แชร์

บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง

ผู้เขียน: primพริมโรส
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-16 11:14:30

บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง

คืนที่เงียบสงัดหลังจากที่เจียงหย่าเสวี่ยฟื้นขึ้นมา ในคืนที่ลมหนาวพัดผ่านทุ่งหญ้าอย่างแผ่วเบา ดวงจันทร์ส่องแสงสลัวลงมายังค่ายพัก ร่างของเจียงหย่าเสวี่ยนั่งอยู่ในรถม้าที่คับแคบ ขณะที่ท่านแม่เจียงซิ่วเหยานั่งข้าง ๆ ด้วยความดีใจสุดขีด นางรีบทำโจ๊กผักอย่างที่ลูกสาวอยากกินมาให้สุดฝีมือ

"เสวี่ยเออร์ กินเยอะ ๆ นะลูก จะได้หายไว ๆ" เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ขณะที่นางยกช้อนโจ๊กมาป้อนลูกสาว

"ท่านแม่ ข้ากินเองได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องลำบากท่านหรอก"

เจียงหย่าเสวี่ยตอบเบา ๆ แต่ก็รับช้อนจากมารดาด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆเจียงซิ่วเหยามองลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย นางยิ้มทั้งน้ำตา

 "ข้าอยากป้อนเจ้า ให้ข้ามั่นใจว่าเจ้าปลอดภัยแล้ว ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียเจ้าไป"

หลังจากป้อนโจ๊กเสร็จ เจียงซิ่วเหยาลูบผมลูกสาวและกอดลูกไว้แน่นๆ ราวกับอยากให้ตัวเองมั่นใจว่านางไม่ได้สูญเสียลูกสาวที่รักคนนี้ไปจริง ๆ นางอยากจะมั่นใจว่าลูกยังอยู่ตรงนี้

"ท่านแม่ ข้าปลอดภัยแล้ว ท่านไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ" เจียงหย่าเสวี่ยพูดปลอบเบา ๆ

เจียงซิ่งเหยาเมื่อป้อนโจ๊กผักให้ลูกสาวเสร็จก็ใช้หน้าผากแตะหน้าผากนางอีกครั้งเป็นการวัดดูว่าลูกสาวยังตัวร้อนอยู่หรือไม่ และเมื่อมั่นใจว่าเจียงหย่าเสวี่ยตัวเย็นลงแล้วโล่งใจลูกของนางปลอดภัยไม่เป็นอะไรแล้ว ในตอนที่ป้าจวงต้มยาให้ ทุกคนต่างก็รีบรุมล้อมและไถ่ถามอาการด้วยความเป็นห่วงเมื่อทราบว่าตอนนี้คุณหนูไม่เป็นอะไรแล้วพวกเขาต่างๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะว่าที่ผ่านมานั้นพวกเขาก็ทราบว่าคุณหนูอาการหนักจริงๆ แต่เมื่อได้รับการยืนยันแบบนี้ความกังวลต่างๆ ก็ลดลงทันที

เมื่อให้ลูกสาวกินยาและจัดผ้าห่มให้เรียบร้อย นางก็ค่อยๆ นอนลงข้าง เพราะความเครียดและความอ่อนล้าทำให้เมื่อหัวถึงหมอนเจียงซิ่วเหยาก็หลับสนิททันที

เวลาผ่านไปหลายชั่วยามทุกสิ่งอย่างตอนนี้อยู่ในความเงียบสงบ ทุกคนต่างก็นอนหลับกันหมดแล้ว หลี่หนิงที่นอนหลับไปพักหนึ่งก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างรอนางอยู่ แสงสว่างน้อย ๆ เริ่มปรากฏขึ้นจากมุมของรถม้า หลี่หนิงหันไปมองด้วยความตกใจ ในที่สุดร่างโปร่งใสของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า นางมีใบหน้าที่อ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความเศร้าและความห่วงใย หลี่หนิงจำได้ทันทีว่านั่นคือเจียงหย่าเสวี่ย คนที่เคยอาศัยอยู่ในร่างนี้ก่อนที่วิญญาณของนางจะมาแทนที่

"เจ้าคือ...เจียงหย่าเสวี่ยใช่หรือไม่?" หลี่หนิงถามขึ้นมา นางไม่รู้ว่าวิญญาณที่อยู่ตรงหน้านั้นมาดีหรือร้าย

วิญญาณเจียงหย่าเสวี่ยพยักหน้าช้า ๆ นางยิ้มให้หลี่หนิงอย่างอบอุ่น แม้ในแววตาจะเต็มไปด้วยความเศร้า

"ใช่ ข้าคือเจียงหย่าเสวี่ย...หรือเคยเป็นเจียงหย่าเสวี่ยมาก่อน ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว แต่ก่อนที่ข้าจะไปข้ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะขอร้องพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" 

น้ำเสียงแสนเศร้าของนางและสายตาก็มองไปที่ท่านแม่และน้องชายที่หลับสนิทอยู่หลี่หนิงรู้สึกได้ถึงความเศร้าของนาง จึงได้เอ่ยถามว่านางต้องการให้นางทำอะไร

"เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรหรือ? ข้าไม่รู้ว่าข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ ข้าจะพยายามให้เต็มที่ เพราะถึงอย่างไรร่างนี้ก็เป็นร่างของเจ้าที่ข้ามาสิงสู่"

เจียงหย่าเสวี่ยถอนหายใจเบา ๆ นางมองหลี่หนิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

"ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ตั้งใจที่จะมาอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้ท่านได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวข้าแล้ว ข้าอยากขอร้องให้ท่านช่วยดูแลท่านแม่และน้องชายของข้า พวกเขาต้องการใครสักคนที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องพวกเขา ข้าเชื่อว่าท่านมีพลังที่จะทำเช่นนั้นได้เจ้าค่ะ"

หลี่หนิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแม้ว่าสิ่งนี่จะเป็นสิ่งที่นางตั้งใจจะทำอยู่แล้วและแววตาของเจียงหย่าเสวี่ยที่เต็มไปด้วยความหวังนั้นทำให้นางไม่คิดจะปฏิเสธได้ "ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า ข้าจะดูแลครอบครัวของเจ้าให้ดีที่สุด ข้าสัญญา และข้าขอบคุณเจ้าสำหรับร่างนี้ด้วยข้าจะดูแลร่างของเจ้าให้ดีเช่นกัน ร่างนี้จะปฎิบัติแต่สิ่งที่ดีเพื่อเป็นบุญกุศลให้เจ้าด้วย"

เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มอย่างอบอุ่น น้ำตาเอ่อล้นในดวงตานางพยักหน้า ก่อนที่นางจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

 “ขอบคุณ...ขอบคุณท่านมาก ท่านหลี่หนิงข้าเชื่อว่าท่านจะทำได้ นี่ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว”

 นางยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัวและร่างเริ่มจะเลือนราง เสียงของเจียงหย่าเสวี่ยแผ่วเบาราวกับลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้า

"ของสิ่งนั้น...มันกำลังจะตามมา มันจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกท่าน และอาจทำให้ท่านสมปรารถนาในสิ่งที่ท่านต้องการ จงใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด."

ดวงตาของเจียงหย่าเสวี่ยจับจ้องมาที่หลี่หนิงเหมือนต้องการจะย้ำเตือ

 "มันกำลังตามนายของมัน...ผู้ที่ได้ทำพันธสัญญาไว้แล้วมันกำลังกลับมา...จงเตรียมตัวให้พร้อม"

หลี่หนิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "ของสิ่งนั้น? มันคืออะไร? แล้วข้าต้องทำอย่างไร? ข้าไม่เข้าใจ..."

แต่ก่อนที่นางจะได้รับคำตอบ เจียงหย่าเสวี่ยกลับค่อย ๆ จางหายไป ร่างโปร่งใสนั้นกลายเป็นแสงเล็ก ๆ แล้วลอยหายไปในความมืด ความเงียบงันกลับมาปกคลุมอีกครั้ง หลี่หนิงนั่งนิ่งอยู่อย่างสับสน นางไม่เข้าใจสิ่งที่เจียงหย่าเสวี่ยบอก แต่ความรู้สึกในใจของนางกลับบอกว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

ทันใดนั้นเอง แสงสว่างแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมของรถม้า หลี่หนิงหันไปมองและเห็นวัตถุชิ้นหนึ่งกำลังส่องแสงออกมา มันเป็นพู่กันโบราณด้านนั้น ที่นางได้มาเป็นของขวัญจากลูกศิษย์ก่อนที่ขนของพู่กันที่ดูเหมือนจะนุ่มนวลนั้นกลับมีความแข็งประหนึ่งเข็มที่ทิ่มเข้ามาในนิ้วจนทำให้เลือดของนางไหลออกมา และที่นางจำได้นั้นดูเหมือนว่าพู่กันด้านนี้จะดูดซับเลือดของนางอย่างรวดเร็วด้วย

หลี่หนิงเอื้อมมือไปหยิบพู่กันนั้นขึ้นมา ทันทีที่นิ้วสัมผัสกับด้ามพู่กัน นางรู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนผ่านร่างกายของนาง มันไม่ใช่เพียงแค่พู่กันธรรมดา แต่มันมีพลังบางอย่างที่ทำให้นางรู้สึกถึงการเชื่อมโยงกับอดีตและอนาคต ราวกับว่าวัตถุชิ้นนี้มีจิตวิญญาณของตนเอง นางรู้สึกถึงภาพบางอย่างที่ไหลเวียนเข้ามาในจิตใจ เป็นภาพของการต่อสู้ ภาพของความมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามา และภาพของครอบครัวเจียงที่กำลังเผชิญกับอันตราย

"นี่คือสิ่งที่เจียงหย่าเสวี่ยพูดถึงหรือ?"

 หลี่หนิงพึมพำกับตัวเอง นางรู้สึกถึงความกังวลและความกลัวในใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้น นางรู้ว่าตนเองไม่สามารถหันหลังให้กับความรับผิดชอบนี้ได้ นางต้องปกป้องครอบครัวนี้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร

เสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นในหัวของหลี่หนิง มันเป็นเสียงของเจียงหย่าเสวี่ย 

"พู่กันนี้จะช่วยท่าน มันมีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งให้เป็นไปตามที่ท่านรังสรร ท่านต้องเรียนรู้วิธีใช้มัน...และต้องใช้มันด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์"

หลี่หนิงมองไปที่พู่กันในมือและใช้อีกมือลูบมันเบา ทันใดนั้นเองพู่กันก็เหมือนกับมีชีวิตมันลอยติดตามมือของนางเหมือนกับอยากจะหลอกล้อกับเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น และทันใดนั้นในหัวก็นางก็ปรากฎเสียงดังขึ้นมา..

“เจ้านาย ข้าหาท่านเจอแล้ว.” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น

หลี่หนิงนิ่งงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะทำให้ตัวเองย่อมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นพลางเอ่ยถามว่า

" เจ้าคือใคร "

“ชิงหลง!!!…คือชื่อของข้าหรือหากเป็นชื่อจริงของข้าก็คือ..”

น้ำเสียงที่ดังในหัวของนาง ทำให้นางเหมือนกับเห็นภาพว่าสิ่งที่กำลังพูดนั้นกำลังเชิดหน้าขึ้นและพูดด้วยท่าทางโอ้อวดว่า…

" พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง"

“พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลงอย่างนั้นหรือ!!”

 นางเอ่ยเบาๆ พลางใช้มือลูบไปที่ด้านที่ดูเหมือนจะมีชื่อเล็กๆ สลักอยู่ นางกำลังจะเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้เกี่ยวกับชิงหลง แต่ทว่าท่านแม่ที่หลับอยู่พลิกตัวและคว้ามาที่ร่างของนางเหมือนเป็นการทำให้มั่นใจว่านางยังนอนอยู่ข้างๆ หลี่หนิงจึงได้เงียบและนอนนิ่ง นางถอนหายใจเบา ๆ นางเก็บพู่กันไว้ในเสื้อของนางและตัดสินใจว่าพรุ่งนี้นางจะต้องเริ่มค้นหาคำตอบ นางค่อยๆ เอื่อมมือไปคว้ามือของท่านแม่เพื่อทำให้ท่านแม่อุ่นใจว่านางไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เมื่อเจียงซิ่วเหยาสัมผัสมือของลูกสาวได้แล้วนางค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเบาๆ และหลับสนิทไปอีกครั้ง หลี่หนิงหลับตาลง นางรู้ว่าหนทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยความท้าทายและอันตราย แต่ความหวังและความมุ่งมั่นที่นางมีจะทำให้นางสามารถเผชิญกับทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึงได้ นางไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไป นางมีครอบครัวที่ต้องปกป้อง และนางจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพวกเขาได้อีกต่อไป

****ผู้ช่วยตามมาแล้ว ****

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 6 ความสามารถของชิงหลง

    บทที่ 6 ความสามารถของชิงหลงเมื่อยามเช้ามาเยือน แสงแดดอ่อน ๆ ส่องทะลุผ้าม่านของรถม้าเข้ามา เจียงหย่าเสวี่ยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น นางหันมองไปรอบ ๆ พบว่าท่านแม่เจียงซิ่วเหยายังคงหลับอยู่ในอ้อมกอดของนาง นางจึงค่อย ๆ ขยับตัวออกมาอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ท่านแม่ตื่น นางเดินออกจากรถม้าและสูดอากาศบริสุทธิ์ของยามเช้า หยิบพู่กันชิงหลงออกมาจากเสื้อของนางพลางมองมันด้วยความสงสัยตอนนี้พวกเขาพักค้างแรมในป่า เจียงหย่าเสวี่ยค่อย ๆ เดินออกมาจากค่ายพักและบอกกับป้าจวงว่า "ข้าจะออกกำลังเล็กน้อยนะเจ้าคะ ป้าจวงไม่ต้องเป็นห่วง"ป้าจวงพยักหน้าและยิ้ม "ได้เจ้าค่ะ คุณหนู แต่โปรดระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ป่าตอนเช้านี้ยังมีหมอกหนาอยู่"เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มและเดินออกไป นางรู้สึกถึงความเงียบสงบของป่าและเสียงนกร้องที่สร้างความสดชื่นให้กับนาง"เจ้าคือพู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลงจริง ๆ หรือ?" เจียงหย่าเสวี่ยพึมพำกับตัวเอง ขณะจ้องมองพู่กันในมือทันใดนั้นเอง พู่กันก็ส่งประกายแสงสีฟ้าจาง ๆ ออกมา ราวกับกำลังตอบรับคำถามของนาง เจียงหย่าเสวี่ยมองดูด้วยความตกใจ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้นมาในหัวของนางอีกครั้ง"ใช่แล้ว เจ้าคือเจ้านายของข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? 

    บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? วันเวลาผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ที่พวกเขาเดินทาง และระยะทางที่จะถึงจุดหมายนั้นยังอีกประมาณครึ่งเดือน ค่ำวันหนึ่งเจียงหย่าเสวี่ยกำลังนอนพัก เธอเงี่ยหูฟังเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงนกร้อง และเสียงพูดคุยจากท่านแม่เจียงซิ่วเหยาและป้าจวงที่อยู่ใกล้ ๆ แม้ไม่ได้ตั้งใจจะฟัง แต่คำพูดบางคำก็แว่วเข้ามาในหู ทำให้เธอหยุดพู่กันที่กำลังขยับอยู่บนกระดาษ"คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้เงินที่เหลืออยู่ก็เพียง 400 ตำลึงเท่านั้นเอง อีกทั้งเรายังต้องเดินทางอีกเกือบหนึ่งเดือน ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี" ป้าจวงพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเงินที่หมดไปส่วนใหญ่นั้นก็เพราะต้องซื้อยาซื้อโสมราคาแพงมาบำรุงคุณหนูที่ป่วยหนักมาตลอดทั้งเดือน ถ้าไม่มีโสมและยาทั้งหมดนั้น คุณหนูคงไม่สามารถรอดมาได้ป้าจวงตอบด้วยความเศร้าใจ"ข้าไม่สนว่าเงินจะหมดไปเท่าไร สุขภาพของลูกสาวข้านั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าการใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้เสวี่ยเออร์ของข้าหายป่วย ข้าก็ยินดีที่จะแลกทุกอย่าง"เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใยเจียงหย่าเสวี่ยฟังคำพูดเหล่านั้นและรู้สึกหั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!

    บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!เสียงจากข้างหลังทำให้นางหันกลับไปมอง เป็นป้าจวงที่ตามมาหานาง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจเมื่อเห็นดงโสมและเห็ดหลินจือที่เพิ่งเกิดขึ้น"คะ…คุณหนู คือ..คือ..เออ ท่านทำทั้งหมดนี้หรือเจ้าคะ?"ถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อสายตา ป้าจวงถึงจะเป็นคนจิตแข็งขนาดไหนเมื่อเห็นกับตาว่าคุณหนู่ของนางอยู่ก็วาดๆ อะไรสักอย่างและเมื่อนางสะบัดแปรงเบาๆ ก็ทำให้มีเส้นแสงสีเงินสีทองวูบวาบเต็มไปหมดไม่ถึง5 อึดใจต้นโสมที่เป็นของหายากอันดับหนึ่งของป่าต่างก็รีบผุดขึ้นมาจากดินราวกับว่าหากขึ้นช้าแล้วจะไม่ทันหัวอื่นๆ อย่างไรอย่างนั้นนางก็ตกใจทีเดียวเจียงหย่าเสวี่ยนั้นแต่แรกก็ไม่ได้คิดจะปิดบังครอบครัวแต่เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาจึงไม่ได้บอกไป แต่เมื่อป้าจวงที่เป็นคนที่ภักดีที่สุดของท่านแม่มาเห็นเช่นนี้ นางก็ได้แต่ปล่อยให้ได้เห็น“ป้าจวงเร็วเข้ารีบมาขุดโสมเหล่านี้เร็ว ด้านนั้นยังมีเห็ดหลินจือด้วยเจ้าค่ะ ดอกใหญ่ๆ ทั้งนั้น อย่างเพิ่งนิ่ง เดี๋ยวกลับไปข้าจะอธิบายให้ฟังเจ้าค่ะ”เจียงหย่าเสวี่ยไม่อยากจะเสียเวลาเพราะหากอยู่ที่นี่นางไม่แน่ว่าท่านแม่อาจจะส่งใครมาตามพวกนางอีก ป้าจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 9 ขายโสม

    บทที่ 9 ขายโสม“ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะท่านแม่!!!” เสียงกระซิบของลูกสาวนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าเสียงที่นางบอกนั้นดังสนั่นในหัวของเจียงซิ่วเหยา“อะ..อะไรนะลูกรัก เจ้าพูดอีกทีซิ”เจียงซิ่วเหยาเอื่อมมือมาจับมือของลูกสาวและเขย่าเบาๆ เจียงหย่าเสวี่ยหันไปมองป้าจวงและพยักหน้าให้เล็กน้อยจากนั้น ป้าจวงก็นำตะกร้าใบหน้าเข้าไปวางไว้ในรถม้าปิดผ้าหน้าหน้าต่างให้เรียบร้อยและหันไปพยักหน้าให้คุณหนูเล็กของนางประมาณว่าเรียบร้อย เสร็จแล้วนางก็เดินไปหากลุ่มของคนขับรถม้าและคนคุ้มกันที่กำลังนั่งกินอาหารที่พวกนางทำโดยพวกเขาได้แยกไปนั่งไกลพอสมควร ทำให้ไม่เห็นสิ่งที่ป้าจวงแบกมาป้าจวงเดินไปหาอาหานและสั่งให้เขาทำความสะอาดไก่ทันที พลางหันไปบอกคนคุ้มกันว่าวันนี้พวกนางจะย่างไก่เพิ่ม เมื่อพวกเขาเห็นว่าวันนี้จะมีเนื้อเพิ่มขึ้นจึงวางชามโจ๊กและรีบไปช่วยอาหานจัดการไก่ทันที ใครเล่าจะไม่อยากกินเนื้อ เป็นอันว่าทั้งคนคุ้มกันคนขับรถม้าพากันเอาไก่ออกไปทำที่ลำธารที่อยู่ไม่ไกลแทนซึ่งเป็นการดีต่อเจียงหย่าเสวี่ยที่จะได้นำโสมและเห็ดหลินจือมาให้ท่านแม่ดูเมื่อเจียงซิ่วเหยาเดินเข้าไปในรถม้าที่ปิดประตูผ้าม่านเรียบร้อย ชั่วครู่ที่นางมองเห็นโสมขน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 10 โรงประมูลมังกรเหิน

    บทที่ 10 โรงประมูลมังกรเหินก่อนที่จะกลับมาที่โรงเตี้ยม ทั้งสองได้แวะไปที่โรงประมูลมังกรเหินและแจ้งตามที่หลงจู๊ของร้านขายยาหยูอี้ถังบอกว่าต้องการเข้าร่วมประมูล เมื่อพวกเขารู้ว่าจะมีโสมอายุ 1,000 ปี และเห็ดหลินจืออายุ 500 ปีเข้าประมูล ทำให้โรงประมูลนั้นตื่นเต้นและโกลาหลกันขึ้นมาทันที พวกเขาถึงขนาดเชิญหลงจู๊มาและขอให้พวกนางนำโสมและเห็ดหลินจือออกมาให้ดู เพราะว่ากลัวว่าพวกนางจะพูดไม่จริง และเมื่อได้เห็นของเรียบร้อย ตอนนี้สายตาที่พวกเขามองสองป้าหลานนั้นมีความนับถือมากขึ้นมาหลายส่วน"ข้าไม่ได้เห็นโสมที่มีอายุถึงพันปีมานานเหลือเกินแล้ว น่าจะเกือบ 10 ปีได้แล้ว มันล้ำค่าจริงๆ"หลงจู๊พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยตื่นเต้นและความประทับใจมาก นานมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นโสมและเห็ดหลินจือที่มีอายุเยอะขนาดนี้ในโรงประมูลมังกรเหินของพวกเขาและที่สำคัญมันถูกส่งเข้าประมูลเป็นคู่ด้วยครั้งนี้เมืองชิงเฉินจะต้องแตกตื่นอย่างแน่นอน พวกเขารีบส่งสายตาให้กันเป็นการบอกว่า พวกเจ้ารีบไปกระจายข่าวนี้ให้เร็วที่สุดและให้ได้มากที่สุดด้วยเพราะว่า ของมีค่าเช่นนี้มาถึงโรงประมูลกระชั้นชิดเหลือเกิน พวกเขาได้แต่ต้องทำวิธีการส่งข่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 11 แหวนมิติ

    บทที่ 11 แหวนมิติจากนั้นเสียงของฟู่เสี่ยวหานดังขึ้นมาอีกครั้ง“และแล้วก็ถึงเวลาที่ข้าคิดว่าทุกท่านรอคอยแล้ว!!!…..”ภายในห้องโถงใหญ่ของโรงประมูลมังกรเหิน จากที่เงียบเมื่อสักครู่เสียงก็ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง ทันใดนั้น ฟู่เสี่ยวหานก้าวไปด้านหน้า และเปิดกล่องที่อยู่ตรงกลางทันที จากนั้นก็หยิบแหวนวงเล็กๆ วงหนึ่งในมือของเขา แม้แต่ผู้ที่อยู่ห้องรับรองพิเศษด้านบนนั้นถึงกับเปิดประตูเพื่อออกมามองมันให้ชัดเจนมากขึ้นท่ามกลางความคาดหวังของทุกคนที่คิดว่าจะได้เห็นการประมูลโสมและเห็ดหลินจือในครั้งนี้ ฟู่เสี่ยวหานยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดึงดูดความสนใจ"ทุกท่านที่มาในวันนี้ข้าน้อยทราบดีว่านี่คือสิ่งที่พวกท่านคาดหวังจะได้เห็นและเป็นเจ้าของ ข้าน้อยขอเชิญทุกท่านจับตามองให้ดี เพราะของที่ทางโรงประมูลมังกรเหินจะนำเสนอในครั้งนี้ไม่ใช่โสมอายุ 1,000 ปีและเห็ดหลินจืออายุ 500 ปีที่ท่านคาดหวังไว้"จากนั้น เขาค่อยๆ กางมือออก แหวนวงเล็กๆ นั้นลอยขึ้นกลางอากาศและเปล่งแสงสีทองอ่อนออกมา เสียงผู้คนเริ่มเงียบลงด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะมีเสียงอุทานเบาๆ ดังขึ้นในกลุ่มคน"แหวนวงนั้น...มันทำอะไรได้?"ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 12 ป้าจวง

    บทที่ 12 ป้าจวงขณะที่ทุกคนภายในโรงประมูลยังคงตื่นตะลึงที่อยู่ๆ ผู้ชนะที่ประมูลแหวนมิติไปได้อยู่ก็หายวับไปกับตา เสียงอุทานด้วยความตกใจและการซุบซิบคาดเดาถึงตัวตนของผู้ประมูลผู้ลึกลับนั้นยังคงดังก้องอยู่ทั่วห้องโถงหลายคนยังไม่ทันได้คิดแผนร้ายที่จะหาทางช่วงชิงแหวนมา นางก็หายตัวไปเสียแล้ว ราวกับภูตผีที่ปรากฏขึ้นและหายไปในพริบตา"นางหายไปไหน!" ชายคนหนึ่งอุทานพลางหันไปมองรอบตัว"ข้าไม่ทันเห็นอะไรเลย นางหายไปเหมือนลม!" อีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความงุนงง"หรือว่านางจะเป็นจอมยุทธผู้วิเศษ?" หญิงสาวในชุดหรูหราถามพลางขมวดคิ้ว สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย"ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน นางต้องเป็นคนที่มีอำนาจบางอย่าง ถึงได้กล้าทุ่มเงินมากขนาดนั้นและหายตัวไปได้ในพริบตา" ชายสูงชุดสีทองเบอร์ 9 คนที่ ที่บ้านไม่มีอะไรมากนอกจากเงินซึ่งเป็นไปได้ว่ามีไม่เยอะเท่าหญิงสาวเมื่อสักครู่แล้ว พึมพำขณะที่มองดูที่ว่างตรงเวทีด้วยความไม่เชื่อสายตาเสียงซุบซิบยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนถึงกับเริ่มออกความคิดเห็นอย่างร้อนแรง"ข้าคิดว่าคนแบบนี้อาจจะเป็นสายลับของแคว้นอื่นก็ได้! นางดูไม่ธรรมดาเกินไป!""ข้าว่าเราไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 13 วงการแฟชั่นเมืองชิงเฉินต้องสะเทือน

    บทที่ 13 วงการแฟชั่นเมืองชิงเฉินต้องสะเทือนภายในห้องนั้นพักขนาดใหญ่ของโรงเตี้อมอิงฮวา ที่เป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งของเมืองชิงเฉินที่พวกนางเลือกที่จะเข้าพัก เจียงซิ่วเหยาและเด็กๆ ต่างก็มองไปที่ตำลึงเงินตำลึงทองที่กองอยู่ในตะกร้าที่บ้านจวงแบกเข้ามา ภาพตะกร้าที่มีตำลึงเงินตำลึงทองนั้นสร้างความตะลึงและดึใจแก่ทุกคน ตอนนี้อาหงและเสี่ยวจิวบ่าวรับใช้ทั้งสองก็นั่งมองตาลอยอยู่เช่นกัน พวกนางนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะว่าเมื่อวานอยู่ๆคุณหนูเล็กกับป้าจวงก็บอกว่าจะออกไปหาเงินมาไว้ใช้สักเล็กน้อย และวันนี้พวกเจ้านายทั้งสามรวมทั้งป้าจวงก็พากันออกไปอีกครั้ง และเมื่อไม่นานเจ้านายทั้งสามนั้ได้กลับมาที่โรงเตี้ยมก่อนและบอกว่าป้าจวงไปรับเงิน เมื่อป้าจวงเดินแบกตะกร้าขนาดใหญ่เข้ามาในห้องพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้ มันมากมายจริงๆ เพราะตอนแรกที่ถูกไล่ออกจากจวนและต่อมาคุณหนูเล็กก็มาล้มป่วยอีกเป็นเดือน พวกนางนั้นรู้ดีว่าชีวิตความเป็นอยู่ต่อจากนี้จะต้องลำบากอย่างแน่นอน แต่ใครจะนึกว่า เมื่อไม่นานมานี้ไม่เพียงแต่คุณหนูเล็กจะหายป่วยและกลับมาค่อยๆ แข็งแรงแต่พวกเขากลับสามารถหาเงินมาเต็มเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09

บทล่าสุด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 130 การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของมังกรทอง

    บทที่ 130 การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของมังกรทองเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นหินดังสะท้อนก้องภายในถ้ำมืดมิดราวกับโถงใต้พิภพที่ไร้จุดสิ้นสุด บรรยากาศชวนให้หัวใจเต้นระส่ำราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบรัดอยู่รอบคอ ทุกคนค่อยๆ ก้าวลึกเข้าไปทีละน้อยอย่างระแวดระวัง เสียงสวดที่ดังก้องอยู่รอบข้างฟังดูเหมือนเสียงครวญครางของวิญญาณซึ่งโหยหาการปลดปล่อย เสียงหอบหายใจของเหล่าทหารและคนในคณะเดินทางประสานเข้ากับเสียงน้ำหยด ท่ามกลางความมืดที่สลัว แสงจากคบเพลิงสาดส่องให้เห็นภาพวาดโบราณบนผนังถ้ำ เป็นภาพของมังกรดำกำลังกลืนกินดวงจันทร์อย่างดุร้าย สะท้อนให้เห็นร่องรอยความน่าสะพรึงในอดีตที่เคยถูกผนึกไว้ในถ้ำแห่งนี้กลางโถงถ้ำกว้าง เหวินเทียนหลงผู้ถูกครอบงำด้วยพลังมืดแห่งพู่กันมังกรดำกำลังตกอยู่ในสภาพอันชวนขนลุก ร่างกายของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร่างครึ่งมังกร เกล็ดสีดำทะมึนขึ้นปกคลุมเนื้อหนัง ลามไปถึงใบหน้าจนเห็นเค้าโครงแทบไม่เหลือเค้าคนเดิม ดวงตาสีแดงฉานเบิกกว้างดุจสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด เสียงหัวเราะของเขาแหลมสูงสะท้อนก้องราวกับภูตผีที่อาละวาดในคืนเดือนมืด"หยุดเดี๋ยวนี้!" ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงตรัส "เจ้ากำลังทำลายชีวิตผู้บ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 131  ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหวิน

    บทที่ 131 ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหวิน"เป็นแค่งู จะสู้มังกรได้อย่างไร? ชิงหลง!!"เฟิงหย่าเสวี่ยตะโกนขึ้นมายกพู่กันขึ้นตวัดวาดอักขระด้วยจังหวะที่สงบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยพลังที่ซ่อนอยู่ แสงสีเงินเริ่มเปล่งประกายจากพู่กัน และทันใดนั้น เสียงคำรามแผ่วลึกก็ดังก้องไปทั่วป่า มังกรที่นางวาดคราวนี้ไม่ใช้มังกรทองแต่ทว่าเป็นมังกรเหล็กขนาดมหึมาปรากฏขึ้นจากแสงอักขระ ร่างของมันแวววาวด้วยเกล็ดโลหะคมกริบ ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องไปยังงูยักษ์มังกรเหล็กพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือด กรงเล็บและหางของมันกวาดผ่านนางพญางูยักษ์ เกล็ดแข็งของงูไม่อาจต้านทานพลังอันมหาศาลนี้ได้ เสียงคำรามของงูดังสะท้อนป่า ขณะที่มังกรเหล็กใช้กรงเล็บจับงูไว้แน่น ก่อนที่มันจะอ้าปากพ่นไฟสีเงินบริสุทธิ์ที่ในเปลวไฟนั้นเป็นพิษที่เหมือนกับตะกั่วใส่ร่างของนางพญางูยักษ์ภายในพริบตา นางพญางูยักษ์ก็ถูกพิษตะกั่วลามไปทั่วทั้งร่างไม่สามารถขยับตัวได้ จากนั้นมังกรเหล็กก็ใช้หางฟาดอย่างแรงไปที่ร่างของมันทำให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับกระจกแตกและในที่สุดก็สลายเป็นเถ้าถ่านกระจายไปในอากาศทันที เฟิงหยวนเจี๋ยลดพู่กันลง มังกรเหล็กยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้าจากนั้นก็ค่อยล

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 128 ป่าพิษกับนางพญางูยักษ์

    บทที่ 128 ป่าพิษกับนางพญางูยักษ์คณะของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เดินทางมาเรื่อยๆ ระหว่างทาง เฟิงหย่าเสวี่ยสังเกตเห็นเมฆดำก่อตัวเหนือยอดเขาที่เป็นจุดหมายปลายทาง นางรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง... บางสิ่งที่ชั่วร้ายกำลังรอคอยพวกเขาอยู่...คณะเดินทางมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ปรากฏในแผนที่ เมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำ เฟิงหยวนเจี๋ยสังเกตเห็นสัญลักษณ์แปลกๆ สลักอยู่บนก้อนหินริมทาง"หยุดก่อน!" เขาร้องเตือน "ตรงนี้มีค่ายกลซ่อนอยู่"แม่ทัพเว่ยสิง เดินเข้าไปตรวจสอบสัญลักษณ์อย่างละเอียด “มันคล้ายกับค่ายกล” เขาเอ่ยขึ้นมา"เป็นค่ายกลนำทาง" เฟิงหย่าเสวี่ยกล่าว นางจ้องมองสัญลักษณ์บนก้อนหิน "ถ้าเราเดินผ่านไปโดยไม่ทำตามที่มันบอก จะเจอกับดัก"เฟิงหยวนเจี๋ยพยักหน้า "และดูเหมือนว่าจะมีคนผ่านมาที่นี่ไม่นานมานี้" เขาชี้ไปที่รอยเท้าบนพื้น "รอยเท้าเหล่านี้ยังใหม่มาก""เหวินเทียนหลงและพรรคพวก" ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกล่าว ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่รอยเท้า "พวกเขาต้องมุ่งหน้าไปที่ถ้ำแน่นอน""ทูลฝ่าบาท" ทหารนายหนึ่งชี้ไปที่เส้นทางข้างหน้า "มีควันลอยขึ้นมาจากทางนั้น"ทุกคนมองไปตามทิศทางที่ทหารชี้ เห็นควันบางๆ ลอยขึ้นมาจากป่าทึบ กลิ่น

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 121 เดินทางสู่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเหวิน

    บทที่ 121 เดินทางสู่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเหวินแสงแรกของวันทอดผ่านบานหน้าต่างพระราชวัง เฟิงหย่าเสวี่ยมองออกไปยังลานกว้างเบื้องล่าง ใจหนึ่งยังคงหนักอึ้งเมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งค้นพบเกี่ยวกับพู่กันมังกรดำ แต่ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีความอบอุ่นบางอย่างก่อเกิดขึ้นภายในใจ ทุกครั้งที่นางละสายตาจากภาพยามเช้า นางจะพบว่าฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงยืนอยู่ไม่ไกล ราวกับต้องการคุ้มกันนางอย่างเงียบ ๆ“เมื่อคืนเจ้าคงหลับไม่ค่อยสนิทกระมัง” เสียงทุ้มของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงเอ่ยถาม เขาเดินมายืนข้าง ๆ เฟิงหย่าเสวี่ยพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ยื่นแก้วกาแฟดำที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่เจิ้งอี้หลงนั้นชื่นชอบมากที่สุดก็ว่าได้ ข้างๆ นั้นเฟิงหยวนเจี๋ยกำลังดื่มนมผสมช็อกโกแลตที่พี่ใหญ่วาดออกมาให้เขาเช่นกัน และแน่นอนว่ามันคือเครื่องดื่มที่เขานั้นชอบมากที่สุดในตอนนี้ “เพคะ” นางพยักหน้า ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง “เรื่องพู่กันมังกรดำทำให้หม่อมฉันเป็นกังวล มันน่าหวั่นเกรงกว่าที่เคยรู้มาเสียอีก”เจิ้งอี้หลงรับฟังด้วยสีหน้าเรียบขรึม จากนั้นก็เหล่ตามองเจ้าเจี๋ยหยวนที่กำลังก้มหน้าก้มตาดื่มนมช็อกโกแลตของตัวเองอยู่ ก่อนจะโน

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 120 ความลับของพู่กันมังกรดำ

    บทที่ 120 ความลับของพู่กันมังกรดำและก่อนที่พวกเขาจะกลับออกมา เฟิงหยวนเจี๋ยได้พบประตูเล็กๆ อีกบานที่อยู่ด้านหลังค่ายอาคมที่เพิ่งระเบิดไป เมื่อเขาเดินไปดูใกล้ๆ ก็เห็นว่าประตูยังปิดสนิทอยู่ เขาค่อยๆ ยกพู่กันมังกรหยกของตัวเองขึ้นมาและใช้มันเหมือนกับกระบี่ที่ค่อยๆ ดันให้ประตูเปิดออก ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงและเฟิงหย่าเสวี่ยหันไปมองทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิด พวกเขามองหน้ากัน จากนั้นก็เดินตามเจ้าเล็กเข้าไปเมื่อประตูห้องถูกเปิดออก กลิ่นหมึกและกระดาษเก่าโชยออกมา ภายในห้องมืดสนิท เฟิงหย่าเสวี่ยจึงให้ฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงวาดไฟฉาย LED ขนาดใหญ่ขึ้นมา และจัดการห้อยไว้ตรงประตูทางเข้า ห้องที่เคยมืดสนิทเมื่อเจอแสงสว่างจากหลอด LED เข้าก็ไม่มีส่วนใดมืดมิดอีกต่อไป พวกเขาจึงสามารถมองเห็นทั้งห้องได้อย่างชัดเจน ภายในห้องมีชั้นหนังสือสูงจรดเพดาน แสงจากไฟฉายเผยให้เห็นโต๊ะไม้แกะสลักตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง พวกเขาทั้งสามเดินดูรอบๆ ห้องทันทีพวกเขาหยิบคัมภีร์เหล่านั้นมาดู มีบันทึกเก่าและวิชาของตระกูลเหวินมากมายอยู่บนนั้น รวมทั้งคาถา บันทึกการเดินทางของบรรพบุรุษ และการวางค่ายกลต่างๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ตระกูลเหวินส

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 119 ขุมทรัพย์ตระกูลเหวิน

    บทที่ 119 ขุมทรัพย์ตระกูลเหวินหลังจากที่คณะของแม่ทัพซู่หลิงและชินอ๋องช่วยเหลือจนสามารถกวาดล้างเหล่าผู้ทรยศได้ พวกเขาก็กลับแคว้นต้าโจวพร้อมกับสองพี่น้องจวงและพระชายาเฟิง ซึ่งหากว่าชินอ๋องและแม่ทัพใหญ่แห่งต้าโจวอยู่ด้วยคงจะไม่ดีนักในสายตาของเหล่าขุนนางของแคว้นต้าหมิง ส่วนเฟิงหย่าเสวี่ยและเฟิงหยวนเจี๋ยนั้นยังคงอยู่ที่แคว้นต้าหมิงเพื่อช่วยเหลือองค์ชายอี้หลงให้ขึ้นครองบัลลังก์ก่อนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังก้องในท้องพระโรง ร่างของทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เลือดไหลซึมจากแผลบนแขนของเขา"ทูลฝ่าบาท! มีเหตุด่วนที่จวนตระกูลเหวินพะยะค่ะ!" ทหารคุกเข่าลงรายงาน "ค่ายอาคมที่ซ่อนอยู่ในจวนได้ทำให้นายทหารของเราบาดเจ็บสาหัสไปสิบนายแล้วพะยะค่ะ และอีกหลายคนได้ดูเหมือนว่าจะรับพิษพะยะค่ะ"เจิ้งอี้หลงทรงขมวดคิ้ว"เกิดอะไรขึ้น?""นายทหารหนึ่งกองร้อยได้ตรงไปที่จวนตระกูลเหวินเพื่อทำการยืดทรัพย์สินของพวกเขาเป็นของแผนดินตามพระราชบัญชา พอถึงประตูจวนพวกเราก็ไม่สามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย มีนายทหารเริ่มบาดเจ็บและเมื่อเข้าไปได้ พวกเราพยายามค้นห้องลับตามที่ได้รับรายงานพะยะค่ะ แต่พบว่าทั่วทั้งจวนมีกับดักและ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 118 การชำระล้างราชวงค์ต้าหมิง

    บทที่ 118 การชำระล้างราชวงค์ต้าหมิงเสียงคำรามสุดท้ายของมังกรดำทั้งเก้าดังก้องไปทั่วผืนฟ้า ก่อนที่ร่างของพวกมันจะสลายกลายเป็นละอองแสงสีทองที่ลอยหายไป เฟิงหยวนเจี๋ยยังคงยืนนิ่งกลางวงเวท ร่างเล็กๆ ของเขาส่องแสงอ่อนๆ จากพลังน้ำทิพย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในมือ ทุกสายตาในลานพิธีจับจ้องเขาด้วยความเคารพและทึ่งในความกล้าหาญเฟิงหยวนเจี๋ยนั้นมองไปที่เงาดำมรณะที่เมื่อร่างของฮองไทเฮาสลายไปพวกมันยังคงพยายามที่จะต่อสู้ เขาจึงยกพู่กันขึ้นและตวัด2-3 ครั้งร่างของพวกเขาก็สลายกลายเป็นเถ้าตามฮองไทเฮาไป ส่วนทหารที่เหลือเมื่อเห็นว่าฝ่ายตนนั้นพ่ายแพ้พวกเขาต่างก็รีบหันหลังและวิ่งหนีไปฮ่องเต้เจิ้งหลี่เฟิงก็เหมือนกันที่เห็นว่าตอนนี้พวกเขานั้นพ่ายแพ้แล้วกำลังอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีออกไปโดยการช่วยเหลือของคนของเขา องค์ชายเจิ้งอี้หลงนั้นไม่ได้ติดไปเขาไป แต่เลือกใช้พู่กันชิงหลงวาดอักขระควบคุมวิญญาณแทน แสงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งตรงไปยังร่างของเจิ้งหลี่เฟิงอย่างแม่นยำ รอยอักขระลึกลับเรืองแสงขึ้นบนหน้าผากของอดีตฮ่องเต้หนุ่ม ก่อนที่เขาจะหายลับเข้าไปในความมืด"ข้าคิดว่าเขาจะกลับไปหากองกำลังที่หลงเหลือของอดีตฮองไทเฮา" องค์ชายเจิ้ง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 117  การปลดปล่อยมังกรโบราณทั้ง 9 EP 2

    บทที่ 117 การปลดปล่อยมังกรโบราณทั้ง 9 EP 2เขามองดูขวดน้ำทิพย์ในมือ ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องราวโบราณที่เคยได้ยินผุดขึ้นมา เรื่องของมังกรที่ถูกกักขัง ถูกทรมาน ถูกบังคับให้กลายเป็นอาวุธแห่งความมืด พวกเขาไม่ได้ต้องการการทำลาย แต่ต้องการการไถ่บาป ต้องการคนที่เข้าใจและยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา"น้ำยานี้..." เขากระซิบ มองดูของเหลวใสที่เรืองแสงในขวดหยก"มันไม่ควรเป็นอาวุธ แต่ควรเป็นน้ำแห่งการชำระล้างและการปลดปล่อย มันควรจะเป็น น้ำทิพย์!!"เขากัดริมฝีปากความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ หากเลือดบริสุทธิ์ของเด็กสามารถเปลี่ยนน้ำยาในขวดหยกนี้ให้กลายเป็นน้ำแห่งการไถ่บาปได้... และหากเขาใช้มันไม่ใช่เพื่อทำร้าย แต่เพื่อปลดปล่อยพวกเขาเล่า เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองเหล่ามังกรดำที่กำลังส่งเสียงคำรามก้องไปทั่วไป ราวกับว่าพวกมันกำลังเรียกร้องหา…อิสรภาพ!!!.."ข้าเข้าใจแล้ว..." เขาลุกขึ้นยืน ดวงตาเปล่งประกายด้วยความหวัง "ศึกครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการช่วยเหลือ ไม่ใช่การทำลาย แต่เป็นการปลดปล่อย..."เด็กน้อยกัดปลายนิ้ว เลือดสีแดงหยดลงในน้ำยาภายในขวดหยก น้ำยาที่เคยใสกลับเปล่งประกายเรืองรองเป็นสีทองทันที คลื่

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 116  การปลดปล่อยมังกรโบราณทั้ง 9 EP 1 

    บทที่ 116 การปลดปล่อยมังกรโบราณทั้ง 9 EP 1 “มาแล้วรึ องค์ชาย 11 ข้านึกว่าเจ้าจะหดหัวหนีไปตลอดชีวิตที่น่าสมเพชของเจ้าเสียอีก ฮ่าฮ่าฮ่า” เจิ้งหลี่เฟิงหรือตอนนี้คือฮ่องเต้ของแคว้นต้าหมิงค่อยยืนขึ้น ข้างๆ ฮองไทเฮามารดาของเขา…เจิ้งอี้หลงไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกา…กาฝากเสียด้วย เขามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เศร้าสลด เหตุใดคนๆ หนึ่งถึงได้โหดเหี้ยมได้เพียงนี้ เพียงเพื่อต้องการที่จะเอาชนะและอำนาจ… เขาหันมองรอบลานอีกครั้งที่ตอนนี้เหล่าทหารที่ทรยศต่อแผ่นดินกำลังยืนอยู่และพร้อมจะลงมือสังหารเด็กๆ ได้ทุกเมื่อ เขายกพู่กันขึ้นและสะบัดเบาๆ เหล่าทหารที่ยืนอยู่ต่างก็กระเด็นตกจากแท่นพิธีทั้งหมดแขนขาหัก ร้องโอดโอย เหล่าพ่อแม่ที่เห็นพวกทหารที่โหดร้ายกระเด็นตกลงและแขนขาหักร้องอยู่ก็ต่างมองด้วยความสะใจ พวกเราเพียงแขนขาหักก็ร้องขนาดนี้ แล้วพวกเขาที่ลูกๆ กำลังจะถูกพวกเจ้าเข่นฆ่าเล่าจะไม่เจ็บปวดกว่าพวกเขาหรือ….ไม่มีผู้ใดสงสารเหล่าทหารที่นอนกองอยู่เลยสักคน จากนั้นเจิ้งอี้หลงก็สะบัดพู่กันอีกครั้งกรงที่ขังเหล่าประชาชนเอาไว้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ พวกเขาต่างก็กรูกันออกมาและวิ่งหาลูกหลานของตัวเองทันที“พวกเจ้าหลบไปหาที่ปลอ

DMCA.com Protection Status