“ชางหย่งชาง เมื่อครู่เจ้าไม่ได้บอกว่าจะเจรจาธุรกิจกับเฉินฝานหรอกหรือ? เหตุใดจึงแอบเอาลูกสาวเข้าไปด้วยล่ะ?”“ชางหย่งชาง เจ้าจะเกินไปละนะ เจ้าพูดมาก่อนว่าจะให้ธุรกิจที่ทำเงินได้มากมายกับเฉินฝาน พวกเราถึงหลีกทางให้เจ้า”“ชางหย่งชาง...”ในตอนที่ผู้คนผลัดกันวิพากษ์วิจารณ์ชางหย่งชาง เฉินฝานถึงได้รู้ว่าที่แท้ที่ชางหย่งชางพูดทั้งหมด คนอื่นเห็นเหล่าลูกสาวแต่งกายเช่นนี้เข้ามาเป็นการหลอกลวงเขาช่างเป็นพ่อค้าที่เจ้าเล่ห์จริงๆ“เสี่ยวฝาน เจ้าดูสิ ลูกสาวข้ามีน้ำมีนวลขนาดนี้เชียวนะ”“เสี่ยวฝาน นี่คือลูกสาวข้า กู่ฉิน หมากล้ม ตำราและการวาดภาพล้วนเชี่ยวชาญทั้งนั้น เจ้ามองดูนางหน่อยสิ”“เสี่ยวฝาน ลูกสาวข้า ไม่เพียงแต่เย็บปักถักร้อยยอดเยี่ยม ยังแต่งกลอนเป็น เจ้าก็มองดูนางด้วยสิ”ชางหย่งชางเป็นคนเริ่มแล้ว คนเหล่าก็ไม่หลบซ่อนอีกต่อไป แต่ละคนล้วนดันลูกสาวไปด้านหน้าเฉินฝานเด็กสาวที่ถูกดันมาด้านหน้าเฉินฝาน แต่ละคนล้วนหน้าขึ้นสี เหนียมอายอยู่ไม่สุขเห็นสภาพการณ์ด้านหน้าเช่นนี้ เฉินฝานทั้งตกใจและเศร้าสลดเล็กน้อยเขาเศร้าแทนเด็กสาวที่ถูกดันมาด้านหน้าเขาเหล่านั้นพวกนางล้วนแต่ยังสาวยังสวย สวยราวกับบุป
“ตอนนั้นตอนนี้อะไรกัน ไม่ว่าตอนไหน เขาก็คือเฉินฝาน ถูกท่านนายพลและท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายถูกตาต้องใจแล้ว หลังจากนี้จะอำนาจล้นฟ้า เป็นคนใหญ่คนโต เมียอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร?”ชางหย่งชางหมดความอดทนอยากจะคุณนายชางออกไป“เขามีอำนาจล้นฟ้า เป็นคนใหญ่คนโตที่ไหนกัน พวกลูกสาว พวกเรากลับ!” คุณนายชางพูดอย่างไม่เว้นวรรคพลางลากถิงถิงอิงอิงเยี่ยนเยี่ยนเดินออกไปด้านนอก“ลูกอวี่ เจ้าจะยังคุกเข่าอยู่อีกทำไม? ไป กลับบ้านกับแม่!” ตอนที่เดินผ่านชางเฟยอวี่ คุณนายชางก็ดึงเขาลุกขึ้น“นายท่าน พวกเรารีบไปกันเถอะ อย่ามัวมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้เลย”“ใช่แล้ว สู้เก็บสินเดิมของเหล่าลูกสาวไว้ดีกว่า รอให้ผลการสอบพระราชวังของหรงตูออกมา ค่อยหาลูกเขยจากที่ประกาศผลสอบเอาละกัน”ตอนที่คุณนายชางลากลูกชายลูกสาวของตนเองออกไปด้านนอก เหล่าภรรยาด้านข้างก็ต่างพากันเรียกสามีตัวเองให้ออกไป“พวกเจ้าเหล่าภรรยาพวกนี้ เหตุใดแต่ละคน......ไม่เห็นด้วย พวกเจ้าไม่เห็นด้วยจริงๆ” ชางหย่งชางโมโหจนกระทืบเท้า“นายท่านชาง พวกเราไม่ได้ไม่เห็นด้วย แต่เป็นเพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจลูกสาวตัวเอง” มีภรรยาคนหนึ่งพูดขึ้น“เฉินฝานเป็นคนหนุ่มที่อนาค
“เจ้าพูดจามั่วซั่ว นายท่านของข้าเขา......”ไม่มีใครฟังคำอธิบายของฉินเย่ว์เจียว ล้วนกำลังถกเถียงกันว่าเฉินฝานเป็นพวกสร้างภาพจอมปลอมหรือไอ้สวะ“ไม่แปลกก่อนที่ท่านนายพลและท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายจะออกไปให้ยาเขาเยอะขนาดนั้น ที่แท้ไม่ใช่พวกสร้างภาพจอมปลอมแต่เป็นไอ้สวะนี่เอง”“ไอ้หยา!”มีชายคนหนึ่งตบเข่าฉาดเสียงดัง “เช่นนั้นถ้าให้ลูกสาวแต่งงานกับคนแบบนี้ ก็น่าสงสารแย่เลยสิ!”“ใช่เลย อย่าว่าแต่ให้กำเนิดลูกเลย เป็นผู้หญิงก้ยังเป็นไม่ได้ ยังดีที่มีภรรยาเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่พวกนางพุ่งเข้ามา พวกเราจะไปคิดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”“คนที่ควรขอบคุณที่สุดที่สุดคือคุณนายชาง นางกล้าหาญที่สุดแล้ว นายท่านชาง หลังจากที่ท่านกลับไป ต้องตกรางวัลให้นางอย่างามเลยนะ”“ต้องตกรางวัลอย่างาม!”“ขอบคุณคุณนายชาง!”ผู้คนห้อมล้อมคุณนายชางให้ไปอยู่ตรงกลางคุณนายชางต้องดีใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากท่ามกลางผู้คนนี้ ที่จริงแล้วคนที่ดีใจที่สุดคือชางเฟยอวี่เขาและเฉินฝานอายุเท่ากัน และยังเดินทางสายสอบขุนนางเหมือนกัน ถึงแม้จะสอบไม่ติด ทว่าก่อนที่เฉินฝานจะปรากฏตัว เ
“ถุย! ไอ้พวกคนเลวที่มีอำนาจ!”เสียงด่าทอของฉินเย่ว์เจียว ดังมาจากข้างนอก เมื่อครู่หลังจากคนพวกนั้นออกไป ฉินเย่ว์เจียวโมโหจนไล่ตามออกไปด่ากราดเวลานี้นางกลับมาหลังจากด่าจนเหนื่อยเมื่อเดินเข้าไปมาในโถงกลางบ้าน ฉินเย่ว์เจียวที่ด่าจนคอแห้ง คว้ากาน้ำชาที่วางอยู่หน้าเฉินฝานขึ้นมา ดื่มอึกๆ จนหมดกา“ตึ้ง!”สาวน้อยกระแทกกาน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง จนเฉินฝานตกใจ“อั๊ยย๊า!”เฉินฝานยังไม่ทันดึงสติกลับมา จู่ๆ ฉินเย่ว์เจียวก็ร้องเสียงดัง ทำให้เฉินฝานตกใจอีกครั้ง“เย่ว์เจียว เจ้าอย่ากระโชกโฮกฮากได้ไหม? ขืนเจ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าต้องเป็นโรคหัวใจแน่ๆ”“โรคหัวใจคืออะไรเจ้าคะ?”เฉินฝานยังไม่ทันพูด ฉินเย่ว์เจียวก็พูดเอง “เฮ้อ นายท่าน! ท่านอย่าอธิบายเลยเข้าค่ะ ปัญหาตอนนี้คือ นายท่านมีกะจิตกะใจนั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”“ด้านนอกลือกันไหนถึงไหนแล้ว ท่านยังมีเวลานั่งจิบน้ำชาที่นี่อีก รีบกลับเข้าห้องทำลูกกับน้องสี่ยังดีเสียกว่า!”“พี่สาม กลางวันแสกๆ สุ่ยเซียนกับโบตั๋นก็อยู่ด้วยนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวอายจนพวงแก้มแดงระเรื่อ อยากหลุดจากพันธนาการของฉินเย่ว์เจียว แต่เรี่ยวแรงของนางจะเทียบฉินเย่ว์เ
“ได้สิ!”กล่าวว่าเวลาเดินช้า เวลาเดินเร็วเสมอฉินเย่ว์เจียวถูกเฉินฝานกด“มีลูกด้วยกัน!” เฉินฝานฉีกยิ้มกว้าง“...”ฉินเย่ว์เจียวนั่งตะลึงบนตักของเฉินฝาน เฉินฝานรวดเร็วยิ่งนัก นางไม่อาจตั้งตัวกระทั่งพวกสุ่ยเซียนวิ่งหัวเราะออกไปจากห้องโถง เสียงประตูห้องโถงปิดลง ฉินเย่ว์เจียวค่อยดึงสติกลับมา“นายท่าน สามคนนะเจ้าคะ จะมีลูกด้วยกันอย่างไร?”ฉินเย่ว์เจียวที่เดิมทีไม่กลัวฟ้ากลัวดิน จู่ๆ กลับกลายเป็นลูกกวางน้อยไม่ประสีประสา นั่งอยู่บนตักเฉินฝาน ด้วยความเกร็ง นางอยากลุกออกจากตักของเฉินฝาน แต่กลับถูกเฉินฝานกอดแน่น“เหตุใดสามคนจึงมีลูกด้วยกันไม่ได้ เรื่องแค่นี้ข้าทำได้สบายมาก ไม่เชื่อ ก็ลองดู!”ขณะพูด มือที่กอดพี่น้องตระกูลฉิน รัดแน่นพร้อมกัน ให้พวกนางแนบชิดกับตนฉินเย่ว์โหรวค่อนข้างอ่อนยวบ เพียงครู่หนึ่งก็แนบชิดในอ้อมกอดของเฉินฝานแล้ว“นายท่าน น่าตีจริงๆ ท่านทำเช่นนี้พี่สามจะตกใจนะเจ้าค่ะ”กำปั้นน้อยน้อยๆ ของฉินเย่ว์โหรว ทุบแผงอกกว้างของเฉินฝานเบาๆ ส่วนพี่สามที่นางกล่าวถึงนั่ง นั่งตัวเกร็งในอ้อมกอดของเฉินฝาน“จะตกใจได้อย่างไร เย่ว์เจียวของเราเก่งกาจ เมื่อตอนต่อสู้กับโจรภูเขานางยังไม
นับตั้งแต่คิดอยากจะให้ฉินเย่ว์โหรวตั้งครรภ์ เฉินฝานก็เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องหนึ่งรับประทานอาหารที่มีค่าความเป็นด่าง เพิ่มอัตราการให้กำเนิดลูกชายรับประทานอาหารที่มีค่าความเป็นกรด เพิ่มอัตราการให้กำเนิดลูกสาวแม้ทฤษฎีนี้ไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ระยะเวลานี้ จากการสังเกต เฉินฝานพบว่าคนแผ่นดินใหญ่ทานอาหารที่มีค่าความเป็นกรดสูงเป็นส่วนมากโดยเฉพาะต้าชิ่งสาหร่ายคืออาหารที่มีค่าความเป็นด่างสูง เฉินฝานให้หลี่ซานซื้อสาหร่ายจากแคว้นเยี่ยนที่อยู่ติดทะเลมาเป็นพิเศษคนแผ่นดินใหญ่ไม่ทานสาหร่าย ตอนหลี่ซานนำภาพวาดสาหร่ายที่เฉินฝานวาดเพื่อเป็นแบบในการซื้อนั้น ผู้คนมองหลี่ซานราวกับคนโง่เขลา โดยเฉพาะการที่เขาซื้อในราคาสูงตอนเก็บสาหร่ายให้หลี่ซาน ชาวประมงทำใจไม่ได้เล็กน้อย จึงให้ปูร้อยกว่าตัวกับเขาโดยไม่คิดเงินตอนกลับมา หลี่ซานบ่นไม่หยุด บอกว่าเฉินฝานทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะเขา“หญ้านั้น” แม้จะบอกคำที่ถูกต้องไปหลายครั้งแล้ว แต่ฉินเย่ว์โหรวยังคงเรียกสาหร่ายว่าหญ้า “ข้าน้อยลืมกินเจ้าค่ะ”ไม่ได้ลืม แต่ไม่อยากทาน นางไม่ชอบกลิ่นคาวของสาหร่ายนั่น“ไม่อาจลืมกินเด็ดข
“นายท่าน ท่านเคยบอกว่าชอบกลิ่นตัวข้าน้อยหลังอาบน้ำด้วยกลีบกุหลาบ หรือว่าตอนนี้ท่านไม่ชอบแล้วเจ้าคะ?”นี่คือสิ่งที่เฉินฝานพูดไปครั้งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นปานิวก็อาบน้ำด้วยกลีบดอกกุหลาบทุกวันดวงตาเมล็ดซิ่งของปานิวน้ำตาคลอ มีความโกรธเคืองเล็กน้อย มองแล้วช่างน่าปวดใจ“หลังจากทำธุระเสร็จ คืนนี้ข้ามาค้างที่นี่”เฉินฝานเงยหน้าขึ้น อยากลูบผมปานิวเพื่อเป็นการปลอบโยนนาง แต่กลับถูกปานิวคว้าเอาไว้ ลากเข้าไปในห้องของนางโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดเมื่อเฉินฝานดึงสติกลับมา มือทั้งสองข้างของปานิวโอบกอดคอของเฉินฝานแล้ว“ตึ้ง!”ภายใต้แรงโน้มถ่วม ทั้งสองชนเข้ากับประตูไม้กลัวปานิวเจ็บตัว เฉินฝานทำได้เพียงกอดนาง ปกป้องนางเอาไว้“ดูเจ้าสิ โง่เขลาจริงๆ เสียงดังขนาดนี้ เจ้าเจ็บแล้วกระมัง”ปานิวส่ายหน้า ดวงตาเมล็ดซิ่งสะกดใจผู้คนมีความดื้อดึงที่เฉินฝานคุ้นเคย “ข้าน้อยไม่ต้องการให้นายท่านมาตอนกลางคืน ข้าน้อยต้องการตอนนี้เจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ทำให้นายท่านเสียเวลาเท่าใดนัก”พูดบ ริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ประกบปากของเฉินฝานเรือนร่างของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบ เพราะการกระทำของนาง ทำให้กลิ่นนั้นหอมกว
ทันทีที่ชางเฟยอวี่พูดออกมา เสียงขุ่นเคืองโดยรอบน้อยลงไปมา แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะเยาะท่ามกลางผู้คนที่มาชมการแข่งขัน มีตระกูลเฉินจากหมู่บ้านซานเหอ ขณะรายล้อมด้วยเสียงหัวเราะเยาะ พวกเขาค่อยๆ ถอยห่างจากเฉินฝานพวกเขามาชมการแข่งขัน เดิมทีคิดอยากจะเข้าใกล้เฉินฝานหลังจากเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นครู่หนึ่ง ก็เริ่มมีแววตาเสียดายพวกเขาเสียดายฉินเย่ว์เจียว ตัวสูงใหญ่และแข็งแรง อีกทั้งสะโพกก็ผาย เหมาะแก่การให้กำเนิดลูกชายยิ่งนัก แต่กลับแต่งงานกับคนไร้น้ำยาอย่างเฉินฝานชางเฟยอวี่ถึงขึ้นส่งสายตาเลศนัยให้ฉินเย่ว์เจียวอย่างเปิดเผย ทำเหมือนเฉินฝานเป็นอากาศไม่เพียงชางเฟยอวี่ ผู้ชายอีกหลายคนก็มองฉินเย่ว์เจียวด้วยสายตาเดียวกัน“ชางเฟยอวี่ จะพูดจาเหลวไหลอะไร?”ฉินเย่ว์เจียวที่อารมณ์ร้อนไม่อาจทนได้ นางกำหมัดแน่นฉินเย่ว์เจียวฝึกยิงธนูมานาน มือของนางแข็งแรงมาก หากนางปล่อยหมัดซัดเขา ชางเฟยอวี่ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน“ข้าพูดจาเหลวไหลแล้วยังไง เก่งจริงเจ้าก็ตีข้าสิ!” ชางเฟยอวี่โอหังอย่างมาก ถึงขั้นยื่นหน้ามาให้นางเขาไม่กลัว เพราะเขามั่นใจว่าฉินเย่ว์เจียวไม่กล้าตีเขาจริงๆหากนางทำร้ายเขา นั่นเป็นสิ่
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ