Share

เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน
เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน
Author: นรินทร์ลดา

บทที่ ๑. บทนำ

last update Last Updated: 2025-02-11 20:30:38

“ท่านว่ากระไร ข้าให้พวกท่านพูดใหม่” ชายหนุ่มร่างกายกำยำสูงโปร่งใบหน้าคมหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อการมาเจรจาว่าความกันเรื่องแผนการที่ได้รับมอบหมายมาจากเจ้าเมือง

ในสมัยอยุธยาตอนกลางที่มีกษัตริย์อยุธยาองค์ที่ 8ทรงปกครองโดยรวมอำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง เพื่อให้เหมาะกับการปกครองดินแดนอยุธยาที่ขณะนั้นมีความรุ่งเรืองถึงที่สุด การปกครองที่แบ่งเขตชัดเจนและหน้าที่ของพลเรือนและพลทหารแยกกันยามศึกสงบ แต่เมื่อใดที่มีการศึกจะต้องร่วมรบทั้งทหารและพลเรือน

เพราะการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลปกป้องประชาชน จัดการเหตุร้ายจับโจรจึงเป็นหน้าที่ของเหล่ากรมนครบาลอย่างพวกเขาที่จะต้องจัดการตามท้องที่ที่ได้รับมอบหมาย (กษัตริย์อยุธยาองที่ 8ได้ทรงปรับปรุงจตุสดมภ์จาก กรมเวียง กรมวัง กรมคลัง กรมนา และเปลี่ยนชื่อเป็น กรมนครบาล กรมธรรมาธิกรณ์ กรมโกษาธิบดี กรมเกษตราธิการ หลังจากรวมดินแดนสุโขทัย *อ้างอิงมาจาก วิกิพีเดีย พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือนนา ทหาร หัวเมือง)

“ท่านฟังมิผิดดอก ผู้ที่ดูเข้าท่ากับการนี้มีเพียงท่านออกพระขอรับ จริงรือไม่ท่านขุนจรูญ” ชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำล่ำสันไว้หนวดการำแพนผิวเข้มหน้าคมดุเอ่ยขึ้นแล้วยิ้มกระหยิ่มกระหย่องกับชายวัยเดียวกันอีกผู้ ที่นั่งข้างๆ แต่ก็รีบหุบรอยยิ้มนั้นไปเมื่อสายตาดุของชายหนุ่มที่มียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่กว่ามองปราดมา

“ขุนวิชัย จักลากข้าเข้าไปร่วมเห็นใยเล่า” ขุนวิชัยพูดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่พวกเขาเรียกว่าออกพระ

“บ๊ะ! ใยจะมิได้ ในเมื่อรวมหัวกันว่าความเห็นจริงดังนั้นแล้ว” ขุนจรูญพูดขึ้นและยังมิวายหัวร่อกับสิ่งที่ตนเสนอไป

“ข้าก็มิเห็นว่ามันจักเป็นอันใด ซ้ำออกพระมิเสียการใหญ่ได้ผลงานไปมิดีดอกรึ?”

“ข้าเห็นดังหมื่นสุนทรว่าอีกคน” จหมื่นพันแสงพูดขึ้นและยิ้มกริ่ม

จหมื่นทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของออกพระหนุ่มรูปงามผู้นี้ แม้จะยศถาบรรดาศักดิ์ต่างกันแต่ออกพระผู้นี้กลับไม่ได้ถือยศถืออย่าง การที่ออกพระหนุ่มได้ยศตำแหน่งส่วนหนึ่งก็เพราะบารมีผู้เป็นพ่อที่เป็นถึงออกญาเลื่องชื่ออย่างออกญาพระศรีสุริยะราชาที่ใกล้ชิดสมเด็จเจ้าพระยา

“มันมิได้เสียการ แต่มันเสียหน้าข้า...แม่หญิงใดรู้เข้าข้าจักเป็นอย่างไร” ออกพระราม หรือ ออกพระศรีรามเรืองเดชพูดขึ้นด้วยสีหน้าทะมึงทึง ไม่เห็นด้วยกับการนี้นัก

“จักเสียได้อย่างไรกันขอรับ ท่านออกพระมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วมิใช่รือ? จักห่วงไปใยเล่า” ออกขุนวิชัยเอ่ย

“คู่หมั้นคู่หมายที่ข้ามิเคยพบหน้า เห็นเพียงแค่ครั้นยังเด็กจักรู้ได้อย่างไรว่านางรับได้”

“เอาเถิดหนา อย่างไรท่านก็มิได้เสียหน้าผู้เดียวเสียหน่อย ยังมีข้ากับหมื่นสุนทรเคียงข้าง” จหมื่นจรูญเอ่ยขึ้นพลางกลั้นขำ

“ข้าเองก็เริ่มกังวลเสียแล้วล่ะหมื่นพันแสง ข้าหาได้มีคู่หมั้นคู่หมายดังออกพระไม่ แต่จักต้องมาแสร้งเป็นชาย*บันเฑาะก์นอกรีต ก็หนักใจอยู่...ซ้ำยังต้องควงคู่ชายเหนือชายกับออกพระรามด้วยแล้วยิ่งเหนื่อยหนักใจ” (*บันเดาะ เอาไว้เรียกชายที่รักกับชายด้วยกันในสมัยนั้น)

จหมื่นสุนทรหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดลอบมองออกพระรามเป็นระยะอย่างเหนื่อยหนัก ออกพระรามเองก็ยิ่งฉุนเฉียวเมื่อเห็นสายตาเช่นนั้น

“มันเป็นกระไรรึหมื่นสุนทร? ข้าอัปลักษณ์ขนาดที่ท่านเหนื่อยหนักใจมากขะนานนั้นเทียวรือ?”

“มิเป็นเช่นนั้นขอรับ เพียงแต่...มันจักดูผิดแผกไปขอรับ”

ออกพระรามไม่ได้กล่าวอันใดต่อ มันผิดแผกตั้งแต่ที่รับงานล่อลวงชายนอกรีตที่เข้ามาค้าขายยาปลุกกำหนัดในอยุธยาแล้ว ซ้ำยังล่อลวงชายเพศเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวชาวบ้านชาวเมืองไปทำบัดสีเพื่อนสนองตัณหาของตนอีก ซึ่งมันเป็นภัยต่อบ้านเมืองถึงได้เป็นเรื่องราวใหญ่โตจนเขาต้องมาจัดการ เพื่อปกป้องประชาชนและเหล่าทหารที่ไม่ได้มีใจไปทางนั้นนี่สิ...เสียชื่อออกพระหนุ่มรูปงามเสียจริง

.

“อยุธยางามกว่าที่ข้าคิดเสียอีกว่าไหมอีแจ่ม อีจัน อีสาลี่”

หญิงสาวร่างอวบท้วมพูดขึ้นหลังจากล่องเรือตามแม่น้ำจากเมืองละโว้จนถึงอยุธยา ด้วยคำสั่งของออกพระนครพราหมณ์ผู้เป็นพ่อและออกญาพระศรีสุริยะราชาที่ตกลงกันไว้ เพราะใกล้จะถึงเวลาอายุครบที่เธอจะสามารถออกเรือนได้แล้วอีกไม่กี่เดือน (การที่เจ้าสาวไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวก่อนแต่งนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในเขตเมืองหรือที่ตกลงกันของผู้ใหญ่)

“เป็นจริงดังว่าเจ้าค่ะแม่หญิง” แจ่มพูดขึ้นตอบรับผู้เป็นนายก่อนพร้อมกับชะเง้อคอมองรอบๆเรือกับเพื่อนนางทาสของตน

“กูอยากรู้นัก ว่าท่านออกพระจะรูปงามเพียงใด” พูดขึ้นด้วยสายตาแวววับเป็นประกาย ทำเอาเหล่าบรรดาบ่าวไพร่ที่ติดตามมาถึงกับยิ้มหน้าเจื่อน

แม่หญิงที่ไม่สมกับเป็นแม่หญิงของพวกหล่อนนั้นไม่มีใครล่วงรู้ เธอค่อนข้างที่จะบ้าผู้ชาย เจ้าชู้ยิ่งกว่าชายไม่สมเป็นหญิงไม่ค่อยสงวนท่าทีหรือสำรวมเท่าไหร่นัก เพราะเหตุนี้ออกพระนครพราหมณ์ถึงรีบเร่งให้นางตบแต่งออกเรือนไปเสีย เผื่อจะได้กำราบนิสัยส่วนนี้ของนางได้ก่อนที่จะเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้

เหตุที่นางมีนิสัยเช่นนี้อาจจะเป็นเพราะรูปร่างที่อวบท้วมไม่อรชรอ้อนแอ้นเหมือนแม่หญิงลูกขุนนางคนอื่นๆ และตลอดมามักจะพบกับสายตาของชายหนุ่มเหยียดหยามราวกับว่าเธอเป็นหญิงที่ผ่านการมีบุตรมาแล้ว ทั้งที่เธอยังไม่เคยต้องมือชายเลยสักครั้ง ความเจ้าชู้ของเธอนั้นค่อนข้างถึงเนื้อถึงตัวยั่วยวนให้อยากแล้วจากไปจากความคับแค้นใจจนติดเป็นนิสัย

“แม่หญิงเจ้าคะ? ถ้าท่านออกพระรูปงามแม่หญิงจัก...เอ่อ...” สาลี่พูดชะงักลอบมองอย่างหวาดหวั่นเมื่อแม่หญิงของตนหันไปมองตาขวาง

“จักกระไรอีสาลี่”

“เอ่อ...จักหยุดทำตัวเจ้าชู้ประตูดินไม่สมเป็นหญิง...”

“มึงเป็นบ่าวกล้ามาว่า มายั้งกูรึ?”

“โธ่...แม่หญิง พวกบ่าวห่วงใยแม่หญิงนะเจ้าคะ กลัวว่าท่านออกญา คุณหญิง ท่านออกพระจักไม่พึงใจในตัวแม่หญิงนะเจ้าคะ” จันเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับมือผู้เป็นนายลูบไล้ไปมามองแม่หญิงด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“กูมิสน ตราบใดที่กูได้ท่านออกพระมาเป็นผัว...”

“อุ๊ย! แม่หญิงเจ้าคะ อย่าพูดเช่นนั้นมันไม่งาม” แจ่มพูดขึ้นขัดทันทีพร้อมมองซ้ายมองขวากลัวคนอื่นจะได้ยินทั้งที่บนเรือก็มีกันเพียงสี่คนและนายพายกับพันท้ายสองคนเท่านั้น

“เอ๊ะ! อีนี่! กูพูดความจริง ถึงเรือนท่านออกญาเมื่อใดข้าจักยั่วยวนออกพระให้ตกได้เสียเป็นผัวกูเสียคืนนั้น!”

“ว๊าย! แม่หญิง!” บ่าวทั้งสามพูดขึ้นพร้อมกันและรีบกระโจนเข้าไปจับตัวแม่หญิงของตนจนเรือโคลงเคลง แต่แม่หญิงอวบท้วมกลับปัดมือบ่าวทั้งสามพร้อมทำหน้าดุจ้องมองเหล่าบ่าวไพร่ของตนตาเขม็งจึงไม่มีใครกล้าที่จะเงยหน้ามองเธอ

“ตอนนี้ กูหิวแล้ว!! แวะตลาดท่าน้ำใกล้ๆนี่เสีย”

“ตะ...แต่หากแวะจะไปถึงเรือนท่านออกญาก็มืดค่ำแล้วนะเจ้าคะ” สาลี่เอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆที่จะขัด แม่หญิงกลับไม่ได้สนใจคำพูดของสาลี่ซ้ำยังทำหน้าดุกว่าเดิมจนต้องไปบอกนายพายให้แวะตามที่ใจเธอปรารถนา

“พวกมึงคอยท่าอยู่นี่! โทษฐานที่บังอาจมายับยั้งกูถึงสองครั้งสองครา!”

“แต่แม่หญิงเจ้าคะ...แม่หญิง!”

ไม่รอฟังคำใดจากบ่าวไพร่ที่ติดตามมา เธอรีบเดินสะบัดชายสไบหายเข้าไปในตลาดทันที คนเป็นบ่าวไม่อาจจะขัดคำสั่งของนายตัวเองได้ไม่อย่างนั้นคงได้หลังลายจนจับไข้ จึงทำได้เพียงแต่ยืนมองหน้ากันไปมาอย่างเป็นกังวล

แม่หญิงจากเมืองละโว้ที่มีรูปร่างอวบท้วมเดินตลาดอย่างสบายใจ เมื่อเห็นอาหารคาวหวานมากมายเรียงรายกัน หยิบนู่น จ่ายนี่ ล้วนแต่เป็นอาหารคาวหวานทั้งสิ้น แม้จะไม่รู้ว่าที่นี่คือตลาดที่ใดมีคนหลายเชื้อชาติมาเร่ขายของและอาหารเต็มไปหมด แต่เธอกลับไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย สายตาดวงสวยที่ถูกบดบังด้วยเนื้อแก้มไปสะดุดกับน้ำสีเข้ม

“พ่อค้า นี้เรียกว่าอันใดรือ?”

“ขอรับแม่หญิง นี่เรียกว่า...”

พ่อค้าหน้าตาเด่นชัดไปทางชาวยุโรปเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้า คำตอบที่ต้องการจะตอบกลืนหายลงไป แม่หญิงสาวเองก็มองใบหน้านั้นนิ่งค้าง...

...จักว่ารูปงามก็รูปงามอยู่หรอก แค่ไม่ใคร่ใช่เหมือนชาวเมืองเรา...

“น้ำหมักฝาหรั่งขอรับ...แต่ข้ามิใคร่แน่ใจว่าจักถูกปากแม่หญิง..”

“ข้าอยากลอง”

“หากแม่หญิงว่าเช่นนั้นข้าก็จักเอาน้ำหมักอย่างดีมาให้ขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแม่หญิงก็พยักหน้ารัวๆอย่างดีใจ ใครมันจะไม่อยากได้ของดีกันล่ะ หนุ่มพ่อค้ายกยิ้มก่อนจะหันกลับไปหยิบน้ำหมักขวดหนึ่งที่แยกไว้มาเทใส่กระบอกไม้ไผ่ให้เธอ

“เท่าใดรึ?”

“สำหรับแม่หญิงแล้วข้ามิเอาเงินดอกขอรับ”

“จักดีรึ? เช่นนั้นข้าก็ขอบน้ำใจ”

ไม่ทันรอฟังคำตอบรีบคว้ากระบอกไม้ไผ่ที่ตัดแต่งมาเหมือนแก้วและเดินออกไปทันที ตามจริงแล้วนางแค่ถามตามมารยาทเท่านั้น ของที่ได้มาฟรีๆใครไม่อยากได้ล่ะ หนุ่มพ่อค้ามองตามหลังแม่หญิงคนเมื่อครู่พร้อมยกยิ้มแล้วหันไปพยักหน้าให้พวกพ้องที่รออยู่ไม่ไกลนัก ก่อนที่พวกพ้องของเขาจะเดินตามแม่หญิงไปอย่างไม่ให้ใครสงสัย

ปากเคี้ยวอาหารไปตามทางจิบน้ำหมักที่ได้มาโดยไม่เสียเงินไปพลาง เตรียมพร้อมที่จะกลับเรือแต่ใครจะไปคิดว่าน้ำหมักที่มีรสชาติหวานกินง่ายนี้จะทำให้ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา โลกรอบตัวเริ่มหมุนร่างกายเริ่มร้อนผ่าวจนมือไม้ถืออาหารไว้ไม่อยู่ตกลงพื้นเสียหมด

“ข้าเป็น...กระไรกัน...”

“แม่หญิงเป็นกระไรหรือขอรับ”

“ให้พวกข้าพาแม่หญิงดีกว่าขอรับ”

ชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับจับแขนของเธอไว้แน่น หญิงสาวพยายามสะบัดมือหนาเหล่านั้นออกแต่เรี่ยวแรงกลับไม่มีเหลือเลยแม้แต่น้อย ภายในหัวมึนงงไปเสียหมดรู้ตัวแต่เพียงว่าชายเหล่านั้นยกอุ้มร่างเธอไปที่ไหนสักที่เสียแล้ว

...หัวใจเต้นรัวเร็วดังกลองมหรสพ มองดูรอบกายมิรู้เลยว่าไปที่ใด...เจ้าหล่อนดันสุภาพไม่แข็งแรงเสียด้วย โรคหัวใจที่เป็นมาตั้งแต่เด็กนั้นทำให้ไม่มีใครกล้าขัดใจ...แต่ในตอนนี้ที่สติเลือนราง ร่างกายกลับถูกพามาที่ที่เขาเรียกว่าโรงน้ำชา...ความรู้สึกเดียวที่มีคือ...เธอกำลังหายใจไม่ทัน...

“นางผู้นี้เป็นกระไรไปรึ?! ทำไมถึงมีท่าทีเช่นนี้!” เสียงที่คุ้นเคยราวกับพ่อค้าหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้น

“มิทราบขอรับ ท่าทางนางเหมือนคน...ใกล้ตาย...”

“บัดซบ!! ข้าคิดว่าข้าดูมิผิดแน่ นางอวบอ้วนปานนี้ร่างกายมิแข็งแรงไปได้อย่างไร!”

...อะ...อ้ายพวกไพร่!!...กล่าวว่ากูอ้วนงั้นรึ!!...

ความคิดสุดท้ายก่อนจะหายใจเฮือกใหญ่และหยุดหายใจไปในที่สุด...ทำเอาชายเหล่านั้นถึงกับผงะ...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๒. ตัวฉันในอดีต?

    “ยัยพริกแกง! คืนนี้คลับเดิมนะจ๊ะ!” เพื่อนชายใจสาวพูดขึ้นก่อนจะพากันเดินไปขึ้นรถหลังจากเลิกงานมาได้สักพัก หญิงสาวหุ่นแซ่บไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไปพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม วันนี้เธอตั้งใจจะเมาหัวราน้ำส่งท้ายความเศร้ากับแฟนเฮงซวยที่ทิ้งเธอไปเพราะเหตุผลที่ว่าเธอไม่ให้เขาขึ้นขี่หลังจากที่คบกันมานานครึ่งปีมันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด รักกันจำเป็นต้องมีอะไรกันด้วยหรือไงไม่รู้จักคำว่ารอกันบ้างเลย ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เธอกลัวที่จะทำเรื่องอย่างว่า อาจจะเพราะเธอเองก็ยังไม่พร้อมก็ได้ เธอก็พยายามที่จะเอาใจและศึกษาเรื่องนั้นมาอย่างดี แต่แฟนเก่าของเธอดันใจร้อนไม่ฟังเหตุผลอะไรเลยนี่สิ! ไม่หนำซ้ำเขายังไปมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันแทนที่จะเป็นผู้หญิง!!...ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรกว่ะว่าชอบผู้ชาย! คอยดูนะกูจะเอาเกย์ทำผัวหยามหน้ามันซะเลย!!...คิดไปพลางหัวเสียไป ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซด์คันเล็กสีแดงตามสไตล์สาวฮอตหุ่นแซ่บแต่ไม่ได้แซ่บอย่างที่แฟนเก่าได้พูดทิ้งท้ายไว้! เธอจอดรถไว้หน้าหอพักตามปกติก่อนจะรีบขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดที่เด็ดดวงอย่างที่เธอชอบ

    Last Updated : 2025-02-11
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓. นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

    กว่าจะมาถึงเรือนน้ำก็เปียกเท้าไปเสียหมด สองนายบ่าวพากันพยุงร่างแม่หญิงขึ้นเรือนหลังใหญ่ตามยุคตามสมัย ถือว่าโอ่อ่าสมฐานะพอดูชม คนบนเรือนที่รอบุตรชายอย่างใจจดใจจ่อก็ลุกพรวดขึ้นเมื่อเห็นเรือเข้ามาเทียบท่าหน้าบ้าน ก่อนจะรีบเดินไปยังหน้าบันไดถัดจากที่นั่งกลางบ้าน ชายชราถือไม้เท้าค้ำยันตามวิสัยคนเฒ่าคนแก่ที่แข้งขาไม่ค่อยจะดีเดินนำคุณหญิงและคนอื่นๆไปดักหน้าลูกชายทันที“มีเหตุกระไร ใยถึงมิยอมรอรับคู่หมั้นคู่หมายของลูกกันเล่าพ่อราม”“ไหว้สาขอรับเจ้าคุณพ่อ...ลูกมีราชการด่วนจึงมิได้อยู่รอ..”“จริงอยู่ที่ว่างานนั้นสำคัญ แต่ใช่ว่าจักรั้งรอไม่ได้เสียเมื่อไหร่ มันใช่เหตุรือที่ออกไปทำการตั้งแต่เวลาชาย”ออกญาพระศรีสุริยะเอ่ยขึ้นเพราะรู้งานของบุตรชายตนอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรเมื่อใด แต่ที่ดูบุตรชายไม่เต็มใจทำและพยายามหลีกเลี่ยงคือการไปรับคู่หมั้นคู่หมายของตนถึงได้ออกไปทำงานตั้งแต่บ่าย“คุณพี่เจ้าคะ ลูกอาจจักมีเหตุผล” คุณหญิงซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนฟังอยู่นาน“แม่ซ่อนกลิ่นก็เป็นเสียอย่างนี้&rdq

    Last Updated : 2025-02-12
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔. ออกพระคู่หมั้น

    “ฉันถามว่าชื่ออะไร?” พูดย้ำอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าเซ็ง หรือว่าเธอพูดจาไม่รู้เรื่องกันนะพวกบ่าวทั้งสามถึงได้ไม่ยอมตอบเอาแต่มองหน้ากันไปมา รออยู่นานสองนานก็ไม่มีใครตอบจนเธอต้องพูดใหม่อีกครั้ง“ข้า...ถามว่าพี่ชื่ออะไร?” เมื่อพูดจบทั้งสามคนก็มองหน้ากันแล้วปล่อยน้ำตามาอีกครั้ง จับๆลูบๆคลำๆมือของเธอไม่หยุดทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น...WHATTTT???...วันนี้จะรู้เรื่องไหม?...“เป็นดังที่พ่อหมอว่าเลยอีสาลี่ แม่หญิงโดนพิษมากจนลืมไปเสียสิ้น” แจ่มเอ่ยขึ้น“ฮือๆ...พ่อหมอว่าตอนไหนวะ?” สาลี่เอ่ยถามทั้งน้ำตา“มึงมิได้ฟังรือ...พ่อหมอเจรจากับท่านออกพระว่าแม่หญิงโดนพิษมาก ฮือออ...” จันเอ่ยขึ้นต่อ“แต่พ่อหมอมิได้บอกว่าจะเสียสิ้นความจำ” สาลี่เอ่ยก่อนที่ทุกคนจะชะงักกึกมองหน้ากันราวกับไม่เคยร้องไห้...เออ คุยกันเองจังหวะซิทคอมเอง...บันเทิงล่ะทีนี้...สรุปไม่รู้เรื่อง!...“ใช่ก็ใช่ ข้าเสียความทรงจำ..ไม่สิ...หัวเสีย...ไม่ๆ ไม่ได้โกรธหัวเสียเพื่อ?!..

    Last Updated : 2025-02-12
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๕. คู่หมั้นที่เป็นเพื่อนสาว

    ไม่คาดคิดว่าแม่หญิงคู่หมั้นคู่หมายจะมีนิสัยแปลกไป แตกต่างจากผู้หญิงทุกคนในยุคนี้ราวกับเธอเป็นคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก ไม่หนำซ้ำยังกอดแขนกอดคอเรียกเขาว่าเพื่อนและสาวได้หน้าตาเฉยทั้งที่เธออายุน้อยกว่าเขาหลายขวบปี ตอนแรกยังว่าเขาแก่อยู่เลยอยู่ๆก็มาเป็นเพื่อนเสียอย่างนั้น“หึ....” ออกพระรามแอบมองพริกแกงที่กำลังทำท่าทางประหลาดอยู่แถวๆท่าน้ำหลังจากที่เจรจาต่อรองกันเสร็จเรียบร้อยในเรื่องที่เขาไม่เข้าใจภาษาแต่ก็พอเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อถึง ในสายตาของพริกแกงตอนนี้เขาเป็นพวกบันเดาะนอกรีตที่ครอบครัวไม่ยอมรับและปกปิดตัวเองไว้ แถมเจ้าหล่อนยังยอมรับได้ช่วยแต่งงานปกปิด“นี่มันเรื่องวิปริตกระไรกันหนอ” พูดไปมองท่าทางของหญิงสาวไปและยิ้มออกมา“มองดูอะไรรึพ่อราม” ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาหาลูกชายตัวเองทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยงรีบหันกลับไปทางต้นเสียงทันทีพร้อมกับเอาตัวเองบังหน้าต่างไว้“ดึกดื่นป่านนี้เจ้าคุณแม่ออกมาพบลูกด้วยเรื่องอันใดกันขอรับ?”“เรื่องแม่พริก”“ทำไมรึขอรับ?”“บ่

    Last Updated : 2025-02-13
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๖. มิสมควร

    “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เจเจ๊เป็นเพื่อนสาวไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างข้าไม่คิดว่าคุณออกพระเป็นชายเลยสักนิด”ว่าจบก็เดินเบี่ยงบ่าวทั้งสามไปแต่บ่าวทั้งสามก็รีบวิ่งไปดักหน้าจับเท้าเธอก้มหัวลงแทบจะชิดติดเท้าแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือทำเอาเธอตกใจไม่น้อย“หากแม่หญิงไป พวกบ่าวหลังลายเป็นแน่เจ้าค่ะ” แจ่มพูด“ไม่มีใครกล้าตีพวกพี่หรอกเชื่อข้า! ข้าจะปกป้องพวกพี่เอง” พูดพร้อมกับตบบ่าบ่าวทั้งสามก่อนจะรีบเดินไปยังห้องหอนอนตรงข้าม พวกบ่าวเห็นอย่างนั้นก็จำยอมต้องตามแม่หญิงของตนพร้อมกับมอบลงก้มหัวตัวสั่นอยู่หน้าห้องก๊อกๆ...“เจเจ๊ หลับหรือยังเจ้าคะ?” เคาะไปพลางเรียกไปแต่เสียงยังคงเงียบกริบ เธอเงี่ยหูแนบประตูไม้หวังจะฟังเสียงด้านใน แอบคิดว่าออกพระอาจจะนัดชายใดมาที่ห้องก็ได้ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วเธออยากรู้ว่าชาวLGBTQ+สมัยอยุธยาจะหาทางพลอดรักกันอย่างไรก๊อกๆ... “เจเจ๊..หลับหรือ...ว๊าย!!” ไม่ทันตั้งตัวใบหน้าที่แนบกับประตูไม้สีเข้มก็ถลาเข้าไปชนกับอกแกร่งแข็งทันทีจนเธอร้องเสียงหลง เขาเองก็รีบรับตัวเธ

    Last Updated : 2025-02-13
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๗. แม่พริกเปลี่ยนไป

    “นี่...แม่พริก...หรอกรือ?” ออกพระรามยังคงมองเธอนิ่งค้าง หญิงงามตรงหน้าเปลี่ยนไปเสียหมดทั้งรูปร่างหน้าตาแต่ก็ยังคงมีเค้าโครงหน้าเดิมของเธออยู่ พริกแกงยังคงยืนยิ้มแป้นอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าของเขา“ก็พริกแกงนี่แหละค่ะ พริกแกงคนดีคนเดิม”“...อ๋อ...เอ่อ...อืม...ออเจ้าเปลี่ยนไปมากเสียจน...”“สวยล่ะสิ”“สวย?”“เขาเรียกอะไร งาม...งามล่ะสิ”“ออ..อืม...ก็งามมากอยู่” พูดไปพร้อมยกยิ้มอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าการที่เธอหายหน้าไปอยู่แต่ในเรือนจะออกมาอีกทีเป็นหญิงงามจนเขาแทบจะไม่อยากวางละสายตาไปเสียอย่างนั้น“เจเจ๊ ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง”รอยยิ้มได้หุบลงหลังจากที่ได้ยินเธอเรียกเขา หญิงงามที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายยังคงคิดว่าเขาเป็นบันเดาะไม่ได้มองว่าเขาเป็นชายแท้นั้นทำให้เขาแทบหมดอารมณ์จะเอ่ยชม ถึงเขาชมเธอไปเธอก็ไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใดและคงคิดว่าชมแบบเพื่อนสาวอย่างที่เธอเคยบอกไว้เป็นแน่ ชมแบบอิจฉาเธอคงคิดอย่างนั้น...แต่ก็จำต้องยอม“เรื่

    Last Updated : 2025-02-14
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๘. โบราณว่าอย่านุ่งผ้าสีแดงไปนา

    เรือล่องไปตามแม่น้ำที่กว้างใหญ่ถ้าเทียบกับปัจจุบันที่ถูกถมดินไปกว่าครึ่งแม่น้ำ พริกแกงยังคงมองรอบๆตัวด้วยท่าทีตื่นตาตื่นใจ แม้มันจะไม่ทันสมัยเหมือนที่เธอเคยเป็นอยู่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงความสวยงามแบบธรรมชาติที่คนไทยสรรค์สร้างขึ้น บ้านเรือนที่ปลูกด้วยไม้ดูเข้ากันกับต้นไม้มากมายรายล้อม มีทุ่งนาที่สามารถมองเห็นได้เป็นหย่อมๆตลอดทางเรือของออพระรามที่เธอนั่งโดยสารอยู่ด้วยก็ได้พายมาถึงหัวโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาขนาบขนานระหว่างป้อมปืนและวัดนักบุญโจเซฟ ก่อนจะพายไปจอดถัดจากวัดนักบุญเลยคลองตะเคียนไปก็ถึงที่หมายที่เรียกว่าตลาดบ้านจีน ออกพระรามขึ้นจากเรือไปก่อนโดยไม่สนใจพริกแกงเลยสักนิดจนบ่าวคนสนิททั้งสามของเธอมาประคองขึ้นจากเรือแทน“คนอะไรใจดำชะมัด” ขึ้นฝั่งได้ก็อดมองคนที่ยืนหันหลังตาขวางไม่ได้ เคยเห็นแต่ในละครที่บุรุษกรุงเก่าจะช่วยเหลือแม่หญิงงาม แต่ไม่เคยเห็นใครเมินแม่หญิงแบบเขาผู้นี้“ออเจ้าก็ไปเดินชมตลาดกับบ่าวของออเจ้า ข้าก็จักไปทำธุระของข้า”“ก็ต้องอย่างนั้นแหละค่ะ”“อย่าได้เที่ยวทะเวนไปทั่วเพียงลำพังเป็นอันขาด&rdqu

    Last Updated : 2025-02-14
  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๙. เกิดเรื่อง

    ...ผลั่ก!! ซู้ม!!!...เสียงสุดท้ายที่ได้ยินราวกับหนังบู๊แอ็คชั่นที่เคยเห็นในละครโทรทัศน์ ร่างบางถูกผลักตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาหลังจากที่วิ่งหนีมาสักพัก ภาพสุดท้ายที่เห็นคือร่างหนาของอ้ายทองก่อนที่เธอจะตกลงไปในน้ำนั้นถูกควายขวิดจนกระเด็นเธอตกลงในน้ำจมลึกลงเรื่อยๆ พริกแกงพยายามหรี่ตาสู้กับน้ำสีขุ่นนั้นพยายามว่ายน้ำขึ้นไปก่อนจะเห็นลางๆ ว่ามีคนกระโดดน้ำลงมามากมายเพื่อหาเธอ แต่ไม่รู้ว่าเพราะกระแสน้ำหรืออย่างไรดูพวกเขาห่างไกลจากเธอพอสมควร...จะตายอีกแล้วเหรอวะ...ถ้าตายแล้วจะได้กลับไปโลกเดิมไหมนะ...ลมหายใจที่เก็บกลั้นไว้เหลือน้อยเต็มที เธอใกล้จะกลั้นหายใจไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ได้ยินเสียงจากบนผิวน้ำแค่กลายๆ ของบ่าวทั้งสามที่ร้องห้มร้องไห้ไม่พักพยายามร้องเรียกให้คนช่วย ไม่ต่างจากชาวบ้านแม่ค้าที่ร้องเรียกให้มาช่วยคนตกน้ำ...ยุคนี้ก็ทำให้เห็นแล้วน่า ชาวสยามมีน้ำใจแค่ไหน...ดีจังที่ได้เห็นก่อนจะ...ตู้มมมม!!!...เสียงของคนกระโดดลงน้ำใกล้ๆ เธอดังขึ้นในวินาทีที่เธอแทบจะไม่เหลือสติ ร่างกายค่อยๆ จมลงสู่ใต้แม่น้ำเจ้าพ

    Last Updated : 2025-02-15

Latest chapter

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๕. จุดจบ

    พริกแกงเริ่มเล่าที่มาของเธอว่าเธอนั้นมาจากอนาคตอีกสี่ร้อยปีข้างหน้า เพื่อมาแก้ไขไม่ให้ตัวเองอายุสั้นและการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนั้นมันเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปฝืนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลต่ออนาคต ทุกคนนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยสีหน้าเหลือเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เนื่องจากเธอไม่เหมือนคนอื่นๆ หลายอย่างจากที่ผ่านมา“ต่อไปกาลข้างหน้า จักมีผู้เก่งกาจกอบกู้เมืองสยามแล้วไปตั้งเมืองหลวงที่อื่นรือ?” พริกแกงพยักหน้าให้กับคำถามของจหมื่นพันแสง“นานรือไม่ กว่าจักกอบกู้เมืองได้?” พระยารามเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้“เจ็ด...” พริกแกงนำหน้าครุ่นคิด“เจ็ดปีเทียวรือ” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน พริกแกงส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ จากที่เธอเคยอ่านมา“เจ็ดเดือนเจ้าค่ะ”“เก่งประมาณนั้นเทียวรือ”“เก่งมากเลยล่ะเจ้าค่ะ...ไม่อย่างนั้นไทยก็คงไม่เป็นไทจนชั่วลูกชั่วหลาน” เมื่อได้ฟังอย่างนั้นทุกคนก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ความรักชาติบ้านเมืองของชาวกรุงเก่านั้นเข้มขลังจนเธอรู้สึกขนลุกอีกครั้ง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๔. ปมที่ต้องแก้ไข

    “แม่พริก...เป็นกระไรไปรือ? ตั้งแต่พี่กลับมาออเจ้าก็มิร่าเริงเลยหนา” พระยารามเอ่ยถามพริกแกงหลังจากที่เขาเปลี่ยนผลัดผ้าเรียบร้อย เพราะเธอไม่เข้าไปใกล้เขาเลยตอนแต่งชุดนักรบ พริกแกงหันมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ดูหวาดกลัว“คุณพี่...จำที่เคยสัญญากับข้าได้ไหมเจ้าคะ?” พริกแกงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล พระยารามยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู“พี่จำได้แม่น...พี่มิได้มีเมียเล็กเมียน้อยดอกหนา ไปถึงสุโขทัยมิได้เข้าหอชำเรา มิได้แตะเนื้อต้องตัวหญิงใด”“ไม่ใช่เรื่องนั้นเจ้าค่ะ”“ออ...มิว่าจะเกิดกระไรขึ้น...” เขาเงียบไปครู่หนึ่งหลุบสายตามองพริกแกงที่รอฟังอย่างคาดหวัง พระยารามจึงดึงเธอเข้ามากอดปลอบโยนเธอแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ก็จักมิมีวันฟันคอออเจ้าผู้ที่เป็นเมียพี่” เขาพูดขึ้น ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงนิ่งอึ้งค้างท่าทางเหมือนกลัวขนาดนั้นเมื่อตอนเห็นเขากลับมาพร้อมเครื่องราชย์เหล่านั้น“แล้วทำไมถึงเอาของพวกนั้นมาไว้ที่เรือนตัวเองล่ะเจ้าคะ? ไม่ใช่ว่าต้อง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๓. สุขสมอารมณ์หมาย

    อดทนมาหลายวัน แอบเมียงมองว่าที่ภริยาของตนเตรียมตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างห่วงๆ แต่กลับทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเธอกลับเป็นแม่บ้านแม่เรือนกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก ก่อนจะถึงวันแต่งงานเขาก็ได้ทำตามที่ใจของพริกแกงที่ได้ตั้งใจไว้เรื่องรับบ่าวเมื่อเข้าวังไปรับงานราชก็ทูลขอขุนหลวงเรื่องบ่าวของออกหลวงมโนสรที่ถูกชำเราให้ละเว้นโทษ และรับมาเลี้ยงดูเป็นบ่าวในเรือนของตน ขุนหลวงเห็นว่าออกพระรามมีผลงานดีงามและใกล้จะแต่งงานจึงได้ยอมยกบ่าวของออกหลวงให้ตามที่ทูลขอ อ้ายผาและพวกพ้องจึงเข้ามาทำงานในเรือนของออกพระรามและรับใช้อย่างซื่อสัตย์วันแต่งงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้พริกแกงจะทำตัวแก่นแก้วเต้นกลางงานแต่ก็พาคนอื่นๆ สนุกสนานไปด้วย เมื่อแต่งงานแล้วออกพระรามและพริกแกงก็ต้องหาที่ปลูกเรือนแยก ในบริเวณที่ดินใกล้เรือนพ่อแม่ของออกพระรามนั่นแหละ ไม่ได้ไกลกันนัก..ส่วนเรื่องของแม่เดือนแรมเห็นทีจะยอมพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว เนื่องจากจหมื่นพันแสงนั้นเคยขัดห้ามอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะฟ้องพ่อกับแม่ก็เลยทำให้แม่เดือนแรมยอมรามือไปเสีย ทุกอย่างคลี่คลายราบรื่น..แต่เพื่อนพ้องของออกพระรามคิดเห็นว่าออก

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๒. เชยชมบุปผางาม

    “ทะ...ทำไมต้องเขินด้วยเล่า...อย่างนี้คนอื่นก็เขินด้วยน่ะสิ” พริกแกงพูดแก้เขิน เมื่อเห็นเขาเขินเธอก็เขินตามไปด้วย ออกพระรามกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา“พี่มิเคย...เอ่ยคำนี้กับผู้ใด” พูดไปพลางเบือนหน้าหนี พริกแกงเองก็เบือนหน้ากลับมานั่งมองนิ้วตัวเองเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก...ตอนได้กันครั้งแรกยังไม่เห็นเขินอะไรขนาดนี้เลยด้วยซ้ำไม่ทันได้เขินนานนักก็รู้สึกถึงมือหนาที่เลื่อนลูบปลายเส้นผมของเธอเบาๆ พริกแกงหันไปมองหน้าคนที่เปลี่ยนอารมณ์ไวเหมือนกิ้งก่า คิดจะหันไปจิกกัดเขาแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่กำลังยิ้มบางๆ พร้อมกับก้มลงดอมดมปลายเส้นผมของเธอที่เขาจับอยู่ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นท่าทางนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งมีแขนแกร่งพาดเข่าที่ชันขึ้น มืออีกข้างจับเล่นเส้นผมของเธอดอมดมมันด้วยใบหน้าที่ดูพึงพอใจนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูมีเสน่ห์จนเธอละสายตาไม่ได้ ท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าโสร่งมัดพันรอบเอวยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์..รับกับใบหน้าหล่อคมหวานของเขาพอดิบพอดี เผลอจ้องจนเจ้าของร่างรู้ตัว“จดจ้องเรือนกายพี่เช่นนี้

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๑. ขัดคำสั่ง

    พอถึงช่วงเย็นก็ไปกินข้าวพร้อมหน้าเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้บรรยากาศมันจะเงียบเหงาไปเสียหน่อย ไม่กล้ามีใครเอ่ยพูดอะไรขึ้นต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าจนแล้วเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าเข้าหอนอนของตัวเองพริกแกงนั่งหวีสางผมเผ้าอยู่หน้ากระจก จ้องมองในกระจกนั้นอย่างเหม่อลอยเพราะในหัวคาวมคิดรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกผุ้อาวุโสทั้งสองว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากล้มเลิกงานแต่ง สีหน้าของทั้งสองท่านเมื่อตอนเย็นบนโต๊ะกินข้าวนั้นทำให้เธอนั่งถอนหายใจอยู่พักใหญ่ สาลี่และจันมองหน้ากันไปมาก่อนหันไปมองแม่หญิงของตนอย่างนึกห่วง“มีเรื่องกระไรมิสบายใจรือเจ้าคะแม่หญิง” สาลี่เอ่ยถาม“ข้าว่าคุณลุงคุณป้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ดูสีหน้าท่านเมื่อตอนเย็นสิพี่” พูดแล้วก็หันไปทำหน้างอแงใส่บ่าวทั้งสองคน สาลี่และจันเอื้อมมือไปจับกุมมือเล็กของผู้เป็นเจ้านายอย่างเอ็นดู“โธ่...แม่หญิงของบ่าว มิต้องคิดมากไปดอกเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเรื่องมันก็ซา” จันเอ่ยปลอบ“นั่นสิเจ้าคะ...ต่อให้แม่หญิงมิพูด แต่พอถึงวันงานมันก็จักดีขึ้นเจ้าค่ะ” สา

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๐. มิได้เป็นเช่นนั้น

    ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มกริ่มออกมาไม่ได้ เดินตามแม่หญิงขึ้นโบสถ์ไป ทั้งสองต่างนั่งแอบลอบมองกันไปมาอย่างยิ้มๆ พริกแกงเองก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาอยู่เนืองๆ การกระทำของชายหญิงทั้งคู่ประจักษ์แก่สายตาของคุณหญิงซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าลูกชาย หันไปเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปกับกิริยาท่าทางของลูกชายและพริกแกงเมื่องานเสร็จสรรพเรียบร้อยดี เหล่าขุนนางและคนอื่นๆ ก็ต่างพากันร่ำลากลับเรือนไปเสีย มาตั้งแต่เช้าจะกลับก็บ่ายแล้ว เรือขุนนางหลายลำแล่นแยกย้ายกันออกไป ออกญาผู้เป็นพ่อและคุณหญิงซ่อนกลิ่น รวมถึงพริกแกง ออกพระรามและบ่าวไพร่คนสนิทนั่งเรือลำเดียวกันเป็นเรือใหญ่ ส่วนบ่าวไพร่คนอื่นๆ ก็นั่งลำอื่นพายตามกันมาติดๆ คุณหญิงมองลูกชายตนที่นั่งแนบชิดติดกายแม่หญิงคู่หมั้นจ้องมองเธอไม่วางตาก็อดกระแอมขึ้นขัดไม่ได้“อะแฮ่ม...พ่อราม ใกล้จักถึงวันงานแต่งของลูกแล้วหนา”“ขอรับเจ้าคุณแม่” พูดตอบรับผู้เป็นแม่พลางจ้องมองหญิงสาวข้างกายด้วยรอยยิ้ม พริกแกงก็หลบเลี่ยงสายตามองไปทางอื่นไม่ให้ตัวเองเขินไปมากกว่านี้“แม่ใคร่ให้ลูก...อดใจห่างม

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๙. รู้ความจริง

    “เอ่อ...ก็...” พอรู้ตัวก็หลบเลี่ยงสายตาของจหมื่นพันแสงเล็กน้อย ลอบสายตาขึ้นมองออกพระรามที่นิ่งเงียบจ้องมองเธออย่างรอคำตอบที่เธอจะตอบรับจหมื่นพันแสงเช่นกัน“คุณหมื่นยังไม่ได้ตอบคำถามข้าที่ถามก่อนเลยนะเจ้าคะ” หลีกเลี่ยงคำตอบแล้วหันไปถามจหมื่นพันแสงกลับ เมื่อได้ยินอย่างนั้นจหมื่นพันแสงก็ยิ้มหวานออกมารู้ได้ว่าเธอกำลังหลีกเลี่ยงแต่เขาก็เลือกที่จะตอบคำถามของเธอ“ออ...ที่มิบอกกันกงๆ เพราะแม่หญิงผู้นั้นมิอาจเอื้อมถึง หาใช่แม่หญิงที่ควรนึกถึงได้ไม่...ในเมื่อหักใจตัดเสียมิได้...ก็จักเลือกแสดงความรู้สึกผ่านดอกไม้ดอกนั้น หากแม่หญิงผู้นั้นคิดเช่นเดียวกันกับชายผู้ให้ ก็จักเก็บดอกไม้นั้นไว้กับตัว”“อ๋อ รักต้องห้ามสินะ” พริกแกงพยักเข้าใจในทันทีอย่างลืมตัว เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับคำตอบนั้นไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายสมัยก่อนนี้มีความโรแมนติกอยู่ไม่น้อย“แล้วแม่เล่า...จักเก็บดอกปีบนั้นไว้รือจักทิ้งมันไปเสีย?” หันไปถามเธอกลับ พริกแกงมองจหมื่นพันแสงก่อนจะหันไปมองออกพระรามที่มองเธอด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บป

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๘. ต่อหน้าต่อตา

    เสร็จงานกฐินหลังจากที่ยกต้นกฐินเข้าโบสถ์ฟังเทศฟังธรรมกันอยู่นั้น พริกแกงที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่นานถึงกับอยู่ไม่สุข ความปวดเมื่อยคลืบคลานเข้ามาจนทำให้เอนตัวไปมาเพื่อคลายความปวดเมื่อยนั้น แม้ว่ามือเล็กทั้งสองข้างจะยกขึ้นพนมไหว้รับพรอยู่ก็ตามทีออกพระรามปรายสายตาหันไปทางเธอที่นั่งอยู่ด้านข้างห่างจากเขาเพียงทางเดินกั้น พริกแกงเห็นอย่างนั้นก็โน้มตัวเข้าไปทางเขาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงกระซิบ“คุณเจ๊ ข้าขอออกไปด้านนอกก่อนได้ไหมเจ้าคะ? พอดีมันเมื่อยจนขาชาไปหมดแล้ว” ออกพระรามได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้ากลับไปมองที่พระสงฆ์องค์เจ้ากำลังสวดให้พรอยู่“อืม” ตอบออกไปเพียงสั้นๆ แม้ในใจไม่อยากให้เธอหายไปจากสายตาของเขาเสียเท่าไหร่นักถึงอย่างไรเธอก็ไปอยู่ดีหากเขาห้ามก็คงไม่ฟังเมื่อได้รับคำอนุญาตพริกแกงก็ค่อยๆ ลุกคลานถอยหลังออกไปตามทางอย่างเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินขากระเพกออกจากโบสถ์ไป เรียกสายตาให้เพื่อนๆ ของออกพระรามหันไปมองแล้วอมยิ้มกลั้นขำไปตามๆ กันออกพระรามทอดถอนหายใจก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาฟังพระสวดต่อ ปรายสายตาเหลือบไปเห็นจหมื่

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๓๗. กฐินดึงดาว

    “คนรัก? ของข้ารือ?” จหมื่นสุนทรทำหน้าสงสัยอย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองไปมีคนรักตอนไหน พริกแกงพยักเพยิดหน้าไปทางโบสถ์ก่อนจะเห็นออกพระรามและแม่เดือนแรมเดินยิ้มหวานกันออกมา“โน่นไงเจ้าคะ มาโน่นแล้ว” จหมื่นสุนทรหันไปตามดวงหน้าที่พยักไป ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาอย่างเข้าใจว่าพริกแกงนั้นยังเข้าใจเขากับออกพระรามผิดไปอยู่ แต่จหมื่นสุนทรก็แปลกใจไม่น้อยที่ออกพระรามพาแม่เดือนแรมน้องสาวของจหมื่นพันแสงเข้าไปกราบพระแทนที่จะเป็นพริกแกงคู่หมั้น“มากันแล้วรือ” ออกพระรามและแม่เดือนแรมเดินมาถึงกลุ่มก้อนเพื่อนของตน ออกพระรามก็เอ่ยทักขึ้นโดยมีแม่เดือนแรมยืนเคียงข้างไม่ห่างกาย ส่วนพริกแกงนั้นยืนอยู่ระหว่างจหมื่นพันแสงและจหมื่นสุนทรเช่นกัน ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็ดูมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก“ขอรับออกพระท่าน” ทั้งสามเอ่ยตอบรับ ออกพระรามพยักหน้ายังคงหันไปขมวดคิ้วให้พริกแกงพร้อมถลึงถลนตาเป็นเชิงตักเตือนว่าไม่ควรที่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่พริกแกงกลับไม่รู้เพราะไม่เข้าใจที่เข้าต้องการจะสื่อเท่าไหร่“ที่ที่ควรยืนอยู่กลับมิยืน” พูดแล้วหั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status