ตอนเห็นป้ายประกาศว่าฟางทิงคือพ่อครัวหลักของเรือนแขกสำราญสุขและลดครึ่งราคา หลูเฉิงกวงยังรู้สึกกังวลปรากฏว่าเวลาผ่านไปไม่นาน คนของลวี่เหลียงเจ๋อก็มาหาและกล่าวว่าเขาวางหมาก ไม่ให้แขกเข้าเรือนแขกสำราญสุขและให้เขาไปอธิบายกับลวี่เหลียงเจ๋อเดิมทีหลูเฉิงกวงรู้สึกโกรธอาจารย์ปู่ผู้ไม่มียศอย่างเป็นทางการใดแต่กล้าพูดกับเขาแบบนี้ แต่เมื่อได้ยินว่าเรือนแขกสำราญสุขไม่มีแขกเลย อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นทันใดเขาตอบอาจารย์ปู่ของลวี่เหลียงเจ๋อทันทีว่าจะไปอธิบายกับลวี่เหลียงเจ๋อเดี๋ยวนี้ลวี่เหลียงเจ๋อจ้องหลูเฉิงกวงอย่างเดือดพล่าน “เรือนแขกสำราญสุขทำไมถึงไม่มีแขก? ท่านในฐานะผู้เป็นนายอำเภอของอำเภอผิงอันรู้อย่างแจ่มแจ้งไม่ใช่รึ?”หลูเฉิงกวงส่ายศีรษะราวกับเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง “นั่นสิขอรับ เรือนแขกสำราญสุขที่มีใต้เท้าลวี่กับผู้จะได้เลือกเป็นพ่อครัวหลวงดูแลด้วยตนเองกลับไม่มีคน ข้าในฐานะปลัดอำเภอถือว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง”“ท่านรู้ตัวย่อมดี ยังไม่รีบนำหมากที่วางไว้กลับไปโดยเร็วอีก!” ลวี่เหลียงเจ๋อยกคางขึ้นสูงมาก“ขอรับ!” หลูเฉิงกวงกล่าวตอบต่อทันทีหลังจากได้ยินคำตอบของหลูเฉิงกวง ลวี่เหลียงเจ๋อก็ก
แม้ว่าจะฟังดูเกินจริง แต่ก็มีคนยอมต่อแถว จองล่วงหน้าเป็นครึ่งวัน ถึงจะได้กินอาหารที่เขาทำในตอนนี้เองคนกลุ่มนี้ก็ได้กล่าวขึ้นว่า....อยากกินเค้กของเฉินฝาน ไม่ได้อยากกินอาหารของเฉินฝานเค้กหน้าแตกจะอร่อยจริง ๆ หรือ?บรรดาแขกในห้องโถงใหญ่ยังคงพูดคุยกันต่อ“นั่นนะสิ น่ารำคาญยิ่งนัก ข้าคิดว่าฟางทิงคนนั้นคงจะมีแค่ชื่อเสียงโด่งดังเท่านั้น เมื่อวานข้าชิมอาหารที่เขาทำแล้ว ก็งั้น ๆ” “ข้ามาตั้งแต่วันก่อน เป็นอย่างที่ใคร ๆ ก็ว่ากันจริง ๆ รสชาติเค้กจัดว่าดี พ่อครัวในวังหลวงก็ชื่นชอบ แต่เมื่อเทียบกับเค้กที่เฉินฝานทำ ข้าชอบเค้กของเฉินฝานมากกว่า”“พวกเจ้าได้กินเค้กแล้วใช่หรือไม่? วันนี้ข้าเดินไปหลายที่มาก เข้าแถวรอนานมาก ก็ยังไม่ได้กิน”“ข้าก็ยังไม่ได้กินเช่นกัน เด็ก ๆ ในบ้านก็เร่งเร้าข้า บอกว่าหากวันนี้ซื้อกลับไปไม่ได้ พวกเขาจะไม่รู้จักบิดาอย่างข้า”“ของเจ้าเป็นเด็ก ๆ บ่นเจ้า เจ้าตะคอกใส่คำสองคำก็ได้แล้ว แต่ของข้าเป็นมารดานี่สิ มารดาของข้าดันไปกินเค้กของเพื่อนบ้านเข้า เลยสั่งให้ข้าออกมาซื้อทันที และยังบอกอีกว่าหากวันนี้ข้าซื้อกลับไปไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับบ้าน”คนที่ยังซื้อเค้กไม่ได้มักจะอิจฉาค
“คนหมู่บ้านเดียวกันที่เคยซื้อเค้กไปแล้วรอบนี้เสียสละให้คนที่ยังไม่ได้ซื้อเถอะ คุณชายจาง” หลูเฉิงกวงกล่าวด้วยรอยยิ้มกับเด็กหนุ่มที่อยู่ใกล้ตนที่สุด “ก่อนหน้านั้นท่านได้ซื้อไปแล้ว อีกทั้งข้าเห็นท่านซื้อไปแล้วสองชิ้น”“สองชิ้นไม่พอ ข้ามีบุตรสาวทั้งหมดสิบสองคน ชิ้นก่อนหน้าเป็นของมารดาและบุตรชายของข้า ข้า ภรรยา และบุตรสาวทั้งหมดยังไม่ได้กินเลย”“หากท่านพูดเช่นนี้ เช่นนั้นท่านไม่ต้องซื้ออย่างน้อยแปดถึงสิบชิ้นเลยหรือ ไม่ได้ ๆ!”คนที่อยู่ด้านหลังเบียดคุณชายจางไปอยู่อีกด้านเวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นาน หลูเฉิงหวงก็ถูกฟาดหน้า เขาถูกคนที่มาแย่งซื้อเค้กฟาดหน้าด้วยตำลึงเงิน“อย่าแย่งกัน ได้ทุกคน หากไม่พอ ข้าจะให้เสี่ยวฝานเก็บไว้ให้พวกเจ้า” หลูเฉิงกวงถูกเงินเหล่านั้นฟาดหน้าจนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี“ตกลงกันแล้วนะ ว่าจะให้เฉินฝานเก็บไว้ให้ข้า ไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่”นี่มันอะไรกันเนี่ย ประชาราษฎร์ข่มขู่นายอำเภอ นายอำเภอยังหัวเราะได้อยู่อีกสีหน้าของลวี่เหลียงเจ๋อหม่นหมองคล้ายกับฝนที่กำลังตก เขากวาดตามองไปยังฟางทิงที่มีสีหน้าแย่ไม่ต่างกับเขา“ทุกท่าน!ทุกท่าน!” ลวี่เหลียงเจ๋อก้าวขึ้นมา
“สวรรค์ ท่านสร้างแม่น้ำแล้ว เหตุใดยังต้องสร้างมนุษย์อีก?”“เสี่ยวทิง คำกล่าว....ของเจ้ามันหมายความว่าอย่างไร?”“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ!” ฟางทิงไม่ได้ตอบคำถามของลวี่เหลียงเจ๋อ แต่กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาแทนหลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้ว เขาก็เริ่มพึมพำประโยคที่ว่า “สวรรค์ ท่านสร้างแม่น้ำแล้ว เหตุใดยังสร้างมนุษย์อีก?” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป ฟางทิงก็ยังพูดย้ำอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าลวี่เหลียงเจ๋อหรือคนอื่นจะเรียกเขาอย่างไร เขาก็ไม่ตอบสนองสุดท้ายฟางทิงก็ต้องไปหาหมอหมอบอกว่าฟางทิงทนรับผลกระทบไม่ไหม สมองก็เลยผิดเพี้ยนไปกล่าวได้ว่าฟางถิงเป็นบ้าไปแล้ว!บ้าหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร? หมอกำมะลอ เจ้าเป็นหมอกำมะลอ!”ลวี่เหลียงเจ๋อเตะหมอคนนั้นออกจากห้องไปอย่างรุนแรง“มัวอึ้งทำไม ยังไม่รีบไปเชิญหมอมาอีก!” ลวี่เหลียงเจ๋อตวาดใส่ลูกน้องข้างกาย“ขอรับ ใต้เท้า!” ลูกน้องคนนั้นรีบวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน“ช้าก่อน เจ้าห้ามไปเชิญหมอที่อยู่ในอำเภอผิงอันมาเด็ดขาด กลับไปที่อำเภอตูอันของเรา แล้วเชิญหมอเยี่ยน หมอเหอและหมอหลี่ทั้งหมดมาที่นี่”คนของลวี่เหลียงเจ๋อได้นำพาหมอจำนวนหลายสิบคนจ
เจี่ยงหงเหวินและติงลั่วหันมองลวี่เหลียงเจ๋อพร้อมกันพอไม่ได้หอนางโลมอี๋ชุนย่วน ก็ต้องได้เรือนแขกสำราญสุขและร้านขายเนื้อ เช่นนี้เท่ากับเชือดเนื้อของพวกเขาชัด ๆ พวกเขาจะยอมได้อย่างไรเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ รู้ม่านตาของหลูเฉิงกวงหดลง “ทำไม? ใต้เท้าลวี่ พวกท่านจะผิดสัจจะหรือ?”“ไม่มีทาง ไม่มีทาง!” ลวี่เหลียงเจ๋อโบกมือไปมา “เป็นขุนนาง จะผิดสัจจะได้อย่างไร หากพวกเขาชนะ โฉนดของเรือนแขกสำราญสุขและร้านขายเนื้อจะถูกส่งมอบให้ทันที”หลูเฉิงกวงขมวดคิ้วแน่น “ลวี่เหลียงเจ๋อ ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ทุกคนก็เห็นว่าบ่ายวันนี้เรือนแขกสำราญสุขไม่ได้เงินเลย วันนี้ทั้งวันเค้กของเฉินฝานขายได้จำนวนเงินห้าร้อยสามสิบเก้าเหรียญเงิน รายได้รวมสามวันของเรือนแขกสำราญสุขมีไม่ถึงสามร้อยด้วยซ้ำ แต่รายได้รวมหนึ่งวันของเรานำหน้ารายได้รวมสามวันของเรือนแขกสำราญสุข เช่นนี้ถือว่าพวกเราชนะแล้วไม่ใช่หรือ?”“จากการคำนวณของน้องลวี่ พวกเจ้าชนะ” ลวี่เหลียงเจ๋อคลี่ยิ้มที่ชวนเกลียดชัง“แต่....”สีหน้าของลวี่เหลียงเจ๋อคล้ายกับท้องฟ้าในเดือนหก บอกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนทันที “ใครบอกเจ้า เรือนแขกสำราญสุขมีรายได้รวมสามวันเป็
“เจี่ยงหงเหวินจะตกรางวัลเป็นจำนวนห้าร้อยเหรียญ!”“ทำเช่นนี้ได้หรือ ไร้ยางอายสิ้นดี”“เพื่อชัยชนะ ถึงกับต้องใช้วิธีที่ต่ำช้าเพียงนี้”“ไม่ใช่สิ รางวัลนี้นับด้วยหรือ? อีกอย่างคนที่ตกรางวัลให้ก็ยังเป็นเจี่ยงหงเหวินอีก”ในจุดพักม้าเวลานี้ เหล่าขุนนางและพ่อค้าจากอำเภอผิงอันทยอยกันด่าทอพวกเขาเสียงดังด้วยความโกรธเคือง“ลวี่เหลียงเจ๋อ อำเภอตูอันชักจะต่ำช้าเกินไปแล้ว?” หลูเฉิงกวงกล่าวกับลวี่เหลียงเจ๋อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ต่ำช้า?” ท่าทางของลวี่เหลียงเจ๋อยังคงนิ่งสงบเหมือนในตอนแรก ไม่รู้สึกละอายใจสักนิด ทั้งยังลำพองใจมากด้วย “พี่ลวี่ เหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนี้ แขกในร้านต้องมีความสุขหลังจากที่ได้กินอาหารฝีมือเสี่ยวทิงสิ รางวัลห้าร้อยเหรียญ มันน่าแปลกใจตรงไหน”“พี่ลวี่ ได้กินอาหารอร่อย ก็ต้องตกรางวัลให้คนทำไม่ใช่หรือ?”ลวี่เหลียงเจ๋อชำเลืองมองหลูเฉิงกวงและถามกลับหลูเฉิงกวงกลั้วหัวเราะ เขาเคยชินกับสิ่งนี้ ทุกครั้งที่ออกไปกินอาหาร หากเขาได้กินของอร่อย เขาจะตกรางวัลให้กับคนทำอาหารเป็นเศษเงินนิสัยของเขา ใคร ๆ ก็รู้“การแข่งขันในครั้งนี้ เป็นการแข่งขันระหว่างฟางทิงกับเฉินฝาน ฟางทิงได้ราง
“เปลี่ยนวิธีการประลอง?”หลูเฉิงกวงและลวี่เหลียงเจ๋อที่เวลาปกติแข่งกันให้ตายไปข้างหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่พูดพร้อมกัน“ใช่ รอบที่สามก็ประลองแข่งรถม้าแล้วกัน แบบนี้ยุติธรรมกับพวกเจ้าทั้งสองฝ่าย”การแข่งรถม้า เป็นกิจกรรมการแข่งขันที่นิยมชมชอบของราษฎรทั้งรัชสมัยต้าชิ่งตั้งแต่เมืองหลวงลงมายันตำบล ทุกปีทุกที่ก็มีการแข่งรถม้าทั้งนั้น“ได้ แข่งรถม้า ตกลงตามนี้แล้วกัน!”ลวี่เหลียงเจ๋อปริปากก่อน เขาเพิ่งจะพูดจบ เจี่ยงหงเหวินรีบพูดต่อทันที “รอบที่สามข้าจะประลองเอง!”นอกเหนือจากการค้าขายแล้ว เจี่ยงหงเหวินรักการแข่งรถม้าอย่างมาก มักจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยตนเองเสมอ นี่เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไป“ใต้เท้า ข้ารับคำท้าเอง!”ชางเฟยอวี่ที่อยู่ด้านหลังหลูเฉิงกวงลุกตามขึ้นมา เขาก็รักในการแข่งรถม้าเหมือนกับเจี่ยงหงเหวิน และมักจะเข้าร่วมการแข่งขันบ่อยๆ ระดับฝีมือของเขากับเจี่ยงหงเหวินพอๆกันสองรอบก่อนเฉินฝานเฉิดฉายโดดเด่นสุดๆ รอบนี้เขาไม่สามารถปล่อยให้เฉินฝานเฉิดฉายได้อีก“เจ้างั้นรึ?”เจี่ยงหงเหวินยกมุมปากขึ้น“ มิคู่ควร!”“เจ้าว่าไงนะ?”ชางเฟยอวี่จ้องเขม็งเจี่ยงหงเหวินด้วยความโกรธ เจี่ยงหงเหวิน
“ทวดเจ้าสิ!”“เย่ว์เจียว....” เฉินฝานอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้วตามเสียงที่ดุดันงดงาม ทรวดทรงองค์เอวที่งดงามก็ปรากฏต่อหน้าผู้คนเฉินฝานส่ายหัว ฉินเย่ว์เจียวดีทุกอย่าง แต่หุนหันพลันแล่นเกินไป โดยเฉพาะเวลาที่ได้ยินคนพูดจาเสียๆหายๆเกี่ยวกับเขา ราวกับแม่ไก่ตัวน้อยที่โกรธเคือง ปกป้องสามี!ได้ยินพวกเจี่ยงหงเหวินพูดจาให้เขาอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ นางจะทนได้อย่างไร?“ไอ้คนแซ่เจียง ข้าจะแข่งกับเจ้าแทนนายท่านเอง!”“ฮ่าฮ่า!” เจี่ยงหงเหวินหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง เขาชี้ไปทางเฉินฝาน “ว่าเจ้าเป็นไอขี้ขลาดตาขาว เจ้าก็ขี้ขลาดตาขาวจริงๆด้วย คิดไม่ถึงว่าจะให้ผู้หญิงมาแข่งแทนเจ้า!”“ผู้หญิงแล้วมันทำไม หรือไม่เจ้าไม่กล้าแข่งกับข้า?” ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้น พูดอย่างมีความแค้นเคืองเต็มอก“ปัก!” เจี่ยงหงเหวินตบโต๊ะข้างกายอย่างแรง ชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวดุด่าด้วยความโกรธ “ผู้ชายพูดอยู่ เจ้าแหกปากพูดแทรกหาพระแสงอะไร!”“ใต้เท้า!” เจี่ยงหงเหวินหันหน้าไปพูดกับลวี่เหลียงเจ๋อ “ได้โปรดลงโทษนางหญิงวาจาสามหาวคนนี้ด้วยเถอะ”ตามกฎหมายต้าชิ่ง ตอนที่ผู้ชายพูด ผู้หญิงพูดแทรก ผู้ชายต้องถูกไต่สวน โทษเบาถูกโบยไม้
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ