“เจ้าพูดจามั่วซั่ว นายท่านของข้าเขา......”ไม่มีใครฟังคำอธิบายของฉินเย่ว์เจียว ล้วนกำลังถกเถียงกันว่าเฉินฝานเป็นพวกสร้างภาพจอมปลอมหรือไอ้สวะ“ไม่แปลกก่อนที่ท่านนายพลและท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายจะออกไปให้ยาเขาเยอะขนาดนั้น ที่แท้ไม่ใช่พวกสร้างภาพจอมปลอมแต่เป็นไอ้สวะนี่เอง”“ไอ้หยา!”มีชายคนหนึ่งตบเข่าฉาดเสียงดัง “เช่นนั้นถ้าให้ลูกสาวแต่งงานกับคนแบบนี้ ก็น่าสงสารแย่เลยสิ!”“ใช่เลย อย่าว่าแต่ให้กำเนิดลูกเลย เป็นผู้หญิงก้ยังเป็นไม่ได้ ยังดีที่มีภรรยาเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่พวกนางพุ่งเข้ามา พวกเราจะไปคิดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”“คนที่ควรขอบคุณที่สุดที่สุดคือคุณนายชาง นางกล้าหาญที่สุดแล้ว นายท่านชาง หลังจากที่ท่านกลับไป ต้องตกรางวัลให้นางอย่างามเลยนะ”“ต้องตกรางวัลอย่างาม!”“ขอบคุณคุณนายชาง!”ผู้คนห้อมล้อมคุณนายชางให้ไปอยู่ตรงกลางคุณนายชางต้องดีใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากท่ามกลางผู้คนนี้ ที่จริงแล้วคนที่ดีใจที่สุดคือชางเฟยอวี่เขาและเฉินฝานอายุเท่ากัน และยังเดินทางสายสอบขุนนางเหมือนกัน ถึงแม้จะสอบไม่ติด ทว่าก่อนที่เฉินฝานจะปรากฏตัว เ
“ถุย! ไอ้พวกคนเลวที่มีอำนาจ!”เสียงด่าทอของฉินเย่ว์เจียว ดังมาจากข้างนอก เมื่อครู่หลังจากคนพวกนั้นออกไป ฉินเย่ว์เจียวโมโหจนไล่ตามออกไปด่ากราดเวลานี้นางกลับมาหลังจากด่าจนเหนื่อยเมื่อเดินเข้าไปมาในโถงกลางบ้าน ฉินเย่ว์เจียวที่ด่าจนคอแห้ง คว้ากาน้ำชาที่วางอยู่หน้าเฉินฝานขึ้นมา ดื่มอึกๆ จนหมดกา“ตึ้ง!”สาวน้อยกระแทกกาน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง จนเฉินฝานตกใจ“อั๊ยย๊า!”เฉินฝานยังไม่ทันดึงสติกลับมา จู่ๆ ฉินเย่ว์เจียวก็ร้องเสียงดัง ทำให้เฉินฝานตกใจอีกครั้ง“เย่ว์เจียว เจ้าอย่ากระโชกโฮกฮากได้ไหม? ขืนเจ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าต้องเป็นโรคหัวใจแน่ๆ”“โรคหัวใจคืออะไรเจ้าคะ?”เฉินฝานยังไม่ทันพูด ฉินเย่ว์เจียวก็พูดเอง “เฮ้อ นายท่าน! ท่านอย่าอธิบายเลยเข้าค่ะ ปัญหาตอนนี้คือ นายท่านมีกะจิตกะใจนั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”“ด้านนอกลือกันไหนถึงไหนแล้ว ท่านยังมีเวลานั่งจิบน้ำชาที่นี่อีก รีบกลับเข้าห้องทำลูกกับน้องสี่ยังดีเสียกว่า!”“พี่สาม กลางวันแสกๆ สุ่ยเซียนกับโบตั๋นก็อยู่ด้วยนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวอายจนพวงแก้มแดงระเรื่อ อยากหลุดจากพันธนาการของฉินเย่ว์เจียว แต่เรี่ยวแรงของนางจะเทียบฉินเย่ว์เ
“ได้สิ!”กล่าวว่าเวลาเดินช้า เวลาเดินเร็วเสมอฉินเย่ว์เจียวถูกเฉินฝานกด“มีลูกด้วยกัน!” เฉินฝานฉีกยิ้มกว้าง“...”ฉินเย่ว์เจียวนั่งตะลึงบนตักของเฉินฝาน เฉินฝานรวดเร็วยิ่งนัก นางไม่อาจตั้งตัวกระทั่งพวกสุ่ยเซียนวิ่งหัวเราะออกไปจากห้องโถง เสียงประตูห้องโถงปิดลง ฉินเย่ว์เจียวค่อยดึงสติกลับมา“นายท่าน สามคนนะเจ้าคะ จะมีลูกด้วยกันอย่างไร?”ฉินเย่ว์เจียวที่เดิมทีไม่กลัวฟ้ากลัวดิน จู่ๆ กลับกลายเป็นลูกกวางน้อยไม่ประสีประสา นั่งอยู่บนตักเฉินฝาน ด้วยความเกร็ง นางอยากลุกออกจากตักของเฉินฝาน แต่กลับถูกเฉินฝานกอดแน่น“เหตุใดสามคนจึงมีลูกด้วยกันไม่ได้ เรื่องแค่นี้ข้าทำได้สบายมาก ไม่เชื่อ ก็ลองดู!”ขณะพูด มือที่กอดพี่น้องตระกูลฉิน รัดแน่นพร้อมกัน ให้พวกนางแนบชิดกับตนฉินเย่ว์โหรวค่อนข้างอ่อนยวบ เพียงครู่หนึ่งก็แนบชิดในอ้อมกอดของเฉินฝานแล้ว“นายท่าน น่าตีจริงๆ ท่านทำเช่นนี้พี่สามจะตกใจนะเจ้าค่ะ”กำปั้นน้อยน้อยๆ ของฉินเย่ว์โหรว ทุบแผงอกกว้างของเฉินฝานเบาๆ ส่วนพี่สามที่นางกล่าวถึงนั่ง นั่งตัวเกร็งในอ้อมกอดของเฉินฝาน“จะตกใจได้อย่างไร เย่ว์เจียวของเราเก่งกาจ เมื่อตอนต่อสู้กับโจรภูเขานางยังไม
นับตั้งแต่คิดอยากจะให้ฉินเย่ว์โหรวตั้งครรภ์ เฉินฝานก็เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องหนึ่งรับประทานอาหารที่มีค่าความเป็นด่าง เพิ่มอัตราการให้กำเนิดลูกชายรับประทานอาหารที่มีค่าความเป็นกรด เพิ่มอัตราการให้กำเนิดลูกสาวแม้ทฤษฎีนี้ไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ระยะเวลานี้ จากการสังเกต เฉินฝานพบว่าคนแผ่นดินใหญ่ทานอาหารที่มีค่าความเป็นกรดสูงเป็นส่วนมากโดยเฉพาะต้าชิ่งสาหร่ายคืออาหารที่มีค่าความเป็นด่างสูง เฉินฝานให้หลี่ซานซื้อสาหร่ายจากแคว้นเยี่ยนที่อยู่ติดทะเลมาเป็นพิเศษคนแผ่นดินใหญ่ไม่ทานสาหร่าย ตอนหลี่ซานนำภาพวาดสาหร่ายที่เฉินฝานวาดเพื่อเป็นแบบในการซื้อนั้น ผู้คนมองหลี่ซานราวกับคนโง่เขลา โดยเฉพาะการที่เขาซื้อในราคาสูงตอนเก็บสาหร่ายให้หลี่ซาน ชาวประมงทำใจไม่ได้เล็กน้อย จึงให้ปูร้อยกว่าตัวกับเขาโดยไม่คิดเงินตอนกลับมา หลี่ซานบ่นไม่หยุด บอกว่าเฉินฝานทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะเขา“หญ้านั้น” แม้จะบอกคำที่ถูกต้องไปหลายครั้งแล้ว แต่ฉินเย่ว์โหรวยังคงเรียกสาหร่ายว่าหญ้า “ข้าน้อยลืมกินเจ้าค่ะ”ไม่ได้ลืม แต่ไม่อยากทาน นางไม่ชอบกลิ่นคาวของสาหร่ายนั่น“ไม่อาจลืมกินเด็ดข
“นายท่าน ท่านเคยบอกว่าชอบกลิ่นตัวข้าน้อยหลังอาบน้ำด้วยกลีบกุหลาบ หรือว่าตอนนี้ท่านไม่ชอบแล้วเจ้าคะ?”นี่คือสิ่งที่เฉินฝานพูดไปครั้งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นปานิวก็อาบน้ำด้วยกลีบดอกกุหลาบทุกวันดวงตาเมล็ดซิ่งของปานิวน้ำตาคลอ มีความโกรธเคืองเล็กน้อย มองแล้วช่างน่าปวดใจ“หลังจากทำธุระเสร็จ คืนนี้ข้ามาค้างที่นี่”เฉินฝานเงยหน้าขึ้น อยากลูบผมปานิวเพื่อเป็นการปลอบโยนนาง แต่กลับถูกปานิวคว้าเอาไว้ ลากเข้าไปในห้องของนางโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดเมื่อเฉินฝานดึงสติกลับมา มือทั้งสองข้างของปานิวโอบกอดคอของเฉินฝานแล้ว“ตึ้ง!”ภายใต้แรงโน้มถ่วม ทั้งสองชนเข้ากับประตูไม้กลัวปานิวเจ็บตัว เฉินฝานทำได้เพียงกอดนาง ปกป้องนางเอาไว้“ดูเจ้าสิ โง่เขลาจริงๆ เสียงดังขนาดนี้ เจ้าเจ็บแล้วกระมัง”ปานิวส่ายหน้า ดวงตาเมล็ดซิ่งสะกดใจผู้คนมีความดื้อดึงที่เฉินฝานคุ้นเคย “ข้าน้อยไม่ต้องการให้นายท่านมาตอนกลางคืน ข้าน้อยต้องการตอนนี้เจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ทำให้นายท่านเสียเวลาเท่าใดนัก”พูดบ ริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ประกบปากของเฉินฝานเรือนร่างของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบ เพราะการกระทำของนาง ทำให้กลิ่นนั้นหอมกว
ทันทีที่ชางเฟยอวี่พูดออกมา เสียงขุ่นเคืองโดยรอบน้อยลงไปมา แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะเยาะท่ามกลางผู้คนที่มาชมการแข่งขัน มีตระกูลเฉินจากหมู่บ้านซานเหอ ขณะรายล้อมด้วยเสียงหัวเราะเยาะ พวกเขาค่อยๆ ถอยห่างจากเฉินฝานพวกเขามาชมการแข่งขัน เดิมทีคิดอยากจะเข้าใกล้เฉินฝานหลังจากเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นครู่หนึ่ง ก็เริ่มมีแววตาเสียดายพวกเขาเสียดายฉินเย่ว์เจียว ตัวสูงใหญ่และแข็งแรง อีกทั้งสะโพกก็ผาย เหมาะแก่การให้กำเนิดลูกชายยิ่งนัก แต่กลับแต่งงานกับคนไร้น้ำยาอย่างเฉินฝานชางเฟยอวี่ถึงขึ้นส่งสายตาเลศนัยให้ฉินเย่ว์เจียวอย่างเปิดเผย ทำเหมือนเฉินฝานเป็นอากาศไม่เพียงชางเฟยอวี่ ผู้ชายอีกหลายคนก็มองฉินเย่ว์เจียวด้วยสายตาเดียวกัน“ชางเฟยอวี่ จะพูดจาเหลวไหลอะไร?”ฉินเย่ว์เจียวที่อารมณ์ร้อนไม่อาจทนได้ นางกำหมัดแน่นฉินเย่ว์เจียวฝึกยิงธนูมานาน มือของนางแข็งแรงมาก หากนางปล่อยหมัดซัดเขา ชางเฟยอวี่ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน“ข้าพูดจาเหลวไหลแล้วยังไง เก่งจริงเจ้าก็ตีข้าสิ!” ชางเฟยอวี่โอหังอย่างมาก ถึงขั้นยื่นหน้ามาให้นางเขาไม่กลัว เพราะเขามั่นใจว่าฉินเย่ว์เจียวไม่กล้าตีเขาจริงๆหากนางทำร้ายเขา นั่นเป็นสิ่
ด้วยความไม่ตั้งใจเขาทำให้ไข่มุกบนผมของฉินเย่ว์เจียวปลิวออกไป แล้วไข่มุกนั้นก็บังเอิญพุ่งใส่ตาข้างขวาของชางเฟยอวี่“เฉินฝาน เฉินฝาน!” ชางเฟยอวี่โอดครวญอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวด“มาล้ว!” เฉินฝานวิ่งมาตรงหน้าชางเฟยอวี่ด้วยความกระวนกระวาย ถามด้วยความเป็นห่วง “คุณชายชางเรียกข้ามีเรื่องอะไร? ไอ้หยา เกิดอะไรขึ้นกับตาของท่าน!”“เจ้าอย่ามาเสแสร้ง เจ้าตั้งใจ อ๊าก ตาของข้า ข้าเจ็บจะตายแล้วๆ!” ชางเฟยอวี่ชี้หน้าเฉินฝานแล้วด่ากราด แต่ยิ่งเขาด่ารุนแรงเท่าใด ดวงตาของเขาก็ยิ่งเจ็บ เลือดก็ยิ่งไหลมากขึ้นเฉินฝานส่ายหน้าพร้อมกับรีบอธิบาย “คุณชายชาง ท่านไม่อาจพูดเช่นนี้ได้ ภรรยาของข้าล่วงเกินท่าน ข้าสั่งสอนนาง ไม่เกี่ยวอะไรกับดวงตาของท่าน”“จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร เจ้าสั่งสอนนาง แล้วไข่มุกบนผมของนางวิ่งมาโดนตาลูกชายข้าได้อย่างไร? หากดวงตาของลูกชายข้าไม่อาจรักษาให้หายดี ข้าจะให้เจ้าชดใช้” ฮูหยินชางด่าทอเสียงดัง“อะไรนะขอรับ?” สีหน้าของเฉินฝานฉายความตกตะลึง “ไข่มุกพุ่งใส่ตาของคุณชายชางเช่นนั้นหรือ?”เฉินฝานดึงตัวฉินเย่ว์เจียวมาใกล้ “เป็นความผิดของเจ้า รีบขอโทษคุณชายชางเดี๋ยวนี้!”เดิมทีฉินเย่ว์เจียว
“ใต้เท้าขอรับ!” คุณท่านชางคุกเข่าอ้อนวอนจางเจิ้งห้าว “ทุกคนล้วนทราบกันดีว่าใต้เท้าคือขุนนางน้ำดีทำงานเพื่อราษฎร ท่านเจ้าเมืองถึงขั้นเขียนหนังสือชื่นชม ชื่นชมที่ท่านมีความยุติธรรม แม้จะเป็นญาติสนิทมิตรสหาย ท่านก็ไม่เคยลำเอียง ใต้เท้าโปรดมอบความยุติธรรมให้กับลูกชายของข้าด้วยขอรับ!”“ข้า...ข้าย่อมทำตามกฎหมาย” จางเจิ้งห้าวไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจแสดงออกมา ไม่เพียงไม่อาจแสดงออก เรื่องนี้เขาต้องตัดสินอย่างยุติธรรม ไม่อาจลำเอียงคำพูดร่ายยาวเมื่อครู่ของคุณท่านชาง ไม่ได้ชื่นชมจางเจิ้งห้าวแม้แต่น้อย แท้จริงแล้วเป็นการตรึงเขาเอาไว้ แล้วอ้างท่านเจ้าเมืองมากดทับหากจางเจิ้งห้าวเข้าข้างเฉินฝาน เช่นนั้นก็จะเป็นการตัดสินด้วยความลำเอียง ไม่เห็นท่านเจ้าเมืองอยู่ในสายตา“ขอบคุณใต้เท้าขอรับ!”คุณท่านชางก้มคำนับ กัดฟันแน่นแสยะยิ้มร้ายกาจ วันนี้เขาจะเอาเฉินฝานให้ตาย เพื่อแก้แค้นชางเฟยอวี่ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อช่วงชิงทรัพย์สินและภรรยาทาสของเฉินฝานหลังจากเฉินฝานเข้ามาบริหาร การค้าของตระกูลหลี่ กำไรพุ่งทะยาน เงินไหลมาเทมา จนคุณท่านชางเห็นแล้วอิจฉาตาร้อนแล้วยังมีบรรดาภรรยาทาสของเฉินฝาน แต่ละคนอรชรยิ่
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่