บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!
เสียงจากข้างหลังทำให้นางหันกลับไปมอง เป็นป้าจวงที่ตามมาหานาง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจเมื่อเห็นดงโสมและเห็ดหลินจือที่เพิ่งเกิดขึ้น
"คะ…คุณหนู คือ..คือ..เออ ท่านทำทั้งหมดนี้หรือเจ้าคะ?"
ถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อสายตา ป้าจวงถึงจะเป็นคนจิตแข็งขนาดไหนเมื่อเห็นกับตาว่าคุณหนู่ของนางอยู่ก็วาดๆ อะไรสักอย่างและเมื่อนางสะบัดแปรงเบาๆ ก็ทำให้มีเส้นแสงสีเงินสีทองวูบวาบเต็มไปหมดไม่ถึง5 อึดใจต้นโสมที่เป็นของหายากอันดับหนึ่งของป่าต่างก็รีบผุดขึ้นมาจากดินราวกับว่าหากขึ้นช้าแล้วจะไม่ทันหัวอื่นๆ อย่างไรอย่างนั้นนางก็ตกใจทีเดียว
เจียงหย่าเสวี่ยนั้นแต่แรกก็ไม่ได้คิดจะปิดบังครอบครัวแต่เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาจึงไม่ได้บอกไป แต่เมื่อป้าจวงที่เป็นคนที่ภักดีที่สุดของท่านแม่มาเห็นเช่นนี้ นางก็ได้แต่ปล่อยให้ได้เห็น
“ป้าจวงเร็วเข้ารีบมาขุดโสมเหล่านี้เร็ว ด้านนั้นยังมีเห็ดหลินจือด้วยเจ้าค่ะ ดอกใหญ่ๆ ทั้งนั้น อย่างเพิ่งนิ่ง เดี๋ยวกลับไปข้าจะอธิบายให้ฟังเจ้าค่ะ”
เจียงหย่าเสวี่ยไม่อยากจะเสียเวลาเพราะหากอยู่ที่นี่นางไม่แน่ว่าท่านแม่อาจจะส่งใครมาตามพวกนางอีก ป้าจวงนั้นนิ่งอึ้งอยู่ครู่เดี๋ยวก็ได้สติ นางพุ่งไปหากิ่งไม้ขนาดพอดีมือเพื่อที่จะนำมาขุด เมื่อเจียงหย่าเสวี่ยเห็นเช่นนั้นนางคิดว่าหากใช้ไม่ขุดรากโสมอาจจะเสียหายเสียราคาแน่นอน ต้องทราบว่ารากทุกเส้นของโสมนั้นมีค่ามีราคาหากว่าขาดไปสักเส้นโสมต้นนั้นก็จะราคาจะตกทันที นางคิดได้เช่นนั้นก็หันกลับมาที่พู่กันและกระดาษแผ่นเล็กที่เหลือพื้นที่ไม่มากแล้ว หากว่าไปถึงเมืองต่อไปนางจึงจะสามารถไปหาซื้อกระดาษมาได้อีก ดังนั้นมีน้อยก็วาดเล็กๆ เอา จากนั้นก็วาดเสียมออกมา 1อัน มีดด้านเล็ก 1 อัน และยังวาดตะกร้าไม้ไผ่สะพายหลังขนาดใหญ่ออกมาอีก1อันและอันเล็กอีก2 อัน นอกจากวาดตะกร้าขึ้นมาแล้วนั้นนางยังเพิ่มออฟชั่นให้อีกเล็กน้อยนั้นคือ ทำให้เป็นตะกร้ามิตินั้นเองโดยให้มีพื้นที่ขนาด 3 จั้งพอเอาไว้ใส่โสมเหล่านี้
ความคิดเรื่องการสร้างตะกร้ามิตินี่มาจากเจ้าชิงหลงนั้นเอง เพราะว่าเจี่ยงหย่าเสวี่ยนั้นกังวลว่าหากว่าจะขนโสมและเห็ดหลินจือกลับไปมากมายขนาดนั้นนี้ ทั้งคนขับรถม้าทั้งคนคุ้มกันต้องเห็นแน่นอน แล้วก็นะ…ใจคน ตอนแรกหากว่าไม่เห็นของมีค่าก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเห็นแล้วใครจะรู้ว่าอาจจะมีความโลภขึ้นมา และเมื่อมีความโลภแล้วอะไรก็สามารถทำได้อยู่แล้ว พวกนางยิ่งมีแต่ผู้หญิงอยู่ด้วย แม้ว่าอาหานจะเป็นผู้ชายแต่ว่าเขาคงไม่อาจจะสู้พวกนั้นได้หรอกหากว่าเกิดอะไรขึ้น จะเป็นการนำภัยมาสู้ครอบครัวเสียมากกว่า ดังนั้นเจ้าชิงหลงจึงได้บอกว่า ให้สร้างตะกร้าที่มีพื้นที่มิติเสียเลย ซึ่งเมื่อได้ยินนั้นเจียงหย่าเสวี่ยยิ่งกว่าดีใจ เพราะการมีมิติคือที่สุดของการทะลุมิติแล้ว ไม่ว่าจะทะลุไปไหนขอให้มีมิติเถอะ ปลอดภัยหายห่วงแน่นอน นางรู้ นางอ่านมาเยอะ…
เมื่อป้าจวงที่ได้เห็นการวาดและไม่นานเสียมและตะกร้าออกมา จะจะ แบบนี้นางก็ชะงักไปอีกครั้งการจากนั้นก็กระแอมกระไอให้ลำคอโล่งเพื่อหาเสียงของตัวเองเล็กน้อย
“เออ…เออ..เจ้าคะคุณหนูเล็ก บ่าวจะรีบขุดเดี๋ยวนี้ คุณชายไปดูต้นทางเอาไว้นะเจ้าคะ”
ป้าจวงนั้นสมกับที่เกิดมานาน รู้เล่ห์สนกลในของมนุษย์เป็นอย่างดี นางคว้าเสียมและลงมือทันที เอาอย่างที่คุณหนูเล็กบอกเดี๋ยวค่อยไปคุยกันตอนนี้จัดการเก็บโสมและเห็ดหลินจือก่อนดีกว่า
“เจ้าเล็ก!! เจ้าเล็ก!! เจี๋ยเออร์!!" เงียบ...เพราะว่าเจียงหยวนเจี๋ยนั้นยังช็อกอยู่เพราะเขาอยู่ใกล้และได้เห็นความมหัศจรรย์กับตาถึงสองครั้งสองคราจะไม่ให้เขาช็อกได้อย่างไร ความลับของพี่ใหญ่ที่จะให้เขาเก็บนั้นมันยิ่งใหญ่กว่าความลับของป้าจวงอีก!!!
“เจ้าเสี่ยวลิ้ว!!!” ที่นี้เสียงของนางดังขึ้นกว่าเดิมแถมยังเรียกชื่อ นิ้วน้อยของเขาเสียอีก (เสี่ยวลิ้วแปลว่า หกน้อย)
“ขะ..ขอรับพี่ใหญ่ ขอรับ” เจียงหยวนเจี๋ยสะดุ้งอย่างแรงเมื่อได้ยินเสียงที่ดังกว่าเดิมของพี่สาว
“เจ้าไปเฝ้าอยู่ตรงนั้นนะหากว่าเห็นคนเดินมาเจ้าก็พูดเสียงดังๆ เข้าใจหรือไม่ ไป ไปดูต้นทางเดี๋ยวพี่ใหญ่กับป้าจวงจะรีบเก็บโสมกับเห็ดหลินจือพวกนี้เอง”
นางแบ่งงานอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าเสี่ยวลิ้ว….เจ้าเสี่ยวเจี๋ยที่ได้รับมอบหมายก็พยักหน้าแรงๆ และวิ่งไปยืนใต้ต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไปเล็กน้อยตาก็มองไปด้านหลังและมองกลับไปมาตลอด เพราะเขาก็อยากจะดูการเก็บโสมเหมือนกัน เขานั้นเคยได้ยินและได้อ่านจากมาจากหนังสือที่ท่านอาจารย์สอนแต่ไม่เคยเห็นต้นโสมที่เกิดจากป่าจริงๆ ครั้งนี้คุ้มเสียจริงที่พี่ใหญ่วาดออกมาและทำให้เขาสมหวัง ตอนนี้เขามองพี่สาวด้วยดวงตาเป็นประกายทีเดียว พี่ใหญ่บอกว่าจะเอาเจ้าเสี่ยวลิ้วออกไป…นางต้องทำได้แน่นอน จากนั้นเขาก็ยกมือข้างที่มีหกนิ้วนั้นขึ้นมามอง พลางคิดว่า…เราคงต้องจากกันเร็วๆ นี้แล้ว เสี่ยวลิ้ว….
เมื่อจัดการให้น้องชายไปดูต้นทางแล้วนางก็รีบเดินไปที่ใต้ต้นไม้ที่มีขอนไม้ใหญ่ที่ด้านข้างนั้นเติมไปด้วยเห็ดหลินจือ นางค่อยๆ ใช้มีดที่วาดออกมานั้นตัดออกมาทีละดอก ไม่ให้เสียหายเลย เมื่อป้าจวงเห็นคุณหนูจัดการเก็บเห็ดลินจือ นางก็ยิ่งเร่งขุดโสมให้เร็วขึ้น …ก็อย่างที่เสี่ยวลิ้วบอก ป้าจวงนั้นเป็นคนมีพลังยุทธนางขุดโดยใช้พลังเข้าไปด้วยทำให้การขุดนั้นทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานโสมทั้ง 20 หัวที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน เพราะหัวเล็กที่สุดนั้นเจี่ยงหย่าเสวี่ยทำขึ้นมาให้อายุ 100 ปี หัวใหญ่สุดมีอายุ 1000 ปี 5 หัวที่มีรูปร่างเป็นเหมือนคนแล้ว
ทั้งสองเก็บอยู่เกือบครึ่งเคอก็สามารถเก็บโสมและเห็ดหลินจือหมด ป้าจวงนั้นเพราะว่าออกมาขุดดินเสื้อผ้าจึงดูมอมแมมเล็กน้อย ส่วนเจียงหย่าเสวี่ยนั้นยังคงสวยสะอาดเช่นเดิมเพราะนางเก็บเห็ดอย่างเดียว และก่อนที่เจียงหย่าเสวี่ยจะนำตะกร้าขนาดใหญ่มาให้ป้าจวงนางบอกว่าให้ป้าจวงใช้เลือดของตัวเองเล็กน้อยแตะที่ตะกร้า …ใช่แล้วของที่มีมิติทุกชนิดจำเป็นจะต้องใช้เลือดในการที่จะทำให้จดจำ ป้าจวงนั้นไม่ตั้งคำถามใดๆ เพียงแค่ทำตามเท่านั้นเริ่มนำโสมใส่เข้าไปในตะกร้าตอนแรกนางก็ยังกังวลเพราะว่ากลัวตะกร้าใส่จะไม่พอและทำให้รากโสมเสียหายแต่เมื่อวางลงไปโสมเหล่านั้นกลับหายวับไปกับตานางตกใจมาก แต่เมื่อได้ยินเสียงใสของคุณหนูเล็กพูดเบาๆ ข้างหูว่า …ออกมา!!! ไม่ถึงหนึ่งอึดใจโสมหัวนั้นก็ปรากฎที่ก้นตะกร้าทันที ป้าจวงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาคุณหนูเล็กของนางอีกครั้ง เจียงหย่าเสวี่ยจ้องตากลับและพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับยิ้มที่มุมปากและมียักคิ้วให้นางเบาๆ 2 ครั้ง
…ป้าจวง…เรื่องมหัศจรรย์จะหมดกี่โมง!!!!!!
นางช็อกแล้วช็อกอีก ตอนแรกคุณหนูเล็กสามารถวาดโสมเห็ดหลินจือออกมาให้มีชีวิต ตอนนี้ถึงขนาดสร้างตะกร้าที่มีมิติได้อีกหรือคุณหนูของบ่าว!!!!
นางเป็นชาวยุทธมาก่อนที่จะมาอยู่กับท่านแม่ของเจียงซิ่วเหยาและถูกส่งมาอยู่กับคุณหนูเจียงซิ่วเหยาตอนที่แต่งออกมา ทำให้นางนั้นเคยพบเห็นสิ่งของและวัตถุที่มีมิติอยู่บ้าง แต่ว่าของเหล่านี้นั้นหากว่าไม่รวย และเทพจริงก็ยากมากที่จะได้เป็นเจ้าของ นี่คุณหนูของนางถึงขนาดใช้ตะกร้าไม้ไผ่ก็สามารถสร้างขึ้นมาได้แล้ว ป้าจวงนั้นมองคุณหนูเล็กด้วยความคิด..เบิดคำสิเว้าจริงๆ ….
“พวกเรามานานขนาดนี้แล้วไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับอาจจะเป็นที่สงสัยได้งั้นเอาไก่กลับไปย่างสัก 2-3 ตัวก็แล้วกันนะเจ้าค่ะป้าจวง”
เจียงหย่าเสวี่ยหันกลับไปปรึกษาป้าจวงที่ตอนนี้จัดการกับดงโสมเรียบร้อยแล้ว นางพยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง และไม่ถึงอึดใจไก่ป่าตัวอ้วน 3 ตัวก็ปรากฎและมันก็ยืนนิ่งให้ป้าจวงเดินไปจับใส่ตะกร้าและขณะที่กำลังมัดตะกร้านั้นเสียงของเจ้าเสี่ยวลิ้วที่ดูต้นทางก็ดังขึ้นมา
"พี่ใหญ่ข้าฉี่เสร็จแล้ว พี่ใหญ่ พี่ใหญ่!!!" สัญญาณมาแล้วเป็นอันเข้าใจกันว่ามีคนมาตามจริงๆ เมื่อทั้งสองเดินออกมาบริเวณที่เจียงหยวนเจี๋ยยืนส่งสัญญาณอยู่ก็เห็นว่าคนที่มาตามคืออาหานนั้นเอง เมื่อเขาเห็นว่าป้าจวงกำลังถือไก่ออกมาเขารับวิ่งมารับทันที
" ป้าจวงท่านจับไก่ได้หรือขอรับ มามา ข้าจะถือเองมิน่าเล่าว่าทำไมถึงได้ออกมานาน นี่คุณหนูให้ข้ามาตามขอรับ"
ป้าจวงพยักหน้าพลางส่งไก่ให้อาหาน ส่งเจียงหย่าเสวี่ยนั้นยกนิ้วโป่งให้เจ้าน้องชายเป็นการบอกว่าเขายอดเยี่ยมมากที่ส่งสัญญาณมาทันเวลาพอดี เจียงหยวนเจี๋ยนั้นยิ้มปากกว้างทีเดียว เห็นไหมเล่าพาเขามาด้วยมีประโยชน์มากทีเดียว
“ท่านแม่ให้มาตามหรือเจ้าค่ะ พี่อาหาน” นางเอ่ยถาม
“ใช่แล้วขอรับคุณหนูเล็กตอนนี้อาหารเสร็จแล้วคุณหนูใหญ่ก็เลยบ่าวมาตามขอรับ”
เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มอย่างอบอุ่นและพูดขึ้น
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวท่านแม่จะรอนาน" นางเดินมาพร้อมกับตะกร้าใบเล็ก 2 ใบ จากนั้นก็ให้น้องชายสะพาย 1 อัน ซึ่งเขานั้นพออกพอใจมาก
ทั้งสองเริ่มเดินออกจากป่า ขณะที่เดินออกมาจากป่า หากว่าพวกเขาหันกลับไปมองบริเวณที่เคยเต็มไปด้วยโสมและเห็ดหลินจือเมื่อครู่นั้นเริ่มเปลี่ยนแปลง แสงสีทองและฟ้าจาง ๆ หมุนวนรอบพื้นดิน และในชั่วพริบตา โสมและเห็ดที่งอกขึ้นมานั้นค่อย ๆ หายลับเข้าไปในดิน เหลือเพียงแค่พื้นป่าที่กลับมาเป็นเช่นเดิม ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เป็นเพียงภาพมายาที่ไม่เคยมีอยู่จริง….
เมื่อกลับมาถึงที่พักนางก็รีบเดินมาหาท่านแม่ของนางทันทีจากนั้นก็กระซิบเบาๆ ข้างหูของท่านแม่ว่า
“ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!”
****ได้โสมกับเห็ดหลินจือเต็มตะกร้าเลย ต่อไปไม่ต้องกลัวลำบากแล้ว****
บทที่ 9 ขายโสม“ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะท่านแม่!!!” เสียงกระซิบของลูกสาวนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าเสียงที่นางบอกนั้นดังสนั่นในหัวของเจียงซิ่วเหยา“อะ..อะไรนะลูกรัก เจ้าพูดอีกทีซิ”เจียงซิ่วเหยาเอื่อมมือมาจับมือของลูกสาวและเขย่าเบาๆ เจียงหย่าเสวี่ยหันไปมองป้าจวงและพยักหน้าให้เล็กน้อยจากนั้น ป้าจวงก็นำตะกร้าใบหน้าเข้าไปวางไว้ในรถม้าปิดผ้าหน้าหน้าต่างให้เรียบร้อยและหันไปพยักหน้าให้คุณหนูเล็กของนางประมาณว่าเรียบร้อย เสร็จแล้วนางก็เดินไปหากลุ่มของคนขับรถม้าและคนคุ้มกันที่กำลังนั่งกินอาหารที่พวกนางทำโดยพวกเขาได้แยกไปนั่งไกลพอสมควร ทำให้ไม่เห็นสิ่งที่ป้าจวงแบกมาป้าจวงเดินไปหาอาหานและสั่งให้เขาทำความสะอาดไก่ทันที พลางหันไปบอกคนคุ้มกันว่าวันนี้พวกนางจะย่างไก่เพิ่ม เมื่อพวกเขาเห็นว่าวันนี้จะมีเนื้อเพิ่มขึ้นจึงวางชามโจ๊กและรีบไปช่วยอาหานจัดการไก่ทันที ใครเล่าจะไม่อยากกินเนื้อ เป็นอันว่าทั้งคนคุ้มกันคนขับรถม้าพากันเอาไก่ออกไปทำที่ลำธารที่อยู่ไม่ไกลแทนซึ่งเป็นการดีต่อเจียงหย่าเสวี่ยที่จะได้นำโสมและเห็ดหลินจือมาให้ท่านแม่ดูเมื่อเจียงซิ่วเหยาเดินเข้าไปในรถม้าที่ปิดประตูผ้าม่านเรียบร้อย ชั่วครู่ที่นางมองเห็นโสมขน
บทที่ 10 โรงประมูลมังกรเหินก่อนที่จะกลับมาที่โรงเตี้ยม ทั้งสองได้แวะไปที่โรงประมูลมังกรเหินและแจ้งตามที่หลงจู๊ของร้านขายยาหยูอี้ถังบอกว่าต้องการเข้าร่วมประมูล เมื่อพวกเขารู้ว่าจะมีโสมอายุ 1,000 ปี และเห็ดหลินจืออายุ 500 ปีเข้าประมูล ทำให้โรงประมูลนั้นตื่นเต้นและโกลาหลกันขึ้นมาทันที พวกเขาถึงขนาดเชิญหลงจู๊มาและขอให้พวกนางนำโสมและเห็ดหลินจือออกมาให้ดู เพราะว่ากลัวว่าพวกนางจะพูดไม่จริง และเมื่อได้เห็นของเรียบร้อย ตอนนี้สายตาที่พวกเขามองสองป้าหลานนั้นมีความนับถือมากขึ้นมาหลายส่วน"ข้าไม่ได้เห็นโสมที่มีอายุถึงพันปีมานานเหลือเกินแล้ว น่าจะเกือบ 10 ปีได้แล้ว มันล้ำค่าจริงๆ"หลงจู๊พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยตื่นเต้นและความประทับใจมาก นานมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นโสมและเห็ดหลินจือที่มีอายุเยอะขนาดนี้ในโรงประมูลมังกรเหินของพวกเขาและที่สำคัญมันถูกส่งเข้าประมูลเป็นคู่ด้วยครั้งนี้เมืองชิงเฉินจะต้องแตกตื่นอย่างแน่นอน พวกเขารีบส่งสายตาให้กันเป็นการบอกว่า พวกเจ้ารีบไปกระจายข่าวนี้ให้เร็วที่สุดและให้ได้มากที่สุดด้วยเพราะว่า ของมีค่าเช่นนี้มาถึงโรงประมูลกระชั้นชิดเหลือเกิน พวกเขาได้แต่ต้องทำวิธีการส่งข่า
บทที่ 11 แหวนมิติจากนั้นเสียงของฟู่เสี่ยวหานดังขึ้นมาอีกครั้ง“และแล้วก็ถึงเวลาที่ข้าคิดว่าทุกท่านรอคอยแล้ว!!!…..”ภายในห้องโถงใหญ่ของโรงประมูลมังกรเหิน จากที่เงียบเมื่อสักครู่เสียงก็ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง ทันใดนั้น ฟู่เสี่ยวหานก้าวไปด้านหน้า และเปิดกล่องที่อยู่ตรงกลางทันที จากนั้นก็หยิบแหวนวงเล็กๆ วงหนึ่งในมือของเขา แม้แต่ผู้ที่อยู่ห้องรับรองพิเศษด้านบนนั้นถึงกับเปิดประตูเพื่อออกมามองมันให้ชัดเจนมากขึ้นท่ามกลางความคาดหวังของทุกคนที่คิดว่าจะได้เห็นการประมูลโสมและเห็ดหลินจือในครั้งนี้ ฟู่เสี่ยวหานยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดึงดูดความสนใจ"ทุกท่านที่มาในวันนี้ข้าน้อยทราบดีว่านี่คือสิ่งที่พวกท่านคาดหวังจะได้เห็นและเป็นเจ้าของ ข้าน้อยขอเชิญทุกท่านจับตามองให้ดี เพราะของที่ทางโรงประมูลมังกรเหินจะนำเสนอในครั้งนี้ไม่ใช่โสมอายุ 1,000 ปีและเห็ดหลินจืออายุ 500 ปีที่ท่านคาดหวังไว้"จากนั้น เขาค่อยๆ กางมือออก แหวนวงเล็กๆ นั้นลอยขึ้นกลางอากาศและเปล่งแสงสีทองอ่อนออกมา เสียงผู้คนเริ่มเงียบลงด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะมีเสียงอุทานเบาๆ ดังขึ้นในกลุ่มคน"แหวนวงนั้น...มันทำอะไรได้?"ม
บทที่ 12 ป้าจวงขณะที่ทุกคนภายในโรงประมูลยังคงตื่นตะลึงที่อยู่ๆ ผู้ชนะที่ประมูลแหวนมิติไปได้อยู่ก็หายวับไปกับตา เสียงอุทานด้วยความตกใจและการซุบซิบคาดเดาถึงตัวตนของผู้ประมูลผู้ลึกลับนั้นยังคงดังก้องอยู่ทั่วห้องโถงหลายคนยังไม่ทันได้คิดแผนร้ายที่จะหาทางช่วงชิงแหวนมา นางก็หายตัวไปเสียแล้ว ราวกับภูตผีที่ปรากฏขึ้นและหายไปในพริบตา"นางหายไปไหน!" ชายคนหนึ่งอุทานพลางหันไปมองรอบตัว"ข้าไม่ทันเห็นอะไรเลย นางหายไปเหมือนลม!" อีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความงุนงง"หรือว่านางจะเป็นจอมยุทธผู้วิเศษ?" หญิงสาวในชุดหรูหราถามพลางขมวดคิ้ว สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย"ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน นางต้องเป็นคนที่มีอำนาจบางอย่าง ถึงได้กล้าทุ่มเงินมากขนาดนั้นและหายตัวไปได้ในพริบตา" ชายสูงชุดสีทองเบอร์ 9 คนที่ ที่บ้านไม่มีอะไรมากนอกจากเงินซึ่งเป็นไปได้ว่ามีไม่เยอะเท่าหญิงสาวเมื่อสักครู่แล้ว พึมพำขณะที่มองดูที่ว่างตรงเวทีด้วยความไม่เชื่อสายตาเสียงซุบซิบยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนถึงกับเริ่มออกความคิดเห็นอย่างร้อนแรง"ข้าคิดว่าคนแบบนี้อาจจะเป็นสายลับของแคว้นอื่นก็ได้! นางดูไม่ธรรมดาเกินไป!""ข้าว่าเราไม
บทที่ 13 วงการแฟชั่นเมืองชิงเฉินต้องสะเทือนภายในห้องนั้นพักขนาดใหญ่ของโรงเตี้อมอิงฮวา ที่เป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งของเมืองชิงเฉินที่พวกนางเลือกที่จะเข้าพัก เจียงซิ่วเหยาและเด็กๆ ต่างก็มองไปที่ตำลึงเงินตำลึงทองที่กองอยู่ในตะกร้าที่บ้านจวงแบกเข้ามา ภาพตะกร้าที่มีตำลึงเงินตำลึงทองนั้นสร้างความตะลึงและดึใจแก่ทุกคน ตอนนี้อาหงและเสี่ยวจิวบ่าวรับใช้ทั้งสองก็นั่งมองตาลอยอยู่เช่นกัน พวกนางนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะว่าเมื่อวานอยู่ๆคุณหนูเล็กกับป้าจวงก็บอกว่าจะออกไปหาเงินมาไว้ใช้สักเล็กน้อย และวันนี้พวกเจ้านายทั้งสามรวมทั้งป้าจวงก็พากันออกไปอีกครั้ง และเมื่อไม่นานเจ้านายทั้งสามนั้ได้กลับมาที่โรงเตี้ยมก่อนและบอกว่าป้าจวงไปรับเงิน เมื่อป้าจวงเดินแบกตะกร้าขนาดใหญ่เข้ามาในห้องพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้ มันมากมายจริงๆ เพราะตอนแรกที่ถูกไล่ออกจากจวนและต่อมาคุณหนูเล็กก็มาล้มป่วยอีกเป็นเดือน พวกนางนั้นรู้ดีว่าชีวิตความเป็นอยู่ต่อจากนี้จะต้องลำบากอย่างแน่นอน แต่ใครจะนึกว่า เมื่อไม่นานมานี้ไม่เพียงแต่คุณหนูเล็กจะหายป่วยและกลับมาค่อยๆ แข็งแรงแต่พวกเขากลับสามารถหาเงินมาเต็มเ
บทที่ 14 พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าพ่อของข้าเป็นใคร!!!! เจียงหย่าเสวี่ยและครอบครัวกำลังเดินทางไปที่ร้านรถม้าด้วยความร่าเริง ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะได้เห็นรถม้าใหม่ที่พวกเขาวางแผนจะซื้อ ระหว่างทางพวกเขาทั้งเจ็ดคนหยุดแวะที่ตลาดเพื่อซื้อของอย่างสนุกสนาน"ข้าชอบปิ่นปักผมหยกชิ้นนี้มากดูสิ มันช่างงดงามเหลือเกิน" อาหงคุยกับเสี่ยวจิวพลางลูบและยกเครื่องประดับขึ้นมากันดู"เช่นนั้นก็ซื้อเลยพี่อาหง วันนี้เราจะซื้อทุกอย่างที่เราชอบ!" เจียงหย่าเสวี่ยหัวเราะอย่างสนุกสนาน ขณะที่นางหยิบผ้าปักลายมังกรที่มีสีสันสวยงามขึ้นมา มันเป็นผ้าคลุมไหล่ที่ปักได้สวยมาก งานแฮนด์เมดชัดเจนนางจึงหยิบมา 5-6 ชิ้นเอาคละสีกัน และยังเดินดูพวกขนสัตว์ต่างๆ ด้วย ท่านแม่นั้นตอนนี้กำลังเลือกอยู่เพราะว่าอีกไม่นานก็จะถึงฤดูหนาวแล้ว ขนสัตว์พวกนี้จะช่วยได้มาก พวกนางขนซื้อจนเถ้าแก่ยิ้มปากกว้างเกือบถึงหูทีเดียว"ไม่ทราบว่าจะให้ทางร้านไปส่งที่หรือขอรับ ซื้อเยอะขนาดนี้ทางร้านมีบริการส่ง""ไปส่งไว้ที่โรงเตี้ยมอิงฮวาเถอะ" ป้าจวงเป็นคนบอก แน่นอนว่าทุกคนในเมืองนั้นรู้ว่าโรงเตี้ยมอิงฮวานั้นอยู่ที่ไหน เพราะว่ามันเป็นโรงเตี้ยมที
บทที่ 15 เจ้ารู้หรือไม่ ป้าจวงคือใคร???!!!เจียงหย่าเสวี่ยที่มาจากอนาคตนั้นรู้ทันทีว่าประโยคต่อมาที่คุณชายท่านนี้จะพูดนั้นคืออะไร"หากว่าข้าเดาไม่ผิด ประโยคต่อมาที่เจ้าจะพูดก็คือ... พวกเจ้ารู้ไหมว่าพ่อของข้าเป็นใครใช่หรือไม่!!!!""เจ้า!!! เจ้ากล้ามากที่มาพูดจาเช่นนี้กับข้า! ทั่วทั้งชิงเฉินนี่มีใครไม่รู้บ้างว่ามีแค่ข้าเท่านั้นที่สามารถพูดประโยคนี้ได้ " ฉินหลงแค่นเสียง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง"แต่ถึงเจ้าจะพูดไปแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็จะต้องได้พูดประโยคนี้ด้วย!!! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ข้าฉินหลง ข้าเป็นลูกชายของเจ้าเมืองชิงเฉิน! พ่อของข้าเป็นผู้ที่มีอำนาจที่สุดยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองนี้และไม่มีใครกล้าหือกับข้า!!"พูดเสร็จก็ยกกำปั้นอวบอ้วนของตัวเองขึ้นฟ้า และเชิดหน้าเล็กน้อย ถ้าหากว่าเป็นคนที่ผอมกว่านี้ทำมันอาจจะดูน่าเกรงขามมากกว่านี้แต่นี่เพราะเขาอ้วนมากเมื่อยกกำปั้นเงยหน้าก็เลยเป็นภาพที่ดูตลกเสียมากกว่าตอนนี้ผู้คนต่างก็เมียงมองและไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวพลางคิดสงสารกลุ่มเจียงหย่าเสวี่ยที่อุตส่าห์เข้าช่วยเหลือคนแต่กลับจะมีปัญหากับลูกอันธพาลของท่านเจ้าเมืองเสียแล้ว เฮ้ออ....
บทที่ 16 เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิล รวดเร็วประดุจสายลมหลังจากปัญหาเล็กๆ ที่ตัวใหญ่วิ่งหนีหายไป หลงจู๊ฟู่เสี่ยวหานก็เดินมาหากลุ่มของเจียงหย่าเสวี่ย และได้ทราบว่าพวกนางต้องการรถม้าเพื่อที่จะใช้เดินทางไปเมืองอวี้ไห่ต่อไป หลงจู๊ฟู่เสี่ยวหานจึงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มและเสนอตัวเป็นผู้ช่วยในทันที"ข้ารู้ดีว่าในเมืองนี้ที่ไหนมีรถม้าที่ดีที่สุดให้ข้าจะพาท่านไปเถอะขอรับ" เมื่อมีคนเขาอาสาพวกนางก็ไม่ขัดอยู่แล้วหลงจู๊ฟู่เสี่ยวหานนำพวกเจียงหย่าเสวี่ยไปยังร้านขายรถม้าขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองเป็นร้านที่เป็นสาขาของโรงประมูลมังกรเหินนั้นเอง เมื่อมาถึงเถ้าแก่ร้านเห็นหลงจู๊ฟู่พามาก็เข้าใจในทันทีว่าคนกลุ่มนี้ VVIP อย่างแน่นอนเขารีบเดินออกมารับด้วยตัวเองและเอ่ยต้อนรับอย่างสุภาพ"ยินดีต้อนรับท่านฮูหยินและคุณหนู พวกท่านมองหารถม้าแบบใดหรือขอรับ? ที่ร้านของเรามีรถม้าหรูหราหลากหลายแบบให้ท่านเลือกสรร"ภายในร้านที่เต็มไปด้วยรถม้าหลากหลายแบบ ทั้งคันใหญ่ คันเล็ก หรูหราและเรียบง่ายเจียงหย่าเสวี่ยยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า “ข้าต้องการรถม้าที่ดีที่สุด แข็งแรง สะดวกสบาย และหรูหราเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล”เถ้าแก่ร้านยิ้มอย่
ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง
ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ
ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก
ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ
บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช
บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย
บทที่ 161 ข้าได้บอกเจ้าหรือยังว่าอาจารย์ของข้าคือ จวงหลิวเฟิง!!!เฟิงหย่าเสวี่ยถูกกับไป่เหลียนใช้มีดจี้ที่คอและถูกจับเอาไว้ พยายามนิ่งมากที่สุดแม้ว่าตอนนี้นางแmบจะไม่มีแรงที่จะยืนแล้ว ขณะนั้นเองมือขวากำเข็มเงินแน่น สายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของอีกตนที่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ล้อมไป่เหลียนเอาไว้ ทุกทางส่วนกองทัพเด็กของนางนั้นต่างก็ถูกช่วยเหลือและพาออกจากสถานที่นี้แล้ว ทำให้ตอนนี้กลางลานนั้นมีเพียงนางเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่พร้อมกับตัวประกันของนางที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดด้วย"เจ้าคิดว่าตัวเองจะหยุดข้าได้หรือ?" ไป่เหลียนเอ่ยเสียงเย็น พลางหันมองดวงหน้าที่งดงามของนังเด็กบ้าผู้นี้…เหตุใดนางถึงได้งดงามเช่นนี้แม้ว่าตอนนี้หน้าของนางจะซีดเซียวมากก็ตาม ไป่เหลียนคิด ดวงตาฉายแววอำมหิตขึ้นมาอีกครั้ง "เด็กน้อยอย่างเจ้า ช่างงดงามเสียจริงหากว่าความงามของเจ้าเป็นของข้าคงจะดีไม่น้อย ฮ่าฮ่าฮ่า!" นางพูดขึ้นมา พลางพยักหน้ากับความคิดของตัวเอง และคิดหาทางที่จะใช้ประโยชน์จากความเยาว์วัยนี้ให้ได้"ข้ารู้ว่าท่านกำลังทำผิด" เฟิงหย่าเสวี่ยตอบเสียงมั่นคง มือยังคงกำเข็มเงินแน่น "ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การทำร้ายผู้บริสุท
บทที่ 160 เจ้าแพ้แล้ว!!จวงหลิวอวี้จ้องมองเหตุการณ์ที่เบื้องหน้าอย่างแน่นิ่ง สายตาของนางจับจ้องเฟิงหย่าเสวี่ยที่ยกพู่กันชิงหลงขึ้นมา เสียงหัวใจเต้นหนักหน่วงในอกบอกให้นางรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก นางรีบพุ่งตัวเข้าหาหลานสาวทันที มือแข็งแรงคว้ามือที่กำพู่กันไว้แน่นก่อนที่จะทันได้วาดอะไรลงในอากาศ“อะไรก็ตามที่เจ้าคิดจะทำและเสียสละ...จงหยุดมันเดี๋ยวนี้!!!” จวงหลิวอวี้เอ่ยเสียงดัง สายตาของนางเต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใยเฟิงหย่าเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองป้าจวง ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความรักและเคารพที่นางมีต่อผู้ที่คอยปกป้องและดูแลมาตลอด ทว่าในแววตานั้นกลับแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง“ท่านป้า...” เฟิงหย่าเสวี่ยพูดเสียงสั่น ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา “ข้าขอโทษ...” คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความอาลัยจวงหลิวอวี้มองหลานสาวอย่างตกตะลึง นางยื่นมือไปจับใบหน้าของเฟิงหย่าเสวี่ย “เสวี่ยเออร์... เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เจ้าคือความหวังของตระกูลเฟิง! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียสละตัวเองเด็ดขาด เจ้านึกถึงท่านแม่และน้องชายของเจ้าสิพวกเขาจะเป็นอย่างไร หากว่า
บทที่ 159 ฉันขอทำหน้าที่ของฮองเฮาที่กล้าเสียสละเพื่อลูกหลาน"และนี่คือผลงานชิ้นเอกของข้า!" ไป่เหลียนผายมือไปที่เด็กๆ "พิษที่ไม่เพียงทำลายร่างกาย แต่ยังบดขยี้จิตวิญญาณ ทำให้พ่อแม่ต้องเห็นลูกของตัวเองกลายเป็นเครื่องมือสังหาร! ความทรมานทั้งผู้ใช้และผู้ถูกใช้ นี่คือสิคือสิ่งที่เรียกว่าพิษที่ดีที่สุดที่ที่ข้าสามารถสร้างขึ้นมาได้ ไม่เพียงทำลายหนึ่งแต่ทำลายได้ทั้งครอบครัวฮ่าฮ่าฮ่า!" เสียงหัวเราะของนางดังลั่นไปทั่วเฟิงซินซินร้องไห้จ้า มือน้อยๆ กำพู่กันแน่นดวงตาเล็กๆ ของนางมองไปที่เหล่าเด็กๆ ที่ถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดเป็นร่างที่ไร้ชีวิต"นางสละความเป็นมนุษย์... แลกกับพลังแห่งความชั่วร้าย ยิ่งมีผู้ถูกพิษตาย พิษก็ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งมีผู้ทุกข์ทรมาน พิษก็ยิ่งร้ายกาจ... วงจรแห่งความชั่วร้ายที่ไม่มีวันสิ้นสุด!"จวงหลิงเฟิงสะท้านเฮือก "นี่มัน... เกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะทำได้ไป่เหลียนเจ้านี่มันกู่ไม่กลับจริงๆ ไม่เคยสำนึกถึงความผิดของตัวเอง..""ฮ่าฮ่าฮ่า!!!นี่เจ้ารู้ได้อย่างไรเพื่อนรักว่าข้าไม่ใช่มนุษย์แล้ว!" ไป่เหลียนตะโกนก้องและหันมาจ้องมองเพื่อนรักในอดีตที่ได้กลายมาเป็นศัตรูคู่แค้น และเพราะความแค้น