“ทวดเจ้าสิ!”“เย่ว์เจียว....” เฉินฝานอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้วตามเสียงที่ดุดันงดงาม ทรวดทรงองค์เอวที่งดงามก็ปรากฏต่อหน้าผู้คนเฉินฝานส่ายหัว ฉินเย่ว์เจียวดีทุกอย่าง แต่หุนหันพลันแล่นเกินไป โดยเฉพาะเวลาที่ได้ยินคนพูดจาเสียๆหายๆเกี่ยวกับเขา ราวกับแม่ไก่ตัวน้อยที่โกรธเคือง ปกป้องสามี!ได้ยินพวกเจี่ยงหงเหวินพูดจาให้เขาอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ นางจะทนได้อย่างไร?“ไอ้คนแซ่เจียง ข้าจะแข่งกับเจ้าแทนนายท่านเอง!”“ฮ่าฮ่า!” เจี่ยงหงเหวินหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง เขาชี้ไปทางเฉินฝาน “ว่าเจ้าเป็นไอขี้ขลาดตาขาว เจ้าก็ขี้ขลาดตาขาวจริงๆด้วย คิดไม่ถึงว่าจะให้ผู้หญิงมาแข่งแทนเจ้า!”“ผู้หญิงแล้วมันทำไม หรือไม่เจ้าไม่กล้าแข่งกับข้า?” ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้น พูดอย่างมีความแค้นเคืองเต็มอก“ปัก!” เจี่ยงหงเหวินตบโต๊ะข้างกายอย่างแรง ชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวดุด่าด้วยความโกรธ “ผู้ชายพูดอยู่ เจ้าแหกปากพูดแทรกหาพระแสงอะไร!”“ใต้เท้า!” เจี่ยงหงเหวินหันหน้าไปพูดกับลวี่เหลียงเจ๋อ “ได้โปรดลงโทษนางหญิงวาจาสามหาวคนนี้ด้วยเถอะ”ตามกฎหมายต้าชิ่ง ตอนที่ผู้ชายพูด ผู้หญิงพูดแทรก ผู้ชายต้องถูกไต่สวน โทษเบาถูกโบยไม้
“มีม้าแบบนี้ด้วย?” ฉินเย่ว์โหรวเอียงหัวเล็กน้อย ในความอ่อนโยนก็แฝงไปด้วยความน่ารักเล็กๆเฉินฝานอดไม่ได้ที่จะยีหัวของนาง “มีสิ!”“อยู่ที่ใดกัน? ทำไมข้าไม่เคยเห็น”“อยู่ที่ร้านช่างตีเหล็ก เพิ่งจะทำเสร็จ มันก็แน่อยู่แล้วที่เจ้าจะไม่เคยเห็น”“ร้านช่างตีเหล็ก ทำไมม้าไปอยู่ร้านช่างตีเหล็ก? และยังเพิ่งทำเสร็จ? ม้าเป็นสิ่งที่ทำออกได้งั้นรึ?”ณ ตอนนี้ คนที่ประหลาดใจไม่ได้ทีเพียงฉินเย่ว์โหรวแล้ว ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์ฉู่ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน“แน่นอนว่าได้!” เฉินฝานพูดยืนยันพูดไปแล้วนี่มันเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง!ช่วงปีใหม่ช่วงนั้น อยู่บ้านรู้สึกเบื่อหน่าย เขาวาดของสิ่งหนึ่งขึ้นมาเอาไปให้ช่างตีเหล็กทำ เมื่อวานช่างตีเหล็กไหว้วานให้คนมาบอกเขา ของที่เขาสั่งทำเสร็จเรียบร้อย เขาสามารถไปรับได้ทุกเมื่อในการกลับอำเภอ เฉินฝานไม่ได้รีบร้อนกลับไปที่พักอาศัยปัจจุบันของเขา ทว่าไปหาหลี่ซานที่คุกครั้งนี้คู่ปรับคือเจี่ยงหงเหวินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจี่ยงหงเหวิน เขาได้ยินมาพอสมควร ถ้าไม่ใช่เล่ห์เหลี่ยมจัด ก็ใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมหลี่ซานเคยประมือกับเจี่ยงหงเหวิน เขาอยากไปฟังว่าหลี่ซานจะว่าอย
แรกเข้าวสันตฤดู ครอบครัวมหาเศรษฐีล้วนแต่ต้องซื้อข้าวสารและผ้าพับขนานใหญ่ ดังนั้นทุกครั้งที่เวลาวนมาถึงช่วงนี้ พวกพ่อบ้านของครอบครัวมหาเศรษฐี ล้วนต้องไปเฟ้นหาข้าวสารที่คุณภาพดีจากที่ต่างๆครอบครัวมหาเศรษฐีของหรงตูเทียบไม่ได้กับครอบครัวเหล่านั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีในอำเภอผิงอัน เมื่อพวกเขาซื้อทีหนึ่ง ก็ซื้อข้าวสองสามหาบถึงขั้นซื้อสิบกว่าหาบก็มีข้าวหนึ่งหาบหนึ่งร้อยชั่ง สองสามหาบจนไปถึงสิบกว่าหาบก็คือสองสามร้อยจนไปถึงหนึ่งพันชั่งซื้อผ้าพับอย่างไม่เสียดายเงินยิ่งกว่า ล้วนแต่ซื้อทีละสิบยี่สิบกว่าพับไปแล้วกลุ่มหนึ่ง ก็มาอีกกลุ่มหนึ่งตอนที่คนกลุ่มที่สามมาถึง ข้าวสารและผ้าพับในร้านตระกูลหลี่ก็ไม่พอขายแล้วพวกลูกค้าที่มาจากหรงตูเหล่านั้น เพื่อที่จะแย่งชิงข้าวสารและผ้าจึงเกิดการทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกันในร้านเสียอย่างนั้นหลี่ซานทำได้เพียงออกหน้าไปห้ามปราม ทว่าไม่ได้ผลแม้แต่น้อย หลังจากที่หลี่ซานรับปากว่าจะนำสินค้าเข้ามาเพิ่มให้มากกว่านี้ ลูกค้าเหล่านั้นถึงจะยอมหยุด หลังจากนั้นก็ให้หลี่ซานสัญญาว่าจะนำสินค้าเข้ามาเยอะๆยุ้งฉางโล่งโจ้งแล้ว นอกจากสินค้าที่ต้องส่งให้
ในยุ้งฉางมีสินค้ามีปัญหาขายไม่ออกค้างอยู่จำนวนมาก ลูกค้าจากหรงตูพวกนั้นก็จะให้หลี่ซานชดเชยให้สามเท่าตามกฎอีกในช่วงเวลาสั้นๆหลี่ซานจะชดเชยไหวได้อย่างไร หวังว่าลูกค้าพวกนั้นจะผ่อนผันให้เขาบนโลกนี้จะมีคนพูดง่ายๆแบบนั้นที่ไหนกัน เริ่มแรกลูกค้าพวกนั้นแย่งสินค้ากันอย่างดุดัน ตอนที่พูดดีขนาดไหนตอนนี้ก็พวกเขาก็เร่งเร้าขนาดนั้นยังข่มขู่อีกว่า ถ้าหลี่ซานไม่ชดเชยให้พวกเขาทันที พวกเขาจะไปฟ้องร้องหลี่ซานกับทางราชการ และไม่ใช่ฟ้องร้องกับอำเภอผิงอัน แต่ไปฟ้องร้องกับเจ้าเมืองหรงตูถ้าไปฟ้องร้องที่เจ้าเมืองนั้นชดเชยไม่ไหว หลี่ซานต้องติดคุกแน่นอนความจริงแล้วการติดคุก สำหรับหลี่ซานแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รัชสมัยต้าชิ่งผู้ชายน้อยผู้หญิงเยอะ ตอนนี้เขายังสามารถให้กำเนิดลูก อย่างมากถูกคุมขังปีครึ่งก็ออกมาได้แล้วปัญหาก็คือเมื่อฟ้องร้องไปถึงเจ้าเมืองหรงตูแล้ว ชื่อเสียงการค้าของตระกูลหลี่ก็รักษาไว้ไม่ได้แน่นอนถ้าไม่มีชื่อเสียงการค้า ก็ไม่พูดถึงร้านข้าวสาร แม้แต่หอนางโลมอี๋ชุนย่วน เรือนแขกสำราญสุขก็รักษาไว้ไม่ได้เหมือนกันเพื่อที่จะรวบรวมเงินชดเชยให้เพียงพอ รักษาชื่อเสียงการค้าของตระกูลหลี่เอา
เหตุเพราะเป็นพื้นที่ที่ทั้งสามอำเภอไม่เข้ามาดูแล จึงแทบไม่มีใครสนใจ เจ้าเมืองหรงตูมีคำสั่งปราบโจรหลายครั้ง ทว่าแต่ละอำเภอกลับผลักความรับผิดชอบ มีเพียงหลูเฉิงกวงเท่านั้นที่เคยส่งคนไปปราบโจร มังกรตาเดียวจึงออกปล้นอำเภอผิงอันเป็นประจำหลังจากหลูเฉิงกวงพ่ายแพ้ เจ้าเมืองส่งคนมาปราบโจรด้วยตนเอง แต่ว่าภูเขาวิฬาร์อันตราย ป้องกันง่ายและยากในการโจมตีบวกกับโจรส่วนมากหนีออกมาจากค่ายทหาร พวกโจรเหล่านี้ต่อสู้เก่งและเหี้ยมโหดอย่างมาก กองทหารเข้าปราบโจรสามสี่หนทว่าไม่สำเร็จ“อ่อ!” เฉินฝานลูบศีรษะของตนเอง เผยให้เห็นรอยยิ้มแห้งๆ ประจำตัวของเขา “หลังจากตกหน้าผา ข้าหลงลืมไปหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ต้องสนใจข้า ท่านพูดต่อได้เลย”“ตอนหลัง...” หลี่ซานพูดต่อตอนหลัง เขาเพิ่งรู้ว่า โจรไม่เพียงปล้นภรรยาของเจี่ยงหงเหวินไปได้ แต่ยังรวมถึงภรรยาและลูกสาวของผู้ส่งสินค้าชื่อเสียงในด้านคุณภาพและราคาที่ดีของข้าวสาร เส้นหมี่และผ้าตระกูลหลี่ดังไปถึงหรงตู ทำให้ลูกค้าจำนวนมากของหรงตูแย่งกันซื้อ และนี่ก็เป็นแผนการที่เจี่ยงหงเหวินวางไว้ให้หลี่ซาน ลูกค้าเหล่านี้ แท้จริงแล้วเจี่ยงหงเหวินเป็นคนหามาพวกเขารู้ว่าข้าวสาร เส้
คนที่นั่นไม่มีแนวคิดเรื่องบัณฑิต กสิกร กรรมกรและพ่อค้าวาณิชย์ ทุกคนเท่าเทียบกัน ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ขอเพียงทำด้วยความสามารถของตนเอง คนอื่นก็จะให้ความเคารพหากคนอื่นได้ยิน ต้องหัวเราะแน่ ถึงขั้นหัวเราะเยาะเฉินฝานดื่มหนักจนเพ้อฝันแต่ว่า หลี่ซานไม่เหมือนคนอื่นเขาเชื่อเฉินฝาน เพราะก่อนร่วมงานกับเฉินฝาน เขารู้จักเฉินฝานเป็นอย่างดีเฉินฝานเป็นจอมขี้โกงที่โง่เขลาและขี้เกียจ หลังจากตื่นขึ้นมาจากตกหน้าผา ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่เพียงฉลาดขึ้น แต่ยังทำหลายอย่างที่พวกเขาทำไม่เป็น เป็นอีกด้วยหลี่ซานไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา ไม่เชื่อเรื่องเทพเซียนสิ่งเดียวที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงของเฉินฝานได้ ก็คือเขาในตอนนี้ไม่ใช่เฉินฝานคนนั้นอีกแล้วตอนหลังเฉินฝานบอกกับเขาว่า เฉินฝานจะเข้าร่วมการสอบขุนนางหลี่ซานสนับสนุนเต็มกำลัง ไม่เพียงส่งตำรา พู่กันและหมึกให้เฉินฝานเป็นประจำ ตอนเฉินฝานเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอและระดับมณฑลในอำเภอผิงอัน เขาให้เฉินฝานพักห้องที่แพงที่สุดของเรือนแขกสำราญสุขห้องชั้นสามของเรือนสำราญสุข ความจริงมีทั้งหมดห้าห้อง กลัวอีกสี่ห้องรบกวนเฉินฝาน หลี่ซานถึงกับสั่งให้ผู้ดูแลไม่รับแขกเ
การแข่งขันสองครั้งก่อนหน้านี้ คนอื่นมองว่าเฉินฝานใช้แผนการสกปรกบ้าง โชคดีบ้าง แต่เจี่ยงหงเหวินกลับไม่มองแบบนั้นเจ้าหนุ่มคนนี้ ไม่เพียงทำอาหารที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเช่นเค้กได้ แล้วยังมีทักษะในการค้าขายคนประเภทนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา จำต้องกำจัดทิ้ง ก่อนที่เฉินฝานจะเติบโตไปมากกว่านี้“เจ้าต้องระมัดระวังให้ดี เจ้าหนุ่มนั่นร้ายกาจมาก!” ลวี่เหลียงเจ๋อไม่วางใจเท่าใดนัก“ใต้เท้า ท่านวางใจเถอะขอรับ!” สีหน้าของเจี่ยงหงเหวินฉายความมั่นใจ “ชนแล้วไม่ตาย ข้ายังมีวิธีอื่น เขาไม่อาจมีชีวิตรอดพ้นวันแข่งขันแน่นอนขอรับ!”“หื้ม?” เมื่อได้ยินคำพูดของเจี่ยงหงเหวิน ดวงตาลวี่เหลียงเจ๋อทอประกายขึ้นมาทันที “เจ้ายังมีวิธีอื่นหรือ? เล่ามาสิ”“ใต้เท้า...” เจี่ยงหงเหวินขยับไปใกล้ลวี่เหลียงเจ๋อ พูดกระซิบข้างหูเขา“เจ้าจะใช้พวกเขา?” สีหน้าลวี่เหลียงเจ๋อเคร่งเครียดเล็กน้อย“ใต้เท้า คนของท่านกับข้าล้วนไม่อาจลงมือได้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้น มีพวกเขาแล้ว แม้เทพเซียนจุติก็ไม่อาจช่วยเฉินฝานได้!”“แต่ว่า เจ้ารู้ผลลัพธ์ที่ตามมาในการใช้พวกเขาหรือไม่ หากถูกจับได้...”“ใต้เท้า แม้มีคนพบเจอ ก็ไ
“อย่าคิดว่าท่านเป็นพี่สาม แล้วข้าไม่กล้าตีท่าน!” ฉินเย่ว์ฉู่กำหมัดน้อยๆ ของนาง พุ่งตัวออกไป“เช่นนั้นเจ้าก็มาสิ เจ้าเตี้ย!”ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์ฉู่เถียงกันข้างหน้า ฉินเย่ว์โหรวคอยตำหนิอยู่ข้างหลัง “พี่สาม เสี่ยวฉู่ ตอนนี้พวกเจ้าออกเรือนแล้ว เหตุใดจึงยังทำตัวเหมือนเด็ก หยุดเดี๋ยวนี้!”“เย่ว์โหรว เฉินฝานจับมือฉินเย่ว์โหรว “อุตส่าห์มีความสุข ปล่อยพวกนางไปเถอะ”“นายท่าน ท่านตามใจพวกนางเกินไปแล้ว”“หืม?” เฉินฝานเคลื่อนมือไปโอบเอวฉินเย่ว์โหรว “เจ้ากำลังตำหนิข้าที่ตามใจแค่เย่ว์เจียวกับเย่ว์ฉู่ ไม่ตามใจเจ้าใช่ไหม?”ขณะพูด เฉินฝานก้มหน้าลงเล็กน้อย พูดกระซิบข้างหูนาง “เช่นนั้น คืนนี้ข้าจะรักเจ้าให้มากๆ”ตอนเฉินฝานพูดคำว่าคืนนี้ เขาเจตนาเน้นเสียงฉินเย่ว์โหรวที่อ่อนไหวง่าย พวงแก้มแดงระเรื่อทันที“ทำหน้าอะไรเนี่ย?”เฉินฝานชอบสีหน้าเหนียมอายเช่นนี้ของฉินเย่ว์โหรวมาก เขากระชับมือที่โอบฉินเย่ว์โหรวเอาไว้ร่างบางสั่นเทา นางรีบอธิบาย “ความหมายของข้าคือ ความหมายของข้าคือ ท่านตามใจพวกนางมากเกินไป พวกนางจึงไม่มีความเป็นศรีภรรยาแบบนี้!”“ต้องเป็นเช่นไรจึงจะมีความเป็นศรีภรรยา? ข้ารู้สึกว่าพ
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่