แชร์

บทที่ 6 ความสามารถของชิงหลง

ผู้เขียน: primพริมโรส
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-16 11:14:55

บทที่ 6 ความสามารถของชิงหลง

เมื่อยามเช้ามาเยือน แสงแดดอ่อน ๆ ส่องทะลุผ้าม่านของรถม้าเข้ามา เจียงหย่าเสวี่ยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น นางหันมองไปรอบ ๆ พบว่าท่านแม่เจียงซิ่วเหยายังคงหลับอยู่ในอ้อมกอดของนาง นางจึงค่อย ๆ ขยับตัวออกมาอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ท่านแม่ตื่น นางเดินออกจากรถม้าและสูดอากาศบริสุทธิ์ของยามเช้า หยิบพู่กันชิงหลงออกมาจากเสื้อของนางพลางมองมันด้วยความสงสัย

ตอนนี้พวกเขาพักค้างแรมในป่า เจียงหย่าเสวี่ยค่อย ๆ เดินออกมาจากค่ายพักและบอกกับป้าจวงว่า "ข้าจะออกกำลังเล็กน้อยนะเจ้าคะ ป้าจวงไม่ต้องเป็นห่วง"

ป้าจวงพยักหน้าและยิ้ม "ได้เจ้าค่ะ คุณหนู แต่โปรดระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ป่าตอนเช้านี้ยังมีหมอกหนาอยู่"

เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มและเดินออกไป นางรู้สึกถึงความเงียบสงบของป่าและเสียงนกร้องที่สร้างความสดชื่นให้กับนาง

"เจ้าคือพู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลงจริง ๆ หรือ?" เจียงหย่าเสวี่ยพึมพำกับตัวเอง ขณะจ้องมองพู่กันในมือ

ทันใดนั้นเอง พู่กันก็ส่งประกายแสงสีฟ้าจาง ๆ ออกมา ราวกับกำลังตอบรับคำถามของนาง เจียงหย่าเสวี่ยมองดูด้วยความตกใจ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้นมาในหัวของนางอีกครั้ง

"ใช่แล้ว เจ้าคือเจ้านายของข้า ผู้ที่ทำพันธสัญญากับข้าแล้ว ข้าคือชิงหลง พู่กันที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้ตามเจตจำนงของเจ้านาย"

เจียงหย่าเสวี่ยฟังเสียงในหัวของนางด้วยความประหลาดใจ นางไม่เคยคิดว่าพู่กันนี้จะมีชีวิตและสามารถสื่อสารกับนางได้

"เจ้าหมายความว่ายังไงที่ว่าเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้? แล้วข้าต้องใช้เจ้าอย่างไร?" เจียงหย่าเสวี่ยถามด้วยความสงสัย

"ชิงหลงมีพลังในการลิขิตสิ่งที่ท่านต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์หรือทำลายล้าง เพียงแต่เจ้านายต้องใช้พลังของข้าด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์และมั่นคง จึงจะสามารถควบคุมพลังที่รังสรรค์ออกมาได้ ข้าคือสัญลักษณ์แห่งพลังของสวรรค์ สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นจริง ท่านสามารถใช้ข้าเขียนคำลิขิตหรือวาดสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งมีชีวิต วัตถุ หรือปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ทุกสิ่งที่ท่านรังสรรค์จะก่อกำเนิดขึ้นจากพลังแห่งข้า แต่จงระวัง เพราะพลังของข้าคือการลิขิตชะตา สิ่งที่ท่านวาดไม่ได้เพียงเกิดขึ้นเท่านั้น แต่มันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสายธารแห่งชะตากรรมด้วย ดังนั้นจงใช้พลังข้าอย่างรอบคอบและด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์" ชิงหลงตอบด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำและมั่นคง

เจียงหย่าเสวี่ยนิ่งคิด นางรู้สึกทั้งทึ่งและตื่นเต้นกับพลังของชิงหลง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ นางไม่สามารถใช้พลังนี้ได้อย่างไม่ระมัดระวัง นางรู้ว่าพลังที่ยิ่งใหญ่นี้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของนางและคนรอบข้างได้ แต่นางก็ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลดีหรือผลร้ายอย่างไร

ขณะที่นางกำลังครุ่นคิด ก็เห็นป้าจวงกวักมือเรียกอยู่นางจึงเดินกลับมา ป้าจวงเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำชาในมือ นางมองเจียงหย่าเสวี่ยที่ยืนถือพู่กันอยู่ด้วยความสงสัย

"คุณหนูดื่มชาให้อบอุ่นร่างกายของเจ้าค่ะ คุณหนูป่วยมานานอย่าเดินเยอะจนเกินไป ค่อยๆ ออกกำลังและบำรุงนะเจ้าคะ แล้วนั่นคือพู่กันอะไรหรือเจ้าคะ? ป้าไม่เห็นมาก่อนเลย" ป้าจวงถามด้วยความสงสัย นางมองพู่กันในมือของเจียงหย่าเสวี่ยด้วยสายตาที่จับจ้อง

เจียงหย่าเสวี่ยเก็บพู่กันชิงหลงเข้าไปในเสื้อของนางทันที นางยิ้มบาง ๆ ให้กับป้าจวงและตอบว่า "อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกป้าจวง ข้าแค่รู้สึกอยากสูดอากาศยามเช้า ส่วนพู่กันนี่ข้าได้มานานแล้ว ดีที่หยิบมันมาด้วย"

ป้าจวงพยักหน้า แม้จะรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่คิดจะถามอะไรเพิ่มเติม นางยื่นน้ำชาให้เจียงหย่าเสวี่ย "นี่เจ้าค่ะน้ำแกงไก่ร้อน ๆ สำหรับเช้านี้ ท่านต้องบำรุงร่างกายมาก ๆ จะได้ฟื้นตัวไว ๆ บ่าวต้มน้ำแกงไก่ และก็ใส่โสมที่ได้มาลงไป คุณหนูดื่มสักหน่อยร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วเจ้าค่ะ " ป้าจวงบอกพลางมองดูคุณหนูของนางอย่างพินิจ ....เหมือนว่าจะมีอะไรไม่เหมือนคุณหนูคนเดิมแต่นางก็บอกไม่ได้ว่าเป็นตรงไหน

เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มรับน้ำแกงมาดื่ม ขณะที่ดื่มนางได้กลิ่นหอมของโสมที่อยู่ในน้ำแกง พลางคิดว่า การใช้โสมนั้นต้องใช้เงินมาก นางไม่สามารถห้ามความกังวลที่เกิดขึ้นได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้บ้านนางเหลือเงินอยู่เท่าไหร่ ความคิดเรื่องเงินทองที่ลดลงทำให้นางรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง นางหันไปถามป้าจวงด้วยความห่วงใย "ป้าจวง น้ำแกงนี้มีให้ท่านแม่ด้วยหรือไม่? ข้ารู้ว่าท่านแม่เหนื่อยมากที่ต้องดูแลข้าตลอดทาง" ป้าจวงยิ้มและพยักหน้า "มีเจ้าค่ะ คุณหนู ข้าเตรียมไว้ให้ท่านแม่ของคุณหนูด้วยแล้ว" เจียงหย่าเสวี่ยรู้สึกโล่งใจและขอบคุณในใจ นางรู้สึกขอบคุณป้าจวงที่คอยดูแลนางและครอบครัวของเจียงหย่าเสวี่ยอย่างเต็มที่แม้สถานการณ์ทางการเงินจะไม่ค่อยดี แต่เพราะว่าคุณหนูป่วยมานาน หมอที่สั่งยาจึงบอกว่าจำเป็นที่จะต้องให้ดื่มน้ำแกงโสม แม้ว่าเงินที่มีจะไม่เยอะแต่พวกนางก็ซื้อทันทีโดยที่ไม่ลังเลย หลังจากดื่มน้ำชาแล้ว นางก็หันไปมองที่พู่กันในเสื้อของนางอีกครั้ง นางรู้ว่าตนเองต้องเรียนรู้วิธีใช้พลังนี้เพื่อปกป้องครอบครัวเจียงและต่อสู้กับอันตรายที่อาจกำลังจะมาถึง

ช่วงบ่าย เจียงหย่าเสวี่ยตัดสินใจทดลองใช้พลังของชิงหลง นางเลือกที่จะลองใช้พู่กันนี้ในการวาดสิ่งเล็ก ๆ ก่อน เพื่อทดสอบว่าพลังของมันเป็นจริงหรือไม่ นางหากระดาษและน้ำหมึกมา แล้วนั่งลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หยิบพู่กันชิงหลงออกมาจากเสื้อของนาง

"ข้าจะลองวาดไก่และไข่ไก่" เจียงหย่าเสวี่ยพึมพำกับตัวเอง นางค่อย ๆ จับพู่กันชิงหลงและเริ่มลงมือวาดภาพไก่และไข่ไก่บนกระดาษ ทันทีที่เส้นแรกสัมผัสกับกระดาษ แสงสีฟ้าประกายออกมาจากปลายพู่กัน เส้นสายที่นางวาดออกมานั้นเหมือนจะเคลื่อนไหวได้ ราวกับมีชีวิตชีวาและกำลังเต้นรำไปตามจังหวะของพลังวิเศษ เมื่อวาดเสร็จ ไก่ตัวนั้นก็หลุดออกมาจากกระดาษอย่างน่าอัศจรรย์ แสงสีทองกระจายไปรอบ ๆ และกลายเป็นไก่ที่มีชีวิตจริง ๆ พร้อมกับไข่ไก่ที่กลิ้งตกลงมาที่พื้น ไก่ตัวนั้นส่งเสียงร้องก้องกังวาน เสียงนั้นดังก้องไปในป่า และทันใดนั้นเอง พื้นดินรอบ ๆ ก็เหมือนจะตอบรับ พื้นหญ้าสั่นไหวเบา ๆ และลมพัดเข้ามาอย่างอ่อนโยน ราวกับธรรมชาติกำลังยินดีกับการสร้างสรรค์นี้ เจียงหย่าเสวี่ยมองดูด้วยความตะลึง นางไม่อยากเชื่อว่าพลังนี้สามารถทำให้สิ่งที่วาดมีชีวิตได้จริง นางหันมองกระดาษที่วาดและพบว่าภาพไก่ที่นางวาดนั้นหายไป เหมือนกับว่ามันได้ก้าวออกมาจากกระดาษและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตจริง ๆ แสงสีฟ้ายังคงเรืองรองรอบ ๆ ไก่และไข่ เหมือนกับสิ่งที่นางสร้างขึ้นนี้ยังคงมีพลังแห่งสวรรค์แฝงอยู่

"มัน...เป็นจริง!" นางอุทานออกมา นางไม่อยากเชื่อในสายตาของตนเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นความจริง นางหันไปมองกระดาษอีกครั้งและตัดสินใจลองวาดรูปนก นางค่อย ๆ วาดรูปนกด้วยความตั้งใจ เส้นสายดูมีชีวิตชีวา และทันทีที่วาดเสร็จ แสงสีฟ้าประกายขึ้นจากกระดาษอีกครั้ง นกตัวเล็ก ๆ ที่นางวาดขึ้นมาด้วยพู่กันชิงหลงก็ค่อย ๆ หลุดออกมาจากกระดาษและกลายเป็นนกจริง ๆ ที่บินออกไปสู่อิสระบนท้องฟ้า นางมองดูนกที่บินออกไปด้วยความตะลึงและตื่นเต้น

เสียงของชิงหลงดังขึ้นมาในหัวของนางอีกครั้ง "เจ้านาย ข้าบอกแล้วว่าข้าสามารถทำให้สิ่งที่เจ้าวาดหรือเขียนกลายเป็นจริงได้ พลังของข้ามีมากมายมหาศาล แต่เจ้านายต้องใช้มันด้วยความระมัดระวังและด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน"

เจียงหย่าเสวี่ยพยักหน้า นางรู้สึกถึงพลังที่นางได้รับมา แต่นางก็รู้สึกถึงความหนักอึ้งของความรับผิดชอบเช่นกัน นางไม่สามารถใช้พลังนี้โดยประมาทได้ นางต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมันให้ดี เพื่อที่จะสามารถใช้มันในการปกป้องครอบครัวเจียงและช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

ทันใดนั้น เจียงหย่าเสวี่ยก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา นางหันไปมองชิงหลงแล้วถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง "แล้วข้าสามารถวาดเงินได้หรือไม่? ตอนนี้ข้าคิดว่าเงินที่มีในบ้านน่าจะเหลือน้อยแล้ว..."

ทันใดนั้นเอง ชิงหลงตอบเสียงดังและแข็งกร้าวทันทีแบบไม่ย่อมผ่อนปรนในเรื่องนี้เด็ดขาด

 "ไม่ได้!!!!" 

น้ำเสียงของชิงหลงทำให้เจียงหย่าเสวี่ยสะดุ้งเล็กน้อย นางมองพู่กันในมือด้วยสีหน้าตกใจ แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ นางพูดกับตัวเองอย่างขบขัน "เอาล่ะ เอาละ!!!ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ต้องเสียงแข็งขนาดนั้นก็ได้  ข้าแค่ลองถามดูเท่านั้นเอง ( เผื่อว่าจะฟลุก ) ไม่คิดว่าชิงหลงจะจริงจังขนาดนี้" 

นางยิ้มขำกับท่าทีของพู่กันที่ดูเหมือนจะมีบุคลิกของตัวเอง

ขณะเดียวกัน ท่านแม่เจียงซิ่วเหยาก็ตื่นขึ้นมา นางหันไปหาลูกสาวตามปกติ แต่เมื่อไม่เห็นเจียงหย่าเสวี่ยนอนอยู่ข้าง ๆ นางก็รู้สึกใจหาย ความกังวลเริ่มเข้ามาในใจ นางรีบลุกขึ้นและเดินออกจากรถม้าอย่างรวดเร็ว นางมองไปรอบ ๆ ค่ายพักด้วยความเร่งรีบ จนกระทั่งนางเห็นร่างผอมบางของเจียงหย่าเสวี่ยนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความห่วงและความกังวลที่มีต่อบุตรสาวค่อย ๆ เบาบางลง

เจียงซิ่วเหยาเดินเข้ามาหาเจียงหย่าเสวี่ยและนั่งลงข้าง ๆ อย่างแผ่วเบา

 "มานั่งทำอะไรตรงนี้ลูก เจ้าเพิ่งจะหายป่วยอย่าให้โดนลมมาก " 

พูดเสร็จก็ยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากของลูกสาวอีกเมื่อเห็นว่าร่างกายของนางไม่ร้อนและหน้าตาก็สดใสขึ้นนางจึงเบาใจ

เจียงหย่าเสวี่ยพยักหน้า นางรู้สึกถึงความห่วงใยที่แท้จริงที่มาจากฝ่ามือที่แตะที่หน้าผากของนาง ...ท่านแม่คนนี้ดีจังเลย เจียงหย่าเสวี่ยคิด เพราะว่าชีวิตก่อนนั้นนางเป็นเด็กกำพร้าที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด เพราะพ่อแม่ของนางเอานางมาทิ้งเอาไว้ที่หน้าประตู นางต้องเติบโตท่ามกลางความโดดเดี่ยวและการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก แต่โชคดีที่นางมีพรสวรรค์ทางศิลปะที่โดดเด่น นางเริ่มวาดรูปตั้งแต่ยังเด็ก ภาพที่นางวาดนั้นเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนและสื่ออารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้นางได้รับความสนใจจากครูผู้ดูแล

ด้วยความสามารถทางศิลปะของนาง นางจึงได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากมูลนิธิเด็กกำพร้า จนกระทั่งได้เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะที่มีชื่อเสียง นางตั้งใจเรียนและฝึกฝนอย่างหนัก นางใช้เวลาส่วนใหญ่กับการวาดภาพจนกลายเป็นอัจฉริยะด้านการวาดภาพ และมีชื่อเสียงมากในวงการศิลปะ แม้นางจะได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียง แต่ความรู้สึกโดดเดี่ยวในหัวใจนั้นก็ไม่เคยหายไป จนกระทั่งนางมาอยู่ในชาตินี้ นางเพิ่งได้สัมผัสถึงความรักและความอบอุ่นจากครอบครัวเป็นครั้งแรก ...มันดีจริงๆ เจียงหย่าเสวี่ยคิด

เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มและจับมือท่านแม่ นางรู้ว่าหนทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยความท้าทายและอันตราย แต่ด้วยพลังของพู่กันชิงหลงและความรักที่นางมีต่อครอบครัว นางจะสามารถฝ่าฟันทุกอุปสรรคและปกป้องครอบครัวเจียงให้ปลอดภัยได้ นางจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนที่นางรักได้อีกต่อไป จากนั้นนางก็หันหลังและร้องขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า…

“ท่านแม่เจ้าคะ!!! ดูนั่น ตรงนั้น….นั่นมันแม่ไก่นี่เจ้าคะ…มีไข่ด้วยเจ้าค่ะ….” จากนั้นรีบวิ่งไปจับมาทันที ( ไก่ไม่บินหนีด้วยนะ ) 

เนียนๆ เลย…

****ไม่ยอมให้วาดเงิน ไม่งั้นน้องสบายเลย 555 ***

**** สิ่งที่ไรท์ต้องการ....หัวใจสีแดง เพิ่มเข้าชั้นและคอมเมนต์มาเมาท์มอย ชี้แนะค่ะ จะได้อ่านนิยายสนุกด้วยกันทั้งคนเขียนและคนอ่าน *****

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? 

    บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? วันเวลาผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ที่พวกเขาเดินทาง และระยะทางที่จะถึงจุดหมายนั้นยังอีกประมาณครึ่งเดือน ค่ำวันหนึ่งเจียงหย่าเสวี่ยกำลังนอนพัก เธอเงี่ยหูฟังเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงนกร้อง และเสียงพูดคุยจากท่านแม่เจียงซิ่วเหยาและป้าจวงที่อยู่ใกล้ ๆ แม้ไม่ได้ตั้งใจจะฟัง แต่คำพูดบางคำก็แว่วเข้ามาในหู ทำให้เธอหยุดพู่กันที่กำลังขยับอยู่บนกระดาษ"คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้เงินที่เหลืออยู่ก็เพียง 400 ตำลึงเท่านั้นเอง อีกทั้งเรายังต้องเดินทางอีกเกือบหนึ่งเดือน ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี" ป้าจวงพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเงินที่หมดไปส่วนใหญ่นั้นก็เพราะต้องซื้อยาซื้อโสมราคาแพงมาบำรุงคุณหนูที่ป่วยหนักมาตลอดทั้งเดือน ถ้าไม่มีโสมและยาทั้งหมดนั้น คุณหนูคงไม่สามารถรอดมาได้ป้าจวงตอบด้วยความเศร้าใจ"ข้าไม่สนว่าเงินจะหมดไปเท่าไร สุขภาพของลูกสาวข้านั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าการใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้เสวี่ยเออร์ของข้าหายป่วย ข้าก็ยินดีที่จะแลกทุกอย่าง"เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใยเจียงหย่าเสวี่ยฟังคำพูดเหล่านั้นและรู้สึกหั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!

    บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!เสียงจากข้างหลังทำให้นางหันกลับไปมอง เป็นป้าจวงที่ตามมาหานาง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจเมื่อเห็นดงโสมและเห็ดหลินจือที่เพิ่งเกิดขึ้น"คะ…คุณหนู คือ..คือ..เออ ท่านทำทั้งหมดนี้หรือเจ้าคะ?"ถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อสายตา ป้าจวงถึงจะเป็นคนจิตแข็งขนาดไหนเมื่อเห็นกับตาว่าคุณหนู่ของนางอยู่ก็วาดๆ อะไรสักอย่างและเมื่อนางสะบัดแปรงเบาๆ ก็ทำให้มีเส้นแสงสีเงินสีทองวูบวาบเต็มไปหมดไม่ถึง5 อึดใจต้นโสมที่เป็นของหายากอันดับหนึ่งของป่าต่างก็รีบผุดขึ้นมาจากดินราวกับว่าหากขึ้นช้าแล้วจะไม่ทันหัวอื่นๆ อย่างไรอย่างนั้นนางก็ตกใจทีเดียวเจียงหย่าเสวี่ยนั้นแต่แรกก็ไม่ได้คิดจะปิดบังครอบครัวแต่เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาจึงไม่ได้บอกไป แต่เมื่อป้าจวงที่เป็นคนที่ภักดีที่สุดของท่านแม่มาเห็นเช่นนี้ นางก็ได้แต่ปล่อยให้ได้เห็น“ป้าจวงเร็วเข้ารีบมาขุดโสมเหล่านี้เร็ว ด้านนั้นยังมีเห็ดหลินจือด้วยเจ้าค่ะ ดอกใหญ่ๆ ทั้งนั้น อย่างเพิ่งนิ่ง เดี๋ยวกลับไปข้าจะอธิบายให้ฟังเจ้าค่ะ”เจียงหย่าเสวี่ยไม่อยากจะเสียเวลาเพราะหากอยู่ที่นี่นางไม่แน่ว่าท่านแม่อาจจะส่งใครมาตามพวกนางอีก ป้าจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 9 ขายโสม

    บทที่ 9 ขายโสม“ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะท่านแม่!!!” เสียงกระซิบของลูกสาวนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าเสียงที่นางบอกนั้นดังสนั่นในหัวของเจียงซิ่วเหยา“อะ..อะไรนะลูกรัก เจ้าพูดอีกทีซิ”เจียงซิ่วเหยาเอื่อมมือมาจับมือของลูกสาวและเขย่าเบาๆ เจียงหย่าเสวี่ยหันไปมองป้าจวงและพยักหน้าให้เล็กน้อยจากนั้น ป้าจวงก็นำตะกร้าใบหน้าเข้าไปวางไว้ในรถม้าปิดผ้าหน้าหน้าต่างให้เรียบร้อยและหันไปพยักหน้าให้คุณหนูเล็กของนางประมาณว่าเรียบร้อย เสร็จแล้วนางก็เดินไปหากลุ่มของคนขับรถม้าและคนคุ้มกันที่กำลังนั่งกินอาหารที่พวกนางทำโดยพวกเขาได้แยกไปนั่งไกลพอสมควร ทำให้ไม่เห็นสิ่งที่ป้าจวงแบกมาป้าจวงเดินไปหาอาหานและสั่งให้เขาทำความสะอาดไก่ทันที พลางหันไปบอกคนคุ้มกันว่าวันนี้พวกนางจะย่างไก่เพิ่ม เมื่อพวกเขาเห็นว่าวันนี้จะมีเนื้อเพิ่มขึ้นจึงวางชามโจ๊กและรีบไปช่วยอาหานจัดการไก่ทันที ใครเล่าจะไม่อยากกินเนื้อ เป็นอันว่าทั้งคนคุ้มกันคนขับรถม้าพากันเอาไก่ออกไปทำที่ลำธารที่อยู่ไม่ไกลแทนซึ่งเป็นการดีต่อเจียงหย่าเสวี่ยที่จะได้นำโสมและเห็ดหลินจือมาให้ท่านแม่ดูเมื่อเจียงซิ่วเหยาเดินเข้าไปในรถม้าที่ปิดประตูผ้าม่านเรียบร้อย ชั่วครู่ที่นางมองเห็นโสมขน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 10 โรงประมูลมังกรเหิน

    บทที่ 10 โรงประมูลมังกรเหินก่อนที่จะกลับมาที่โรงเตี้ยม ทั้งสองได้แวะไปที่โรงประมูลมังกรเหินและแจ้งตามที่หลงจู๊ของร้านขายยาหยูอี้ถังบอกว่าต้องการเข้าร่วมประมูล เมื่อพวกเขารู้ว่าจะมีโสมอายุ 1,000 ปี และเห็ดหลินจืออายุ 500 ปีเข้าประมูล ทำให้โรงประมูลนั้นตื่นเต้นและโกลาหลกันขึ้นมาทันที พวกเขาถึงขนาดเชิญหลงจู๊มาและขอให้พวกนางนำโสมและเห็ดหลินจือออกมาให้ดู เพราะว่ากลัวว่าพวกนางจะพูดไม่จริง และเมื่อได้เห็นของเรียบร้อย ตอนนี้สายตาที่พวกเขามองสองป้าหลานนั้นมีความนับถือมากขึ้นมาหลายส่วน"ข้าไม่ได้เห็นโสมที่มีอายุถึงพันปีมานานเหลือเกินแล้ว น่าจะเกือบ 10 ปีได้แล้ว มันล้ำค่าจริงๆ"หลงจู๊พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยตื่นเต้นและความประทับใจมาก นานมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นโสมและเห็ดหลินจือที่มีอายุเยอะขนาดนี้ในโรงประมูลมังกรเหินของพวกเขาและที่สำคัญมันถูกส่งเข้าประมูลเป็นคู่ด้วยครั้งนี้เมืองชิงเฉินจะต้องแตกตื่นอย่างแน่นอน พวกเขารีบส่งสายตาให้กันเป็นการบอกว่า พวกเจ้ารีบไปกระจายข่าวนี้ให้เร็วที่สุดและให้ได้มากที่สุดด้วยเพราะว่า ของมีค่าเช่นนี้มาถึงโรงประมูลกระชั้นชิดเหลือเกิน พวกเขาได้แต่ต้องทำวิธีการส่งข่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 11 แหวนมิติ

    บทที่ 11 แหวนมิติจากนั้นเสียงของฟู่เสี่ยวหานดังขึ้นมาอีกครั้ง“และแล้วก็ถึงเวลาที่ข้าคิดว่าทุกท่านรอคอยแล้ว!!!…..”ภายในห้องโถงใหญ่ของโรงประมูลมังกรเหิน จากที่เงียบเมื่อสักครู่เสียงก็ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง ทันใดนั้น ฟู่เสี่ยวหานก้าวไปด้านหน้า และเปิดกล่องที่อยู่ตรงกลางทันที จากนั้นก็หยิบแหวนวงเล็กๆ วงหนึ่งในมือของเขา แม้แต่ผู้ที่อยู่ห้องรับรองพิเศษด้านบนนั้นถึงกับเปิดประตูเพื่อออกมามองมันให้ชัดเจนมากขึ้นท่ามกลางความคาดหวังของทุกคนที่คิดว่าจะได้เห็นการประมูลโสมและเห็ดหลินจือในครั้งนี้ ฟู่เสี่ยวหานยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดึงดูดความสนใจ"ทุกท่านที่มาในวันนี้ข้าน้อยทราบดีว่านี่คือสิ่งที่พวกท่านคาดหวังจะได้เห็นและเป็นเจ้าของ ข้าน้อยขอเชิญทุกท่านจับตามองให้ดี เพราะของที่ทางโรงประมูลมังกรเหินจะนำเสนอในครั้งนี้ไม่ใช่โสมอายุ 1,000 ปีและเห็ดหลินจืออายุ 500 ปีที่ท่านคาดหวังไว้"จากนั้น เขาค่อยๆ กางมือออก แหวนวงเล็กๆ นั้นลอยขึ้นกลางอากาศและเปล่งแสงสีทองอ่อนออกมา เสียงผู้คนเริ่มเงียบลงด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะมีเสียงอุทานเบาๆ ดังขึ้นในกลุ่มคน"แหวนวงนั้น...มันทำอะไรได้?"ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 12 ป้าจวง

    บทที่ 12 ป้าจวงขณะที่ทุกคนภายในโรงประมูลยังคงตื่นตะลึงที่อยู่ๆ ผู้ชนะที่ประมูลแหวนมิติไปได้อยู่ก็หายวับไปกับตา เสียงอุทานด้วยความตกใจและการซุบซิบคาดเดาถึงตัวตนของผู้ประมูลผู้ลึกลับนั้นยังคงดังก้องอยู่ทั่วห้องโถงหลายคนยังไม่ทันได้คิดแผนร้ายที่จะหาทางช่วงชิงแหวนมา นางก็หายตัวไปเสียแล้ว ราวกับภูตผีที่ปรากฏขึ้นและหายไปในพริบตา"นางหายไปไหน!" ชายคนหนึ่งอุทานพลางหันไปมองรอบตัว"ข้าไม่ทันเห็นอะไรเลย นางหายไปเหมือนลม!" อีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความงุนงง"หรือว่านางจะเป็นจอมยุทธผู้วิเศษ?" หญิงสาวในชุดหรูหราถามพลางขมวดคิ้ว สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย"ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน นางต้องเป็นคนที่มีอำนาจบางอย่าง ถึงได้กล้าทุ่มเงินมากขนาดนั้นและหายตัวไปได้ในพริบตา" ชายสูงชุดสีทองเบอร์ 9 คนที่ ที่บ้านไม่มีอะไรมากนอกจากเงินซึ่งเป็นไปได้ว่ามีไม่เยอะเท่าหญิงสาวเมื่อสักครู่แล้ว พึมพำขณะที่มองดูที่ว่างตรงเวทีด้วยความไม่เชื่อสายตาเสียงซุบซิบยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนถึงกับเริ่มออกความคิดเห็นอย่างร้อนแรง"ข้าคิดว่าคนแบบนี้อาจจะเป็นสายลับของแคว้นอื่นก็ได้! นางดูไม่ธรรมดาเกินไป!""ข้าว่าเราไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 13 วงการแฟชั่นเมืองชิงเฉินต้องสะเทือน

    บทที่ 13 วงการแฟชั่นเมืองชิงเฉินต้องสะเทือนภายในห้องนั้นพักขนาดใหญ่ของโรงเตี้อมอิงฮวา ที่เป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งของเมืองชิงเฉินที่พวกนางเลือกที่จะเข้าพัก เจียงซิ่วเหยาและเด็กๆ ต่างก็มองไปที่ตำลึงเงินตำลึงทองที่กองอยู่ในตะกร้าที่บ้านจวงแบกเข้ามา ภาพตะกร้าที่มีตำลึงเงินตำลึงทองนั้นสร้างความตะลึงและดึใจแก่ทุกคน ตอนนี้อาหงและเสี่ยวจิวบ่าวรับใช้ทั้งสองก็นั่งมองตาลอยอยู่เช่นกัน พวกนางนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะว่าเมื่อวานอยู่ๆคุณหนูเล็กกับป้าจวงก็บอกว่าจะออกไปหาเงินมาไว้ใช้สักเล็กน้อย และวันนี้พวกเจ้านายทั้งสามรวมทั้งป้าจวงก็พากันออกไปอีกครั้ง และเมื่อไม่นานเจ้านายทั้งสามนั้ได้กลับมาที่โรงเตี้ยมก่อนและบอกว่าป้าจวงไปรับเงิน เมื่อป้าจวงเดินแบกตะกร้าขนาดใหญ่เข้ามาในห้องพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้ มันมากมายจริงๆ เพราะตอนแรกที่ถูกไล่ออกจากจวนและต่อมาคุณหนูเล็กก็มาล้มป่วยอีกเป็นเดือน พวกนางนั้นรู้ดีว่าชีวิตความเป็นอยู่ต่อจากนี้จะต้องลำบากอย่างแน่นอน แต่ใครจะนึกว่า เมื่อไม่นานมานี้ไม่เพียงแต่คุณหนูเล็กจะหายป่วยและกลับมาค่อยๆ แข็งแรงแต่พวกเขากลับสามารถหาเงินมาเต็มเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 14 พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าพ่อของข้าเป็นใคร!!!! 

    บทที่ 14 พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าพ่อของข้าเป็นใคร!!!! เจียงหย่าเสวี่ยและครอบครัวกำลังเดินทางไปที่ร้านรถม้าด้วยความร่าเริง ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะได้เห็นรถม้าใหม่ที่พวกเขาวางแผนจะซื้อ ระหว่างทางพวกเขาทั้งเจ็ดคนหยุดแวะที่ตลาดเพื่อซื้อของอย่างสนุกสนาน"ข้าชอบปิ่นปักผมหยกชิ้นนี้มากดูสิ มันช่างงดงามเหลือเกิน" อาหงคุยกับเสี่ยวจิวพลางลูบและยกเครื่องประดับขึ้นมากันดู"เช่นนั้นก็ซื้อเลยพี่อาหง วันนี้เราจะซื้อทุกอย่างที่เราชอบ!" เจียงหย่าเสวี่ยหัวเราะอย่างสนุกสนาน ขณะที่นางหยิบผ้าปักลายมังกรที่มีสีสันสวยงามขึ้นมา มันเป็นผ้าคลุมไหล่ที่ปักได้สวยมาก งานแฮนด์เมดชัดเจนนางจึงหยิบมา 5-6 ชิ้นเอาคละสีกัน และยังเดินดูพวกขนสัตว์ต่างๆ ด้วย ท่านแม่นั้นตอนนี้กำลังเลือกอยู่เพราะว่าอีกไม่นานก็จะถึงฤดูหนาวแล้ว ขนสัตว์พวกนี้จะช่วยได้มาก พวกนางขนซื้อจนเถ้าแก่ยิ้มปากกว้างเกือบถึงหูทีเดียว"ไม่ทราบว่าจะให้ทางร้านไปส่งที่หรือขอรับ ซื้อเยอะขนาดนี้ทางร้านมีบริการส่ง""ไปส่งไว้ที่โรงเตี้ยมอิงฮวาเถอะ" ป้าจวงเป็นคนบอก แน่นอนว่าทุกคนในเมืองนั้นรู้ว่าโรงเตี้ยมอิงฮวานั้นอยู่ที่ไหน เพราะว่ามันเป็นโรงเตี้ยมที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09

บทล่าสุด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...

    ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1

    ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 2  สองสุดยอดแพทย์แห่งยุค

    ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์

    ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 163  จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)

    บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?

    บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 161 ข้าได้บอกเจ้าหรือยังว่าอาจารย์ของข้าคือ จวงหลิวเฟิง!!!

    บทที่ 161 ข้าได้บอกเจ้าหรือยังว่าอาจารย์ของข้าคือ จวงหลิวเฟิง!!!เฟิงหย่าเสวี่ยถูกกับไป่เหลียนใช้มีดจี้ที่คอและถูกจับเอาไว้ พยายามนิ่งมากที่สุดแม้ว่าตอนนี้นางแmบจะไม่มีแรงที่จะยืนแล้ว ขณะนั้นเองมือขวากำเข็มเงินแน่น สายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของอีกตนที่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ล้อมไป่เหลียนเอาไว้ ทุกทางส่วนกองทัพเด็กของนางนั้นต่างก็ถูกช่วยเหลือและพาออกจากสถานที่นี้แล้ว ทำให้ตอนนี้กลางลานนั้นมีเพียงนางเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่พร้อมกับตัวประกันของนางที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดด้วย"เจ้าคิดว่าตัวเองจะหยุดข้าได้หรือ?" ไป่เหลียนเอ่ยเสียงเย็น พลางหันมองดวงหน้าที่งดงามของนังเด็กบ้าผู้นี้…เหตุใดนางถึงได้งดงามเช่นนี้แม้ว่าตอนนี้หน้าของนางจะซีดเซียวมากก็ตาม ไป่เหลียนคิด ดวงตาฉายแววอำมหิตขึ้นมาอีกครั้ง "เด็กน้อยอย่างเจ้า ช่างงดงามเสียจริงหากว่าความงามของเจ้าเป็นของข้าคงจะดีไม่น้อย ฮ่าฮ่าฮ่า!" นางพูดขึ้นมา พลางพยักหน้ากับความคิดของตัวเอง และคิดหาทางที่จะใช้ประโยชน์จากความเยาว์วัยนี้ให้ได้"ข้ารู้ว่าท่านกำลังทำผิด" เฟิงหย่าเสวี่ยตอบเสียงมั่นคง มือยังคงกำเข็มเงินแน่น "ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การทำร้ายผู้บริสุท

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 160  เจ้าแพ้แล้ว!!

    บทที่ 160 เจ้าแพ้แล้ว!!จวงหลิวอวี้จ้องมองเหตุการณ์ที่เบื้องหน้าอย่างแน่นิ่ง สายตาของนางจับจ้องเฟิงหย่าเสวี่ยที่ยกพู่กันชิงหลงขึ้นมา เสียงหัวใจเต้นหนักหน่วงในอกบอกให้นางรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก นางรีบพุ่งตัวเข้าหาหลานสาวทันที มือแข็งแรงคว้ามือที่กำพู่กันไว้แน่นก่อนที่จะทันได้วาดอะไรลงในอากาศ“อะไรก็ตามที่เจ้าคิดจะทำและเสียสละ...จงหยุดมันเดี๋ยวนี้!!!” จวงหลิวอวี้เอ่ยเสียงดัง สายตาของนางเต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใยเฟิงหย่าเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองป้าจวง ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความรักและเคารพที่นางมีต่อผู้ที่คอยปกป้องและดูแลมาตลอด ทว่าในแววตานั้นกลับแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง“ท่านป้า...” เฟิงหย่าเสวี่ยพูดเสียงสั่น ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา “ข้าขอโทษ...” คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความอาลัยจวงหลิวอวี้มองหลานสาวอย่างตกตะลึง นางยื่นมือไปจับใบหน้าของเฟิงหย่าเสวี่ย “เสวี่ยเออร์... เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เจ้าคือความหวังของตระกูลเฟิง! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียสละตัวเองเด็ดขาด เจ้านึกถึงท่านแม่และน้องชายของเจ้าสิพวกเขาจะเป็นอย่างไร หากว่า

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 159  ฉันขอทำหน้าที่ของฮองเฮาที่กล้าเสียสละเพื่อลูกหลาน

    บทที่ 159 ฉันขอทำหน้าที่ของฮองเฮาที่กล้าเสียสละเพื่อลูกหลาน"และนี่คือผลงานชิ้นเอกของข้า!" ไป่เหลียนผายมือไปที่เด็กๆ "พิษที่ไม่เพียงทำลายร่างกาย แต่ยังบดขยี้จิตวิญญาณ ทำให้พ่อแม่ต้องเห็นลูกของตัวเองกลายเป็นเครื่องมือสังหาร! ความทรมานทั้งผู้ใช้และผู้ถูกใช้ นี่คือสิคือสิ่งที่เรียกว่าพิษที่ดีที่สุดที่ที่ข้าสามารถสร้างขึ้นมาได้ ไม่เพียงทำลายหนึ่งแต่ทำลายได้ทั้งครอบครัวฮ่าฮ่าฮ่า!" เสียงหัวเราะของนางดังลั่นไปทั่วเฟิงซินซินร้องไห้จ้า มือน้อยๆ กำพู่กันแน่นดวงตาเล็กๆ ของนางมองไปที่เหล่าเด็กๆ ที่ถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดเป็นร่างที่ไร้ชีวิต"นางสละความเป็นมนุษย์... แลกกับพลังแห่งความชั่วร้าย ยิ่งมีผู้ถูกพิษตาย พิษก็ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งมีผู้ทุกข์ทรมาน พิษก็ยิ่งร้ายกาจ... วงจรแห่งความชั่วร้ายที่ไม่มีวันสิ้นสุด!"จวงหลิงเฟิงสะท้านเฮือก "นี่มัน... เกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะทำได้ไป่เหลียนเจ้านี่มันกู่ไม่กลับจริงๆ ไม่เคยสำนึกถึงความผิดของตัวเอง..""ฮ่าฮ่าฮ่า!!!นี่เจ้ารู้ได้อย่างไรเพื่อนรักว่าข้าไม่ใช่มนุษย์แล้ว!" ไป่เหลียนตะโกนก้องและหันมาจ้องมองเพื่อนรักในอดีตที่ได้กลายมาเป็นศัตรูคู่แค้น และเพราะความแค้น

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status