ก่อนที่พวกหลูเฉิงกวงจะมา เจี่ยงหงเหวินบอกว่าหลังจากการแข่งขัน เขาจะทำการแสดงพวกที่ร้องตะโกนเสียงดังเหล่านี้ โดยมากมาจากอำเภอตูอันพวกเขาแทบจะทนรอไม่ไหวอยากให้คนอำเภออื่น เห็นการแสดงของเจี่ยงหงเหวิน อยากให้เห็นว่าอำเภอตูอันของพวกเขาเลิศเลอเพียงใด“เฮ้อ พวกเจ้าพูดเช่นนี้กับใต้เท้าหลูได้อย่างไร?” เจี่ยงหงเหวินแกล้งทำเป็นพูดปกป้องหลูเฉิงกวง“คุณชายเจียง ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เคารพใต้เท้าหลู แต่ว่าคนของพวกเขาไม่มาหนิขอรับ”“ใช่แล้ว ไม่มาก็รีบยอมแพ้เถอะ”“ทุกคนเงียบก่อน เงียบก่อน!”เจี่ยงหงเหวินส่งเสียงปลอบทั้งที่ที่นี่คืออำเภอผิงอัน อีกทั้งนายอำเภอผิงอันก็อยู่ด้วย แต่คนที่ออกหน้าบอกให้ชาวบ้านใจเย็นกลับเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง นี่เป็นการหยามเกียรติขั้นไหนลวี่เหลียงเจ๋อนั่งอยู่ตรงนั้น หัวเราะพร้อมกับมองเหตุการณ์ทุกอย่างเขาตั้งใจ เขาเจตนาให้เจี่ยงหงเหวินทำให้หลูเฉิงกวงอับอายยังคงเป็นคำนั้น แม้กระทั่งพ่อค้าคนหนึ่งในอำเภอตูอัน ยังไม่เห็นนายอำเภอผิงอันอยู่ในสายตาได้“มาแล้ว มาแล้ว!”สิ้นเสียงของเจี่ยงหงเหวินไม่นาน ท่ามกลางผู้คนก็มีเสียงร้องตะโกนดังก้องคนที่ปรากฏตัวในสายตาทุกคน...คือฉินเย
เวลานี้ ฉินเย่ว์เจียวขี่รถม้า ตรงมาหน้าเวทีแข่งขันแล้วเสียงหัวเราะเยาะของผู้คนที่มีต่ออำเภอผิงอัน ก็มาถึงจุดสูงสุดข้าราชการและพ่อค้าอำเภอตูอันที่อยู่ด้านหลังลวี่เหลียงเจ๋อ ไม่ให้เกียรติหลูเฉิงกวงแม้แต่น้อย หัวเราะเยาะอย่างไร้ซึ่งความยำเกรงจางเจิ้งห้าววิ่งลงจากแท่นชม มาหาเฉินฝาน ถามด้วยความกังวล “เสี่ยวฝาน เจ้ามาเช่นนี้ได้อย่างไร? แล้ววิธีของเจ้าเล่า?”“ใต้เท้า ไม่รีบขอรับ! ใกล้ถึงแล้ว!”เฉินฝานบอกจางเจิ้งห้าวสิ้นเสียงของเฉินฝานไม่นาน ถนนด้านหลังของเขา ปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันหลังจากฝุ่นควันเบาบางลง รถม้าที่ใช้ม้าสี่ตัวลากจูงปรากฏในสายตาทุกคนคนในสนามแววตาฉายความสงสัย สิ่งที่ทำให้พวกเขาสงสัยไม่ใช่การปรากฏตัวกะทันหันของรถม้า แต่เป็นของแปลกๆ หน้ารถม้ารถม้าคันใหญ่จอดตรงหน้าเฉินฝานสารถีกระโดดลงจากรถม้าสารถีเป็นบุรุษผิวแทน เหงื่อแตกเต็มหน้าผาก เขากล่าวขอโทษเฉินฝาน “นายท่าน ขอโทษด้วยขอรับ เพิ่งมาถึงเวลานี้ ปล่อยให้ท่านรอนานแล้ว”“ไม่นาน!” เฉินฝานยิ้มแล้วส่ายหน้า “ข้าให้ท่านเพิ่มของกะทันหัน มาถึงเวลานี้ เหนือความคาดหมายของข้าแล้ว”“หวังเถี่ยเจี่ยง?”จางเจิ้งห้าวมองคนตรงหน้าด้ว
“ตาเฒ่าหวัง หยุดพูดมากได้แล้ว พวกเราจะสายแล้ว รีบลากไปแล้วต่อกับรถม้าเร็ว”“ขอรับ นายท่าน!”ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะมากมายกับแววตาสงสัยเล็กน้อย ช่างตีเหล็กหวัง ก็ดึงรถไอน้ำไปอยู่ตรงหน้า ฉินเย่ว์เจียว“ช่างตีเหล็กหวัง ท่านมาถึงเสียที!”เมื่อเห็นช่างตีเหล็กหวัง ใบหน้าของฉินหยูเจียวก็เต็มไปด้วยความดีใจ นางดึงรถม้าไปที่รถพ่วงด้านหลังรถไอน้ำเฉินฝานเพิ่งขอให้ช่างตีเหล็กหวังเพิ่มสิ่งนี้สิ่งที่ฉินเย่ว์เจียวกับช่างตีเหล็กหวังทำ ปลุกปั่นการถกเถียงต่าง ๆ ของผู้คนขึ้นอีกครั้ง“พวกเขากำลังทำอะไรอยู่? ทำไมถึงลากรถม้าขึ้นไปที่นั่น?”“ข้าเพิ่งได้ยินช่างตีเหล็กบอกว่าเฉินฝานขอให้เขาสร้างสิ่งที่เป็นเหล็กนั่นออกมา ยังบอกด้วยว่าสิ่งนั้นคือรถ สามารถเคลื่อนที่ได้เมื่อเผาไฟ นี่พวกเขาต้องการแข่งขันแบบนี้จริงหรือ?”“ยังไม่พูดถึงว่าจะแข่งขันหรือไม่ แต่จุดไฟแล้วเคลื่อนที่ได้เลย?”“ฮ่า ๆ ๆ!” เสียงหัวเราะที่เย่อหยิ่งและดังของเจี่ยงหงเหวินดังขึ้น“ข้าคิดว่า พวกเขาไม่ได้อยากแข่งหรอก พวกเขาทำสิ่งที่เป็นเหล็กนี้ออกมา แค่อยากให้นายน้อยเจี่ยงหัวเราะจนตาย แล้วพวกเขาก็จะเป็นผู้ชนะ”“สิ่งที่เจ้าพูด มีความเป็นไ
“พ่อค้าเป็นพวกเล่ห์เหลี่ยมจริง ๆ เห็นอยู่ว่าเขาเป็นเสนอ ตอนนี้กลับคิดจะหนี!”“อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้!”เมื่อติงลั่วถูกพวกเฉียนลิ่วจากอำเภอผิงจับกลับมา ชาวบ้านอำเภอผิงอันตะโกนเสียงโกรธลวี่เหลียงเจ๋อพาพ่อค้าจากอำเภอตูอันมากดขี่อำเภอผิงอันและทำให้หลูเฉิงกวงอับอาย ชาวบ้านอำเภอผิงอันเห็นสิ่งนี้มานานแล้วและต่างก็รู้สึกไม่มีความยุติธรรมตอนนี้เมื่อพวกเขามีโอกาสระบายความโกรธ ชาวบ้านก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีและไม่มีทางปล่อยให้ติงลั่วหนีไปได้อย่างแน่นอน“ใต้เท้า!”ติงลั่วที่ตื่นตระหนกขอความช่วยเหลือกับลวี่เหลียงเจ๋อลวี่เหลียงเจ๋อหลับตาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงเช่นนี้ เขาไม่มีทางทำเพื่อติงลั่วแต่สร้างความขุ่นเคืองให้กับชาวบ้านเป็นแน่หากคิดจะกล่าวโทษ ก็โทษติงลั่วที่ก่อปัญหาเองเถอะ“เลียสิ!”เฉียนลิ่วลากติงลั่วมาใกล้เท้า“เลีย! เจ้าต้องเลียโคลนทั้งหมดที่พื้นรองเท้าของเฉินฝานให้เกลี้ยง!”“เลีย!”“เลียเร็วเข้าสิ!”ไม่เพียงมีแต่ชาวบ้านอำเภอผิงอันเท่านั้น ชาวบ้านจากอำเภออื่นกล่าวตามเฉินฝานยกเท้าขึ้นช้า ๆ เพื่อยื่นพื้นรองเท้าให้ “เร็วเข้าเถอะ ต้องแข่งขันอีก”กล
ตามคำเร่งเร้าของลวี่เหลียงเจ๋อซือหลี่[footnoteRef:1]ผู้จัดการแข่งขันที่ยืนอยู่ตรงมุม เดินมายังกลางแท่นชม [1: ซือหลี่ คือ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับจารีตพิธีการในราชสำนัก ตรวจตราระเบียบวินัยและลงอาญาข้าราชการฝ่ายใน รับผิดชอบเอกสารราชการ] “การแข่งขันวันนี้เป็นการแข่งขันระหว่างเฉินฝานจากอำเภอผิงอันกับเจี่ยงหงเหวินจากอำเภอตูอัน ทั้งสองฝ่ายมาถึงแล้ว โปรดก้าวออกมาข้างหน้า!”เฉินฝานเพิ่งยกเท้าขึ้น ฉินเย่ว์โหรวที่ยืนอยู่ข้างเขาก็คล้องแขนของเขาไว้“นายท่าน!”ความกังวลและความกลัวเอ่อล้นดวงตาที่อ่อนโยนและน่ารักของนาง นางไม่อยากให้เฉินฝานเข้าร่วมการแข่งขัน นางกลัวที่จะสูญเสียเขาไปฉินเย่ว์เจียวก็เข้ามาหาด้วยอีกคน “นายท่าน มันอันตรายเกินไป ให้ข้าไปแทนเถอะ!”“เจ้าพูดอะไรออกมา เจ้าไม่กลัวอันตรายรึ?” เฉินฝานแสร้งทำเป็นโกรธ“อันตราย แต่ข้าน้อยเป็นแค่……”“พอได้แล้ว!” เฉินฝานโกรธจริง ถ้าฉินเย่ว์เจียวพูดต่อไป คงไม่มีอะไรมากไปกว่าจะพูดว่านางเป็นผู้หญิงยังคงเป็นคำเดิม เขาไม่สนใจว่าคนในยุคนี้คิดอย่างไร ในใจของเขา ภรรยาของเขามีค่าเท่ากับผู้ชาย“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า!” เฉินฝานตบมือของฉินเย่ว์โ
“เปรี๊ยะ......”ภายใต้การควบคุมของเฉินฝาน รถไอน้ำที่บรรทุกรถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่แต่......รถไอน้ำช้ามากในช่วงเริ่มต้น รถม้าของเจี่ยงหงเหวินวิ่งออกไปแล้วกว่าสิบเมตร ขณะที่รถไอน้ำที่เฉินฝานบังคับวิ่งออกไปยังไม่ถึงห้าเมตร“ข้าก็นึกว่าจะเจ๋งแค่ไหนเชียว ที่แท้ก็เหมือนกับเต่า!”“ข้าคิดอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นเช่นนี้ ข้าไม่เคยคาดหวังเลย เพียงมองเป็นเรื่องตลกเท่านั้น”“คนที่พูดว่าด่วนสรุปเร็วไป เหมือนโดนตบหน้าหรือไม่ล่ะ!”คนที่พูดแทนเฉินฝานเมื่อครู่นี้ ต่างก้มหน้าลงหลูเฉิงกวงและข้าราชการต่าง ๆ ของอำเภอผิงอันที่ยืนมองบนเวที แทบไม่สามารถปกปิดความผิดหวังที่แสดงไว้บนใบหน้าได้ลวี่เหลียงเจ๋อยิ้มยกมือขึ้นต่อหลูเฉิงกวง “พี่หลู เฉินฝานช่างเป็น ‘อัจฉริยะ’ จริง ๆ หลังจบการแข่งขัน เจ้าควรดื่มฉลองสักหน่อยนะ”หลังจบการแข่งขันนี้ เฉินฝานก็จะตายแล้ว ควรมีการดื่มฉลองจริง ๆเจี่ยงหงเหวินหันกลับไปมองเฉินฝานและรถไอน้ำที่มีความเร็วดุจเต่าพร้อมแสดงรอยยิ้มอันน่ากลัว“จ๊ะ!”เช่นเดียวกับแส้ในมือของเจี่ยงหงเหวิน รถม้าที่เขานั่งอยู่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเปรี๊ยะ——ปัง ๆ ๆ——เฉินฝานขับรถไอน้ำตามหลังไปอย
“ไม่นะ!”“นายท่าน!”สามพี่น้องตระกูลฉินวิ่งออกไปพร้อมกันผู้หญิงที่ทนดูเลือดไม่ได้ก็พากันปิดตา“หยุดพวกนางเอาไว้!” จางเจิ้งห่าวรีบออกคำสั่งให้หยุดพี่น้องตระกูลฉินนี่คือคำขอของเฉินฝานก่อนลงสนามแข่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการแข่งขัน ต้องปกป้องภรรยาของเขาให้ดีพวกนางพุ่งตัวเข้าเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ แต่ยังอาจถูกชนจนเสียชีวิตเฮ้อ!หลูเฉิงกวงหลับตาลงอย่างเศร้าใจมันจบแล้วความเร็วเช่นนั้น เมื่อเกือกม้ากระทืบเท้าลงไป เฉินฝานจะมีชีวิตรอดได้อย่างไรลวี่เหลียงเจ๋อที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับหลูเฉิงกวง เบิกตาไว้กว้างมากและแทบไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นที่แสดงบนใบหน้าได้จะตายแล้ว ในที่สุดเจ้าหนุ่มนั่นจะตายแล้ว!“ว้าว!”“สุดยอด!”“เก่งมาก!”ทันใดนั้นเสียงตะลึงของชาวบ้านพลางดังขึ้นเรื่อย ๆสามพี่น้องตระกูลฉินและหลูเฉิงกวงแทบไม่กล้าลืมตาเฉินฝานตายอย่างอนาถมากใช่หรือไม่?“พวกพี่สะใภ้ ทำอะไรกัน เปิดตาดูสิ พี่ฝานสุดยอดมาก!”เฉินต้ายาและเฉินเอ้อร์ยาดึงเสื้อผ้าของสามพี่น้องตระกูลฉินพร้อมตะโกนอย่างตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน จางเจิ้งห้าวที่อยู่บนอัฒจันทร์ก็พูดกับหลูเ
ข้างหน้าเป็นทางเลี้ยวซ้าย รถม้าของเจี่ยงหงเหวินครองถนนฝั่งซ้าย เป็นไปไม่ได้ที่เฉินฝานจะเลี้ยวซ้ายเพื่อหลีกเลี่ยงเจี่ยงหงเหวินได้ ส่วนทางขวา เฉินฝานยิ่งทำไม่ได้ เพราะ......ทางขวาเป็นหน้าผา“เจี่ยงหงเหวินกำลังทำผิดกฎ!”“ใช่ ทำผิดกฎ เขาแพ้แล้ว!”“ซือหลี่ เจี่ยงหงเหวินแพ้แล้ว!”“อำเภอผิงอันชนะ ขอให้ทั้งสองฝ่ายหยุดทันที!” ซือหลี่ตะโกนเสียงดังแต่เจี่ยงหงเหวินที่ต้องการฆ่าเฉินฝานกลับไม่ฟัง!“คราวนี้เขาจะหลบอย่างไรอีก?”“เขาตายแน่!”ผู้ชมจากอำเภอตูอัน ไม่สนใจว่าทำผิดกฎหรือไม่ พวกเขาแค่อยากให้เฉินฝานตาย ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมลวี่เหลียงเจ๋อที่ยืนอยู่บนแท่นรับชม สีหน้าของเขาดูโหดเหี้ยมยิ่งกว่าผู้ชมด้านล่างเขาต้องการให้เจี่ยงหงเหวินชนเฉินฝานจนตาย ไม่อยากรอแม้เพียงวินาทีเดียว“นายท่านจะต้องพลิกแพลงเหตุร้ายให้กลายเป็นปลอดภัยได้เหมือนสองครั้งก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน เขาจะทำแน่นอน เขาจะทำอย่างแน่นอน!”ฉินเย่ว์เจียวปลอบใจน้องสาวที่เอนกายอยู่ข้าง ๆ นาง“พลิกแพลงเหตุร้ายให้กลายเป็นปลอดภัย?”“ฮ่า ๆ!”หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เจียว ชาวบ้านเมืองตูอันที่ไร้ยางอายก็หัวเร
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่