“อย่าคิดว่าท่านเป็นพี่สาม แล้วข้าไม่กล้าตีท่าน!” ฉินเย่ว์ฉู่กำหมัดน้อยๆ ของนาง พุ่งตัวออกไป“เช่นนั้นเจ้าก็มาสิ เจ้าเตี้ย!”ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์ฉู่เถียงกันข้างหน้า ฉินเย่ว์โหรวคอยตำหนิอยู่ข้างหลัง “พี่สาม เสี่ยวฉู่ ตอนนี้พวกเจ้าออกเรือนแล้ว เหตุใดจึงยังทำตัวเหมือนเด็ก หยุดเดี๋ยวนี้!”“เย่ว์โหรว เฉินฝานจับมือฉินเย่ว์โหรว “อุตส่าห์มีความสุข ปล่อยพวกนางไปเถอะ”“นายท่าน ท่านตามใจพวกนางเกินไปแล้ว”“หืม?” เฉินฝานเคลื่อนมือไปโอบเอวฉินเย่ว์โหรว “เจ้ากำลังตำหนิข้าที่ตามใจแค่เย่ว์เจียวกับเย่ว์ฉู่ ไม่ตามใจเจ้าใช่ไหม?”ขณะพูด เฉินฝานก้มหน้าลงเล็กน้อย พูดกระซิบข้างหูนาง “เช่นนั้น คืนนี้ข้าจะรักเจ้าให้มากๆ”ตอนเฉินฝานพูดคำว่าคืนนี้ เขาเจตนาเน้นเสียงฉินเย่ว์โหรวที่อ่อนไหวง่าย พวงแก้มแดงระเรื่อทันที“ทำหน้าอะไรเนี่ย?”เฉินฝานชอบสีหน้าเหนียมอายเช่นนี้ของฉินเย่ว์โหรวมาก เขากระชับมือที่โอบฉินเย่ว์โหรวเอาไว้ร่างบางสั่นเทา นางรีบอธิบาย “ความหมายของข้าคือ ความหมายของข้าคือ ท่านตามใจพวกนางมากเกินไป พวกนางจึงไม่มีความเป็นศรีภรรยาแบบนี้!”“ต้องเป็นเช่นไรจึงจะมีความเป็นศรีภรรยา? ข้ารู้สึกว่าพ
พวกเขาคือโจรวิฬาร์ที่หลี่ซานบอกว่า ร่วมมือกับเจี่ยงหงเหวิน จับตัวภรรยาขของเขา บีบให้เขาใส่ร้ายตน อีกทั้งแม้กระทั่งท่านเจ้าเมืองก็ไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้?พวกเขาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?เฉินฝานสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่า เส้นทางของโจรภูเขาวิฬาร์ตรงกับของตน จุดหมายของพวกเขาคือเรือนแขกสำราญสุขเช่นเดียวกันพวกเขาไปถึงเรือนแขกสำราญสุขก่อนตน“ลูกค้า ทานอาหารหรือเข้าพักขอรับ?”เฉินฝานได้ยินพนักงานในร้านเอ่ยถาม“เข้าพัก!”โจรคนแรก กิริยาวาจาสง่าผ่าเผย แต่งกายเรียบร้อย ทั้งยังสวมผ้าไหมชั้นดีหากฉินเย่ว์ฉู่จำไม่ได้ว่าพวกเขาคือโจรภูเขา เฉินฝานก็จะคิดว่าเขาเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ ส่วนชายฉกรรจ์หน้าตาดุร้ายด้านหลังเป็นผู้คุ้มกันของเขากระทั่งพวกโจรตามพนักงานขึ้นไปบนชั้นสองของเรือนแขก เฉินฝานค่อยเข้าไป“คุณชาย!” เมื่อเห็นเฉินฝาน ผู้ดูแลมาต้อนรับด้วยตนเอง “ในที่สุดท่านก็มา ใต้เท้าหลูรอท่านบนห้องชั้นสาม ชั่วขณะหนึ่งแล้ว ข้าพาท่านไปเองขอรับ”ตอนผ่านชั้นสอง เฉินฝานกวาดตามองห้องเรียงรายเหล่านั้น พูดด้วยน้ำเสียงอิจฉา “ว้าว วันนี้ค้าขายดี ข้าเห็นห้องบนชั้นสองพักเต็มหมด เดือนนี้น่าจะได้เงินไม่น้อยกระมัง
ใต้เท้า ท่านมั่นใจว่านายท่านของข้าจะแพ้เช่นนั้นหรือ นายท่านของข้ามีพรสวรรค์ในการขี่ม้า” สีหน้าของฉินเย่ว์เจียวฉายความไม่สบอารมณ์นางไม่อาจทนฟังผู้อื่นบอกว่าเฉินฝานทำไม่ได้อีกทั้ง นางไม่ได้พูดด้วยความโมโห แต่เฉินฝานมีพรสวรรค์ในการขี่ม้าจริงๆ“ถูกต้อง!” เฉินฝานหัวเราะ พูดด้วยความผ่อนคลาย “ใต้เท้าวางใจให้ข้ารับผิดชอบก็พอแล้วขอรับ!”“เสี่ยวฝาน เจ้ามั่นใจแบบนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”แม้หลูเฉิงกวงจะบอกว่าวางใจ แต่ความจริงเขาไม่ตั้งความหวังแม้แต่น้อย เฉินฝานฟังออกอย่างชัดเจนเฉินฝานไม่ได้พูดเรื่องโจรภูเขาให้หลูเฉิงกวงฟังประการแรกเป็นเพราะเวลานี้หลูเฉิงกวงคิดเพียงเรื่องการแข่งขัน บอกเขาแล้ว ใช่ว่าเขาจะเก็บมาใส่ใจประการที่สองหากหลูเฉิงกวงให้ความสำคัญจริงๆ ย่อมต้องทำการจับกุม เช่นนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเพื่อความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เรื่องน่าเศร้าที่หลี่ซานต้องเผชิญเกิดขึ้นกับตนอีกครั้งนับตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป เฉินฝานให้สามพี่น้องตระกูลฉินน้องห้องเดียวกับตนเขาย้ายเตียงจากห้องข้างไปยังห้องหลัก วางเตียงสองหลังประกบกัน พวกเขาเหมือนตอนอยู่หมู่บ้านซานเหอ นอนในห้องเดียวกัน นอนบนตั่งเดี
วันนี้ ฟ้ายังไม่สว่าง ฉินเย่ว์เจียวก็ตื่นนอนแล้วอย่ามองว่าปกตินางโผงผาง แท้จริงแล้วความเป็นห่วงของนางที่มีต่อเฉินฝาน ไม่น้อยไปกว่าน้องสาวทั้งสองคนของตนนางตื่นแต่เช้า เพราะอยากไปดูม้าที่ลานก่อนเวลา“ตื่นแล้วหรือ? เหตุใดจึงไม่นอนต่ออีกสักหน่อย?”ฉินเย่ว์เจียวเพิ่งก้าวเท้าลงจากเตียง เสียงทุ้มต่ำด้วยความเป็นห่วงก็ดังขึ้นจากหน้าเตียงนางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเฉินฝานพอดีนอกห้อง ตะเกียงยังไม่มอดดับ เฉินฝานยืนย้อนแสง บวกกับเสียงที่ทุ้มต่ำไพเพราะของเขาเฉินฝานเวลานี้ ในสายตาของฉินเย่ว์เจียว ราวกับเทพเซียน“นายท่าน เหตุใดท่านก็ตื่นแต่เช้าเช่นเดียวกันเจ้าคะ?”“อ่อ! ข้าตื่นมาทำอาหารเช้า เมื่อคืนพวกเจ้านอนดึกมาก ตอนนี้ต้องง่วงแน่นอน จึงอยากทำอาหารเช้าให้พวกเจ้าก่อนการแข่งขัน”เฉินฝานเดินออกมาจากแสงไฟคิ้วกระบี่หนาเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาสองถ้อยคำนี้ ฉายขึ้นมาในความคิดของฉินเย่ว์เจียวไม่เคยรู้เลยว่า นายท่านหล่อเหลาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดนายท่านไม่เพียงหล่อเหลา ทั้งยังใจดีกับพวกนางมาก ตนจะเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ยังเป็นห่วงกลัวพวกนางนอนไม่อิ่มจึงตื่นมาทำอาหารเช้าให้ การได้เจอนายท่านแสนดีเช่นน
“ใต้เท้าจาง ตอนนี้อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลยขอรับ!” เฉินฝานกัดฟันแน่นตำหนิจางเจิ้งห้าว “รีบส่งคนไปยืมม้ากับพวกตระกูลใหญ่ในตัวเมืองเถอะขอรับ!”การแข่งม้าไม่อาจใช้ม้าทางการและท้าทหาร นี่เป็นข้อตกลง“เสี่ยวฝาน ข้าส่งคนไปแล้ว!” หลูเฉิงกวงก็เดินมา“ใต้เท้า!”ทางเข้าสนามซ้อม ชางเฟยอวี่กำลังพาพวกพ่อค้ามาอีกทั้งพวกเขายังมาพร้อมกับข่าวร้าย ม้าแข่งของพวกเขาล้มป่วยกันหมดคนที่หลูเฉิงกวงส่งไปก็กลับมาอย่างรวดเร็ว รายงานเดียวกันกับชางเฟยอวี่ม้าแข่งทั้งเมือง ล้มป่วย ในชั่วข้ามคืน“ต้องเป็นฝีมือของพวกลวี่เหลียงเจ๋อแน่นอน พวกเราไปคิดบัญชีกับพวกเขากันเถอะ!” เหออี้หมินที่กำลังโมโหเลือดขึ้นหน้าอยากพาคนไปหาลวี่เหลียงเจ๋อ“กลับมา!” หลูเฉิงกวงร้องตะโกนเสียงดัง ร้องเรียกเหออี้หมินแม้จะเป็นฝีมือของพวกลวี่เหลียงเจ๋อจริงๆ ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน เอาอะไรไปคิดบัญชีกับพวกเขา?ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว“ใต้เท้า หรือว่า ข้ารีบออกนอกเมืองตอนนี้ ไปหมู่บ้านที่ร่ำรวยที่สุดในอำเภอดูว่ามีแม้แข่งหรือไม่” จางเจิ้งห้าวเสนอตัว“เฮ้อ!” หลูเฉิงกวงถอนหายใจ “ตอนนี้ทำได้เพียงแค่นี้”“ไม่ทั
ก่อนที่พวกหลูเฉิงกวงจะมา เจี่ยงหงเหวินบอกว่าหลังจากการแข่งขัน เขาจะทำการแสดงพวกที่ร้องตะโกนเสียงดังเหล่านี้ โดยมากมาจากอำเภอตูอันพวกเขาแทบจะทนรอไม่ไหวอยากให้คนอำเภออื่น เห็นการแสดงของเจี่ยงหงเหวิน อยากให้เห็นว่าอำเภอตูอันของพวกเขาเลิศเลอเพียงใด“เฮ้อ พวกเจ้าพูดเช่นนี้กับใต้เท้าหลูได้อย่างไร?” เจี่ยงหงเหวินแกล้งทำเป็นพูดปกป้องหลูเฉิงกวง“คุณชายเจียง ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เคารพใต้เท้าหลู แต่ว่าคนของพวกเขาไม่มาหนิขอรับ”“ใช่แล้ว ไม่มาก็รีบยอมแพ้เถอะ”“ทุกคนเงียบก่อน เงียบก่อน!”เจี่ยงหงเหวินส่งเสียงปลอบทั้งที่ที่นี่คืออำเภอผิงอัน อีกทั้งนายอำเภอผิงอันก็อยู่ด้วย แต่คนที่ออกหน้าบอกให้ชาวบ้านใจเย็นกลับเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง นี่เป็นการหยามเกียรติขั้นไหนลวี่เหลียงเจ๋อนั่งอยู่ตรงนั้น หัวเราะพร้อมกับมองเหตุการณ์ทุกอย่างเขาตั้งใจ เขาเจตนาให้เจี่ยงหงเหวินทำให้หลูเฉิงกวงอับอายยังคงเป็นคำนั้น แม้กระทั่งพ่อค้าคนหนึ่งในอำเภอตูอัน ยังไม่เห็นนายอำเภอผิงอันอยู่ในสายตาได้“มาแล้ว มาแล้ว!”สิ้นเสียงของเจี่ยงหงเหวินไม่นาน ท่ามกลางผู้คนก็มีเสียงร้องตะโกนดังก้องคนที่ปรากฏตัวในสายตาทุกคน...คือฉินเย
เวลานี้ ฉินเย่ว์เจียวขี่รถม้า ตรงมาหน้าเวทีแข่งขันแล้วเสียงหัวเราะเยาะของผู้คนที่มีต่ออำเภอผิงอัน ก็มาถึงจุดสูงสุดข้าราชการและพ่อค้าอำเภอตูอันที่อยู่ด้านหลังลวี่เหลียงเจ๋อ ไม่ให้เกียรติหลูเฉิงกวงแม้แต่น้อย หัวเราะเยาะอย่างไร้ซึ่งความยำเกรงจางเจิ้งห้าววิ่งลงจากแท่นชม มาหาเฉินฝาน ถามด้วยความกังวล “เสี่ยวฝาน เจ้ามาเช่นนี้ได้อย่างไร? แล้ววิธีของเจ้าเล่า?”“ใต้เท้า ไม่รีบขอรับ! ใกล้ถึงแล้ว!”เฉินฝานบอกจางเจิ้งห้าวสิ้นเสียงของเฉินฝานไม่นาน ถนนด้านหลังของเขา ปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันหลังจากฝุ่นควันเบาบางลง รถม้าที่ใช้ม้าสี่ตัวลากจูงปรากฏในสายตาทุกคนคนในสนามแววตาฉายความสงสัย สิ่งที่ทำให้พวกเขาสงสัยไม่ใช่การปรากฏตัวกะทันหันของรถม้า แต่เป็นของแปลกๆ หน้ารถม้ารถม้าคันใหญ่จอดตรงหน้าเฉินฝานสารถีกระโดดลงจากรถม้าสารถีเป็นบุรุษผิวแทน เหงื่อแตกเต็มหน้าผาก เขากล่าวขอโทษเฉินฝาน “นายท่าน ขอโทษด้วยขอรับ เพิ่งมาถึงเวลานี้ ปล่อยให้ท่านรอนานแล้ว”“ไม่นาน!” เฉินฝานยิ้มแล้วส่ายหน้า “ข้าให้ท่านเพิ่มของกะทันหัน มาถึงเวลานี้ เหนือความคาดหมายของข้าแล้ว”“หวังเถี่ยเจี่ยง?”จางเจิ้งห้าวมองคนตรงหน้าด้ว
“ตาเฒ่าหวัง หยุดพูดมากได้แล้ว พวกเราจะสายแล้ว รีบลากไปแล้วต่อกับรถม้าเร็ว”“ขอรับ นายท่าน!”ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะมากมายกับแววตาสงสัยเล็กน้อย ช่างตีเหล็กหวัง ก็ดึงรถไอน้ำไปอยู่ตรงหน้า ฉินเย่ว์เจียว“ช่างตีเหล็กหวัง ท่านมาถึงเสียที!”เมื่อเห็นช่างตีเหล็กหวัง ใบหน้าของฉินหยูเจียวก็เต็มไปด้วยความดีใจ นางดึงรถม้าไปที่รถพ่วงด้านหลังรถไอน้ำเฉินฝานเพิ่งขอให้ช่างตีเหล็กหวังเพิ่มสิ่งนี้สิ่งที่ฉินเย่ว์เจียวกับช่างตีเหล็กหวังทำ ปลุกปั่นการถกเถียงต่าง ๆ ของผู้คนขึ้นอีกครั้ง“พวกเขากำลังทำอะไรอยู่? ทำไมถึงลากรถม้าขึ้นไปที่นั่น?”“ข้าเพิ่งได้ยินช่างตีเหล็กบอกว่าเฉินฝานขอให้เขาสร้างสิ่งที่เป็นเหล็กนั่นออกมา ยังบอกด้วยว่าสิ่งนั้นคือรถ สามารถเคลื่อนที่ได้เมื่อเผาไฟ นี่พวกเขาต้องการแข่งขันแบบนี้จริงหรือ?”“ยังไม่พูดถึงว่าจะแข่งขันหรือไม่ แต่จุดไฟแล้วเคลื่อนที่ได้เลย?”“ฮ่า ๆ ๆ!” เสียงหัวเราะที่เย่อหยิ่งและดังของเจี่ยงหงเหวินดังขึ้น“ข้าคิดว่า พวกเขาไม่ได้อยากแข่งหรอก พวกเขาทำสิ่งที่เป็นเหล็กนี้ออกมา แค่อยากให้นายน้อยเจี่ยงหัวเราะจนตาย แล้วพวกเขาก็จะเป็นผู้ชนะ”“สิ่งที่เจ้าพูด มีความเป็นไ
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่