หน้าหลัก / แฟนตาซี / เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์ / บทที่ 2 เผชิญโลกภายนอก / ของขวัญวันเกิด

แชร์

บทที่ 2 เผชิญโลกภายนอก / ของขวัญวันเกิด

ผู้เขียน: primพริมโรส
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-16 11:12:00

บทที่ 2 เผชิญโลกภายนอก / ของขวัญวันเกิด

ภาพสุดท้ายที่เหล่าบ่าวรับใช้ของตระกูลเจียงเห็นและกลับไปรายงานให้กับเจ้านายของพวกเขาแต่ละคนก็คือ ภาพของหญิงสาวที่มีสภาพไม่ต่างจากดอกไม้กลีบบอบบางที่โดยฝนกระหน่ำจนบอบช้ำแต่ทว่ายังแข็งใจเดินออกมา มือหนึ่งจูงลูกสาว อีกมือจูงมือลูกชาย และมีบ่าว 4 คนที่หอบข้าวของพะรุงพะรังเดินตามถนนของเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย

"เจี๋ยเออร์ เสวี่ยเออร์ ไม่ต้องกลัวนะลูก แม่ยังอยู่กับพวกเจ้าเสมอ"นางพูดกับลูกๆ ของนางเบาๆ 

เจียงหย่าเสวี่ยที่ร้องไห้เสียงสั่น

 "ท่านแม่...เราจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ? ทำไมท่านพ่อถึง..."

เจียงซิ่วเหยาพยายามยิ้มอย่างเข้มแข็งไปที่ลูกสาว

 "ไม่เป็นไรนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่จะพาพวกเจ้าไปในที่ที่ปลอดภัย เราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน เจ้าไม่ต้องกลัวอะไรเลย"

ป้าจวงหันมาพูดกับเจียงซิ่วเหมย"ฮูหยินเจ้าคะ เราแวะพักที่โรงเตี้ยมข้างหน้านั้นก่อนดีไหมเจ้าคะ? ดูเหมือนคุณหนูทั้งสองจะเหนื่อยกันมากแล้ว"

เจียงซิ่วเหยา "คุณหนู!! ต่อไปป้าจวงเรียกข้าว่าคุณหนูเถอะ..ตอนนี้ไม่มีฮูหยินอีกแล้ว เอาตามที่เจ้าว่าเถอะ เจี๋ยเออร์กับเสวี่ยเออร์คงจะหิวแล้วจริงไหมลูก?"

เจียงเจี๋ยเออร์และเจียงหย่าเสวี่ย พยักหน้า"หิวเจ้าค่ะ/เจ้าขอรับ ท่านแม่..."

เจียงซิ่วเหยา "ดีแล้ว พวกเราไปพักกันก่อน แล้วพรุ่งนี้เราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน"

"เฮ้อ น่าสงสารจริง ๆ นะ นั่นใช่ฮูหยินใหญ่จากจวนเจียงหรือเปล่า?" หญิงชาวบ้านคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

"ใช่แล้ว ข้าเคยเห็นนางตอนยังรุ่งเรืองอยู่ แต่นี่...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางบ้าง เดี๋ยวข้าจะแอบไปถามยายเฒ่าจงตอนนี่นางออกมาซื้อของ ไว้จะมาเล่าให้เจ้าฟัง" 

นางเอ่ยบอกเพื่อนของนางในการหาข่าวและจะมาช่วยกันไขความอยากรู้นี้ให้ได้ราวกับเป็นภารกิจที่จะต้องกระทำ หากไม่ทำจะกินข้าวไม่อร่อยอย่างไรอย่างนั้น

"ใครจะไปคิดว่าคนที่เคยสูงส่งขนาดนั้นจะต้องมาตกต่ำถึงเพียงนี้ ข้าเห็นตอนที่พวกนางถูกบ่าวรับใช้ในจวนโยนออกมาราวกับเป็นของไม่มีค่ามีราคา หาใช่ฮูหยินใหญ่ของตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่แบบนี้แล้วสงสารนัก ดูเหมือนลูกๆ ของนางจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ…เฮ้อ… พวกคนใหญ่คนโตนี้ทำอะไรคนธรรมดาแบบพวกเรานี้คาดไม่ถึงจริงๆ "

มีอีกเสียงที่ค้นพบสัจธรรมของชีวิต ดังขึ้นข้างๆ พวกนางสองคน พวกนางจึงหันไปทางนั้นและขยับเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อยจากนั้นการนินทาระยะเผาขนก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจังตามประสาจีนมุงอยากรู้ทุกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

"แต่ว่าเจ้าดูสิ นางยังคงดูเข้มแข็งอยู่นะ ไม่ได้อ่อนแอหรือน่าสมเพชเลยนางจูงมือลูก ๆ อย่างนั้น ราวกับว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายครอบครัวของนางได้ ผู้หญิงที่บอบบางแบบนางใครจะนึกว่าจะเข้มแข็งขนาดนี้ได้ " 

หญิงที่อยู่ในกลุ่มพูดต่อด้วยความทึ่งและมีหลายคนพยักหน้าตามที่นางพูดด้วย

"ก็จริง... ข้าว่าลูก ๆ ของนางคงจะไม่เข้าใจความลำบากที่กำลังเผชิญอยู่ แต่เห็นท่าทางของนางแล้ว ข้าคิดว่านางคงจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ" เพื่อนของนางเสริมพร้อมกับมองตามเจียงซิ่วเหยาที่จูงลูก ๆ และขบวนบ่าวเล็กๆ ที่เดินห่างออกไป

"แต่ก็นะ ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าช่วยเหลือ คนในเมืองหลวงนี่ใจดำกันจริง ๆ ทุกคนแค่สนใจตัวเองไม่มีใครอยากเอาตัวเข้าไปพัวพันกับคนที่ตกต่ำแล้ว" ชายชราที่วิ่งมาดูเหตุการณ์ตั้งแต่แรกพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเห็นใจ

"เจ้าก็พูดถูก เราเองก็ทำได้แค่มองเท่านั้น" เพื่อนของเขาตอบพร้อมถอนหายใจ “แต่ข้าก็หวังว่าพวกเขาจะผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้อย่างปลอดภัยสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ และเด็กๆ เสียจริง ท่านเสนาก็ช่างใจดำเหลือเกินจะให้ออกจากจวนก็ไม่ให้เวลาพวกนางเก็บของเรียกรถม้าเลย แบบนี้พวกนางจะเดินได้ถึงไหนกัน เฮ้ออ..”

จากนั้นก็มองภาพที่หญิงสาวที่เคยมีความสูงส่งต้องเดินฝ่าฝูงชนด้วยความยากลำบาก แต่ในขณะเดียวกันนางก็ดูเข้มแข็งและพร้อมที่จะปกป้องลูก ๆ และคนของนางอย่างเต็มกำลัง

เจียงหย่าเสวี่ยที่เดินเคียงข้างมารดานั้นร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวตลอดเวลา นางเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในห้องหอมาโดยตลอด ทำให้นางหวาดกลัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก นางตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อเผชิญกับผู้คนมากมายและบรรยากาศที่แสนวุ่นวายนางยังตั้งตัวไม่ทันจริงๆ ที่อยู่ ท่านพ่อก็โยนท่านแม่ออกมาจากจวน และท่านพ่อยังไม่ต้องการพวกนางอีก…ทำไมท่านพ่อถึงได้ทำแบบนั้น ทำไมถึงไม่รักพวกนางเหมือนกับที่รักลูกๆ ของแม่รองบ้าง นี่คือสิ่งที่เด็กสาวคิด ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดหวั่น

เจียงหย่าเสวี่ยเกาะแขนมารดาไว้แน่นราวกับจะหาแหล่งพึ่งพิง มือเล็ก ๆ ที่จับมือของมารดาสั่นเทาด้วยความกลัว ใบหน้าที่บอบบางซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น แต่ความอบอุ่นจากมือของมารดาที่จับนางไว้ก็ช่วยให้นางมีความมั่นใจขึ้นเล็กน้อย แววตาของเจียงหย่าเสวี่ยที่เต็มไปด้วยความอ่อนแอค่อย ๆ เริ่มแฝงไปด้วยความเข้มแข็งตามแบบที่มารดาแสดงให้เห็น ขณะที่บ่าวรับใช้ทั้งสี่คน แม้จะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการแบกข้าวของ แต่ก็ยังคงเดินตามอย่างจงรักภักดี พวกเขารับรู้ได้ถึงความสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ และต่างก็พร้อมที่จะร่วมฝ่าฟันไปกับนายของตน

ผู้คนในเมืองหลวงที่เดินผ่านต่างเหลือบมองพวกเขาด้วยความสนใจ บ้างหัวเราะเยาะ บ้างกระซิบกระซาบ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ พวกเขาเห็นเพียงครอบครัวที่ถูกทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดาย ท่ามกลางความโหดร้ายของชีวิตในเมืองหลวง เจียงซิ่วเหยาและลูก ๆ ต้องเดินฝ่าฝูงชนอย่างยากลำบาก แต่แม้จะไม่มีใครช่วย พวกเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ข้าวของที่บ่าวรับใช้ทั้งสี่แบกอยู่ทำให้การเดินเป็นไปด้วยความทุลักทุเล แต่ทุกคนก็ยังคงพยายามสุดความสามารถ

///////

ปักกิ่งปี 2024

ณ ลานกว้างใหญ่ที่ถูกจัดอย่างหรูหราและสง่างาม ท่ามกลางเสียงหัวเราะและการแสดงความยินดี บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี เนื่องในงานวันเกิดของปรมาจารย์อัจฉริยะ หลี่หนิงหญิงสาวที่มีอายุเพียง 35 ปี เธอที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดอัจฉริยะด้านจิตรกรรมในรอบ 100 ปีของ ความสามารถในการวาดภาพและการถ่ายทอดพลังจิตลงในผลงานทำให้หลี่หนิงได้รับการเคารพอย่างมากมายจากศิษย์และบุคคลในวงการศิลปะ ผู้คนต่างมาแสดงความเคารพและมอบของขวัญให้เธอในโอกาสพิเศษนี้

หลี่หนิง"ขอบคุณทุกคนมากที่มาในวันนี้ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจจริง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนและความรักจากพวกเธอทุกคน"

ลูกศิษย์คนหนึ่ง"อาจารย์หลี่คะ นี่คือของขวัญที่ฉันค้นพบจากร้านขายของโบราณที่เมืองเฉิงตู เห็นว่าพวกเขาได้มันมาจากสุสานที่ค้นพบไม่นานมานี้ค่ะ ฉันคิดว่ามันเหมาะสมกับอาจารย์อย่างมากเลยค่ะ มันดูเหมือนมีความลับอย่างไรไม่รู้ ฉันคิดว่าอาจารย์น่าจะชอบ"

หลี่หนิง ยิ้มและยื่นมือรับของขวัญ "พู่กันโบราณอย่างนั้นหรือ? ช่างลึกลับเสียจริง ๆ ขอบใจมากนะ พวกเธอช่างเอาใจใส่กันดีจริง ๆ"

ลูกศิษย์อีกคน "อาจารย์คะ ลองเปิดดูสิคะ พวกเราเองก็อยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรบ้าง"

เมื่อหลีหนิงเปิดกล่องเธอเห็นพู่กันโบราณที่อยู่ในกล่องนั้นดูสวยงามและลึกลับ ขนพู่กันที่ดูเหมือนจะนุ่มละมุนกลับมีแสงเรืองรองบางเบา ละม้ายคล้ายกับละอองเวทมนตร์ที่ลอยอยู่รอบๆ ขนพู่กัน เมื่อเธอยกมันขึ้นมองใกล้ๆ จะเห็นลวดลายโบราณที่สลักไว้บนด้ามจับ ลวดลายเหล่านั้นไม่ใช่เพียงลายเส้นธรรมดา แต่กลับดูเหมือนอักษรเวทมนตร์ที่มีพลังลี้ลับแฝงอยู่ แสงจางๆ จากลวดลายสลักนั้นคล้ายกับว่ายังมีชีวิต มีการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ราวกับมันกำลังสื่อสารอะไรบางอย่าง พู่กันนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังรอคอยผู้ที่คู่ควรที่จะใช้มัน พลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในทำให้หลี่หนิงรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่เธอไม่อาจอธิบายได้

หลี่หนิงมองพู่กันด้วยความประทับใจ "ดูสิ ขนพู่กันนุ่มมาก และลวดลายบนด้ามจับก็มีความละเอียดอ่อน เหมือนกับมีบางอย่างแฝงอยู่จริง ๆ"

ลูกศิษย์คนเดิม "อาจารย์ลองใช้ดูสิคะ บางทีอาจจะมีพลังพิเศษก็ได้นะคะ ฮ่า ๆ"

หลี่หนิงหัวเราะเบา ๆ "คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกจริง ๆ เหมือนกับว่ามีพลังอะไรบางอย่างที่ดึงดูดฉันอยู่"

หลี่หนิงรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างจากพู่กันนี้ มันราวกับว่ามันกำลังเชื้อเชิญให้เธอสัมผัสอย่างใกล้ชิด ด้วยความประทับใจ เธอค่อย ๆ ใช้นิ้วมือเรียวลูบไปตามปลายพู่กันที่นุ่มละมุน แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่ามีขนพู่กันเส้นหนึ่งที่แข็งเหมือนเข็ม หลี่หนิงยังไม่ทันจะขยับมือกลับ ขนพู่กันเส้นนั้นก็ทิ่มเข้าที่ปลายนิ้วของเธอ

“โอ๊ย!”

เธอร้องออกมาเบา ๆ ก่อนจะเห็นเลือดหยดหนึ่งซึมออกมาจากปลายนิ้ว เลือดหยดนั้นหยดลงไปบนพู่กันโบราณ มันซึมเข้าไปในขนพู่กันอย่างรวดเร็ว และเกิดบางสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น …พู่กันเหมือนกับมีชีวิต มันดูดซับเลือดของเธออย่างกระหาย ราวกับมันกำลังดื่มเลือดในชั่วพริบตา โลกทั้งใบของหลี่หนิงก็พลันมืดดับลง เสียงผู้คนที่กำลังเฉลิมฉลองรอบกายเธอก็หายไป ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไป เหมือนกับถูกดึงดูดเข้าไปสู่ความว่างเปล่า เธอไม่อาจควบคุมร่างกายของตนเองได้อีกต่อไป ร่างของเธออ่อนแรง และหลี่หนิงก็วูบลงไปทันที ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินทุกสิ่งที่เธอรับรู้ได้

เสียงของผู้คนรอบข้างตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยความตกใจ แต่หลี่หนิงกลับไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว มีเพียงความมืดที่เข้าปกคลุมสติและทำให้ทุกอย่างดับมืดลง…ไปตลอดกาล…

****

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 3 เจ็บแล้วจำคือคน....

    บทที่ 3 เจ็บแล้วจำคือคน....ท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่เบื้องบน เมฆลอยละล่องพลิ้วไหวเป็นระลอกคลื่น รถม้าสองคันแล่นตามกันออกจากเมืองหลวงที่คึกคักสู่ชนบทที่ห่างไกล สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้ากว้างขวาง ต้นไม้สูงชะลูดและอาคารแบบทรงนิยมในเมืองหลวง ที่อยู่เบื้องหลังดูเหมือนจะเลือนรางและห่างไกลออกไปทุกที บรรยากาศที่เคยครึกครื้นในเมืองหลวงกลับถูกแทนที่ด้วยความเงียบสงบและเดียวดาย มีเพียงเสียงล้อรถม้าที่กระทบกับถนนกรวดดังเบา ๆ และเสียงลมพัดผ่านเท่านั้น รถม้าคันหนึ่งเป็นที่นั่งของเจียงซิ่วเหยากับลูก ๆ และป้าจวงบ่าวคนสนิท อีกคันเป็นที่นั่งของบ่าวรับใช้สามคนและสัมภาระทั้งหมดที่นำติดตัวมา แม้จะมีคนอยู่ข้างกัน แต่ความรู้สึกที่ถูกทอดทิ้งและไร้ที่พึ่งก็ยังคงครอบงำหัวใจของพวกเขาเจียงซิ่วเหยานั่งอยู่ในรถม้า ป้าจวงบ่าวคนสนิทนั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งสองกำลังปรึกษากันเกี่ยวกับแผนการในอนาคต นางมองออกไปยังทิวทัศน์ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ นางรู้สึกทั้งกังวลและทุกข์ใจในเวลาเดียวกัน จุดหมายปลายทางของนางคือเมืองที่เรียกว่าอวี้ไห่ เมืองชนบทห่างไกลที่อยู่ริมทะเล ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านเกิดของท่านแม่ของนาง นางจำได้ว่าครั้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 4 การสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่

    บทที่ 4 การสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่การเดินทางที่ยาวนานและแสนเหน็ดเหนื่อยจากเมืองหลวงมายังเมืองอวี้ไห่ได้ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน ท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงจากแดดร้อนจัดสลับกับฝนตกอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นศัตรูที่ทำให้เจียงหย่าเสวี่ย ลูกสาวคนโตของเจียงซิ่วเหยาต้องป่วยไข้ตั้งแต่เริ่มการเดินทาง แม้นางจะเป็นเด็กที่แข็งแรงและมีความอดทนมากแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญกับการเดินทางที่เหนื่อยล้าและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย นางก็ไม่อาจต้านทานความเจ็บป่วยที่เข้ามากล้ำกลายได้ในระหว่างการเดินทาง คนขับรถม้าและผู้คุ้มกันก็มักจะพูดคุยกันถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างไม่คาดคิด"เฮ้อ วันนี้ร้อนจัดจนเหงื่อท่วมตัว แต่พอพ้นเที่ยงไปฝนก็เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว นี่มันอะไรกันนักหนา"คนขับรถม้าบ่นออกมา ขณะที่มือของเขากุมบังเหียนแน่นเพื่อควบคุมม้าไม่ให้วิ่งเร็วเกินไปบนถนนที่ลื่นจากฝน"ข้าเองก็ไม่เคยเห็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน" ผู้คุ้มกันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยตอบ"มันทำให้การเดินทางลำบากขึ้นเยอะจริง ๆ นายหญิงและคุณหนูก็ต้องลำบากไปด้วย ข้าหวังว่าเราจะไปถึงเมืองต่อไปโดยไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก""ใช่ ข้าก็หวังเช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง

    บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลงคืนที่เงียบสงัดหลังจากที่เจียงหย่าเสวี่ยฟื้นขึ้นมา ในคืนที่ลมหนาวพัดผ่านทุ่งหญ้าอย่างแผ่วเบา ดวงจันทร์ส่องแสงสลัวลงมายังค่ายพัก ร่างของเจียงหย่าเสวี่ยนั่งอยู่ในรถม้าที่คับแคบ ขณะที่ท่านแม่เจียงซิ่วเหยานั่งข้าง ๆ ด้วยความดีใจสุดขีด นางรีบทำโจ๊กผักอย่างที่ลูกสาวอยากกินมาให้สุดฝีมือ"เสวี่ยเออร์ กินเยอะ ๆ นะลูก จะได้หายไว ๆ" เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ขณะที่นางยกช้อนโจ๊กมาป้อนลูกสาว"ท่านแม่ ข้ากินเองได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องลำบากท่านหรอก"เจียงหย่าเสวี่ยตอบเบา ๆ แต่ก็รับช้อนจากมารดาด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆเจียงซิ่วเหยามองลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย นางยิ้มทั้งน้ำตา "ข้าอยากป้อนเจ้า ให้ข้ามั่นใจว่าเจ้าปลอดภัยแล้ว ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียเจ้าไป"หลังจากป้อนโจ๊กเสร็จ เจียงซิ่วเหยาลูบผมลูกสาวและกอดลูกไว้แน่นๆ ราวกับอยากให้ตัวเองมั่นใจว่านางไม่ได้สูญเสียลูกสาวที่รักคนนี้ไปจริง ๆ นางอยากจะมั่นใจว่าลูกยังอยู่ตรงนี้"ท่านแม่ ข้าปลอดภัยแล้ว ท่านไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ" เจียงหย่าเสวี่ยพูดปลอบเบา ๆเจียงซิ่งเหยาเมื่อป้อนโจ๊กผักให้ลูกสาวเสร็จก็ใช้หน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 6 ความสามารถของชิงหลง

    บทที่ 6 ความสามารถของชิงหลงเมื่อยามเช้ามาเยือน แสงแดดอ่อน ๆ ส่องทะลุผ้าม่านของรถม้าเข้ามา เจียงหย่าเสวี่ยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น นางหันมองไปรอบ ๆ พบว่าท่านแม่เจียงซิ่วเหยายังคงหลับอยู่ในอ้อมกอดของนาง นางจึงค่อย ๆ ขยับตัวออกมาอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ท่านแม่ตื่น นางเดินออกจากรถม้าและสูดอากาศบริสุทธิ์ของยามเช้า หยิบพู่กันชิงหลงออกมาจากเสื้อของนางพลางมองมันด้วยความสงสัยตอนนี้พวกเขาพักค้างแรมในป่า เจียงหย่าเสวี่ยค่อย ๆ เดินออกมาจากค่ายพักและบอกกับป้าจวงว่า "ข้าจะออกกำลังเล็กน้อยนะเจ้าคะ ป้าจวงไม่ต้องเป็นห่วง"ป้าจวงพยักหน้าและยิ้ม "ได้เจ้าค่ะ คุณหนู แต่โปรดระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ป่าตอนเช้านี้ยังมีหมอกหนาอยู่"เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มและเดินออกไป นางรู้สึกถึงความเงียบสงบของป่าและเสียงนกร้องที่สร้างความสดชื่นให้กับนาง"เจ้าคือพู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลงจริง ๆ หรือ?" เจียงหย่าเสวี่ยพึมพำกับตัวเอง ขณะจ้องมองพู่กันในมือทันใดนั้นเอง พู่กันก็ส่งประกายแสงสีฟ้าจาง ๆ ออกมา ราวกับกำลังตอบรับคำถามของนาง เจียงหย่าเสวี่ยมองดูด้วยความตกใจ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้นมาในหัวของนางอีกครั้ง"ใช่แล้ว เจ้าคือเจ้านายของข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? 

    บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? วันเวลาผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ที่พวกเขาเดินทาง และระยะทางที่จะถึงจุดหมายนั้นยังอีกประมาณครึ่งเดือน ค่ำวันหนึ่งเจียงหย่าเสวี่ยกำลังนอนพัก เธอเงี่ยหูฟังเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงนกร้อง และเสียงพูดคุยจากท่านแม่เจียงซิ่วเหยาและป้าจวงที่อยู่ใกล้ ๆ แม้ไม่ได้ตั้งใจจะฟัง แต่คำพูดบางคำก็แว่วเข้ามาในหู ทำให้เธอหยุดพู่กันที่กำลังขยับอยู่บนกระดาษ"คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้เงินที่เหลืออยู่ก็เพียง 400 ตำลึงเท่านั้นเอง อีกทั้งเรายังต้องเดินทางอีกเกือบหนึ่งเดือน ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี" ป้าจวงพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเงินที่หมดไปส่วนใหญ่นั้นก็เพราะต้องซื้อยาซื้อโสมราคาแพงมาบำรุงคุณหนูที่ป่วยหนักมาตลอดทั้งเดือน ถ้าไม่มีโสมและยาทั้งหมดนั้น คุณหนูคงไม่สามารถรอดมาได้ป้าจวงตอบด้วยความเศร้าใจ"ข้าไม่สนว่าเงินจะหมดไปเท่าไร สุขภาพของลูกสาวข้านั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าการใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้เสวี่ยเออร์ของข้าหายป่วย ข้าก็ยินดีที่จะแลกทุกอย่าง"เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใยเจียงหย่าเสวี่ยฟังคำพูดเหล่านั้นและรู้สึกหั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!

    บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!เสียงจากข้างหลังทำให้นางหันกลับไปมอง เป็นป้าจวงที่ตามมาหานาง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจเมื่อเห็นดงโสมและเห็ดหลินจือที่เพิ่งเกิดขึ้น"คะ…คุณหนู คือ..คือ..เออ ท่านทำทั้งหมดนี้หรือเจ้าคะ?"ถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อสายตา ป้าจวงถึงจะเป็นคนจิตแข็งขนาดไหนเมื่อเห็นกับตาว่าคุณหนู่ของนางอยู่ก็วาดๆ อะไรสักอย่างและเมื่อนางสะบัดแปรงเบาๆ ก็ทำให้มีเส้นแสงสีเงินสีทองวูบวาบเต็มไปหมดไม่ถึง5 อึดใจต้นโสมที่เป็นของหายากอันดับหนึ่งของป่าต่างก็รีบผุดขึ้นมาจากดินราวกับว่าหากขึ้นช้าแล้วจะไม่ทันหัวอื่นๆ อย่างไรอย่างนั้นนางก็ตกใจทีเดียวเจียงหย่าเสวี่ยนั้นแต่แรกก็ไม่ได้คิดจะปิดบังครอบครัวแต่เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาจึงไม่ได้บอกไป แต่เมื่อป้าจวงที่เป็นคนที่ภักดีที่สุดของท่านแม่มาเห็นเช่นนี้ นางก็ได้แต่ปล่อยให้ได้เห็น“ป้าจวงเร็วเข้ารีบมาขุดโสมเหล่านี้เร็ว ด้านนั้นยังมีเห็ดหลินจือด้วยเจ้าค่ะ ดอกใหญ่ๆ ทั้งนั้น อย่างเพิ่งนิ่ง เดี๋ยวกลับไปข้าจะอธิบายให้ฟังเจ้าค่ะ”เจียงหย่าเสวี่ยไม่อยากจะเสียเวลาเพราะหากอยู่ที่นี่นางไม่แน่ว่าท่านแม่อาจจะส่งใครมาตามพวกนางอีก ป้าจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 9 ขายโสม

    บทที่ 9 ขายโสม“ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะท่านแม่!!!” เสียงกระซิบของลูกสาวนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าเสียงที่นางบอกนั้นดังสนั่นในหัวของเจียงซิ่วเหยา“อะ..อะไรนะลูกรัก เจ้าพูดอีกทีซิ”เจียงซิ่วเหยาเอื่อมมือมาจับมือของลูกสาวและเขย่าเบาๆ เจียงหย่าเสวี่ยหันไปมองป้าจวงและพยักหน้าให้เล็กน้อยจากนั้น ป้าจวงก็นำตะกร้าใบหน้าเข้าไปวางไว้ในรถม้าปิดผ้าหน้าหน้าต่างให้เรียบร้อยและหันไปพยักหน้าให้คุณหนูเล็กของนางประมาณว่าเรียบร้อย เสร็จแล้วนางก็เดินไปหากลุ่มของคนขับรถม้าและคนคุ้มกันที่กำลังนั่งกินอาหารที่พวกนางทำโดยพวกเขาได้แยกไปนั่งไกลพอสมควร ทำให้ไม่เห็นสิ่งที่ป้าจวงแบกมาป้าจวงเดินไปหาอาหานและสั่งให้เขาทำความสะอาดไก่ทันที พลางหันไปบอกคนคุ้มกันว่าวันนี้พวกนางจะย่างไก่เพิ่ม เมื่อพวกเขาเห็นว่าวันนี้จะมีเนื้อเพิ่มขึ้นจึงวางชามโจ๊กและรีบไปช่วยอาหานจัดการไก่ทันที ใครเล่าจะไม่อยากกินเนื้อ เป็นอันว่าทั้งคนคุ้มกันคนขับรถม้าพากันเอาไก่ออกไปทำที่ลำธารที่อยู่ไม่ไกลแทนซึ่งเป็นการดีต่อเจียงหย่าเสวี่ยที่จะได้นำโสมและเห็ดหลินจือมาให้ท่านแม่ดูเมื่อเจียงซิ่วเหยาเดินเข้าไปในรถม้าที่ปิดประตูผ้าม่านเรียบร้อย ชั่วครู่ที่นางมองเห็นโสมขน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 10 โรงประมูลมังกรเหิน

    บทที่ 10 โรงประมูลมังกรเหินก่อนที่จะกลับมาที่โรงเตี้ยม ทั้งสองได้แวะไปที่โรงประมูลมังกรเหินและแจ้งตามที่หลงจู๊ของร้านขายยาหยูอี้ถังบอกว่าต้องการเข้าร่วมประมูล เมื่อพวกเขารู้ว่าจะมีโสมอายุ 1,000 ปี และเห็ดหลินจืออายุ 500 ปีเข้าประมูล ทำให้โรงประมูลนั้นตื่นเต้นและโกลาหลกันขึ้นมาทันที พวกเขาถึงขนาดเชิญหลงจู๊มาและขอให้พวกนางนำโสมและเห็ดหลินจือออกมาให้ดู เพราะว่ากลัวว่าพวกนางจะพูดไม่จริง และเมื่อได้เห็นของเรียบร้อย ตอนนี้สายตาที่พวกเขามองสองป้าหลานนั้นมีความนับถือมากขึ้นมาหลายส่วน"ข้าไม่ได้เห็นโสมที่มีอายุถึงพันปีมานานเหลือเกินแล้ว น่าจะเกือบ 10 ปีได้แล้ว มันล้ำค่าจริงๆ"หลงจู๊พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยตื่นเต้นและความประทับใจมาก นานมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นโสมและเห็ดหลินจือที่มีอายุเยอะขนาดนี้ในโรงประมูลมังกรเหินของพวกเขาและที่สำคัญมันถูกส่งเข้าประมูลเป็นคู่ด้วยครั้งนี้เมืองชิงเฉินจะต้องแตกตื่นอย่างแน่นอน พวกเขารีบส่งสายตาให้กันเป็นการบอกว่า พวกเจ้ารีบไปกระจายข่าวนี้ให้เร็วที่สุดและให้ได้มากที่สุดด้วยเพราะว่า ของมีค่าเช่นนี้มาถึงโรงประมูลกระชั้นชิดเหลือเกิน พวกเขาได้แต่ต้องทำวิธีการส่งข่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09

บทล่าสุด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 21 ข้าต้องการหย่า

    บทที่ 21 ข้าต้องการหย่าภายในห้องพักที่เงียบสงบแต่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง ฉินหลินเหม่ยนั่งอยู่บนเตียงโดยมีลูกสาวน้อยที่เพิ่งเกิดนอนอยู่ข้าง ๆ นางมองลูกน้อยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเศร้า น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของนางอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ ความคิดและความทรงจำหลากหลายถาโถมเข้ามาในใจของนาง ภาพของท่านเจ้าเมืองที่เมินเฉยต่อความรู้สึกของนาง ภาพของครอบครัวของเขาที่ไม่เคยยอมรับนางในฐานะภรรยา ไม่ว่านางจะพยายามเอาอกเอาใจพวกเขามากแค่ไหน เพราะความรู้สึกผิดที่ทำให้ครอบครัวของเขาอับอาย “ลูกน้อยของแม่...” นางกระซิบเบา ๆ ขณะที่ลูบศีรษะทารกน้อยอย่างอ่อนโยน“แม่เสียใจที่แม่ไม่สามารถมอบครอบครัวที่อบอุ่นให้เจ้าได้ แม่ทำให้เจ้าต้องเกิดมาในสถานการณ์เช่นนี้ แม่ช่างเป็นหญิงร้ายกาจ ไร้ยางอายสิ้นดี…”ความทรงจำในวันที่นางวางยาและมอมเหล้าท่านเจ้าเมืองผุดขึ้นมาในหัวของนาง นางยิ้มเยาะตัวเองด้วยความขมขื่น “ข้าช่างเป็นหญิงที่ไร้ค่า สิ่งเดียวที่ข้าทำได้คือใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้สิ่งที่ข้าต้องการ แต่สุดท้ายแล้ว ข้าก็ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากความเจ็บปวด และตอนนี้แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็เกือบจะเสียไป…”น้ำตาของฉิน

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 20 คลอดก่อนกำหนด

    บทที่ 20 คลอดก่อนกำหนดหลังจากที่ออกจากร้านขายภาพ ท่านแม่บอกว่าจะไปที่จวนท่านเจ้าเมืองเพราะว่าวันก่อนนั้นฮูหยินท่านเจ้าเมืองได้ส่งคนมาแจ้งว่าให้ไปดื่มน้ำชาที่จวน เจียงหย่าเสวี่ยและคณะหลังจากเดินดูร้านรวงครู่หนึ่งก็ได้เดินทางมาที่จวนของท่านเจ้าเมือง และขอเข้าพบกับฮูหยินตามนัดหมาย ทั้งหมดต่างมีท่าทางผ่อนคลายและยิ้มแย้มแต่ทันทีที่เข้ามาถึงประตูหน้าจวน ท่าทีผ่อนคลายกลับเปลี่ยนไปเป็นความตึงเครียด เมื่อเสียงโหวกเหวกของบ่าววิ่งมาทางพวกนาง พร้อมกับเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างเร่งด่วน“ช่วยด้วย! ฮูหยิน! ฮูหยินกำลังจะคลอด! ไปตามหมอตำแยเร็วเข้า!! มีใครว่างรีบไปเร็ว” เสียงของบ่าวรับใช้คนสนิทของฉินฮูหยินที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลทำให้ทุกคนหยุดชะงัก“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?" เจียงหย่าเสวี่ยเอ่ยถามบ่าวรับใช้คนที่นางพบที่เมืองชิงเฉิน“คุณหนูคือว่าฮูหยินของบ่าวถูกกระแทกหกล้มเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่านางจะคลอดแล้ว ข้า ข้าเห็นมีน้ำและเลือดไหลออกมา ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ช่วยฮูหยินของบ่าวด้วย”สาวใช้นั้นจำได้ว่าพวกนางเคยช่วยชีวิตฉินฮูหยินเอาไว้ที่เมืองชิงเฉินครั้งนั้นนางจึงได้เอ่ยออกไปเพราะว่าไม่รู้จะทำอย่างไร“แล้

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 19 จิตรกรเอกแห่งยุค

    บทที่ 19 จิตรกรเอกแห่งยุคหลังจากที่นางเอกได้มาถึงเมืองอวี้ไห่ พวกเขาก็หาบ้านเช่าระหว่างที่รอให้บ้านของตัวเองที่ซื้อที่และกำลังก่อสร้าง ซึ่งท่านเจ้าเมืองเองก็เป็นผู้เสนอว่าให้พวกนางหาที่พักชั่วคราวก่อน นางจึงยินดีรับข้อเสนอและเลือกบ้านเช่าที่อยู่ไม่ไกลจากที่ดินที่พวกนางกำลังก่อสร้าง การเช่าเป็นเพียงแค่ระยะเวลาชั่วคราวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบ้านใหม่ที่จะสร้างขึ้นในไม่ช้านี้เมื่อได้ที่พักเรียบร้อยแล้ว เจียงหย่าเสวี่ยและครอบครัวก็ตัดสินใจที่จะออกเดินดูเมืองอวี้ไห่ นางอยากจะสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเมืองและสำรวจสถานที่สำคัญต่างๆ ที่นี่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและผู้คนที่มีน้ำใจ ร้านค้าต่าง ๆ ตั้งเรียงรายตามท้องถนน มีทั้งร้านขายอาหาร ร้านขายผ้า และร้านขายเครื่องประดับ ทั้งหมดเต็มไปด้วยสีสันและความสดใสของเมืองท่าแห่งนี้ในขณะที่นางกำลังเดินไปตามท้องถนนกับท่านแม่ป้าจวงและเสี่ยวลิ้ว นางก็พบกับร้านหนึ่งที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ หน้าร้านที่มีแผ่นป้ายแขวนอยู่ด้านหน้าเป็นรูปพู่กันและกระดาษ แผ่นป้ายสีทองถลอกๆ นั้นมีตัวอักษรที่เขียนไว้อย่างสวยงาม "ร้านศิลป์เฉินหรู"เจียงหย่าเสวี่ยหยุดเดินและมองเข้าไปใน

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 18 ซื้อที่ดิน 

    บทที่ 18 ซื้อที่ดิน หลังจากทานอาหารและพักผ่อนจนหายเหนื่อยพวกเขาก็เดินทางต่อขบวนมาถึงเมืองอวี้ไห่ในตอนที่ใกล้จะค่ำแล้ว ป้าจวงรีบให้อาหานไปจัดการเรื่องที่พัก โดยพวกนางนั้นเข้าพักโรงเตี้ยมขนาดใหญ่เช่นเดิมและเมื่อเข้าพักเรียบร้อย คนขับรถม้าและผู้คุ้มกันต้องการที่จะกลับทันที แต่ว่าเจียงหย่าเสวี่ยนั้นบอกว่าให้เขาพักที่นี่ก่อนสัก 2-3 วันเพราะว่านางมีเรื่องอยากจะปรึกษาพวกเขาและนางได้จ่ายค่าจ้างเพิ่มให้พวกเขาอีกเท่าตัว และยังให้เงินพิเศษให้พวกเขาหาซื้อข้าวของไปฝากครอบครัวพวกเขาอีกคนละ 100 ตำลึงซึ่งทั้ง 4 คนนั้นเมื่อได้ทั้งค่าจ้างเพิ่มและยังได้เงินพิเศษพวกเขาจึงไม่ปฎิเสธเช้าวันต่อมาพวกนางนั้นให้อาหานไปถามเสี่ยวเออเพื่อที่จะขอที่อยู่ของจวนเจ้าเมือง เพื่อที่จะได้ส่งเทียบขอเข้าพบฮูหยินของท่านเจ้าเมืองซึ่งก็เป็นไปอย่างราบรื่นมากเพราะว่าฮูหยินท่านเจ้าเมืองนั้นก็รอการมาถึงของพวกนางอยู่ ขบวนของนางจอดอยู่หน้าคฤหาสน์ของเจ้าเมืองอวี้ไห่ ซึ่งเป็นอาคารที่ใหญ่โตและสง่างาม มีรั้วล้อมรอบอย่างเป็นระเบียบ พวกบ่าวรับใช้ต่างพากันมองด้วยความสงสัย เมื่อเห็นขบวนม้าที่หรูหราและงดงามเช่นนี้มาขอพบท่านเจ้าเมืองอวี้ไห่

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 17  สงสัย / ม้านิลมังกรมาแล้ว 

    บทที่ 17 สงสัย / ม้านิลมังกรมาแล้ว ในตอนที่ทั้งสองเดินจูงม้าสีขาวสองตัวออกมา ป้าจวงมีสีหน้าที่น้อยอกน้อยใจเล็กน้อย และมีการมองเคืองไปที่คุณหนูเล็กของนางเป็นบางครั้ง ซึ่งต่างจากเจียงหย่าเสวี่ยที่เดินยิ้มหน้าบาน มือไพล่หลังนำหน้ามาก่อน จะไม่ให้ป้าจวงหน้างอได้อย่างไร เมื่อนางบอกว่าอยากจะได้ม้าสีดำคุณหนูเล็กกลับบอกว่าให้รอถึงเมืองอวี้ไห่ก่อน เพราะว่าตอนนี้ม้าสองตัวนี้จะต้องมีคนขี่มัน หากว่าป้าจวงมีม้าสีดำแล้ว ใครจะเป็นคนขับรถม้าเล่าป้าจวงจึงขัดใจและเดินลากขาตามมาอย่างหมดอารมณ์"คุณหนูเล็ก ท่านช่างทำร้ายจิตใจหญิงชราเช่นข้ายิ่งนัก ข้าอยากจะมีม้าสีดำของตัวเองจริงๆ นะเจ้าคะ" ป้าจวงพูดพร้อมถอนหายใจเงียบ ๆ นางเหลือบมองม้าสีขาวที่เดินข้าง ๆ ด้วยความอิจฉาเจียงหย่าเสวี่ยหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง"ป้าจวงท่านก็ใจร้อนเป็นวัยรุ่นเชียวนะเจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าเมื่อถึงอวี้ไห่แล้ว ข้าจะวาดม้าสีดำแสนสวยให้ท่านแน่นอน ข้าเพียงต้องการให้ท่านช่วยดูแลรถม้าของพวกเราก่อนจะถึงที่นั่นเท่านั้นเอง หากว่าข้านำม้าสีดำออกมาคนของพวกเราก็จะไม่พอใครจะเป็นคนขี่ม้าขาวสองตัวนี่เล่าเจ้าค่ะ ใจเย็นๆ อดทน อดทน ฮ่าฮ่าฮ่า!!! " นาง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 16 เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิล รวดเร็วประดุจสายลม

    บทที่ 16 เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิล รวดเร็วประดุจสายลมหลังจากปัญหาเล็กๆ ที่ตัวใหญ่วิ่งหนีหายไป หลงจู๊ฟู่เสี่ยวหานก็เดินมาหากลุ่มของเจียงหย่าเสวี่ย และได้ทราบว่าพวกนางต้องการรถม้าเพื่อที่จะใช้เดินทางไปเมืองอวี้ไห่ต่อไป หลงจู๊ฟู่เสี่ยวหานจึงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มและเสนอตัวเป็นผู้ช่วยในทันที"ข้ารู้ดีว่าในเมืองนี้ที่ไหนมีรถม้าที่ดีที่สุดให้ข้าจะพาท่านไปเถอะขอรับ" เมื่อมีคนเขาอาสาพวกนางก็ไม่ขัดอยู่แล้วหลงจู๊ฟู่เสี่ยวหานนำพวกเจียงหย่าเสวี่ยไปยังร้านขายรถม้าขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองเป็นร้านที่เป็นสาขาของโรงประมูลมังกรเหินนั้นเอง เมื่อมาถึงเถ้าแก่ร้านเห็นหลงจู๊ฟู่พามาก็เข้าใจในทันทีว่าคนกลุ่มนี้ VVIP อย่างแน่นอนเขารีบเดินออกมารับด้วยตัวเองและเอ่ยต้อนรับอย่างสุภาพ"ยินดีต้อนรับท่านฮูหยินและคุณหนู พวกท่านมองหารถม้าแบบใดหรือขอรับ? ที่ร้านของเรามีรถม้าหรูหราหลากหลายแบบให้ท่านเลือกสรร"ภายในร้านที่เต็มไปด้วยรถม้าหลากหลายแบบ ทั้งคันใหญ่ คันเล็ก หรูหราและเรียบง่ายเจียงหย่าเสวี่ยยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า “ข้าต้องการรถม้าที่ดีที่สุด แข็งแรง สะดวกสบาย และหรูหราเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล”เถ้าแก่ร้านยิ้มอย่

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 15 เจ้ารู้หรือไม่ ป้าจวงคือใคร???!!!

    บทที่ 15 เจ้ารู้หรือไม่ ป้าจวงคือใคร???!!!เจียงหย่าเสวี่ยที่มาจากอนาคตนั้นรู้ทันทีว่าประโยคต่อมาที่คุณชายท่านนี้จะพูดนั้นคืออะไร"หากว่าข้าเดาไม่ผิด ประโยคต่อมาที่เจ้าจะพูดก็คือ... พวกเจ้ารู้ไหมว่าพ่อของข้าเป็นใครใช่หรือไม่!!!!""เจ้า!!! เจ้ากล้ามากที่มาพูดจาเช่นนี้กับข้า! ทั่วทั้งชิงเฉินนี่มีใครไม่รู้บ้างว่ามีแค่ข้าเท่านั้นที่สามารถพูดประโยคนี้ได้ " ฉินหลงแค่นเสียง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง"แต่ถึงเจ้าจะพูดไปแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็จะต้องได้พูดประโยคนี้ด้วย!!! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ข้าฉินหลง ข้าเป็นลูกชายของเจ้าเมืองชิงเฉิน! พ่อของข้าเป็นผู้ที่มีอำนาจที่สุดยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองนี้และไม่มีใครกล้าหือกับข้า!!"พูดเสร็จก็ยกกำปั้นอวบอ้วนของตัวเองขึ้นฟ้า และเชิดหน้าเล็กน้อย ถ้าหากว่าเป็นคนที่ผอมกว่านี้ทำมันอาจจะดูน่าเกรงขามมากกว่านี้แต่นี่เพราะเขาอ้วนมากเมื่อยกกำปั้นเงยหน้าก็เลยเป็นภาพที่ดูตลกเสียมากกว่าตอนนี้ผู้คนต่างก็เมียงมองและไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวพลางคิดสงสารกลุ่มเจียงหย่าเสวี่ยที่อุตส่าห์เข้าช่วยเหลือคนแต่กลับจะมีปัญหากับลูกอันธพาลของท่านเจ้าเมืองเสียแล้ว เฮ้ออ....

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 14 พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าพ่อของข้าเป็นใคร!!!! 

    บทที่ 14 พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าพ่อของข้าเป็นใคร!!!! เจียงหย่าเสวี่ยและครอบครัวกำลังเดินทางไปที่ร้านรถม้าด้วยความร่าเริง ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะได้เห็นรถม้าใหม่ที่พวกเขาวางแผนจะซื้อ ระหว่างทางพวกเขาทั้งเจ็ดคนหยุดแวะที่ตลาดเพื่อซื้อของอย่างสนุกสนาน"ข้าชอบปิ่นปักผมหยกชิ้นนี้มากดูสิ มันช่างงดงามเหลือเกิน" อาหงคุยกับเสี่ยวจิวพลางลูบและยกเครื่องประดับขึ้นมากันดู"เช่นนั้นก็ซื้อเลยพี่อาหง วันนี้เราจะซื้อทุกอย่างที่เราชอบ!" เจียงหย่าเสวี่ยหัวเราะอย่างสนุกสนาน ขณะที่นางหยิบผ้าปักลายมังกรที่มีสีสันสวยงามขึ้นมา มันเป็นผ้าคลุมไหล่ที่ปักได้สวยมาก งานแฮนด์เมดชัดเจนนางจึงหยิบมา 5-6 ชิ้นเอาคละสีกัน และยังเดินดูพวกขนสัตว์ต่างๆ ด้วย ท่านแม่นั้นตอนนี้กำลังเลือกอยู่เพราะว่าอีกไม่นานก็จะถึงฤดูหนาวแล้ว ขนสัตว์พวกนี้จะช่วยได้มาก พวกนางขนซื้อจนเถ้าแก่ยิ้มปากกว้างเกือบถึงหูทีเดียว"ไม่ทราบว่าจะให้ทางร้านไปส่งที่หรือขอรับ ซื้อเยอะขนาดนี้ทางร้านมีบริการส่ง""ไปส่งไว้ที่โรงเตี้ยมอิงฮวาเถอะ" ป้าจวงเป็นคนบอก แน่นอนว่าทุกคนในเมืองนั้นรู้ว่าโรงเตี้ยมอิงฮวานั้นอยู่ที่ไหน เพราะว่ามันเป็นโรงเตี้ยมที

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 13 วงการแฟชั่นเมืองชิงเฉินต้องสะเทือน

    บทที่ 13 วงการแฟชั่นเมืองชิงเฉินต้องสะเทือนภายในห้องนั้นพักขนาดใหญ่ของโรงเตี้อมอิงฮวา ที่เป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งของเมืองชิงเฉินที่พวกนางเลือกที่จะเข้าพัก เจียงซิ่วเหยาและเด็กๆ ต่างก็มองไปที่ตำลึงเงินตำลึงทองที่กองอยู่ในตะกร้าที่บ้านจวงแบกเข้ามา ภาพตะกร้าที่มีตำลึงเงินตำลึงทองนั้นสร้างความตะลึงและดึใจแก่ทุกคน ตอนนี้อาหงและเสี่ยวจิวบ่าวรับใช้ทั้งสองก็นั่งมองตาลอยอยู่เช่นกัน พวกนางนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะว่าเมื่อวานอยู่ๆคุณหนูเล็กกับป้าจวงก็บอกว่าจะออกไปหาเงินมาไว้ใช้สักเล็กน้อย และวันนี้พวกเจ้านายทั้งสามรวมทั้งป้าจวงก็พากันออกไปอีกครั้ง และเมื่อไม่นานเจ้านายทั้งสามนั้ได้กลับมาที่โรงเตี้ยมก่อนและบอกว่าป้าจวงไปรับเงิน เมื่อป้าจวงเดินแบกตะกร้าขนาดใหญ่เข้ามาในห้องพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้ มันมากมายจริงๆ เพราะตอนแรกที่ถูกไล่ออกจากจวนและต่อมาคุณหนูเล็กก็มาล้มป่วยอีกเป็นเดือน พวกนางนั้นรู้ดีว่าชีวิตความเป็นอยู่ต่อจากนี้จะต้องลำบากอย่างแน่นอน แต่ใครจะนึกว่า เมื่อไม่นานมานี้ไม่เพียงแต่คุณหนูเล็กจะหายป่วยและกลับมาค่อยๆ แข็งแรงแต่พวกเขากลับสามารถหาเงินมาเต็มเ

DMCA.com Protection Status