เสียงจอแจภายในห้องประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยดังอื้ออึงไปทั่ว คณะวิทยาศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์กำลังรวมตัวกันเพื่อแข่งขันโครงการวิจัยข้ามคณะในปีนี้ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาสองคณะได้ร่วมมือกันคิดค้นนวัตกรรมใหม่ท่ามกลางนักศึกษาหลายร้อยคนอันนา นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ เอกเคมี ปีสี่ หญิงสาวผู้มีดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นตาที่ดูเข้ากันกับดวงตาแสนซน คิ้วที่เรียงสวยรับกับจมูกโด่งพองาม และรูปร่างบอบบางของหญิงสาวที่สูง 165 เซนติเมตร เดินเข้ามาด้วยท่าทางสุขุม เธอเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นคนหัวกะทิของคณะวิทยาศาสตร์ ฉลาดและรอบคอบ แต่กลับเย็นชาและไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน"ขอโทษค่ะ ขอทางหน่อยค่ะ" อันนา พูดเสียงเรียบ ขณะพยายามเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาที่มุงดูรายชื่อของเพื่อนร่วมโครงการวิจัยบนบอร์ดกันอยู่เมื่อเธอดูชื่อแล้วจึงพยายามมองหาเพื่อนร่วมทีมที่ถูกสุ่มเลือกให้ตามป้ายชื่อที่ติดที่เสื้อของแต่ละคนซึ่งโครงการวิจัยจะกำหนดให้มีนักศึกษาจำนวน 2 คน ต่อ 1 โครงการวิจัยแต่เมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ แต่เต็มไปด้วยความมีเสน่ห์บางอย่างที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูก
การทำงานโครงการวิจัยร่วมกัน ณ หน้าห้องทดลองของคณะวิทยาศาสตร์ พีท มักจะนัดทำงานร่วมกับอันนา ในตอนเย็นๆ ที่คนไม่พลุกพล่าน และไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาของใคร ระหว่างที่ขึ้นมายังห้องทดลอง เขามักจะใส่หมวกอำพรางเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจมากนักและวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่พวกเขาได้ทำงานร่วมกัน และรู้จักกันมากขึ้น แต่สถานการณ์การเจอกันแต่ละครั้งเหมือนอยู่ในสมรภูมิอารมณ์ ที่มีชายหนุ่มหน้าหล่อคอยก่อกวน“วันนี้เราทำบทไหนต่อนะ… เธอลองอธิบายให้ฉันฟังที” พีท พูดขึ้น ขณะก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาเป็นประกายซุกซนกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่เป้าหมาย—หญิงสาวใส่แว่นเจ้าประจำที่มักจะบ่นเขาเสมอ“ปกติ นายชอบไปนั่งมองสาวๆ ตามคณะอื่นใช่ไหมล่ะ เลยไม่ค่อยมีเวลาทบทวนรายละเอียดของโครงการวิจัยเลย!!! ” อันนาเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้ามอง ขณะที่เธอกำลังก้มหยิบของบนพื้นพีท ยิ้มบางๆ กับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ โต๊ะของเธอ “โห หาว่าฉันเจ้าชู้อีก? นี่ฉันตั้งใจมาทำงานนะ”อันนาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาผ่านกรอบแว่น “งั้นเหรอ? ก็ลองดูว่าคราวนี้นายจะตั้งใจได้นานแค่ไหน”"ถ้า….ฉันตั้งใจมองเธอมากกกว่
เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำ ๆ ดังขึ้นที่หน้าตึก อันนา ที่ยืนรออยู่ ต้องอึ้งไปชั่วขณะมอเตอร์ไซด์คันใหญ่สีดำด้าน มาพร้อมดีไซน์หรูและโลโก้ของแบรนด์ราคาแพงที่เธอรู้จักดี มันไม่ใช่รถที่นักศึกษาธรรมดาจะเป็นเจ้าของได้แน่ ๆ และที่สำคัญ… มันเป็นของ พีท"ขึ้นมา" พีท ยกหมวกกันน็อกอีกใบให้เธออันนา กะพริบตา ไม่คาดคิดว่าเขาจะมารับเธอด้วยรถคันนี้ ตอนแรกเธอคิดว่าเขาคงขับมอเตอร์ไซด์เก่า ๆ มาซะอีก แต่ไม่ใช่เลย..."นี่นาย..." เธอเอ่ยเบา ๆ แต่ยังไม่ขยับ"ขึ้นมาเร็ว เดี๋ยวฉันไปส่งที่หอ แล้วก็อย่าลืมบอกทางด้วยนะคร้าบบบ" พีท ว่าพลางสวมหมวกกันน็อกของตัวเองอันนา กลืนน้ำลาย รถคันนี้ใหญ่เกินไปสำหรับเธอ และที่แย่กว่าคือเบาะที่นั่งมันเล็กเกินไปสำหรับสองคน เธอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนั่งเบียดกับเขาเธอปีนขึ้นไปนั่งด้านหลังอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อพีทสตาร์ทรถและเร่งเครื่อง เธอก็ต้องรีบคว้าชายเสื้อเขาไว้แน่น"จับแน่น ๆ หรือจะกอดก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ " เสียงทุ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัย"ฉันไม่อยากจับหรือกอดตัวนายหรอกน่า!" อันนา เถียงกลับ แต่เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป เธอก็ต้องกลืนน้ำลายอีกครั้ง เพราะแรงลมและแรงดึงทำให้เธอเผลอขยับ
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในเขตชานเมืองของกรุงเทพฯ บ้านสไตล์ยุโรปสีขาวสะอาดตา ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยแชนเดอเลียร์คริสตัล และเฟอร์นิเจอร์สุดคลาสสิก ทุกมุมของบ้านดูสมบูรณ์แบบราวกับอยู่ในนิตยสารบ้านและสวน แต่ถึงแม้ภายนอกจะดูสวยงามเพียงใด ภายในบ้านหลังนี้กลับเย็นชาและไร้ชีวิตชีวาหลังจากที่ พีท ส่ง อันนา ถึงหอพักของเธอเป็นที่เรียบร้อย เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเรียกว่าบ้านไฟหน้ารถสาดส่องไปตามทางรถแล่นที่ปูด้วยหินแกรนิตเงาวับ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ลดความเร็วและเลี้ยวเข้าสู่บริเวณโรงรถเสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมกับที่ พีท ยกหมวกกันน็อกออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็ยังคงความเฉียบคมเขาก้าวลงจากรถ มอเตอร์ไซค์คันโปรดถูกจอดเคียงข้างกับรถสปอร์ตหรูหลายคันที่เรียงรายอยู่ในโรงรถขนาดใหญ่ รถแต่ละคันเป็นเหมือนงานศิลปะที่สะท้อนถึงรสนิยมและความหลงใหลของบิดาของเขาตั้งแต่เฟอร์รารีสีแดงสด แลมโบร์กินีสุดโฉบเฉี่ยว ไปจนถึงโรลส์-รอยซ์ที่ดูสง่างามพีท ยืนมองรถเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆเขาไม่เคยสนใจความหรูหราเหล่านี้มากนัก แม้มันจะอยู่รายล้อมชีว
เช้าวันต่อมา…ณ คฤหาสน์หลังงามแสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านม่านโปร่งแสงสีครีม ส่องสะท้อนบนพื้นหินอ่อนขัดเงากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลิลลี่ขาวจากแจกันกลางโถงใหญ่คลอเคลียอยู่ในอากาศเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากสวนกว้างด้านนอกผสานเข้ากับเสียงน้ำพุที่ไหลรินเป็นสาย ส่งให้บรรยากาศยามเช้าชวนให้รู้สึกถึงความสงบงดงามพ่อของพีท — คุณอรรถพลและคุณแม่ของพีท — คุณภัทรลดา ทั้ง 2 ต้องเดินทางไปต่างประเทศเนื่องจากมีงานด่วน ทำให้คฤหาสน์ หลังใหญ่ จึงเหลือเพียง ชายหนุ่ม กับ น้องสาว ของเขา รวมถึงเหล่าคนรับใช้ภายในคฤหาสน์หลังนี้ เสียงฝีเท้าของพีทดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอเมื่อเขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ และห้องของ "มีน" หรือ พิมพ์มณี น้องสาวคนเดียวของเขา เธอกำลังเรียนอยู่ชั้นม. 4 เป็นสถานที่เดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ เมื่อเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ พร้อมกับกระดาษสีขาวหลายแผ่นและดินสอสีในมือ ผมสีดำขลับของเธอยาวสรวย ใบหน้าเนียนสวยได้รูป กำลังจดจ่อยู่กับการวาดภาพ ข้างกายของเธอมี ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ที่เขาเป็นคนซื้อให้เมื่อป
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ก่อนที่ อันนา จะเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยใน กรุงเทพ ฯกลางหมู่บ้านเล็ก ๆ เป็นหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลจากความหรูหราและแสงสีของเมืองใหญ่ มีร้านขายของชำเก่าแก่ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักของหมู่บ้านร้านเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับคนในละแวกนั้น แม้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ที่นี่คือศูนย์กลางของชุมชน และเป็นหัวใจของครอบครัว อันนาภายในร้านมีชั้นวางไม้ที่ถูกใช้งานมานานจนมีร่องรอยของกาลเวลา ขวดน้ำอัดลมเรียงตัวเป็นแถวอยู่ในตู้แช่เก่า ๆ ขนมหลากชนิดใส่ไว้ในขวดโหลแก้วใส ส่วนเคาน์เตอร์คิดเงินเป็นโต๊ะไม้ตัวเดิมที่อยู่คู่กับร้านมาหลายสิบปีหลังเคาน์เตอร์ มีหญิงวัยกลางคนสวมผ้ากันเปื้อนสีซีดกำลังจัดเรียงสินค้าบนชั้นเธอคือ "ป้าสมพร" แม่ของอันนา ผู้เป็นเจ้าของร้านขายของชำแห่งนี้ส่วนพ่อของเธอ "ลุงมนัส" กำลังนั่งนับเงินทอนอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ทั้งสองทำงานหนักทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพราะรายได้จากร้านเล็ก ๆ แห่งนี้คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงครอบครัวของพวกเขาและที่มุมหนึ่งของร้านอันนา — หญิงสาวที่ดูขี้บ่นและจริงจังกับชีวิต กำลังช่วยน้องชายตัวแสบของเธอทำการบ้าน"อาร์ต" เด็กชายวัย
อาทิตย์ถัดมา……ภายในห้องเรียนของคณะ อันนา กำลังตั้งใจฟังอาจารย์อธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับรายวิชาที่เธอเรียนเธอจดบันทึกลงสมุดอย่างขยันขันแข็ง จนกระทั่งอาจารย์สอนเสร็จและหมดคาบเรียนตอนเย็นพอดีเสียงพูดคุยของนักศึกษาดังขึ้นเมื่อหมดเวลาเรียนอันนา เก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าอย่างเรียบร้อยทว่าเสียงทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง”อันนา พรุ่งนี้ไปกินชาบูกันนะ พรุ่งนี้วันเกิดของเราเอง เดี๋ยวเราเลี้ยง”เสียงของ ”โชติ” ดังก้องลอยมาชายหนุ่มหน้าตาหล่อตี๋ ผิวขาว ตัวสูง จัดว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีเลยทีเดียว ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เธอโชติ เป็นเพื่อนที่คอยดูแลอันนาเสมอ และครั้งนี้เขาก็หวังว่าเธอจะตอบตกลงไปฉลองวันเกิดของเขาด้วยกันอันนา ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบาง ๆ และกำลังจะตอบกลับไปแต่แล้ว เสียงฮือฮาของสาว ๆ รอบตัวก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องอันนา เหลือบมองไปทางประตูห้องเรียน และหัวใจเธอกระตุกวูบเมื่อเห็น พีท เดินเข้ามาอย่างสง่างาม ร่างสูงราวเทพบุตรของเขาเดินมาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นและดวงตาที่คมกริบของเขาทำให้สาว ๆ รอบข้างแทบละลายพีท เป็นชายหนุ่มที่มี
เนื่องจากร้านกาแฟ ปิดประมาณ 2 ทุ่ม อันนา เลยได้มีโอกาสทำงานพิเศษที่นี่ต่อหลังจากที่เธอเลิกเรียนเธอทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านนี้แห่งนี้ ซึ่งร้านกาแฟร้านนี้อาจไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเสียงพูดคุยอย่างเป็นกันเองจากพนักงานและลูกค้าประจำเมื่อหญิงสาวมาถึงก็ยิ้มให้เจ้าของร้านและเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะเริ่มงานของตัวเองเธอจะต้องทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน เนื่องจากต้องการช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อและแม่ แต่เธอก็ไม่เคยละเลยเรื่องการเรียนขณะที่เธอกำลังจัดเรียงขนมบนตู้กระจกอย่างตั้งใจ เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นจากด้านนอก มันแทรกผ่านบรรยากาศอันเงียบสงบของร้าน ก่อนจะค่อย ๆ แผ่วลงราวกับกลืนหายไปกับสายลม และในที่สุด ทุกอย่างก็สงบนิ่งเมื่อเครื่องยนต์ดับลงเธอชะงักมือไปชั่วครู่ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจาง ๆ ที่ยังค้างอยู่ในอากาศ และเพียงไม่นาน ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าประตูร้านอันนา เงยหน้ามอง และต้องตกใจเมื่อเห็นพีท เดินเข้ามา“นี่นายมาทำอะไรที่นี่? ฉันคิดว่าฉันหนีพ้นนายแล้วนะ นายยังจะตามฉันมาอีกหรอเนี่ย เราไม่ได้อยู่ในเวลาทำโครงการวิจัยกัน
"จะหนีไปไหน…แค่คิดว่า…ฉันอยากจะสำรวจมากขึ้น…?" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู พร้อมกับแรงกอดที่แน่นขึ้นเล็กน้อยเธอ กลืนน้ำลายลงคอ พยายามผลักอกเขาออก แต่กลับสัมผัสได้ถึงผิวอุ่นและแนวกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่น่าหวั่นใจ"นาย!!!!...ปล่อยนะ" เธอพูดเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอกแต่แทนที่เขาจะปล่อย กลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกถึงจังหวะลมหายใจมั่นคงของเขาที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ"ทำไมต้องหนีละ?" เขากระซิบเบาๆ ใกล้ใบหู ทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัวอันนา เม้มริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมตัวเอง แต่สัมผัสแนบชิดจากร่างกายของเขาทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ร่างกายเธอเหมือนจะร้อนขึ้นกว่าเดิมจนแทบทนไม่ไหว..."อยากสัมผัสอีกจัง…เธอตัวหอมมากรู้ไหม" พีท กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหู ราวกับจงใจให้เสียงนั้นก้องอยู่ในความคิดของอันนา กลิ่นกายตอนอาบน้ำใหม่ๆ ของเธอหอมจนชายหนุ่มไม่อยากปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระเธอ แทบหยุดหายใจเมื่อจมูกโด่งของเขาแนบเข้ากับใบหูของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงทำให้ร่างกายเธอสั่นไหว ลมหายใจอุ่นของเขารดราดอยู่บริเวณข้างแก้ม ปลุกความร้อนวูบวาบให้แล่นไปทั่วร่าง"อย่า..." เสียงของเธอแผ่
แสงแรกของรุ่งเช้าสาดส่องผ่านม่านบางเบา ทอประกายอ่อนโยนลงบนเรือนร่างของหญิงสาวที่นอนแนบชิดอยู่ข้างๆ ร่างกายอันกำยำ แขนเรียวบางพาดอยู่บนอกกว้าง ผิวกายเบียดเสียดกันอยู่อันนา ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ อาการมึนหัวอย่างหนักปรากฏต่อเธอ เธอรู้สึกถึงไออุ่นของคนข้างกายความจริงที่แล่นเข้ามาในหัวทำให้เธอรีบขยับตัวออกห่าง ร่างกายยังคงอ่อนล้า แต่หัวใจเต้นรัวแทบระเบิดและเริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ยังมีร่างของใครบางคนนอนเปลือยอกอยู่ใกล้ๆ เธอดวงหน้าคมเข้มของเขาหลับไหลอยู่แต่ชวนให้น่ามองทุกส่วนของใบหน้านั้นอันนา ทบทวน เธอสะดุ้งตื่นและสำรวจตัวเอง ตัวเธอเหลือเพียงกางเกงในตัวจิ๋วตัวเดียวห่อหุ้มตัวอยู่ เธอหน้าแดงก่ำ และนึกทบทวนว่าเธอจำอะไรได้บ้างพีท รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเตียงนอน เขา ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองร่างของหญิงสาวที่กำลังสั่นเทาและกำลังสำรวจร่างกายตัวเอง เขาอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ อันนา หันมาเจอสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาที่เธออยู่พอดี เธอรีบดึงผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิดทันทีชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ตลกในท่าทางของเธอ นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยหรือไง"นี่…นี่…นาย…นายทำอะไรฉัน
ค่ำคืนเดียวกันนี้….เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ดังก้องไปตามเส้นทางที่มืดสลัว ลมกลางคืนพัดปะทะใบหน้า อันนา แต่กลับไม่ได้ช่วยให้เธอใจเย็นลงเลยสักนิด และเธอไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำส้มที่เธอรับมาดื่มจากกวิน นั้นแฝงไว้ด้วยอันตรายบางอย่างความคิดของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ก่อนหน้า กับคำพูดและการกระทำของกวิน... และที่สำคัญ—สัมผัสของพีทอันนา กระชับอ้อมแขนรอบเอวของ พีท โดยไม่รู้ตัว ไออุ่นจากแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยไว้ใจเขาเลยพีท เองก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของความวางใจที่เธอเริ่มมีให้เขามากขึ้น"ใกล้ถึงหอเธอแล้วนะ" พีท เอ่ยขึ้นลอยๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังมีความอบอุ่นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจอันนา ไม่ตอบ แต่เธอรู้ว่าใจของตัวเองกำลังสั่นไหว ภาพของ กวิน ในค่ำคืนนี้ยังตามหลอกหลอนเธอ ทว่า อ้อมกอดที่เธอพึ่งพิงอยู่ตอนนี้กลับมั่นคงจนเธอไม่อยากปล่อย เวลาผ่านไปสักพัก…. อันนา เริ่มรู้สึกว่าร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นทุกขณะ ราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ภายในเธอรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างควบคุม ความต้องการบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้พลุ่งพล่านอยู่
"ขึ้นไปกันเถอะ" เขาเอ่ยเสียงแหบต่ำ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถยี่หวา ก้าวลงมาเช่นกัน ส้นสูงของเธอกระทบพื้นเป็นจังหวะ เธอเดินไปข้างกวินอย่างมั่นใจ ก่อนจะคว้าแขนเขาและพาเข้าไปด้านในล็อบบี้ของโรงแรมเงียบสงบในยามดึก พนักงานต้อนรับทำหน้าที่รับข้อมูลจากแขกผู้มาเยือ ก่อนจะส่งกุญแจห้องให้ตามที่ ยี่หวา ต้องการเธอรับมันมา ก่อนจะจับมือ กวิน แล้วเดินตรงไปยังลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไปกวิน ใช้สายตาจับจ้องเธอเหมือนจะกลืนกิน ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาแตะที่ข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะไล้ขึ้นมาจนถึงต้นแขนยี่หวา หันมามองเขา ดวงตาของเธอเป็นประกายเจ้าเล่ห์ "มองยี่หวาแบบนี้ทำไม?"กวิน โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอ "เพราะเธอร้อนแรงเกินกว่าจะละสายตานะสิ"เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ปลายนิ้วแตะลงบนอกของกวิน ไล้ไปตามสาบเสื้อของเขาเบาๆ"แล้วกวินแน่ใจเหรอ ว่ารับมือยี่หวาไหว?"ติ๊ง!เสียงลิฟต์ดังขึ้น ประตูเปิดออกสู่ชั้นบนสุดของโรงแรมยี่หวา ดึงมือ เขาให้ก้าวออกไป ก่อนจะใช้คีย์การ์ดแตะประตูห้อง แล้วเปิดออกพร้อมกับผลักเขาเข้าไปเบาๆภายในห้องกว้างขวาง มีแสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียง ห
กวินและกลุ่มเพื่อนมาถึงผับแล้ว ค่ำคืนย่างกรายเข้ามาอย่างสมบูรณ์ แสงไฟนีออนกระพริบระยิบระยับจากผับชื่อดังกลางเมือง เสียงเพลงจังหวะหนักดังกระหึ่มตั้งแต่หน้าประตู กลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปะปนกับน้ำหอมราคาแพงลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณที่นี่เป็นจุดนัดหมายของพวกเขาในคืนนี้ พวกเขามีแผนจะมาสนุก ดื่ม และแน่นอน—ใช้เวลากับสาวๆเมื่อ กวิน ก้าวเท้าเข้าไปในโซนวีไอพี ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดลงที่กลุ่มสาวๆ โต๊ะประจำของพวกเขาและคนที่เขาต้องเจอคือ ยี่หวาเธอสวมเดรสสีแดงรัดรูปที่เปิดไหล่ข้างหนึ่ง เผยผิวเนียนละเอียดจนเป็นประกายภายใต้แสงไฟ กระโปรงของเธอสั้นจนแทบปิดต้นขาไม่มิด พร้อมกับส้นสูงคู่สวยที่ช่วยเสริมให้ขาเรียวยาวของเธอดูโดดเด่นขึ้นเธอนั่งไขว่ห้างบนโซฟา ท่าทางเป็นธรรมชาติ แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนข้างๆ เธอมีแก้วเครื่องดื่มอยู่ในมือ นิ้วเรียวยาวจับมันไว้เบาๆ ราวกับกำลังเล่นสนุกกับมันมากกว่าจะแค่ถือไว้เฉยๆเมื่อเธอเห็นกวินเดินเข้ามา รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความท้าทายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก"มาแล้วเหรอคะกวิน?" เสียงของเธอดังขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังระรัวยี่หวา คบกับ กวิน ส่วนหนึ่งมันคือความสะดวกส
ใกล้สามทุ่ม…..อันนามองนาฬิกาข้อมือก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ "คงต้องกลับหอพักแล้ว..." เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองโชติและพี่หมอธีร์ด้วยสายตาคาดหวัง "พี่หมอกับโชติ ไปส่งอันนาหน่อยได้ไหม?"โชติ ยิ้มแหย ๆ ก่อนจะส่ายหน้า "เสียดายจังอันนา วันนี้เรากับพี่หมอมีนัดแล้วด้วยสิ"พี่หมอธีร์ เสริมขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ"ใช่ พี่จองโต๊ะที่คาเฟ่อีกแห่งไว้แล้ว กะว่าจะไปฉลองวันเกิดกันสองคนต่อนะ วันนี้ให้หนุ่มหล่อ คุณพีท ไปส่งนะ พี่ว่าเขาไม่น่าจะติดอะไรนะ" หมอธีร์พูดให้เธอรู้สึกคลายกังวลอันนา ชะงักเล็กน้อย หัวใจหล่นวูบอย่างช่วยไม่ได้ นั่นหมายความว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องให้ พีท ไปส่งอีกแล้วงั้นเหรอ?เธอหันไปมอง พีท ที่นั่งติดกันเขาได้ยินที่ทุกคนพูด รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง"ยินดีครับ" พีท เอ่ยรับคำของพี่หมอธีร์อย่างสั้นๆ เขาทำหน้าอมยิ้ม ใบหน้าอันหล่อเหลามีความเจ้าเล่ห์บางอย่างความทรงจำครั้งก่อนยังคงติดอยู่ในหัว...การสัมผัสที่ร้อนระอุจนผิวเนื้อเธอขนลุกชูชัน ความใกล้ชิดที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวยังไม่จางหายไปเธอกำมือแน่น พยายามกลั้นความรู้สึกกลัวที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ"
เมื่อทั้งสองมาถึงร้านชาบูหน้ามหาวิทยาลัย สถานที่นัดหมายกับ โชติพีท ก้าวเข้ามาในร้านชาบูพร้อมด้วยร่างบางของอันนาท่วงท่าอันสง่างาม และร่างสูงโปร่งของเขา ดึงดูดทุกสายตาราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้ใบหน้าคมคายรับกับหน้าคมเข้มสมส่วน ดวงตาคมลึกเปล่งประกายความมั่นใจ เพียงแค่เขาก้าวเท้าเข้ามา บรรยากาศในร้านก็ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เสียงพูดคุยที่เคยจอแจพลันแผ่วลงแทบจะพร้อมกันอย่างน่าประหลาดสาว ๆ หลายคนเหลือบมองเขาด้วยแววตาตื่นเต้น บางคนกระซิบกระซาบกับเพื่อนราวกับไม่อยากเชื่อว่าได้เจอเดือนมหาวิทยาลัยคนหล่อ ในสถานที่แห่งนี้จริง ๆ พนักงานต้อนรับถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบส่งยิ้มต้อนรับพร้อมนำทางไปยังโต๊ะชายหนุ่มไม่ได้สนใจสายตาที่จับจ้องมาที่ตน เขาเดินไปอย่างมั่นคง ทุกจังหวะก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งรอบข้าง ถ้าใครเห็นคงต้องบอกว่า นายคนนี้….ขี้เก๊กเป็นที่สุดเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่เขาคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง กลิ่นน้ำซุปร้อน ๆ ลอยคลุ้ง เสียงพูดคุยจอแจของกลุ่มนักศึกษาดังปะปนกับเสียงน้ำเดือดปุด ๆ และเสียงตะเกียบกระทบหม้อ ทุกอย่างดูเป็นกันเ
ริมฝีปากได้รูปของเขากดจูบลงมาที่ริมฝีปากบางของเธออย่างแนบแน่น ความรู้สึกที่อัดอั้นมานานพรั่งพรูออกมาในสัมผัสที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอันนา ตัวแข็งทื่อ สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ เธอรู้ดีว่าเธอควรผลักเขาออกไป ควรบอกให้เขาหยุด แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟังอีกแล้วหัวใจเต้นแรงเสียจนเธอมั่นใจว่าพีทต้องได้ยิน มือเย็นเฉียบของเธอกำเข้าหากันแน่น รู้สึกถึงเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตามฝ่ามือเขารังแกเธออีกครั้งแล้วหรือนี่? ทำไมเขาถึงชอบทำแบบนี้กับเธอ? หรือว่าเธอเป็นเพียงของเล่นสำหรับเขา... คำถามนั้นติดค้างอยู่ในใจแต่ริมฝีปากกลับหนักอึ้งเกินกว่าจะเปล่งเสียงออกมา และมันถูกปิดอยู่ด้วยปากของชายหนุ่มลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาปะทะกับริมฝีปากของเธอ ลิ้นที่อุ่นๆ ของเขาไต่ไล่หาลิ้นนุ่มของหญิงสาว ดูดดื่มริมฝีปากบางอิ่มเหมือนกลัวว่ามันจะหลุดลอยไปจูบที่แสนเสียวซ่านนี้ทำให้ อันนา ลืมตัวไปชั่วขณะ เธอเริ่มตอบสนองการจูบของเขา เริ่มเรียนรู้การตอบสนองต่อการรุกราน จากการบังคับของเขาที่ค่อยๆ สอดใส่ปลายลิ้นเข้ามาภายในเพื่อความหาลิ้นอันอ่อนนุ่มของเธอและดูดดื่มมันให้เนิ่นนานที่สุดเท่าที่อารมณ์ของเขาจะพอใจเธอเกลียดตัวเองที
พีท ยืดแขนเพื่อบิดความเมื่อยล้า สายตาคมเข้มมองมาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “สรุปว่าเย็นนี้ไปกินชาบูที่ไหนกันแน่นะ?”อันนา ที่กำลังเก็บของชะงักไปนิดหน่อยก่อนตอบ “โชติบอกว่าร้านชาบู หน้ามอ ร้านเดิมที่เคยไปกินประจำ”พีท เงยหน้ามองหญิงสาวอย่างช้า ๆ ก่อนลากเสียงถาม“ที่เคยไปกินประจำ….ไปกินด้วยกันบ่อยรึไง?” เสียงเขาดูไม่สบอารมณ์มากนักเมื่อได้ยินคำตอบอันนา เงยหน้าขึ้นมองพีทที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนท่าที สีหน้าเขาดูนิ่งขึ้น แต่แววตากลับมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่“ก็… เคยไปกินด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว” เธอขมวดคิ้ว “ทำไมหรอ?”พีท เท้าแขนลงกับโต๊ะ จ้องเธอนิ่ง “ไปกันบ่อยแค่ไหน?”หญิงสาว เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับน้ำเสียงและท่าทางของเขา “ก็… หลายครั้งอยู่ ทำไม นายมีปัญหาหรือไง?”พีท พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนยืดตัวขึ้นเต็มความสูง “เปล๊า~ แค่สงสัยว่าไปกันแค่สองคน หรือไปกันหลายคน”อันนา เลิกคิ้ว “บางทีก็หลายคน บางทีก็แค่ฉันกับโชติ”คำตอบนั้นทำให้ พีท ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหรี่ตาลงเล็กน้อย “แค่เธอกับโชติ?”อันนา เริ่มจับสังเกตได้ว่าเขาดูไม่พอใจ“อืม บางครั้งก็แค่ฉันกับโชติสองคน ทำไมหรอ?”พีท จ้องเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจ