ホーム / แฟนตาซี / เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์ / บทที่ 4 การสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่

共有

บทที่ 4 การสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่

last update 最終更新日: 2024-11-16 11:13:56

บทที่ 4 การสูญเสียและการเริ่มต้นใหม่

การเดินทางที่ยาวนานและแสนเหน็ดเหนื่อยจากเมืองหลวงมายังเมืองอวี้ไห่ได้ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน ท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงจากแดดร้อนจัดสลับกับฝนตกอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นศัตรูที่ทำให้เจียงหย่าเสวี่ย ลูกสาวคนโตของเจียงซิ่วเหยาต้องป่วยไข้ตั้งแต่เริ่มการเดินทาง แม้นางจะเป็นเด็กที่แข็งแรงและมีความอดทนมากแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญกับการเดินทางที่เหนื่อยล้าและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย นางก็ไม่อาจต้านทานความเจ็บป่วยที่เข้ามากล้ำกลายได้

ในระหว่างการเดินทาง คนขับรถม้าและผู้คุ้มกันก็มักจะพูดคุยกันถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างไม่คาดคิด

"เฮ้อ วันนี้ร้อนจัดจนเหงื่อท่วมตัว แต่พอพ้นเที่ยงไปฝนก็เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว นี่มันอะไรกันนักหนา"

คนขับรถม้าบ่นออกมา ขณะที่มือของเขากุมบังเหียนแน่นเพื่อควบคุมม้าไม่ให้วิ่งเร็วเกินไปบนถนนที่ลื่นจากฝน

"ข้าเองก็ไม่เคยเห็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน" ผู้คุ้มกันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยตอบ

"มันทำให้การเดินทางลำบากขึ้นเยอะจริง ๆ นายหญิงและคุณหนูก็ต้องลำบากไปด้วย ข้าหวังว่าเราจะไปถึงเมืองต่อไปโดยไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก"

"ใช่ ข้าก็หวังเช่นนั้น เราทุกคนต่างก็เหนื่อยล้ากันเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะคุณหนูเจียง ข้าเห็นนางป่วยมาตั้งแต่เริ่มการเดินทาง ใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้" คนขับรถม้าตอบพร้อมถอนหายใจยาว เพราะว่าเดินทางด้วยกันมานาน ทำให้มีความรู้สึกเป็นห่วงผูกพันนั้นเป็นเรื่องปรกติ อีกทั้งนายหญิงก็ใจดีกับพวกเขามากไม่ว่าพวกนางกินอะไร พวกเขาก็จะได้กินเช่นนั้น ทำให้พวกเขานั้นตั้งใจที่จะดูแลพวกนางไปจนถึงจุดหมายมาก เขามองไปยังท้องฟ้าที่มืดครึ้มและหวังว่าสภาพอากาศจะปรานีพวกเขาบ้างในวันถัดไป

เจียงหย่าเสวี่ยเริ่มมีไข้ตั้งแต่วันแรกๆ ในการเดินทาง เจียงซิ่วเหยาสังเกตเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวและความอ่อนแอที่เพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ด้วยความจำเป็นที่จะต้องเดินทางต่อ เจียงซิ่วเหยาทำได้เพียงซื้อยาสมุนไพรจากเมืองที่ผ่านเพื่อบรรเทาอาการของลูกสาว ยาสมุนไพรนั้นช่วยให้อาการดีขึ้นเพียงชั่วคราว แต่ไม่นานเจียงหย่าเสวี่ยก็กลับมาเป็นไข้และไออย่างรุนแรงอีกครั้ง ความหวังที่นางจะฟื้นตัวค่อย ๆ จางหายไปเมื่อเห็นลูกสาวที่รักค่อย ๆ อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ

ในแต่ละคืน เจียงซิ่วเหยานั่งอยู่ข้างเตียงของลูกสาว มองดูเจียงหย่าเสวี่ยที่นอนหลับอย่างยากลำบาก นางใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ลูกเพื่อลดไข้ และลูบหัวลูกสาวด้วยความรัก นางภาวนาให้ลูกสาวฟื้นคืนแข็งแรงเหมือนเดิม แต่ยิ่งนางภาวนา อาการของเจียงหย่าเสวี่ยกลับยิ่งแย่ลง อาการไอที่รุนแรงขึ้นทุกวัน เสียงไอแหบแห้งที่ดังขึ้นในยามค่ำคืนทำให้เจียงซิ่วเหยารู้สึกปวดใจอย่างที่สุด นางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยลูก แต่ทุกสิ่งที่ทำกลับดูไร้ประโยชน์เมื่อเจียงหย่าเสวี่ยยังคงอ่อนแอลงเรื่อย ๆ

ในขณะเดียวกัน เจียงหยวนเจี๋ยน้องชายของเจียงหย่าเสวี่ย กลับไม่แสดงอาการป่วยหรือเหนื่อยล้าเหมือนพี่สาว ทั้งที่ร่างกายของเขาอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด เขาดูเหมือนจะชอบการเดินทางครั้งนี้มากด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้เขารู้สึกอิสระ เขาไม่ต้องอยู่ในจวนที่เต็มไปด้วยสายตาของคนที่มองเขาเหมือนเป็นสิ่งแปลกประหลาด เด็กน้อยคนนี้รู้สึกถึงความสุขที่ได้เห็นท้องฟ้ากว้างและทุ่งหญ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด เขารู้สึกว่าตัวเองได้หลุดพ้นจากกรงที่ขังเขามาตลอด แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการเดินทางนี้เต็มไปด้วยความลำบาก แต่สำหรับเขา มันคือโอกาสที่จะได้เป็นตัวของตัวเอง

แต่ถึงกระนั้น ความรู้สึกของการเป็นภาระยังคงฝังลึกอยู่ในใจของเจียงหยวนเจี๋ย เขาเห็นพี่สาวที่นอนป่วยอย่างหนัก และเห็นมารดาที่ต้องทนทุกข์เพราะความห่วงใยที่มีต่อลูก เขารู้สึกผิดที่ตนเองกลับไม่มีอาการป่วยเหมือนพี่สาว ทั้งที่เขาอ่อนแอมากกว่า ความคิดเช่นนี้ทำให้เด็กน้อยรู้สึกเจ็บปวด เขามักจะเก็บตัวเงียบอยู่ในรถม้า ไม่กล้าแสดงความสุขที่เขามีต่อการเดินทางครั้งนี้ เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขารู้สึกดีในขณะที่พี่สาวกำลังทุกข์ทรมาน ความรู้สึกขัดแย้งเหล่านี้ทำให้หัวใจของเจียงหยวนเจี๋ยเต็มไปด้วยความสับสนและความเศร้า แม้ว่าเขาจะพยายามยิ้มให้มารดาและพี่สาว แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียคนที่เขารักไป

คืนหนึ่งที่อากาศหนาวเย็นกว่าปกติ เจียงหย่าเสวี่ยมีอาการไข้สูง ร่างกายของนางสั่นสะท้านตลอดเวลา ริมฝีปากซีดเขียวและแห้งแตก ใบหน้าซีดเผือดเหมือนไร้ชีวิต มือที่อ่อนแรงของนางเกาะกุมมือของเจียงซิ่วเหยาไว้แน่น นางมองไปที่มารดาด้วยสายตาที่พร่ามัว เสียงพูดแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ

"ท่านแม่...ข้ารู้สึกหนาวเหลือเกิน..."

เจียงซิ่วเหยากุมมือลูกสาวไว้แน่น น้ำตาของนางไหลอาบแก้ม นางรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอและความทุกข์ทรมานของลูกที่รัก ใจของนางแทบจะแตกสลายเมื่อเห็นเจียงหย่าเสวี่ยที่เคยสดใสและแข็งแรงกลับต้องทนทุกข์เช่นนี้ นางพยายามฝืนยิ้มและตอบลูกด้วยเสียงสั่น ๆ

"ไม่เป็นไรนะลูกรัก..ท่านแม่อยู่ที่นี่แล้ว ท่านแม่จะดูแลเจ้าเอง...อย่าเพิ่งท้อใจนะ เจ้าใหญ่ของแม่ เจ้าจะต้องหายดี"

คำพูดที่ออกมานั้นแม้จะเต็มไปด้วยความหวัง แต่น้ำตาที่ไหลอาบแก้มกลับบ่งบอกถึงความกังวลและความกลัวที่ซ่อนอยู่ นางหวังเพียงให้ลูกของนางฟื้นคืนความแข็งแรงและมีชีวิตต่อไป แต่ความจริงที่เห็นกลับทำให้นางรู้สึกเหมือนหัวใจถูกทุบทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่เจียงหย่าเสวี่ยกลับไม่ตอบ นางเพียงแค่หลับตาลงอย่างอ่อนแรงและนิ่งเงียบไป ร่างกายที่ร้อนจัดกลับค่อยๆ เย็นเฉียบลง ลมหายใจของนางค่อย ๆ หลุดลอย เจียงซิ่วเหยาที่กอดร่างลูกสาวเอาไว้ตลอดเวลาค่อย ๆ สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น ร่างกายของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง นางพยายามกัดฟันแน่นเพื่อไม่ยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า นางฝืนบอกตัวเองว่าลูกสาวของนางไม่เป็นอะไร นางจะต้องปลอดภัย ตอนนี้นางแค่เหนื่อยมากก็เลยหลับตาเท่านั้น เป็นเช่นนั้นจริงๆ 

ได้โปรดเถอะสวรรค์!!!…ท่านอย่าได้…พวกท่านอย่าได้…!!

ความคิดที่ต้องสูญเสียลูกสาวนั้นทำให้นางไม่สามารถที่จะหายใจออกมาได้

"เสวี่ยเออร์ เจ้าใหญ่ของแม่ ...เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร..แม่….แม่กอดลูกเอาไว้แล้ว อุ่นหรือไม่ลูกแม่ เจ้าอุ่นหรือยัง แม่กอดเจ้าแล้ว อุ่นหรื..อุ่นหรือไม่ลูกรัก ...เจ้าจะต้องไม่...ไม่เป็นอะไรนะ "

พูดพลางกอดร่างที่แน่นิ่งไปแล้วของลูกสาวแล้วโยกร่างกายไปมาเหมือนกับเป็นการกล่อมนางให้หลับ

"เจ้าเพียงแค่หลับไปเท่านั้น...ท่านแม่จะดูแลเจ้าเอง...เจ้าจะไม่เป็นอะไร...เจ้าจะต้องปลอดภัย ที่เมืองอวี้ไห้ สะ ...สวยมากแม่รู้ว่าลูกต้องชอบ ลูกอดทนหน่อย แม่....แม่จะอยู่ตรงนี้ แม่จะไม่ปล่อยเจ้าไป แม่จะกอดเจ้าเอาไว้แน่นๆ ลูกรัก แม่กอด..."

เจียงซิ่วเหยาพูดซ้ำ ๆ ราวกับเป็นการสะกดจิตตัวเอง น้ำเสียงสั่นเครือและแผ่วเบา นางจับมือของลูกสาวไว้แน่นราวกับจะยึดลูกสาวให้อยู่กับนางตลอดไป หัวใจของเจียงซิ่วเหยาเจ็บปวดราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ น้ำตาของนางไหลลงอย่างไม่อาจหยุดได้ ขณะนั้นเอง ป้าจวงที่นั่งอยู่ข้างๆ มาตลอดค่อยๆ ยื่นมือมาจับที่ชีพจรของเจียงหย่าเสวี่ย นางวางมือลงไปครู่หนึ่งมือของนางสั่นอย่างรุนแรง เมื่อยกออกจากข้อมือผอมบางนั้น นางไม่พูดอะไรออกมา จนกระทั่งน้ำตาของนางเริ่มเอ่อล้น ความเงียบที่ปกคลุมในเวลานั้นกลับเป็นเหมือนเสียงกรีดร้องที่ก้องกังวานในใจของเจียงซิ่วเหยา

ในความมืดของค่ำคืน ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วทั้งค่ายพัก เสียงลมพัดผ่านทุ่งหญ้าทำให้บรรยากาศดูเย็นเยียบและเงียบงันยิ่งขึ้น ในขณะที่ทุกคนหลับสนิท วิญญาณของหลี่หนิง ผู้ที่เคยเป็นอัจฉริยะจากยุค 21 ได้หลุดลอยจากภพของตนอย่างไม่ทราบสาเหตุ วิญญาณนั้นหลงทางในความว่างเปล่า จนกระทั่งพบกับร่างของเจียงหย่าเสวี่ยที่นอนสงบนิ่งอยู่ ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง หลี่หนิงถูกดึงเข้าไปในร่างนั้นโดยไม่สามารถต่อต้านได้

ทันใดนั้น วิญญาณของหลี่หนิงก็เข้ามาอยู่ในร่างของเจียงหย่าเสวี่ย นางรู้สึกถึงความหนักอึ้งของร่างกาย และความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่ว นางลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ความมืดรอบตัวทำให้นางรู้สึกสับสนและงุนงง นางไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และที่สำคัญ นี่ไม่ใช่ร่างกายของนาง นางมองไปรอบ ๆ และพบว่ามีหญิงคนหนึ่งนั่งกอดร่างนางเอาไว้แน่น เนื้อตัวของหญิงคนนั้นสั่นเทาอยู่ตลอดเวลาใบหน้าของหญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย หลี่หนิงรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือที่กุมไว้ นางรู้สึกได้ถึงความรักและความห่วงใยที่มาจากหญิงคนนั้น

ไม่นานหลังจากนั้น ความทรงจำของร่างเดิมก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวของหลี่หนิง นางเห็นภาพของเจียงหย่าเสวี่ยที่เติบโตมาในความรักและความห่วงใยของผู้เป็นแม่ นางรับรู้ถึงความทรมานที่ร่างนี้ต้องเผชิญจากการเจ็บป่วย และความเจ็บปวดที่เจียงซิ่วเหยาต้องเผชิญเมื่อลูกสาวของนางป่วยหนัก หลี่หนิงสัมผัสได้ถึงความรักที่เจียงซิ่วเหยามีต่อลูกสาวของนาง ความรักที่ยิ่งใหญ่และไม่ยอมแพ้น้ำตาของหลี่หนิงไหลออกมาจากหางตาโดยไม่รู้ตัว มันเป็นน้ำตาของร่างนี้ที่ร้องไห้ออกมา เพราะนางรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นอย่างลึกซึ้ง ความรักและความสูญเสียที่ท่วมท้นในหัวใจของเจียงซิ่วเหยาได้ทำให้หลี่หนิงรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย และนั่นทำให้นางตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้หญิงผู้นี้ได้พบกับความสุขอีกครั้ง

"ทะ..ท่าน…ท่านแม่..."

เสียงที่หลุดออกมาจากปากนางนั้นแผ่วเบาและสั่นเครือ หลี่หนิงรู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงบางอย่างกับหญิงคนนี้ ความรักและความห่วงใยที่มากมายจนทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดในใจ ร่างกายของนางยังคงอ่อนแอและเจ็บปวด แต่วิญญาณของหลี่หนิงกลับรู้สึกถึงพลังที่ลึกลับอยู่ในร่างนี้ นางไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร แต่สิ่งหนึ่งที่นางรับรู้ได้ชัดเจนคือ หญิงคนนี้รักและห่วงใยนางอย่างสุดหัวใจ

ราวกับเสียงสวรรค์ เจียงซิ่วเหยาสะดุ้งอย่างแรงจากนั้นนางก็กรีดร้องขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของราตรี มันเป็นเสียงกรีดร้องของความดีใจ ที่ตนได้ของรักกลับคืนมา…

“เสวี่ยเออร์ เสวี่ยเออร์ลูกแม่…ฮื่อออออ”

รุ่งเช้า เมื่อแสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านม่านของรถม้า เจียงซิ่วเหยาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเหนื่อยล้า นางมองไปที่ลูกสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ และสังเกตเห็นว่าลูกสาวของนางกำลังลืมตาขึ้น เจียงซิ่วเหยารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก นางยิ้มทั้งน้ำตาและก้มลงไปกอดลูกสาวไว้แน่น

"เจ้าใหญ่! เป็นอย่างไรบ้างลูก เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนหรือไม่ บอกแม่เร็วเข้า ลูกอยากจะกินอะไรบอกท่านแม่มาเร็ว"

หลี่หนิงที่อยู่ในร่างของเจียงหย่าเสวี่ยรู้สึกถึงความอบอุ่นและความรักที่ท่วมท้น นางไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้คือ นางจะต้องปกป้องหญิงคนนี้และเด็กน้อยอีกคนที่นั่งมองนางตาแป๋วอยู่นั่น นางกวาดสายไปที่ร่างเล็กผอมของเด็กน้อยและในที่สุดก็เห็นบางอย่างที่ไม่ปรกติ ที่มือของเขา…มือของเขามีนิ้วงอกออกมาเกินหนึ่งนิ้ว เด็กน้อยรู้สึกถึงการจ้องมองของพี่สาวที่แปลกไป และเมื่อเขามองตามสายตาเขาก็เห็นว่าพี่สาวกำลังจ้องมาที่มือที่มี 6 นิ้วของเขา ด้วยความกังวลเขาจึงค่อยๆซ้อนมือข้างนั้นเอาไว้ข้างหลังและขยับออกห่างพี่สาวเล็กน้อย เขาคิดว่านางคงจะไม่เห็น แต่ทว่าหลีหนิงที่ตอนนี้คือ เจียงหย่าเสวี่ยนั้นรู้สึกและเห็นนางเข้าใจความรู้สึกของน้องชายดีเพราะความทรงจำจากร่างนี้ นางไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มให้เล็กน้อย พลางคิดในใจว่า เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะจัดการให้เองน้องชาย….

“ท่านแม่ข้าอยากจะกินโจ๊กผักเจ้าค่ะ” นางตอบออกมาเบาๆ ในที่สุด เจียงซิ่วเหยานั้นดีใจมากที่รู้สาวฟื้นและสามารถโต้ตอบได้นางรีบกุลีกุจอไปทำอาหารเองทันที ทั้งๆ ที่ป้าจวงบอกว่าจะทำให้นางก็ไม่ยอม

ความสูญเสียและความเศร้าที่เจียงซิ่วเหยาต้องเผชิญได้ผ่านพ้นไปพร้อมกับการมาถึงของหลี่หนิง แม้ว่าเจียงซิ่วเหยาจะไม่รู้ว่าลูกสาวของนางได้จากไปแล้ว และวิญญาณที่อยู่ในร่างนั้นไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริง แต่หลี่หนิงตั้งใจว่าจะทำให้หญิงคนนี้มีความสุขอีกครั้ง นางจะใช้ชีวิตในร่างนี้เพื่อทดแทนความรักและความห่วงใยที่เจียงซิ่วเหยาได้มอบให้ และจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายครอบครัวนี้ได้อีกต่อไป

***ไรท์ถึงกับน้ำตาซึมเลยความรู้สึกของการสูญเสียมันบีบหัวใจจริงๆ  เกือบไปแล้ว****

関連チャプター

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง

    บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลงคืนที่เงียบสงัดหลังจากที่เจียงหย่าเสวี่ยฟื้นขึ้นมา ในคืนที่ลมหนาวพัดผ่านทุ่งหญ้าอย่างแผ่วเบา ดวงจันทร์ส่องแสงสลัวลงมายังค่ายพัก ร่างของเจียงหย่าเสวี่ยนั่งอยู่ในรถม้าที่คับแคบ ขณะที่ท่านแม่เจียงซิ่วเหยานั่งข้าง ๆ ด้วยความดีใจสุดขีด นางรีบทำโจ๊กผักอย่างที่ลูกสาวอยากกินมาให้สุดฝีมือ"เสวี่ยเออร์ กินเยอะ ๆ นะลูก จะได้หายไว ๆ" เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ขณะที่นางยกช้อนโจ๊กมาป้อนลูกสาว"ท่านแม่ ข้ากินเองได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องลำบากท่านหรอก"เจียงหย่าเสวี่ยตอบเบา ๆ แต่ก็รับช้อนจากมารดาด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆเจียงซิ่วเหยามองลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย นางยิ้มทั้งน้ำตา "ข้าอยากป้อนเจ้า ให้ข้ามั่นใจว่าเจ้าปลอดภัยแล้ว ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียเจ้าไป"หลังจากป้อนโจ๊กเสร็จ เจียงซิ่วเหยาลูบผมลูกสาวและกอดลูกไว้แน่นๆ ราวกับอยากให้ตัวเองมั่นใจว่านางไม่ได้สูญเสียลูกสาวที่รักคนนี้ไปจริง ๆ นางอยากจะมั่นใจว่าลูกยังอยู่ตรงนี้"ท่านแม่ ข้าปลอดภัยแล้ว ท่านไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ" เจียงหย่าเสวี่ยพูดปลอบเบา ๆเจียงซิ่งเหยาเมื่อป้อนโจ๊กผักให้ลูกสาวเสร็จก็ใช้หน

    最終更新日 : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 6 ความสามารถของชิงหลง

    บทที่ 6 ความสามารถของชิงหลงเมื่อยามเช้ามาเยือน แสงแดดอ่อน ๆ ส่องทะลุผ้าม่านของรถม้าเข้ามา เจียงหย่าเสวี่ยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น นางหันมองไปรอบ ๆ พบว่าท่านแม่เจียงซิ่วเหยายังคงหลับอยู่ในอ้อมกอดของนาง นางจึงค่อย ๆ ขยับตัวออกมาอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ท่านแม่ตื่น นางเดินออกจากรถม้าและสูดอากาศบริสุทธิ์ของยามเช้า หยิบพู่กันชิงหลงออกมาจากเสื้อของนางพลางมองมันด้วยความสงสัยตอนนี้พวกเขาพักค้างแรมในป่า เจียงหย่าเสวี่ยค่อย ๆ เดินออกมาจากค่ายพักและบอกกับป้าจวงว่า "ข้าจะออกกำลังเล็กน้อยนะเจ้าคะ ป้าจวงไม่ต้องเป็นห่วง"ป้าจวงพยักหน้าและยิ้ม "ได้เจ้าค่ะ คุณหนู แต่โปรดระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ป่าตอนเช้านี้ยังมีหมอกหนาอยู่"เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มและเดินออกไป นางรู้สึกถึงความเงียบสงบของป่าและเสียงนกร้องที่สร้างความสดชื่นให้กับนาง"เจ้าคือพู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลงจริง ๆ หรือ?" เจียงหย่าเสวี่ยพึมพำกับตัวเอง ขณะจ้องมองพู่กันในมือทันใดนั้นเอง พู่กันก็ส่งประกายแสงสีฟ้าจาง ๆ ออกมา ราวกับกำลังตอบรับคำถามของนาง เจียงหย่าเสวี่ยมองดูด้วยความตกใจ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้นมาในหัวของนางอีกครั้ง"ใช่แล้ว เจ้าคือเจ้านายของข

    最終更新日 : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? 

    บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? วันเวลาผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ที่พวกเขาเดินทาง และระยะทางที่จะถึงจุดหมายนั้นยังอีกประมาณครึ่งเดือน ค่ำวันหนึ่งเจียงหย่าเสวี่ยกำลังนอนพัก เธอเงี่ยหูฟังเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงนกร้อง และเสียงพูดคุยจากท่านแม่เจียงซิ่วเหยาและป้าจวงที่อยู่ใกล้ ๆ แม้ไม่ได้ตั้งใจจะฟัง แต่คำพูดบางคำก็แว่วเข้ามาในหู ทำให้เธอหยุดพู่กันที่กำลังขยับอยู่บนกระดาษ"คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้เงินที่เหลืออยู่ก็เพียง 400 ตำลึงเท่านั้นเอง อีกทั้งเรายังต้องเดินทางอีกเกือบหนึ่งเดือน ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี" ป้าจวงพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเงินที่หมดไปส่วนใหญ่นั้นก็เพราะต้องซื้อยาซื้อโสมราคาแพงมาบำรุงคุณหนูที่ป่วยหนักมาตลอดทั้งเดือน ถ้าไม่มีโสมและยาทั้งหมดนั้น คุณหนูคงไม่สามารถรอดมาได้ป้าจวงตอบด้วยความเศร้าใจ"ข้าไม่สนว่าเงินจะหมดไปเท่าไร สุขภาพของลูกสาวข้านั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าการใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้เสวี่ยเออร์ของข้าหายป่วย ข้าก็ยินดีที่จะแลกทุกอย่าง"เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใยเจียงหย่าเสวี่ยฟังคำพูดเหล่านั้นและรู้สึกหั

    最終更新日 : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!

    บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!เสียงจากข้างหลังทำให้นางหันกลับไปมอง เป็นป้าจวงที่ตามมาหานาง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจเมื่อเห็นดงโสมและเห็ดหลินจือที่เพิ่งเกิดขึ้น"คะ…คุณหนู คือ..คือ..เออ ท่านทำทั้งหมดนี้หรือเจ้าคะ?"ถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อสายตา ป้าจวงถึงจะเป็นคนจิตแข็งขนาดไหนเมื่อเห็นกับตาว่าคุณหนู่ของนางอยู่ก็วาดๆ อะไรสักอย่างและเมื่อนางสะบัดแปรงเบาๆ ก็ทำให้มีเส้นแสงสีเงินสีทองวูบวาบเต็มไปหมดไม่ถึง5 อึดใจต้นโสมที่เป็นของหายากอันดับหนึ่งของป่าต่างก็รีบผุดขึ้นมาจากดินราวกับว่าหากขึ้นช้าแล้วจะไม่ทันหัวอื่นๆ อย่างไรอย่างนั้นนางก็ตกใจทีเดียวเจียงหย่าเสวี่ยนั้นแต่แรกก็ไม่ได้คิดจะปิดบังครอบครัวแต่เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาจึงไม่ได้บอกไป แต่เมื่อป้าจวงที่เป็นคนที่ภักดีที่สุดของท่านแม่มาเห็นเช่นนี้ นางก็ได้แต่ปล่อยให้ได้เห็น“ป้าจวงเร็วเข้ารีบมาขุดโสมเหล่านี้เร็ว ด้านนั้นยังมีเห็ดหลินจือด้วยเจ้าค่ะ ดอกใหญ่ๆ ทั้งนั้น อย่างเพิ่งนิ่ง เดี๋ยวกลับไปข้าจะอธิบายให้ฟังเจ้าค่ะ”เจียงหย่าเสวี่ยไม่อยากจะเสียเวลาเพราะหากอยู่ที่นี่นางไม่แน่ว่าท่านแม่อาจจะส่งใครมาตามพวกนางอีก ป้าจ

    最終更新日 : 2024-11-16
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 9 ขายโสม

    บทที่ 9 ขายโสม“ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะท่านแม่!!!” เสียงกระซิบของลูกสาวนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าเสียงที่นางบอกนั้นดังสนั่นในหัวของเจียงซิ่วเหยา“อะ..อะไรนะลูกรัก เจ้าพูดอีกทีซิ”เจียงซิ่วเหยาเอื่อมมือมาจับมือของลูกสาวและเขย่าเบาๆ เจียงหย่าเสวี่ยหันไปมองป้าจวงและพยักหน้าให้เล็กน้อยจากนั้น ป้าจวงก็นำตะกร้าใบหน้าเข้าไปวางไว้ในรถม้าปิดผ้าหน้าหน้าต่างให้เรียบร้อยและหันไปพยักหน้าให้คุณหนูเล็กของนางประมาณว่าเรียบร้อย เสร็จแล้วนางก็เดินไปหากลุ่มของคนขับรถม้าและคนคุ้มกันที่กำลังนั่งกินอาหารที่พวกนางทำโดยพวกเขาได้แยกไปนั่งไกลพอสมควร ทำให้ไม่เห็นสิ่งที่ป้าจวงแบกมาป้าจวงเดินไปหาอาหานและสั่งให้เขาทำความสะอาดไก่ทันที พลางหันไปบอกคนคุ้มกันว่าวันนี้พวกนางจะย่างไก่เพิ่ม เมื่อพวกเขาเห็นว่าวันนี้จะมีเนื้อเพิ่มขึ้นจึงวางชามโจ๊กและรีบไปช่วยอาหานจัดการไก่ทันที ใครเล่าจะไม่อยากกินเนื้อ เป็นอันว่าทั้งคนคุ้มกันคนขับรถม้าพากันเอาไก่ออกไปทำที่ลำธารที่อยู่ไม่ไกลแทนซึ่งเป็นการดีต่อเจียงหย่าเสวี่ยที่จะได้นำโสมและเห็ดหลินจือมาให้ท่านแม่ดูเมื่อเจียงซิ่วเหยาเดินเข้าไปในรถม้าที่ปิดประตูผ้าม่านเรียบร้อย ชั่วครู่ที่นางมองเห็นโสมขน

    最終更新日 : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 10 โรงประมูลมังกรเหิน

    บทที่ 10 โรงประมูลมังกรเหินก่อนที่จะกลับมาที่โรงเตี้ยม ทั้งสองได้แวะไปที่โรงประมูลมังกรเหินและแจ้งตามที่หลงจู๊ของร้านขายยาหยูอี้ถังบอกว่าต้องการเข้าร่วมประมูล เมื่อพวกเขารู้ว่าจะมีโสมอายุ 1,000 ปี และเห็ดหลินจืออายุ 500 ปีเข้าประมูล ทำให้โรงประมูลนั้นตื่นเต้นและโกลาหลกันขึ้นมาทันที พวกเขาถึงขนาดเชิญหลงจู๊มาและขอให้พวกนางนำโสมและเห็ดหลินจือออกมาให้ดู เพราะว่ากลัวว่าพวกนางจะพูดไม่จริง และเมื่อได้เห็นของเรียบร้อย ตอนนี้สายตาที่พวกเขามองสองป้าหลานนั้นมีความนับถือมากขึ้นมาหลายส่วน"ข้าไม่ได้เห็นโสมที่มีอายุถึงพันปีมานานเหลือเกินแล้ว น่าจะเกือบ 10 ปีได้แล้ว มันล้ำค่าจริงๆ"หลงจู๊พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยตื่นเต้นและความประทับใจมาก นานมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นโสมและเห็ดหลินจือที่มีอายุเยอะขนาดนี้ในโรงประมูลมังกรเหินของพวกเขาและที่สำคัญมันถูกส่งเข้าประมูลเป็นคู่ด้วยครั้งนี้เมืองชิงเฉินจะต้องแตกตื่นอย่างแน่นอน พวกเขารีบส่งสายตาให้กันเป็นการบอกว่า พวกเจ้ารีบไปกระจายข่าวนี้ให้เร็วที่สุดและให้ได้มากที่สุดด้วยเพราะว่า ของมีค่าเช่นนี้มาถึงโรงประมูลกระชั้นชิดเหลือเกิน พวกเขาได้แต่ต้องทำวิธีการส่งข่า

    最終更新日 : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 11 แหวนมิติ

    บทที่ 11 แหวนมิติจากนั้นเสียงของฟู่เสี่ยวหานดังขึ้นมาอีกครั้ง“และแล้วก็ถึงเวลาที่ข้าคิดว่าทุกท่านรอคอยแล้ว!!!…..”ภายในห้องโถงใหญ่ของโรงประมูลมังกรเหิน จากที่เงียบเมื่อสักครู่เสียงก็ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง ทันใดนั้น ฟู่เสี่ยวหานก้าวไปด้านหน้า และเปิดกล่องที่อยู่ตรงกลางทันที จากนั้นก็หยิบแหวนวงเล็กๆ วงหนึ่งในมือของเขา แม้แต่ผู้ที่อยู่ห้องรับรองพิเศษด้านบนนั้นถึงกับเปิดประตูเพื่อออกมามองมันให้ชัดเจนมากขึ้นท่ามกลางความคาดหวังของทุกคนที่คิดว่าจะได้เห็นการประมูลโสมและเห็ดหลินจือในครั้งนี้ ฟู่เสี่ยวหานยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดึงดูดความสนใจ"ทุกท่านที่มาในวันนี้ข้าน้อยทราบดีว่านี่คือสิ่งที่พวกท่านคาดหวังจะได้เห็นและเป็นเจ้าของ ข้าน้อยขอเชิญทุกท่านจับตามองให้ดี เพราะของที่ทางโรงประมูลมังกรเหินจะนำเสนอในครั้งนี้ไม่ใช่โสมอายุ 1,000 ปีและเห็ดหลินจืออายุ 500 ปีที่ท่านคาดหวังไว้"จากนั้น เขาค่อยๆ กางมือออก แหวนวงเล็กๆ นั้นลอยขึ้นกลางอากาศและเปล่งแสงสีทองอ่อนออกมา เสียงผู้คนเริ่มเงียบลงด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะมีเสียงอุทานเบาๆ ดังขึ้นในกลุ่มคน"แหวนวงนั้น...มันทำอะไรได้?"ม

    最終更新日 : 2024-12-09
  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 12 ป้าจวง

    บทที่ 12 ป้าจวงขณะที่ทุกคนภายในโรงประมูลยังคงตื่นตะลึงที่อยู่ๆ ผู้ชนะที่ประมูลแหวนมิติไปได้อยู่ก็หายวับไปกับตา เสียงอุทานด้วยความตกใจและการซุบซิบคาดเดาถึงตัวตนของผู้ประมูลผู้ลึกลับนั้นยังคงดังก้องอยู่ทั่วห้องโถงหลายคนยังไม่ทันได้คิดแผนร้ายที่จะหาทางช่วงชิงแหวนมา นางก็หายตัวไปเสียแล้ว ราวกับภูตผีที่ปรากฏขึ้นและหายไปในพริบตา"นางหายไปไหน!" ชายคนหนึ่งอุทานพลางหันไปมองรอบตัว"ข้าไม่ทันเห็นอะไรเลย นางหายไปเหมือนลม!" อีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความงุนงง"หรือว่านางจะเป็นจอมยุทธผู้วิเศษ?" หญิงสาวในชุดหรูหราถามพลางขมวดคิ้ว สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย"ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน นางต้องเป็นคนที่มีอำนาจบางอย่าง ถึงได้กล้าทุ่มเงินมากขนาดนั้นและหายตัวไปได้ในพริบตา" ชายสูงชุดสีทองเบอร์ 9 คนที่ ที่บ้านไม่มีอะไรมากนอกจากเงินซึ่งเป็นไปได้ว่ามีไม่เยอะเท่าหญิงสาวเมื่อสักครู่แล้ว พึมพำขณะที่มองดูที่ว่างตรงเวทีด้วยความไม่เชื่อสายตาเสียงซุบซิบยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนถึงกับเริ่มออกความคิดเห็นอย่างร้อนแรง"ข้าคิดว่าคนแบบนี้อาจจะเป็นสายลับของแคว้นอื่นก็ได้! นางดูไม่ธรรมดาเกินไป!""ข้าว่าเราไม

    最終更新日 : 2024-12-09

最新チャプター

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 21 ข้าต้องการหย่า

    บทที่ 21 ข้าต้องการหย่าภายในห้องพักที่เงียบสงบแต่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง ฉินหลินเหม่ยนั่งอยู่บนเตียงโดยมีลูกสาวน้อยที่เพิ่งเกิดนอนอยู่ข้าง ๆ นางมองลูกน้อยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเศร้า น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของนางอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ ความคิดและความทรงจำหลากหลายถาโถมเข้ามาในใจของนาง ภาพของท่านเจ้าเมืองที่เมินเฉยต่อความรู้สึกของนาง ภาพของครอบครัวของเขาที่ไม่เคยยอมรับนางในฐานะภรรยา ไม่ว่านางจะพยายามเอาอกเอาใจพวกเขามากแค่ไหน เพราะความรู้สึกผิดที่ทำให้ครอบครัวของเขาอับอาย “ลูกน้อยของแม่...” นางกระซิบเบา ๆ ขณะที่ลูบศีรษะทารกน้อยอย่างอ่อนโยน“แม่เสียใจที่แม่ไม่สามารถมอบครอบครัวที่อบอุ่นให้เจ้าได้ แม่ทำให้เจ้าต้องเกิดมาในสถานการณ์เช่นนี้ แม่ช่างเป็นหญิงร้ายกาจ ไร้ยางอายสิ้นดี…”ความทรงจำในวันที่นางวางยาและมอมเหล้าท่านเจ้าเมืองผุดขึ้นมาในหัวของนาง นางยิ้มเยาะตัวเองด้วยความขมขื่น “ข้าช่างเป็นหญิงที่ไร้ค่า สิ่งเดียวที่ข้าทำได้คือใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้สิ่งที่ข้าต้องการ แต่สุดท้ายแล้ว ข้าก็ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากความเจ็บปวด และตอนนี้แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็เกือบจะเสียไป…”น้ำตาของฉิน

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 20 คลอดก่อนกำหนด

    บทที่ 20 คลอดก่อนกำหนดหลังจากที่ออกจากร้านขายภาพ ท่านแม่บอกว่าจะไปที่จวนท่านเจ้าเมืองเพราะว่าวันก่อนนั้นฮูหยินท่านเจ้าเมืองได้ส่งคนมาแจ้งว่าให้ไปดื่มน้ำชาที่จวน เจียงหย่าเสวี่ยและคณะหลังจากเดินดูร้านรวงครู่หนึ่งก็ได้เดินทางมาที่จวนของท่านเจ้าเมือง และขอเข้าพบกับฮูหยินตามนัดหมาย ทั้งหมดต่างมีท่าทางผ่อนคลายและยิ้มแย้มแต่ทันทีที่เข้ามาถึงประตูหน้าจวน ท่าทีผ่อนคลายกลับเปลี่ยนไปเป็นความตึงเครียด เมื่อเสียงโหวกเหวกของบ่าววิ่งมาทางพวกนาง พร้อมกับเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างเร่งด่วน“ช่วยด้วย! ฮูหยิน! ฮูหยินกำลังจะคลอด! ไปตามหมอตำแยเร็วเข้า!! มีใครว่างรีบไปเร็ว” เสียงของบ่าวรับใช้คนสนิทของฉินฮูหยินที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลทำให้ทุกคนหยุดชะงัก“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?" เจียงหย่าเสวี่ยเอ่ยถามบ่าวรับใช้คนที่นางพบที่เมืองชิงเฉิน“คุณหนูคือว่าฮูหยินของบ่าวถูกกระแทกหกล้มเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่านางจะคลอดแล้ว ข้า ข้าเห็นมีน้ำและเลือดไหลออกมา ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ช่วยฮูหยินของบ่าวด้วย”สาวใช้นั้นจำได้ว่าพวกนางเคยช่วยชีวิตฉินฮูหยินเอาไว้ที่เมืองชิงเฉินครั้งนั้นนางจึงได้เอ่ยออกไปเพราะว่าไม่รู้จะทำอย่างไร“แล้

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 19 จิตรกรเอกแห่งยุค

    บทที่ 19 จิตรกรเอกแห่งยุคหลังจากที่นางเอกได้มาถึงเมืองอวี้ไห่ พวกเขาก็หาบ้านเช่าระหว่างที่รอให้บ้านของตัวเองที่ซื้อที่และกำลังก่อสร้าง ซึ่งท่านเจ้าเมืองเองก็เป็นผู้เสนอว่าให้พวกนางหาที่พักชั่วคราวก่อน นางจึงยินดีรับข้อเสนอและเลือกบ้านเช่าที่อยู่ไม่ไกลจากที่ดินที่พวกนางกำลังก่อสร้าง การเช่าเป็นเพียงแค่ระยะเวลาชั่วคราวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบ้านใหม่ที่จะสร้างขึ้นในไม่ช้านี้เมื่อได้ที่พักเรียบร้อยแล้ว เจียงหย่าเสวี่ยและครอบครัวก็ตัดสินใจที่จะออกเดินดูเมืองอวี้ไห่ นางอยากจะสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเมืองและสำรวจสถานที่สำคัญต่างๆ ที่นี่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและผู้คนที่มีน้ำใจ ร้านค้าต่าง ๆ ตั้งเรียงรายตามท้องถนน มีทั้งร้านขายอาหาร ร้านขายผ้า และร้านขายเครื่องประดับ ทั้งหมดเต็มไปด้วยสีสันและความสดใสของเมืองท่าแห่งนี้ในขณะที่นางกำลังเดินไปตามท้องถนนกับท่านแม่ป้าจวงและเสี่ยวลิ้ว นางก็พบกับร้านหนึ่งที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ หน้าร้านที่มีแผ่นป้ายแขวนอยู่ด้านหน้าเป็นรูปพู่กันและกระดาษ แผ่นป้ายสีทองถลอกๆ นั้นมีตัวอักษรที่เขียนไว้อย่างสวยงาม "ร้านศิลป์เฉินหรู"เจียงหย่าเสวี่ยหยุดเดินและมองเข้าไปใน

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 18 ซื้อที่ดิน 

    บทที่ 18 ซื้อที่ดิน หลังจากทานอาหารและพักผ่อนจนหายเหนื่อยพวกเขาก็เดินทางต่อขบวนมาถึงเมืองอวี้ไห่ในตอนที่ใกล้จะค่ำแล้ว ป้าจวงรีบให้อาหานไปจัดการเรื่องที่พัก โดยพวกนางนั้นเข้าพักโรงเตี้ยมขนาดใหญ่เช่นเดิมและเมื่อเข้าพักเรียบร้อย คนขับรถม้าและผู้คุ้มกันต้องการที่จะกลับทันที แต่ว่าเจียงหย่าเสวี่ยนั้นบอกว่าให้เขาพักที่นี่ก่อนสัก 2-3 วันเพราะว่านางมีเรื่องอยากจะปรึกษาพวกเขาและนางได้จ่ายค่าจ้างเพิ่มให้พวกเขาอีกเท่าตัว และยังให้เงินพิเศษให้พวกเขาหาซื้อข้าวของไปฝากครอบครัวพวกเขาอีกคนละ 100 ตำลึงซึ่งทั้ง 4 คนนั้นเมื่อได้ทั้งค่าจ้างเพิ่มและยังได้เงินพิเศษพวกเขาจึงไม่ปฎิเสธเช้าวันต่อมาพวกนางนั้นให้อาหานไปถามเสี่ยวเออเพื่อที่จะขอที่อยู่ของจวนเจ้าเมือง เพื่อที่จะได้ส่งเทียบขอเข้าพบฮูหยินของท่านเจ้าเมืองซึ่งก็เป็นไปอย่างราบรื่นมากเพราะว่าฮูหยินท่านเจ้าเมืองนั้นก็รอการมาถึงของพวกนางอยู่ ขบวนของนางจอดอยู่หน้าคฤหาสน์ของเจ้าเมืองอวี้ไห่ ซึ่งเป็นอาคารที่ใหญ่โตและสง่างาม มีรั้วล้อมรอบอย่างเป็นระเบียบ พวกบ่าวรับใช้ต่างพากันมองด้วยความสงสัย เมื่อเห็นขบวนม้าที่หรูหราและงดงามเช่นนี้มาขอพบท่านเจ้าเมืองอวี้ไห่

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 17  สงสัย / ม้านิลมังกรมาแล้ว 

    บทที่ 17 สงสัย / ม้านิลมังกรมาแล้ว ในตอนที่ทั้งสองเดินจูงม้าสีขาวสองตัวออกมา ป้าจวงมีสีหน้าที่น้อยอกน้อยใจเล็กน้อย และมีการมองเคืองไปที่คุณหนูเล็กของนางเป็นบางครั้ง ซึ่งต่างจากเจียงหย่าเสวี่ยที่เดินยิ้มหน้าบาน มือไพล่หลังนำหน้ามาก่อน จะไม่ให้ป้าจวงหน้างอได้อย่างไร เมื่อนางบอกว่าอยากจะได้ม้าสีดำคุณหนูเล็กกลับบอกว่าให้รอถึงเมืองอวี้ไห่ก่อน เพราะว่าตอนนี้ม้าสองตัวนี้จะต้องมีคนขี่มัน หากว่าป้าจวงมีม้าสีดำแล้ว ใครจะเป็นคนขับรถม้าเล่าป้าจวงจึงขัดใจและเดินลากขาตามมาอย่างหมดอารมณ์"คุณหนูเล็ก ท่านช่างทำร้ายจิตใจหญิงชราเช่นข้ายิ่งนัก ข้าอยากจะมีม้าสีดำของตัวเองจริงๆ นะเจ้าคะ" ป้าจวงพูดพร้อมถอนหายใจเงียบ ๆ นางเหลือบมองม้าสีขาวที่เดินข้าง ๆ ด้วยความอิจฉาเจียงหย่าเสวี่ยหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง"ป้าจวงท่านก็ใจร้อนเป็นวัยรุ่นเชียวนะเจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าเมื่อถึงอวี้ไห่แล้ว ข้าจะวาดม้าสีดำแสนสวยให้ท่านแน่นอน ข้าเพียงต้องการให้ท่านช่วยดูแลรถม้าของพวกเราก่อนจะถึงที่นั่นเท่านั้นเอง หากว่าข้านำม้าสีดำออกมาคนของพวกเราก็จะไม่พอใครจะเป็นคนขี่ม้าขาวสองตัวนี่เล่าเจ้าค่ะ ใจเย็นๆ อดทน อดทน ฮ่าฮ่าฮ่า!!! " นาง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 16 เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิล รวดเร็วประดุจสายลม

    บทที่ 16 เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิล รวดเร็วประดุจสายลมหลังจากปัญหาเล็กๆ ที่ตัวใหญ่วิ่งหนีหายไป หลงจู๊ฟู่เสี่ยวหานก็เดินมาหากลุ่มของเจียงหย่าเสวี่ย และได้ทราบว่าพวกนางต้องการรถม้าเพื่อที่จะใช้เดินทางไปเมืองอวี้ไห่ต่อไป หลงจู๊ฟู่เสี่ยวหานจึงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มและเสนอตัวเป็นผู้ช่วยในทันที"ข้ารู้ดีว่าในเมืองนี้ที่ไหนมีรถม้าที่ดีที่สุดให้ข้าจะพาท่านไปเถอะขอรับ" เมื่อมีคนเขาอาสาพวกนางก็ไม่ขัดอยู่แล้วหลงจู๊ฟู่เสี่ยวหานนำพวกเจียงหย่าเสวี่ยไปยังร้านขายรถม้าขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองเป็นร้านที่เป็นสาขาของโรงประมูลมังกรเหินนั้นเอง เมื่อมาถึงเถ้าแก่ร้านเห็นหลงจู๊ฟู่พามาก็เข้าใจในทันทีว่าคนกลุ่มนี้ VVIP อย่างแน่นอนเขารีบเดินออกมารับด้วยตัวเองและเอ่ยต้อนรับอย่างสุภาพ"ยินดีต้อนรับท่านฮูหยินและคุณหนู พวกท่านมองหารถม้าแบบใดหรือขอรับ? ที่ร้านของเรามีรถม้าหรูหราหลากหลายแบบให้ท่านเลือกสรร"ภายในร้านที่เต็มไปด้วยรถม้าหลากหลายแบบ ทั้งคันใหญ่ คันเล็ก หรูหราและเรียบง่ายเจียงหย่าเสวี่ยยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า “ข้าต้องการรถม้าที่ดีที่สุด แข็งแรง สะดวกสบาย และหรูหราเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล”เถ้าแก่ร้านยิ้มอย่

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 15 เจ้ารู้หรือไม่ ป้าจวงคือใคร???!!!

    บทที่ 15 เจ้ารู้หรือไม่ ป้าจวงคือใคร???!!!เจียงหย่าเสวี่ยที่มาจากอนาคตนั้นรู้ทันทีว่าประโยคต่อมาที่คุณชายท่านนี้จะพูดนั้นคืออะไร"หากว่าข้าเดาไม่ผิด ประโยคต่อมาที่เจ้าจะพูดก็คือ... พวกเจ้ารู้ไหมว่าพ่อของข้าเป็นใครใช่หรือไม่!!!!""เจ้า!!! เจ้ากล้ามากที่มาพูดจาเช่นนี้กับข้า! ทั่วทั้งชิงเฉินนี่มีใครไม่รู้บ้างว่ามีแค่ข้าเท่านั้นที่สามารถพูดประโยคนี้ได้ " ฉินหลงแค่นเสียง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง"แต่ถึงเจ้าจะพูดไปแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็จะต้องได้พูดประโยคนี้ด้วย!!! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ข้าฉินหลง ข้าเป็นลูกชายของเจ้าเมืองชิงเฉิน! พ่อของข้าเป็นผู้ที่มีอำนาจที่สุดยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองนี้และไม่มีใครกล้าหือกับข้า!!"พูดเสร็จก็ยกกำปั้นอวบอ้วนของตัวเองขึ้นฟ้า และเชิดหน้าเล็กน้อย ถ้าหากว่าเป็นคนที่ผอมกว่านี้ทำมันอาจจะดูน่าเกรงขามมากกว่านี้แต่นี่เพราะเขาอ้วนมากเมื่อยกกำปั้นเงยหน้าก็เลยเป็นภาพที่ดูตลกเสียมากกว่าตอนนี้ผู้คนต่างก็เมียงมองและไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวพลางคิดสงสารกลุ่มเจียงหย่าเสวี่ยที่อุตส่าห์เข้าช่วยเหลือคนแต่กลับจะมีปัญหากับลูกอันธพาลของท่านเจ้าเมืองเสียแล้ว เฮ้ออ....

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 14 พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าพ่อของข้าเป็นใคร!!!! 

    บทที่ 14 พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าพ่อของข้าเป็นใคร!!!! เจียงหย่าเสวี่ยและครอบครัวกำลังเดินทางไปที่ร้านรถม้าด้วยความร่าเริง ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะได้เห็นรถม้าใหม่ที่พวกเขาวางแผนจะซื้อ ระหว่างทางพวกเขาทั้งเจ็ดคนหยุดแวะที่ตลาดเพื่อซื้อของอย่างสนุกสนาน"ข้าชอบปิ่นปักผมหยกชิ้นนี้มากดูสิ มันช่างงดงามเหลือเกิน" อาหงคุยกับเสี่ยวจิวพลางลูบและยกเครื่องประดับขึ้นมากันดู"เช่นนั้นก็ซื้อเลยพี่อาหง วันนี้เราจะซื้อทุกอย่างที่เราชอบ!" เจียงหย่าเสวี่ยหัวเราะอย่างสนุกสนาน ขณะที่นางหยิบผ้าปักลายมังกรที่มีสีสันสวยงามขึ้นมา มันเป็นผ้าคลุมไหล่ที่ปักได้สวยมาก งานแฮนด์เมดชัดเจนนางจึงหยิบมา 5-6 ชิ้นเอาคละสีกัน และยังเดินดูพวกขนสัตว์ต่างๆ ด้วย ท่านแม่นั้นตอนนี้กำลังเลือกอยู่เพราะว่าอีกไม่นานก็จะถึงฤดูหนาวแล้ว ขนสัตว์พวกนี้จะช่วยได้มาก พวกนางขนซื้อจนเถ้าแก่ยิ้มปากกว้างเกือบถึงหูทีเดียว"ไม่ทราบว่าจะให้ทางร้านไปส่งที่หรือขอรับ ซื้อเยอะขนาดนี้ทางร้านมีบริการส่ง""ไปส่งไว้ที่โรงเตี้ยมอิงฮวาเถอะ" ป้าจวงเป็นคนบอก แน่นอนว่าทุกคนในเมืองนั้นรู้ว่าโรงเตี้ยมอิงฮวานั้นอยู่ที่ไหน เพราะว่ามันเป็นโรงเตี้ยมที

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 13 วงการแฟชั่นเมืองชิงเฉินต้องสะเทือน

    บทที่ 13 วงการแฟชั่นเมืองชิงเฉินต้องสะเทือนภายในห้องนั้นพักขนาดใหญ่ของโรงเตี้อมอิงฮวา ที่เป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งของเมืองชิงเฉินที่พวกนางเลือกที่จะเข้าพัก เจียงซิ่วเหยาและเด็กๆ ต่างก็มองไปที่ตำลึงเงินตำลึงทองที่กองอยู่ในตะกร้าที่บ้านจวงแบกเข้ามา ภาพตะกร้าที่มีตำลึงเงินตำลึงทองนั้นสร้างความตะลึงและดึใจแก่ทุกคน ตอนนี้อาหงและเสี่ยวจิวบ่าวรับใช้ทั้งสองก็นั่งมองตาลอยอยู่เช่นกัน พวกนางนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะว่าเมื่อวานอยู่ๆคุณหนูเล็กกับป้าจวงก็บอกว่าจะออกไปหาเงินมาไว้ใช้สักเล็กน้อย และวันนี้พวกเจ้านายทั้งสามรวมทั้งป้าจวงก็พากันออกไปอีกครั้ง และเมื่อไม่นานเจ้านายทั้งสามนั้ได้กลับมาที่โรงเตี้ยมก่อนและบอกว่าป้าจวงไปรับเงิน เมื่อป้าจวงเดินแบกตะกร้าขนาดใหญ่เข้ามาในห้องพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้ มันมากมายจริงๆ เพราะตอนแรกที่ถูกไล่ออกจากจวนและต่อมาคุณหนูเล็กก็มาล้มป่วยอีกเป็นเดือน พวกนางนั้นรู้ดีว่าชีวิตความเป็นอยู่ต่อจากนี้จะต้องลำบากอย่างแน่นอน แต่ใครจะนึกว่า เมื่อไม่นานมานี้ไม่เพียงแต่คุณหนูเล็กจะหายป่วยและกลับมาค่อยๆ แข็งแรงแต่พวกเขากลับสามารถหาเงินมาเต็มเ

DMCA.com Protection Status