แชร์

บทที่ 482

ผู้เขียน: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“ข้าว่านะท่านใต้เท้าทั้งสองพวกท่านหยุดก่อนเถอะ” เฉินฝานถือพระราชโองการมายืนตรงหน้าเพ่ยจี้และซูซิวฉี

“โวยวายอะไร ไม่เห็นว่าพวกข้ากำลังยุ่งอยู่หรือกระไร?”

เพ่ยจี้ที่ระเบิดอารมณ์โมโหคิดว่าเป็นลูกน้องของพวกเขาทั้งสอง ตะคอกด้วยความโมโหออกมาเสียอย่างนั้น

เขาหงุดหงิดมากจริงๆ เพราะว่าคำพูดที่แทรกมากะทันหันนี้ ทำให้เขาถูกซูซิวฉีโยนขี้โคลนใส่หน้า

เขาและซูซิวฉีตีกันมาสองวันแล้ว เป็นครั้งแรกที่โดนซูซิวฉีโจมตีได้ จะไม่โมโหได้อย่างไร?

“เสี่ยวฝาน เขาด่าเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเข้าร่วมกองทัพหมาป่าของเขา”

คนที่เห็นว่าเป็นเฉินฝานก่อนคือ ซูซิวฉี เมื่อเห็นเพ่ยจี้ด่าเฉินฝาน เขามีความสุขเป็นอย่างมาก

“ได้ ฟังที่ท่านอัครเสนาบดีพูด ข้าจะไม่ไปกองทัพหมาป่า” เฉินฝานยิ้มพลางพูด

“ไอ้หยา เสี่ยวฝาน ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้จริงๆว่าคนที่เดินมาคือเจ้า” เพ่ยจี้ขวัญหนีดีฝ่อกล่าวขอโทษเฉินฝาน

“พูดอะไรน่ะ เสี่ยวฝานตัวออกจะโตขนาดนั้น เจ้ามองไม่ชัด? เจ้าจงใจล่ะสิ” ไม่ง่ายเลยที่จะฉกฉวยโอกาสมาได้ ซูซิวฉีจึงไม่ปล่อยไปง่ายๆ

ความเพียรพยายามด้านร่างกาย เขาสู้เพ่ยจี้ไม่ได้ ความเพียรพยายามด้านฝีปากเพ่ยจี้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 483

    “ใต้เท้าจาง ฝ่าบาทออกพระราชโองการอันใดมา ข้าน้อยทราบได้หรือไม่?”หลี่ซานเองก็ถามจางเจิ้งห้าวด้วยความอยากรู้เช่นกัน“ไม่มีปัญหาหรอก ให้เจ้ารู้ก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียอีกประเดี๋ยวก็คงจะติดตรงป้ายประกาศของอำเภอ แต่พระราชโองการนั้น ช่าง.... กับเสี่ยวฝานเสียจริง เฮ้อ!”จางเจิ้งห้าวนำพระราชโองการฉบับคัดลอกด้วยมือส่งให้หลี่ซาน“ไม่ยุติธรรม เหตุใดฝ่าบาทจึงออกพระราชโองการเช่นนี้ ไม่ยุติธรรมกับคนมากมาย โดยเฉพาะกับเสี่ยวฝาน ไม่ยุติธรรมสุดๆ”หลี่ซานอ่านเนื้อหาในพระราชโองการจบแล้ว พูดออกมาด้วยความยากที่จะรับได้และไม่สบอารมณ์ไม่หยุดเรื่องนี้ทำหลี่ซานรับไม่ได้ และยังไม่พอใจในเนื้อหาพระราชโองการคร่าวๆที่เป็นเช่นนี้อย่างมากการสอบระดับอำเภอและระดับมณฑลทั้งหมดในรัชสมัยต้าชิ่ง ให้อภิสิทธิ์กับปัญญาชนที่มีลูกชายก่อน ปัญญาชนที่ไม่มีลูกสามารถผ่านการสอบระดับอำเภอและระดับมณฑลได้ ทว่าเข้าร่วมการสอบระดับพระราชวังไม่ได้หรือก็คือ เฉินฝานที่ไม่มีลูกชายลูกสาวในตอนนี้ ต่อให้เอาคนสอบอันดับแรกของการสอบระดับมณฑลอำเภอผิงอัน“ฝ่าบาทเสียสติไปแล้วกระมัง...”“หลี่ซาน!” จางเจิ้งห้าวรีบร้อนปิดปากหลี่ซาน “เจ้าอยากตา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 484

    อยู่ๆซูซิวฉีและเพ่ยจี้ที่ทะเลาะกันมาสองวันก็ดีกันเสียอย่างนั้น ก่อนที่จะจากอำเภอผิงอันไป พวกเขาต่างหาหมอห้าคนให้กับเฉินฝานและพี่น้องนางฉินในตอนแรก พี่น้องนางฉินไม่รู้ว่าหมอมาทำอะไร เห็นหมอสิบคนกำลังห้อมล้อมเฉินฝาน ยังคิดว่าเฉินฝานป่วยหนักฉินเย่ว์โหรวบ่อน้ำตาตื้น ร้องไห้หนักมากเฉินฝานโมโหจนด่าอย่างรุนแรง ให้ซูซิวฉีและเพ่ยจี้นำหมอเหล่านั้นออกไปซูซิวฉีและเพ่ยจี้ไม่ว่าอะไรก็ทำตามเฉินฝานหมด เรื่องนี้กลับไม่ทำตามหลังจากที่หมอสิบคนล้วนกล่าวว่าร่างกายของเฉินฝานและพี่น้องนางฉินปกติดีทุกอย่าง สามารถให้กำเนิดลูกได้ ใจที่เป็นกังวลของสองผู้เฒ่าถึงวางใจได้นิดหน่อยวางใจได้นิดหน่อยจริงๆ ไม่เช่นนั้น...เฉินฝานยืนตกตะลึงอยู่ตรงทางเข้ายุ้งฉางที่มักจะเอาไว้เก็บเสบียงอาหารห้านาทีสองผู้เฒ่านี้ ออกไปแล้วยังจะหาเรื่องลำบากมาให้เขาอีก“เสี่ยวฝาน ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี้เอง ข้าหาเจ้าตั้งนาน”ด้านหลังมีเสียงของหลี่ซานดังขึ้น“เจ้ายืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น ยุ้งฉางมีอะไรน่าดู มีโจรบุกเข้ามาขโมยเสบียงงั้นหรือ”เสียงของหลี่ซานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“เฮ้ย !”ตอนที่หลี่ซานเห็นของในยุ้งฉางชัดเจนแล้ว ก็ตกใจเช่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 485

    “นายท่านชางเจ้าค่ะ เขาพานายน้อยชางเฟยอวี่และเหล่าคุณหนูชางมา เจ้านายต้องการพบหรือไม่?”“เจ้าพาพวกเขาไปโถงรับแขกแล้วกัน!”การประลองสามรอบกับอำเภอตูอันครั้งก่อน ภาพจำของเฉินฝานที่มีต่อชางเฟยอวี่ไม่ดีนักทว่าตระกูลชางเป็นตระกูลพ่อค้าอันดับสองในอำเภอผิงอัน และตระกูลชางก็อาศัยอยู่ตรงข้ามกัน ในวันธรรมดาไม่มากก็น้อยก็ต้องเห็นกันอยู่แล้ว ความสัมพันธ์แบบเพื่อนบ้าน ก็ควรจะพยายามสมานฉันท์อย่างเต็มที่เฉินฝานเพิ่งจะมาถึงโถงรับแขก สุ่ยเซียนก็พาคนเข้ามาเช่นกัน“หลานฝานเอ๋ย!”เมื่อเห็นเฉินฝาน นายท่านชางชางหย่งชางก็ทักทายเฉินฝานอย่างอบอุ่นด้านหลังชางหย่งชางตามมาด้วยหนึ่งชายสามหญิงผู้ชายนั้นก็ต้องเป็นชางเฟยอวี่อยู่แล้ว ผู้หญิงน่าจะเป็นเหล่าลูกสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนของชางหย่งชางต้องยังไม่ได้ออกเรือนเป็นแน่ ถ้าออกเรือนไปแล้ว ชางหย่งชางไม่พามาด้วยหรอก ออกเรือนมีสามีแล้ว ต่อให้ออกมา ก็ไม่ใช่ชางหย่งชางพามาตระกูลชางสี่คนยืนแถวเรียงหนึ่งรวมทั้งชางหย่งชางด้วย แต่ละคนล้วนหิ้วกล่องของขวัญมากมาย“ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของหลานชายมานมนานแล้ว ตาแก่อย่างข้าจำใจทำงานตรากตำอยู่ต่างถิ่น เมื่อวานถึงจะไ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 486

    พวกนางประดับศีรษะด้วยปิ่นปักผมล้ำค่าสีชาด ใบหน้าแต่งแต้มอย่างประณีต เรือนร่างล้วนสวมใส่ผ้าไหมดักแด้อย่างดี คุณภาพคล้ายกับผ้าพันแผลชั้นดีในยุคปัจจุบันผ้าไหมดักแด้ห่อหุ้มร่างกาย ขับความงดงามอ่อนช้อยของเรือนร่างเด็กสาวให้เด่นชัดยิ่งขึ้น สวยงามหยดย้อยราวกับนางอัปสรพวกนางก้าวเท้าสั้นๆ ค่อยๆเดินไปหาเฉินฝาน“เสี่ยวฝาน!” ชางหย่งชางแนะนำเหล่าลูกสาวตนเองให้กับเฉินฝาน “นี่คือลูกสาวคนที่ห้าคนที่หกคนที่เจ็ดของตาเฒ่า ถิงถิง อิงอิง เยี่ยนเยี่ยน รีบมาทักทายพี่ฝานของพวกเจ้าสิ”“...แคก!”เฉินฝานแทบจะพ่นน้ำชาในปากออกมาชางหย่งชางนั้นการค้าการปฏิบัติตนล้วนรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางทั้งนั้น ทว่าความสามารถในการตั้งชื่ออยู่ในระดับพอถูๆไถๆจริงๆหากไม่ใช่ความเหนียมอายที่ปรากฏบนใบหน้าของนางทั้งสามคน เฉินฝานยังคิดไปเองว่าชางหย่งชางพาหญิงสาวสามคนจากสำนักนางโลมมาเสียอีก“ทักทายพี่ฝาน!”ตอนที่ถิงถิงอิงอิงเยี่ยนเยี่ยนโน้มตัวทักทาย ชั่วพริบตาเฉินฝานสามารถเห็น...ของพวกนางได้รางๆ“สวัสดีพวกน้องสาว ดีเลย!”ตามประเพณีดั้งเดิมของราษฎรต้าชิ่ง ชางหย่งชางให้เหล่าลูกสาวแต่งกายเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนโง่ก็เข้าใจ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 487

    “หลานฝาน เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? พวกนางให้ข้าตัดสินใจ เอาแบบนี้แล้วกัน!” เสียงของชางหย่งชางเหินขึ้นสูงทันควัน“สรรพสิ่งเป็นไปตามธรรมชาติก็ดีแล้ว ประเดี๋ยวให้พ่อบ้านของตระกูลนำหนังสือสัญญาของที่นากับร้านค้ามาให้ สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสินเดิมของถิงถิงอิงอิงเยี่ยนเยี่ยน พวกเจ้าสี่คนแต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว ตำแหน่งของพวกนางจะอยู่ใต้ภรรยาเดิมของเจ้า”“......”บัดซบเอ้ย!ในใจของเฉินฝานนับถือชางหย่งชางเล็กน้อย ไม่แปลกที่เขาก่อร่างสร้างตัวจากที่ไม่มีอะไรสักอย่างเลย ทำให้ธุรกิจการค้าของตระกูลชางเป็นอันดับสองของอำเภอผิงอันชางหย่งชางเจรจาต่อเก่งเป็นอย่างมาก ผ่อนหนักผ่อนเบาอย่างเหมาะสม สามารถสร้างความกดดันให้คนได้ เมื่อสบโอกาสก็คว้ามาให้อย่างแม่นยำหากคนที่นั่งอยู่ต่อหน้าชางหย่งชางไม่ใช่เฉินฝานแต่เป็นคนอื่นล่ะก็ เช่นนั้นคงจะดิ้นให้หลุดไม่ได้อยู่แล้ว ต้องกลายเป็นลูกเขยของเขาอย่างว่าง่าย“พวกเจ้าสามคนงงอะไรกัน?” ชางหย่งชางฉุดดึงเหล่าลูกสาวของตัวเอง “ยังไม่รีบเรียกนายท่านอีก”“อย่าเลย!” เฉินฝานพูดอย่างรีบร้อน “พวกเจ้าอย่าเรียกเลย สาวๆเอ๋ย ข้าไม่ใช้สามีของพวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะหาคนที่รักพวกเจ้า

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 488

    “ชางหย่งชาง เมื่อครู่เจ้าไม่ได้บอกว่าจะเจรจาธุรกิจกับเฉินฝานหรอกหรือ? เหตุใดจึงแอบเอาลูกสาวเข้าไปด้วยล่ะ?”“ชางหย่งชาง เจ้าจะเกินไปละนะ เจ้าพูดมาก่อนว่าจะให้ธุรกิจที่ทำเงินได้มากมายกับเฉินฝาน พวกเราถึงหลีกทางให้เจ้า”“ชางหย่งชาง...”ในตอนที่ผู้คนผลัดกันวิพากษ์วิจารณ์ชางหย่งชาง เฉินฝานถึงได้รู้ว่าที่แท้ที่ชางหย่งชางพูดทั้งหมด คนอื่นเห็นเหล่าลูกสาวแต่งกายเช่นนี้เข้ามาเป็นการหลอกลวงเขาช่างเป็นพ่อค้าที่เจ้าเล่ห์จริงๆ“เสี่ยวฝาน เจ้าดูสิ ลูกสาวข้ามีน้ำมีนวลขนาดนี้เชียวนะ”“เสี่ยวฝาน นี่คือลูกสาวข้า กู่ฉิน หมากล้ม ตำราและการวาดภาพล้วนเชี่ยวชาญทั้งนั้น เจ้ามองดูนางหน่อยสิ”“เสี่ยวฝาน ลูกสาวข้า ไม่เพียงแต่เย็บปักถักร้อยยอดเยี่ยม ยังแต่งกลอนเป็น เจ้าก็มองดูนางด้วยสิ”ชางหย่งชางเป็นคนเริ่มแล้ว คนเหล่าก็ไม่หลบซ่อนอีกต่อไป แต่ละคนล้วนดันลูกสาวไปด้านหน้าเฉินฝานเด็กสาวที่ถูกดันมาด้านหน้าเฉินฝาน แต่ละคนล้วนหน้าขึ้นสี เหนียมอายอยู่ไม่สุขเห็นสภาพการณ์ด้านหน้าเช่นนี้ เฉินฝานทั้งตกใจและเศร้าสลดเล็กน้อยเขาเศร้าแทนเด็กสาวที่ถูกดันมาด้านหน้าเขาเหล่านั้นพวกนางล้วนแต่ยังสาวยังสวย สวยราวกับบุป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 489

    “ตอนนั้นตอนนี้อะไรกัน ไม่ว่าตอนไหน เขาก็คือเฉินฝาน ถูกท่านนายพลและท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายถูกตาต้องใจแล้ว หลังจากนี้จะอำนาจล้นฟ้า เป็นคนใหญ่คนโต เมียอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร?”ชางหย่งชางหมดความอดทนอยากจะคุณนายชางออกไป“เขามีอำนาจล้นฟ้า เป็นคนใหญ่คนโตที่ไหนกัน พวกลูกสาว พวกเรากลับ!” คุณนายชางพูดอย่างไม่เว้นวรรคพลางลากถิงถิงอิงอิงเยี่ยนเยี่ยนเดินออกไปด้านนอก“ลูกอวี่ เจ้าจะยังคุกเข่าอยู่อีกทำไม? ไป กลับบ้านกับแม่!” ตอนที่เดินผ่านชางเฟยอวี่ คุณนายชางก็ดึงเขาลุกขึ้น“นายท่าน พวกเรารีบไปกันเถอะ อย่ามัวมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้เลย”“ใช่แล้ว สู้เก็บสินเดิมของเหล่าลูกสาวไว้ดีกว่า รอให้ผลการสอบพระราชวังของหรงตูออกมา ค่อยหาลูกเขยจากที่ประกาศผลสอบเอาละกัน”ตอนที่คุณนายชางลากลูกชายลูกสาวของตนเองออกไปด้านนอก เหล่าภรรยาด้านข้างก็ต่างพากันเรียกสามีตัวเองให้ออกไป“พวกเจ้าเหล่าภรรยาพวกนี้ เหตุใดแต่ละคน......ไม่เห็นด้วย พวกเจ้าไม่เห็นด้วยจริงๆ” ชางหย่งชางโมโหจนกระทืบเท้า“นายท่านชาง พวกเราไม่ได้ไม่เห็นด้วย แต่เป็นเพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจลูกสาวตัวเอง” มีภรรยาคนหนึ่งพูดขึ้น“เฉินฝานเป็นคนหนุ่มที่อนาค

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 490

    “เจ้าพูดจามั่วซั่ว นายท่านของข้าเขา......”ไม่มีใครฟังคำอธิบายของฉินเย่ว์เจียว ล้วนกำลังถกเถียงกันว่าเฉินฝานเป็นพวกสร้างภาพจอมปลอมหรือไอ้สวะ“ไม่แปลกก่อนที่ท่านนายพลและท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายจะออกไปให้ยาเขาเยอะขนาดนั้น ที่แท้ไม่ใช่พวกสร้างภาพจอมปลอมแต่เป็นไอ้สวะนี่เอง”“ไอ้หยา!”มีชายคนหนึ่งตบเข่าฉาดเสียงดัง “เช่นนั้นถ้าให้ลูกสาวแต่งงานกับคนแบบนี้ ก็น่าสงสารแย่เลยสิ!”“ใช่เลย อย่าว่าแต่ให้กำเนิดลูกเลย เป็นผู้หญิงก้ยังเป็นไม่ได้ ยังดีที่มีภรรยาเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่พวกนางพุ่งเข้ามา พวกเราจะไปคิดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”“คนที่ควรขอบคุณที่สุดที่สุดคือคุณนายชาง นางกล้าหาญที่สุดแล้ว นายท่านชาง หลังจากที่ท่านกลับไป ต้องตกรางวัลให้นางอย่างามเลยนะ”“ต้องตกรางวัลอย่างาม!”“ขอบคุณคุณนายชาง!”ผู้คนห้อมล้อมคุณนายชางให้ไปอยู่ตรงกลางคุณนายชางต้องดีใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากท่ามกลางผู้คนนี้ ที่จริงแล้วคนที่ดีใจที่สุดคือชางเฟยอวี่เขาและเฉินฝานอายุเท่ากัน และยังเดินทางสายสอบขุนนางเหมือนกัน ถึงแม้จะสอบไม่ติด ทว่าก่อนที่เฉินฝานจะปรากฏตัว เ

บทล่าสุด

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 970

    “ขอรับ ใต้เท้า!”เฉินฝานเงยหน้ามองจ้าวฮวั่นที่กำลังวุ่นวายกับการสั่งการอยู่บนหอประตูเมืองทว่าก็เชื่อมั่นว่าพวกจ้าวฮวั่นก็จะสามารถทนรับมือได้ถึงหนึ่งชั่วยามครึ่ง-เกิดเสียงตู้มดังสนั่นขึ้น“องค์หญิง ๆ!” อัครเสนาบดีแค้วนหลู่น้ำตาคลอเบ้า วิ่งมาหาด้านหน้าโอวหยาวน่าหลันด้วยความตื่นเต้น “พังทลายแล้ว พวกเราพังทลายประตูเมืองลู่ตูแคว้นต้าชิ่งได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“จริงรึ!”โอวหยางน่าหลันสีหน้าตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินเสียง นางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงประตูเมืองลู่ตูพังทลาย หลังจากที่ได้ยินกับหูตนเองแล้ว ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นโอวหยางน่าหลันกระโดดขึ้นม้าสะบัดดาบไปทางเมืองลู่ตูอีกครั้ง“เข้าเมือง!”“เข้าไปกินข้าว!”คำพูดของโอวหยางน่าหลันเหมือนกับน้ำมันที่ราดใส่กองไฟ ปลุกกองกำลังเมืองหลู่ให้ลุกฮืออีกครั้ง“เข้าเมือง!”“เข้าไปกินข้าว!”ทหารเมืองหลู่ตะโกนคำปลุกใจบุกเข้าไปในเมืองลู่ตูกองกำลังเมืองหลู่ที่หิวจนเสียสติ เมื่อเข้าไปในเมืองก็ค้นทุกหลังคาเรือนอย่างป่าเถื่อนมิต่างอันใดกันโจรปล้นเสบียงแม้แต่น้อยยังมีคนจำนวนน้อยที่มิยอมทำตามยืนหยัดที่จะอยู่ในเมืองต่อไปตอนนี้พวกเขารู้สึกเสียใ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 969

    โดยปกติ คนมหาศาลถูกโจมตีจนตายอย่างอเนจอนาถปานนั้น คงจะบั่นทอนขวัญกำลังใจให้คนที่ตามมามิกล้าผลีผลามบุกเข้ามาทว่า...“ฆ่ามัน!”เสียงตะโกนฆ่าฟันด้านล่างหอประตูเมืองมิได้ลดทอนลงแม้แต่น้อย กลับเสียงดังกึกก้องมากกว่าเดิมเสียอีกจ้าวฮวั่นวิ่งขึ้นไปที่หอประตูเมืองกวาดสายตามองลงมา...กองกำลังเมืองหลู่ยังคงมากมายมหาศาลราวกับฝูงมดมุ่งหน้าโถมเข้ามาที่เมืองลู่ตู“ท่านแม่ทัพ พลทหารเมืองหลู่เหล่านั้นเสียสติไปแล้วงั้นรึ?” รองแม่ทัพข้างกายจ้าวฮวั่นกล่าวถามจ้าวฮวั่นมิรู้จะตอบอย่างไร มองพลทหารเมืองหลู่ที่จำนวนมหาศาลด้านนอกเมือง เขาก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากอายุของจ้าวฮวั่นน้อยกว่าเหอกังเท่านั้น เขาติดตามเหอกังไปสู้รบทุกหนแห่งมิต่ำกว่าหนึ่งร้อยครั้งทว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นกองกำลังที่บ้าคลั่งมิเสียดายชีวิตอย่างกองกำลังเมืองหลู่จ้าวฮวั่นหันหน้ากลับไปมองในเมืองราษฎรในเมืองกำลังเดินทางอพยพ เป็นเพราะว่าต้องขนย้ายเสบียงด้วยจึงทำให้การอพยพค่อนข้างช้า“ฆ่ามัน!”เสียงตะโกนฆ่าฟันด้านนอกเมืองเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ“พลธนู”“พลขว้างระเบิด”จ้าวฮวั่นหันหน้ากลับมาตะโกนออกคำสั่ง“จงโจมตีต่อเนื่อ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 968

    “ใต้เท้า ท่านวางใจเถอะ ข้าจะพาเขาออกไปได้แน่นอน” เหอจื่อกลินกล่าวรับปาก“เจ้าเองก็ด้วย อย่าอวดเก่งอย่าใจร้อน!”ถึงแม้เหอจื่อหลินรับปากว่าจะดูแลตัวเองให้ดีแล้ว เฉินฝานก็ยังมิวางใจ จึงให้ทหารรักษาพระองค์ที่ฉินเย่ว์เหมยสั่งให้มาอารักขาเขา ติดตามออกไปปกป้องเหอจื่อหลินด้วยครั้งนี้เหอกังมิได้มาด้วย เมื่อกลับไปเขามิอยากหลบหน้าเหอกัง-ด้านนอกเมืองลู่ตูกองกำลังเมืองหลู่แน่นขนัดมากมายสุดลูกหูลูกตา ราวกับมดที่ออกจากรังจ้าวฮวั่นชำเลืองมองกองกำลังเมืองหลู่ด้านล่าง หันหน้ากลับมาถาม“สหายทั้งหลายพวกเจ้าเกรงกลัวหรือไม่?”“มิกลัว!”เสี่ยวซื่อชูคันศรในมือขึ้น กล่าวตอบเป็นคนแรกตอนที่อยู่เมืองหรงตู เขายังเป็นเด็กหนุ่มที่ทำอันใดมิเป็น ตอนนี้ได้กลายเป็นชายร่างใหญ่ที่สูงหนึ่งเมตรแปดสิบแล้วร่างกายกำยำ ผิวสีแทน เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายชายชาตรีทุกกระเบียดนิ้วเขาที่เพิ่งจะได้ภรรยาใหม่และจะได้เป็นพ่อคน ได้กลายเป็นชายชาตรีที่มีสง่าราศีแล้ว“มิกลัว!”“มิกลัว!”เหล่าพลทหารต่างพากันชูอาวุธในมือ เปล่งเสียงพร้อมเพรียงดังกังวานราวกับระฆังใหญ่ในวัดดังกังวาน กึกก้องน้ำเสียงของพวกเขาดังทะลุไปนอกเมือ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 967

    “ใช่แล้ว เป็นการทำเพื่อพวกเจ้าทั้งนั้น ไฉนเจ้ามิดูเหล่าคุณชายในกองกำลังที่หนึ่งของเจ้า จนป่านนี้แล้วทุกคนยังเป็นพวกไร้ฝีมืออยู่ หากไปเผชิญหน้ากับกองกำลังเมืองหลู่จริง อาจจะปัสสาวะราดก็ได้นะ”“ถูกต้อง เมื่อถึงตอนนั้นกลิ่นปัสสาวะก็จะตลบอบอวลไปทั่ว”แม่ทัพประจำกองคนอื่นต่างพากันหัวเราะสะใจ“ปัสสาวะราดอันใด กองกำลังที่หนึ่งของข้ามิมีผู้ใดเป็นไก่อ่อนเสียหน่อย!” มั่วเซินกำหมัดแน่น“มิใช่ไก่อ่อนก็จริง แค่คงจะตกใจจน...”“พอได้แล้ว!”เฉินฝานตะโกนลั่น “ตอนนี้สงครามใหญ่จะเริ่มแล้ว ยังจะมาพูดจาล้อเล่นอีก!”“......” ตอนนี้ทั่วบริเวณเงียบกริบลงทันทีเฉินฝานกวาดสายตามองโดยรอบ “ตอนนี้ทุกกองกำลังล้วนได้รับมอบหมายหน้าที่แล้ว...“ใต้ ใต้เท้า”มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากมุมหนึ่งฝูงชนหันไปมองตามเสียงเสียงนั้นคือนายกองเมืองลู่ตูพานอีเฟย“ใต้เท้า ท่านยังมิได้มอบหมายหน้าที่ให้พวกเรากองกำลังรักษาเมืองลู่ตูขอรับ”“โอ้!” เฉินฝานรีบยกมือกล่าวขอโทษ “ขอโทษด้วย เกือบจะลืมพวกเจ้าไปเสียแล้ว”“นายกองเมืองลู่ตู!” เฉินฝานตะโกนเสียงดังตามความเคยชิน“ขอ...ขอรับ” พานอีเฟยเลียนแบบการขานรับของพวกมั่วเซินด้วยควา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 966

    “พี่จื่อหลินพูดถูก สงครามครั้งนี้จะใช้แผนโจมตีจากด้านหลังมิได้เด็ดขาด”“กล่าวรายงานขอรับ!”เฉินฝานกล่าวมิทันจบ ก็มีพลส่งสาสน์เข้ามารายงานอีกกองทัพใหญ่แคว้นหลู่ห่างจากเมืองลู่ตูเพียงสิบลี้แล้วเฉินฝาน : “จ้าวฮวั่น เฉียนหง!”“ขอรับ!” จ้าวฮวั่นยืนตัวตรงทันที“พวกเจ้านำกองกำลังที่สองไปบนหอประตูเมือง!”“ขอรับ!”“เฉียนหง ซุนลี่ หลี่จื้อ”“ขอรับ!”“พวกเจ้าพากองกำลังที่สามสี่ห้า ออกไปนอกเมืองลู่ตู”“...ขอรับ!”ทั้งสามคนมิได้ขานรับทันที ต้องเคลื่อนทัพออกจากเมืองงั้นรึ?นี่หมายความว่าเยี่ยงไร? จะมิสู้แล้วงั้นรึ?ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความงุนงง ทว่าทั้งสามคนก็ยังยืนกรานที่จะทำตามคำสั่งและมีความตั้งตารอคอยเล็กน้อยยุทธวิธีของเฉินฝานมักจะแปลกประหลาด เกินกว่าที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้เสมอพวกเขามิได้เดือดดาลมิยอมทำตามเหมือนตอนที่สู้รบกับกองกำลังเมืองเตียนตูอีกแล้วตอนนี้มิว่าเฉินฝานจะสั่งให้ทำอันใดก็ล้วนยอมทำตาม ในใจคาดหวังว่าจะได้เจอยุทธวิธีที่แปลกใหม่อันใดอีก“เฉียงหง หลังที่กองกำลังของเจ้าออกเมืองไปแล้ว ให้อยู่ตรงนี้!” เฉินฝานใช้ปลายพู่กันจิ้มไปที่ภูเขาลูกเล็กบนถาดทราย เนินเขาลูกนั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 965

    “กล่าวรายงานขอรับ!”นายกองเมืองลู่ตูพานอีเฟยกล่าวรายงานว่าตอนนี้กองกำลังแคว้นหลู่แปดแสนคนห่างจากเมืองลู่ตูมิถึงสามสิบลี้แล้วสำหรับทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ในระยะทางสามสิบลี้มิถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถมาถึงเมืองลู่ตูได้ทางเฉินฝานยังมิได้ออกคำสั่งใดๆทุกคนล้วนรออย่างกระวนกระวายใจ รวมถึงเหอจื่อหลินและเย่ว์หนูด้วยเฉินฝานขมวดคิ้วสีหน้าเคร่งขรึม จ้องถาดทรายด้านหน้าอย่างมิละสายตา“พี่จื่อหลิน!”จู่ ๆ เฉินฝานก็เงยหน้าขึ้นมา “เรียกกองกำลังลาดตระเวนห้าหมู่และนายกองกองกำลังรักษาเมืองลู่ตูเข้ามาเถอะ!”หลังจากที่กองกำลังเหล่านั้นเข้ามา เฉินฝานอธิบายการรับมือสถานการณ์ตอนนี้ให้เหอจื่อหลินฟังคร่าว ๆตอนที่ได้ยินว่ากองกำลังเมืองหลู่ตูมีแปดแสนคน ห้ากองกำลังลาดตระเวนก็ตื่นตกใจควบสติไว้มิได้จำนวนแปดแสนคนเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้มหาศาลก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่ามากที่สุดคงจะมิเกินสามแสน“สถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว กองกำลังแคว้นหลู่แปดแสนคนจวนจะมาประชิดเมืองแล้ว พวกเจ้ามีความคิดเห็นอันใดหรือไม่? หรือมียุทธ์วิธีที่ดีอันใด? พูดออกมาให้หมด”ตอนที่เฉินฝานพูดเขายังคงจ้องมองถาดทราย และย้ายธงบน

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 964

    “ใต้เท้า ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”เหอจื่อหลินรีบก้มหน้าลง คำพูดของเฉินฝานเรียกสติเขากลับมาเป็นจริงอย่างที่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้มิสมควรจะกล่าววาจาบั่นทอนกำลังใจโชคดีที่ว่าตอนที่ให้พานอีเฟยมากล่าวรายงาน เฉินฝานก็ให้แม่ทัพกองกำลังลาดตระเวนคนอื่นออกไปด้วยในชายคา มีเพียงเฉินฝาน เหอจื่อหลิน เย่ว์หนูเย่ว์เจียวรวมกันสี่คน“นายท่าน!” เย่ว์หนูเดินรุดหน้าขึ้นมา “ตอนนี้กองกำลังหญิงมีทั้งหมดหนึ่งหมื่นสามพันคน ทุกคนล้วนมีความสามารถในการขว้างระเบิดมือ และครั้งนี้พวกเรามีระเบิดเหลือเฟือ ตอนนี้บ่าวสามารถนำกองกำลังหญิงออกไปนอกเมืองเพื่อขุดกับดักวางระเบิดสังหารพวกเขา”“ชายชาตรีอย่างข้ายังสู้เย่ว์หนูมิได้!”ในขณะที่เหอจื่อหลินตำหนิตนเอง ก็รู้สึกฮึกเหิมสุดขีด มิมีท่าทางห่อเหี่ยวเมื่อครู่แล้ว“เมื่อตอนที่กองกำลังหญิงกำลังเริ่มจุดระเบิด กองกำลังแคว้นหลู่จะลนลานทำอะไรมิถูก ข้าก็ใช้จังหวะนี้นำทัพกองกำลังลาดตระเวนหนึ่งหมื่นคนและกองกำลังรักษาเมืองลู่ตูห้าหมื่นคนมุ่งเข้าไปสังหารมิให้พวกเขาไหวตัวทัน”เหอจื่อหลินยิ่งพูดยิ่งฮึกเหิม อยากจะลงมือใจจะขาดเย่ว์หนูก็เช่นกันเป็นครั้งแรกที่นางได้นำทัพกองกำลังหญิงมา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 963

    “ฝ่าบาท หยุดตีได้แล้ว!”“ฝ่าบาท ท่านก็จูบข้าเสียหน่อยสิ เช่นนี้เวลาที่ข้าอยู่ในสนามรบ จะได้มีฝ่าบาทไว้คอยเตือนใจมิให้อวดดีไปทั่ว ดูแลรักษาตนเองไว้ให้ดี”“ชายลามกไร้ยางอาย หมกมุ่นในเรื่องนั้นทุกวินาทีเลยหรือกระไร!”“โอ๊ย เจ็บๆ ฝ่าบาท ข้าผิดไปแล้ว หยุดตีเสียที!”ฉินเย่ว์เหมยที่ยิ่งคิดยิ่งโมโหไล่ทุบตีตั้งแต่ด้านล่างจนไปถึงบนรถม้า“ฝ่าบาท ถ้ายังตีอีก ประเดี๋ยวหน้าข้าปูดบวมจะมีหน้าไปเจอเหล่ากองกำลังลาดตระเวนได้อย่างไร...เฉินฝานที่กำลังร้องโอดครวญ จู่ ๆก็เงียบไป เขารู้สึกเพียงว่ามีปากอันอ่อนนุ่มละมุนมาประทับริมฝีปากเขาไว้ริมฝีปากที่มาประทับนั้นช่างหอมหวาน ทำให้เฉินฝานรู้สึกสดชื่นสุดขีดชวนให้อยากลิ้มลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าท่าทางในการประทับริมฝีปากเงอะงะอย่างมาก มิใช่การจูบแม้แต่น้อยเฉินฝานยื่นมือออกไปคิดจะคว้าฉินเย่ว์เหมยมากอดเพื่อสอนวิธีการจูบให้กับนาง ปรากฏว่ามือของเขายังมิทันได้สัมผัสฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยก็ลุกขึ้นไปแล้ว วิชาตัวเบาของฉินเย่ว์เหมยยอดเยี่ยม เฉินฝานคว้าตัวนางไว้มิทัน“ถ้าเจ้ากล้ากลับมาด้วยร่างไร้วิญญาณ ข้าจะจัดการเจ้าให้สาสม!”เสียงเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยดังข

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 962

    สีหน้าของฉินเย่ว์เหมยกระอักกระอ่วนสุดขีดเฉินฝานกลับดีใจกับคำพูดของหงอิง “ได้ยินหรือไม่ กอดจูบเสียหน่อยก็ใช้ได้แล้ว”ใบหน้าเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยขึ้นสีทันที“หงอิง เจ้ามีนิสัยชอบพูดเหลวไหลเหมือนกับเหล่าหมัวมัวตั้งแต่เมื่อใดกัน ทำแผลเสร็จแล้วใช่หรือไม่ ถ้าทำเสร็จแล้วเจ้าก็ออกไปเถอะ!”“ฝ่าบาท จวนจะเสร็จแล้วเพคะ!”หงอิงรีบก้มหน้าตั้งใจทำแผลให้เฉินฝานด้วยความรวดเร็วเมื่อครู่รู้สึกขัดหูขัดตาเกินไป จนลืมไปว่าฉินเย่ว์เหมยเป็นจักรพรรดินี นางเป็นขุนนางหลังจากที่หงอิงออกไปแล้ว ในรถม้าก็เหลือเพียงเฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยเฉินฝานมิได้หยอกล้อฉินเย่ว์เหมย เอนตัวมองฉินเย่ว์เหมยโดยมิพูดอันใดดวงตาสุกสกาว คิ้วเรียวงาม ใบหน้ายลโฉมนางนั่งนิ่งสงบและโดดเดี่ยว ราวกับกล้วยไม้ที่อยู่กลางหุบเขาใบหน้าอันงดงามมีความกังวลปรากฏขึ้นจาง ๆในสงครามรบราฆ่าฟันมิเลือกหน้า นางกังวลความปลอดภัยของเฉินฝานหัวคิ้วขมวดแน่นเป็นปมโดยตลอด เฉินฝานมองแล้วรู้สึกมิสบายใจ เขาจึงยื่นมือไปคลายคิ้วที่ขมวดของฉินเย่ว์เหมยออก“ มิต้องห่วงหรอก ข้าจะปลอดภัยแน่นอน”“ใครเป็นห่วงเจ้ากัน!”ฉินเย่ว์เหมยปากร้ายใจดีเหมือนดั่งเคย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status