโขทัยมิได้เข้าหอชำเรา มิได้แตะเนื้อต้องตัวหญิงใด”“ไม่ใช่เรื่องนั้นเจ้าค่ะ”“ออ...มิว่าจะเกิดกระไรขึ้น...” เขาเงียบไปครู่หนึ่งหลุบสายตามองพริกแกงที่รอฟังอย่างคาดหวัง พระยารามจึงดึงเธอเข้ามากอดปลอบโยนเธอแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ก็จักมิมีวันฟันคอออเจ้าผู้ที่เป็นเมียพี่” เขาพูดขึ้น ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงนิ่งอึ้งค้างท่าทางเหมือนกลัวขนาดนั้นเมื่อตอนเห็นเขากลับมาพร้อมเครื่องราชย์เหล่านั้น“แล้วทำไมถึงเอาของพวกนั้นมาไว้ที่เรือนตัวเองล่ะเจ้าคะ? ไม่ใช่ว่าต้อง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๓. สุขสมอารมณ์หมาย

    อดทนมาหลายวัน แอบเมียงมองว่าที่ภริยาของตนเตรียมตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างห่วงๆ แต่กลับทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเธอกลับเป็นแม่บ้านแม่เรือนกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก ก่อนจะถึงวันแต่งงานเขาก็ได้ทำตามที่ใจของพริกแกงที่ได้ตั้งใจไว้เรื่องรับบ่าวเมื่อเข้าวังไปรับงานราชก็ทูลขอขุนหลวงเรื่องบ่าวของออกหลวงมโนสรที่ถูกชำเราให้ละเว้นโทษ และรับมาเลี้ยงดูเป็นบ่าวในเรือนของตน ขุนหลวงเห็นว่าออกพระรามมีผลงานดีงามและใกล้จะแต่งงานจึงได้ยอมยกบ่าวของออกหลวงให้ตามที่ทูลขอ อ้ายผาและพวกพ้องจึงเข้ามาทำงานในเรือนของออกพระรามและรับใช้อย่างซื่อสัตย์วันแต่งงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้พริกแกงจะทำตัวแก่นแก้วเต้นกลางงานแต่ก็พาคนอื่นๆ สนุกสนานไปด้วย เมื่อแต่งงานแล้วออกพระรามและพริกแกงก็ต้องหาที่ปลูกเรือนแยก ในบริเวณที่ดินใกล้เรือนพ่อแม่ของออกพระรามนั่นแหละ ไม่ได้ไกลกันนัก..ส่วนเรื่องของแม่เดือนแรมเห็นทีจะยอมพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว เนื่องจากจหมื่นพันแสงนั้นเคยขัดห้ามอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะฟ้องพ่อกับแม่ก็เลยทำให้แม่เดือนแรมยอมรามือไปเสีย ทุกอย่างคลี่คลายราบรื่น..แต่เพื่อนพ้องของออกพระรามคิดเห็นว่าออก

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๒. เชยชมบุปผางาม

    “ทะ...ทำไมต้องเขินด้วยเล่า...อย่างนี้คนอื่นก็เขินด้วยน่ะสิ” พริกแกงพูดแก้เขิน เมื่อเห็นเขาเขินเธอก็เขินตามไปด้วย ออกพระรามกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา“พี่มิเคย...เอ่ยคำนี้กับผู้ใด” พูดไปพลางเบือนหน้าหนี พริกแกงเองก็เบือนหน้ากลับมานั่งมองนิ้วตัวเองเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก...ตอนได้กันครั้งแรกยังไม่เห็นเขินอะไรขนาดนี้เลยด้วยซ้ำไม่ทันได้เขินนานนักก็รู้สึกถึงมือหนาที่เลื่อนลูบปลายเส้นผมของเธอเบาๆ พริกแกงหันไปมองหน้าคนที่เปลี่ยนอารมณ์ไวเหมือนกิ้งก่า คิดจะหันไปจิกกัดเขาแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่กำลังยิ้มบางๆ พร้อมกับก้มลงดอมดมปลายเส้นผมของเธอที่เขาจับอยู่ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นท่าทางนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งมีแขนแกร่งพาดเข่าที่ชันขึ้น มืออีกข้างจับเล่นเส้นผมของเธอดอมดมมันด้วยใบหน้าที่ดูพึงพอใจนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูมีเสน่ห์จนเธอละสายตาไม่ได้ ท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าโสร่งมัดพันรอบเอวยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์..รับกับใบหน้าหล่อคมหวานของเขาพอดิบพอดี เผลอจ้องจนเจ้าของร่างรู้ตัว“จดจ้องเรือนกายพี่เช่นนี้

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๑. ขัดคำสั่ง

    พอถึงช่วงเย็นก็ไปกินข้าวพร้อมหน้าเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้บรรยากาศมันจะเงียบเหงาไปเสียหน่อย ไม่กล้ามีใครเอ่ยพูดอะไรขึ้นต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าจนแล้วเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าเข้าหอนอนของตัวเองพริกแกงนั่งหวีสางผมเผ้าอยู่หน้ากระจก จ้องมองในกระจกนั้นอย่างเหม่อลอยเพราะในหัวคาวมคิดรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกผุ้อาวุโสทั้งสองว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากล้มเลิกงานแต่ง สีหน้าของทั้งสองท่านเมื่อตอนเย็นบนโต๊ะกินข้าวนั้นทำให้เธอนั่งถอนหายใจอยู่พักใหญ่ สาลี่และจันมองหน้ากันไปมาก่อนหันไปมองแม่หญิงของตนอย่างนึกห่วง“มีเรื่องกระไรมิสบายใจรือเจ้าคะแม่หญิง” สาลี่เอ่ยถาม“ข้าว่าคุณลุงคุณป้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ดูสีหน้าท่านเมื่อตอนเย็นสิพี่” พูดแล้วก็หันไปทำหน้างอแงใส่บ่าวทั้งสองคน สาลี่และจันเอื้อมมือไปจับกุมมือเล็กของผู้เป็นเจ้านายอย่างเอ็นดู“โธ่...แม่หญิงของบ่าว มิต้องคิดมากไปดอกเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเรื่องมันก็ซา” จันเอ่ยปลอบ“นั่นสิเจ้าคะ...ต่อให้แม่หญิงมิพูด แต่พอถึงวันงานมันก็จักดีขึ้นเจ้าค่ะ” สา

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๐. มิได้เป็นเช่นนั้น

    ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มกริ่มออกมาไม่ได้ เดินตามแม่หญิงขึ้นโบสถ์ไป ทั้งสองต่างนั่งแอบลอบมองกันไปมาอย่างยิ้มๆ พริกแกงเองก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาอยู่เนืองๆ การกระทำของชายหญิงทั้งคู่ประจักษ์แก่สายตาของคุณหญิงซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าลูกชาย หันไปเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปกับกิริยาท่าทางของลูกชายและพริกแกงเมื่องานเสร็จสรรพเรียบร้อยดี เหล่าขุนนางและคนอื่นๆ ก็ต่างพากันร่ำลากลับเรือนไปเสีย มาตั้งแต่เช้าจะกลับก็บ่ายแล้ว เรือขุนนางหลายลำแล่นแยกย้ายกันออกไป ออกญาผู้เป็นพ่อและคุณหญิงซ่อนกลิ่น รวมถึงพริกแกง ออกพระรามและบ่าวไพร่คนสนิทนั่งเรือลำเดียวกันเป็นเรือใหญ่ ส่วนบ่าวไพร่คนอื่นๆ ก็นั่งลำอื่นพายตามกันมาติดๆ คุณหญิงมองลูกชายตนที่นั่งแนบชิดติดกายแม่หญิงคู่หมั้นจ้องมองเธอไม่วางตาก็อดกระแอมขึ้นขัดไม่ได้“อะแฮ่ม...พ่อราม ใกล้จักถึงวันงานแต่งของลูกแล้วหนา”“ขอรับเจ้าคุณแม่” พูดตอบรับผู้เป็นแม่พลางจ้องมองหญิงสาวข้างกายด้วยรอยยิ้ม พริกแกงก็หลบเลี่ยงสายตามองไปทางอื่นไม่ให้ตัวเองเขินไปมากกว่านี้“แม่ใคร่ให้ลูก...อดใจห่างม

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๙. รู้ความจริง

    “เอ่อ...ก็...” พอรู้ตัวก็หลบเลี่ยงสายตาของจหมื่นพันแสงเล็กน้อย ลอบสายตาขึ้นมองออกพระรามที่นิ่งเงียบจ้องมองเธออย่างรอคำตอบที่เธอจะตอบรับจหมื่นพันแสงเช่นกัน“คุณหมื่นยังไม่ได้ตอบคำถามข้าที่ถามก่อนเลยนะเจ้าคะ” หลีกเลี่ยงคำตอบแล้วหันไปถามจหมื่นพันแสงกลับ เมื่อได้ยินอย่างนั้นจหมื่นพันแสงก็ยิ้มหวานออกมารู้ได้ว่าเธอกำลังหลีกเลี่ยงแต่เขาก็เลือกที่จะตอบคำถามของเธอ“ออ...ที่มิบอกกันกงๆ เพราะแม่หญิงผู้นั้นมิอาจเอื้อมถึง หาใช่แม่หญิงที่ควรนึกถึงได้ไม่...ในเมื่อหักใจตัดเสียมิได้...ก็จักเลือกแสดงความรู้สึกผ่านดอกไม้ดอกนั้น หากแม่หญิงผู้นั้นคิดเช่นเดียวกันกับชายผู้ให้ ก็จักเก็บดอกไม้นั้นไว้กับตัว”“อ๋อ รักต้องห้ามสินะ” พริกแกงพยักเข้าใจในทันทีอย่างลืมตัว เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับคำตอบนั้นไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายสมัยก่อนนี้มีความโรแมนติกอยู่ไม่น้อย“แล้วแม่เล่า...จักเก็บดอกปีบนั้นไว้รือจักทิ้งมันไปเสีย?” หันไปถามเธอกลับ พริกแกงมองจหมื่นพันแสงก่อนจะหันไปมองออกพระรามที่มองเธอด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บป

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๘. ต่อหน้าต่อตา

    เสร็จงานกฐินหลังจากที่ยกต้นกฐินเข้าโบสถ์ฟังเทศฟังธรรมกันอยู่นั้น พริกแกงที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่นานถึงกับอยู่ไม่สุข ความปวดเมื่อยคลืบคลานเข้ามาจนทำให้เอนตัวไปมาเพื่อคลายความปวดเมื่อยนั้น แม้ว่ามือเล็กทั้งสองข้างจะยกขึ้นพนมไหว้รับพรอยู่ก็ตามทีออกพระรามปรายสายตาหันไปทางเธอที่นั่งอยู่ด้านข้างห่างจากเขาเพียงทางเดินกั้น พริกแกงเห็นอย่างนั้นก็โน้มตัวเข้าไปทางเขาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงกระซิบ“คุณเจ๊ ข้าขอออกไปด้านนอกก่อนได้ไหมเจ้าคะ? พอดีมันเมื่อยจนขาชาไปหมดแล้ว” ออกพระรามได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้ากลับไปมองที่พระสงฆ์องค์เจ้ากำลังสวดให้พรอยู่“อืม” ตอบออกไปเพียงสั้นๆ แม้ในใจไม่อยากให้เธอหายไปจากสายตาของเขาเสียเท่าไหร่นักถึงอย่างไรเธอก็ไปอยู่ดีหากเขาห้ามก็คงไม่ฟังเมื่อได้รับคำอนุญาตพริกแกงก็ค่อยๆ ลุกคลานถอยหลังออกไปตามทางอย่างเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินขากระเพกออกจากโบสถ์ไป เรียกสายตาให้เพื่อนๆ ของออกพระรามหันไปมองแล้วอมยิ้มกลั้นขำไปตามๆ กันออกพระรามทอดถอนหายใจก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาฟังพระสวดต่อ ปรายสายตาเหลือบไปเห็นจหมื่

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๗. กฐินดึงดาว

    “คนรัก? ของข้ารือ?” จหมื่นสุนทรทำหน้าสงสัยอย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองไปมีคนรักตอนไหน พริกแกงพยักเพยิดหน้าไปทางโบสถ์ก่อนจะเห็นออกพระรามและแม่เดือนแรมเดินยิ้มหวานกันออกมา“โน่นไงเจ้าคะ มาโน่นแล้ว” จหมื่นสุนทรหันไปตามดวงหน้าที่พยักไป ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาอย่างเข้าใจว่าพริกแกงนั้นยังเข้าใจเขากับออกพระรามผิดไปอยู่ แต่จหมื่นสุนทรก็แปลกใจไม่น้อยที่ออกพระรามพาแม่เดือนแรมน้องสาวของจหมื่นพันแสงเข้าไปกราบพระแทนที่จะเป็นพริกแกงคู่หมั้น“มากันแล้วรือ” ออกพระรามและแม่เดือนแรมเดินมาถึงกลุ่มก้อนเพื่อนของตน ออกพระรามก็เอ่ยทักขึ้นโดยมีแม่เดือนแรมยืนเคียงข้างไม่ห่างกาย ส่วนพริกแกงนั้นยืนอยู่ระหว่างจหมื่นพันแสงและจหมื่นสุนทรเช่นกัน ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็ดูมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก“ขอรับออกพระท่าน” ทั้งสามเอ่ยตอบรับ ออกพระรามพยักหน้ายังคงหันไปขมวดคิ้วให้พริกแกงพร้อมถลึงถลนตาเป็นเชิงตักเตือนว่าไม่ควรที่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่พริกแกงกลับไม่รู้เพราะไม่เข้าใจที่เข้าต้องการจะสื่อเท่าไหร่“ที่ที่ควรยืนอยู่กลับมิยืน” พูดแล้วหั

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status