วันนี้ ฟ้ายังไม่สว่าง ฉินเย่ว์เจียวก็ตื่นนอนแล้วอย่ามองว่าปกตินางโผงผาง แท้จริงแล้วความเป็นห่วงของนางที่มีต่อเฉินฝาน ไม่น้อยไปกว่าน้องสาวทั้งสองคนของตนนางตื่นแต่เช้า เพราะอยากไปดูม้าที่ลานก่อนเวลา“ตื่นแล้วหรือ? เหตุใดจึงไม่นอนต่ออีกสักหน่อย?”ฉินเย่ว์เจียวเพิ่งก้าวเท้าลงจากเตียง เสียงทุ้มต่ำด้วยความเป็นห่วงก็ดังขึ้นจากหน้าเตียงนางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเฉินฝานพอดีนอกห้อง ตะเกียงยังไม่มอดดับ เฉินฝานยืนย้อนแสง บวกกับเสียงที่ทุ้มต่ำไพเพราะของเขาเฉินฝานเวลานี้ ในสายตาของฉินเย่ว์เจียว ราวกับเทพเซียน“นายท่าน เหตุใดท่านก็ตื่นแต่เช้าเช่นเดียวกันเจ้าคะ?”“อ่อ! ข้าตื่นมาทำอาหารเช้า เมื่อคืนพวกเจ้านอนดึกมาก ตอนนี้ต้องง่วงแน่นอน จึงอยากทำอาหารเช้าให้พวกเจ้าก่อนการแข่งขัน”เฉินฝานเดินออกมาจากแสงไฟคิ้วกระบี่หนาเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาสองถ้อยคำนี้ ฉายขึ้นมาในความคิดของฉินเย่ว์เจียวไม่เคยรู้เลยว่า นายท่านหล่อเหลาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดนายท่านไม่เพียงหล่อเหลา ทั้งยังใจดีกับพวกนางมาก ตนจะเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ยังเป็นห่วงกลัวพวกนางนอนไม่อิ่มจึงตื่นมาทำอาหารเช้าให้ การได้เจอนายท่านแสนดีเช่นน
“ใต้เท้าจาง ตอนนี้อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลยขอรับ!” เฉินฝานกัดฟันแน่นตำหนิจางเจิ้งห้าว “รีบส่งคนไปยืมม้ากับพวกตระกูลใหญ่ในตัวเมืองเถอะขอรับ!”การแข่งม้าไม่อาจใช้ม้าทางการและท้าทหาร นี่เป็นข้อตกลง“เสี่ยวฝาน ข้าส่งคนไปแล้ว!” หลูเฉิงกวงก็เดินมา“ใต้เท้า!”ทางเข้าสนามซ้อม ชางเฟยอวี่กำลังพาพวกพ่อค้ามาอีกทั้งพวกเขายังมาพร้อมกับข่าวร้าย ม้าแข่งของพวกเขาล้มป่วยกันหมดคนที่หลูเฉิงกวงส่งไปก็กลับมาอย่างรวดเร็ว รายงานเดียวกันกับชางเฟยอวี่ม้าแข่งทั้งเมือง ล้มป่วย ในชั่วข้ามคืน“ต้องเป็นฝีมือของพวกลวี่เหลียงเจ๋อแน่นอน พวกเราไปคิดบัญชีกับพวกเขากันเถอะ!” เหออี้หมินที่กำลังโมโหเลือดขึ้นหน้าอยากพาคนไปหาลวี่เหลียงเจ๋อ“กลับมา!” หลูเฉิงกวงร้องตะโกนเสียงดัง ร้องเรียกเหออี้หมินแม้จะเป็นฝีมือของพวกลวี่เหลียงเจ๋อจริงๆ ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน เอาอะไรไปคิดบัญชีกับพวกเขา?ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว“ใต้เท้า หรือว่า ข้ารีบออกนอกเมืองตอนนี้ ไปหมู่บ้านที่ร่ำรวยที่สุดในอำเภอดูว่ามีแม้แข่งหรือไม่” จางเจิ้งห้าวเสนอตัว“เฮ้อ!” หลูเฉิงกวงถอนหายใจ “ตอนนี้ทำได้เพียงแค่นี้”“ไม่ทั
ก่อนที่พวกหลูเฉิงกวงจะมา เจี่ยงหงเหวินบอกว่าหลังจากการแข่งขัน เขาจะทำการแสดงพวกที่ร้องตะโกนเสียงดังเหล่านี้ โดยมากมาจากอำเภอตูอันพวกเขาแทบจะทนรอไม่ไหวอยากให้คนอำเภออื่น เห็นการแสดงของเจี่ยงหงเหวิน อยากให้เห็นว่าอำเภอตูอันของพวกเขาเลิศเลอเพียงใด“เฮ้อ พวกเจ้าพูดเช่นนี้กับใต้เท้าหลูได้อย่างไร?” เจี่ยงหงเหวินแกล้งทำเป็นพูดปกป้องหลูเฉิงกวง“คุณชายเจียง ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เคารพใต้เท้าหลู แต่ว่าคนของพวกเขาไม่มาหนิขอรับ”“ใช่แล้ว ไม่มาก็รีบยอมแพ้เถอะ”“ทุกคนเงียบก่อน เงียบก่อน!”เจี่ยงหงเหวินส่งเสียงปลอบทั้งที่ที่นี่คืออำเภอผิงอัน อีกทั้งนายอำเภอผิงอันก็อยู่ด้วย แต่คนที่ออกหน้าบอกให้ชาวบ้านใจเย็นกลับเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง นี่เป็นการหยามเกียรติขั้นไหนลวี่เหลียงเจ๋อนั่งอยู่ตรงนั้น หัวเราะพร้อมกับมองเหตุการณ์ทุกอย่างเขาตั้งใจ เขาเจตนาให้เจี่ยงหงเหวินทำให้หลูเฉิงกวงอับอายยังคงเป็นคำนั้น แม้กระทั่งพ่อค้าคนหนึ่งในอำเภอตูอัน ยังไม่เห็นนายอำเภอผิงอันอยู่ในสายตาได้“มาแล้ว มาแล้ว!”สิ้นเสียงของเจี่ยงหงเหวินไม่นาน ท่ามกลางผู้คนก็มีเสียงร้องตะโกนดังก้องคนที่ปรากฏตัวในสายตาทุกคน...คือฉินเย
เวลานี้ ฉินเย่ว์เจียวขี่รถม้า ตรงมาหน้าเวทีแข่งขันแล้วเสียงหัวเราะเยาะของผู้คนที่มีต่ออำเภอผิงอัน ก็มาถึงจุดสูงสุดข้าราชการและพ่อค้าอำเภอตูอันที่อยู่ด้านหลังลวี่เหลียงเจ๋อ ไม่ให้เกียรติหลูเฉิงกวงแม้แต่น้อย หัวเราะเยาะอย่างไร้ซึ่งความยำเกรงจางเจิ้งห้าววิ่งลงจากแท่นชม มาหาเฉินฝาน ถามด้วยความกังวล “เสี่ยวฝาน เจ้ามาเช่นนี้ได้อย่างไร? แล้ววิธีของเจ้าเล่า?”“ใต้เท้า ไม่รีบขอรับ! ใกล้ถึงแล้ว!”เฉินฝานบอกจางเจิ้งห้าวสิ้นเสียงของเฉินฝานไม่นาน ถนนด้านหลังของเขา ปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันหลังจากฝุ่นควันเบาบางลง รถม้าที่ใช้ม้าสี่ตัวลากจูงปรากฏในสายตาทุกคนคนในสนามแววตาฉายความสงสัย สิ่งที่ทำให้พวกเขาสงสัยไม่ใช่การปรากฏตัวกะทันหันของรถม้า แต่เป็นของแปลกๆ หน้ารถม้ารถม้าคันใหญ่จอดตรงหน้าเฉินฝานสารถีกระโดดลงจากรถม้าสารถีเป็นบุรุษผิวแทน เหงื่อแตกเต็มหน้าผาก เขากล่าวขอโทษเฉินฝาน “นายท่าน ขอโทษด้วยขอรับ เพิ่งมาถึงเวลานี้ ปล่อยให้ท่านรอนานแล้ว”“ไม่นาน!” เฉินฝานยิ้มแล้วส่ายหน้า “ข้าให้ท่านเพิ่มของกะทันหัน มาถึงเวลานี้ เหนือความคาดหมายของข้าแล้ว”“หวังเถี่ยเจี่ยง?”จางเจิ้งห้าวมองคนตรงหน้าด้ว
“ตาเฒ่าหวัง หยุดพูดมากได้แล้ว พวกเราจะสายแล้ว รีบลากไปแล้วต่อกับรถม้าเร็ว”“ขอรับ นายท่าน!”ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะมากมายกับแววตาสงสัยเล็กน้อย ช่างตีเหล็กหวัง ก็ดึงรถไอน้ำไปอยู่ตรงหน้า ฉินเย่ว์เจียว“ช่างตีเหล็กหวัง ท่านมาถึงเสียที!”เมื่อเห็นช่างตีเหล็กหวัง ใบหน้าของฉินหยูเจียวก็เต็มไปด้วยความดีใจ นางดึงรถม้าไปที่รถพ่วงด้านหลังรถไอน้ำเฉินฝานเพิ่งขอให้ช่างตีเหล็กหวังเพิ่มสิ่งนี้สิ่งที่ฉินเย่ว์เจียวกับช่างตีเหล็กหวังทำ ปลุกปั่นการถกเถียงต่าง ๆ ของผู้คนขึ้นอีกครั้ง“พวกเขากำลังทำอะไรอยู่? ทำไมถึงลากรถม้าขึ้นไปที่นั่น?”“ข้าเพิ่งได้ยินช่างตีเหล็กบอกว่าเฉินฝานขอให้เขาสร้างสิ่งที่เป็นเหล็กนั่นออกมา ยังบอกด้วยว่าสิ่งนั้นคือรถ สามารถเคลื่อนที่ได้เมื่อเผาไฟ นี่พวกเขาต้องการแข่งขันแบบนี้จริงหรือ?”“ยังไม่พูดถึงว่าจะแข่งขันหรือไม่ แต่จุดไฟแล้วเคลื่อนที่ได้เลย?”“ฮ่า ๆ ๆ!” เสียงหัวเราะที่เย่อหยิ่งและดังของเจี่ยงหงเหวินดังขึ้น“ข้าคิดว่า พวกเขาไม่ได้อยากแข่งหรอก พวกเขาทำสิ่งที่เป็นเหล็กนี้ออกมา แค่อยากให้นายน้อยเจี่ยงหัวเราะจนตาย แล้วพวกเขาก็จะเป็นผู้ชนะ”“สิ่งที่เจ้าพูด มีความเป็นไ
“พ่อค้าเป็นพวกเล่ห์เหลี่ยมจริง ๆ เห็นอยู่ว่าเขาเป็นเสนอ ตอนนี้กลับคิดจะหนี!”“อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้!”เมื่อติงลั่วถูกพวกเฉียนลิ่วจากอำเภอผิงจับกลับมา ชาวบ้านอำเภอผิงอันตะโกนเสียงโกรธลวี่เหลียงเจ๋อพาพ่อค้าจากอำเภอตูอันมากดขี่อำเภอผิงอันและทำให้หลูเฉิงกวงอับอาย ชาวบ้านอำเภอผิงอันเห็นสิ่งนี้มานานแล้วและต่างก็รู้สึกไม่มีความยุติธรรมตอนนี้เมื่อพวกเขามีโอกาสระบายความโกรธ ชาวบ้านก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีและไม่มีทางปล่อยให้ติงลั่วหนีไปได้อย่างแน่นอน“ใต้เท้า!”ติงลั่วที่ตื่นตระหนกขอความช่วยเหลือกับลวี่เหลียงเจ๋อลวี่เหลียงเจ๋อหลับตาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงเช่นนี้ เขาไม่มีทางทำเพื่อติงลั่วแต่สร้างความขุ่นเคืองให้กับชาวบ้านเป็นแน่หากคิดจะกล่าวโทษ ก็โทษติงลั่วที่ก่อปัญหาเองเถอะ“เลียสิ!”เฉียนลิ่วลากติงลั่วมาใกล้เท้า“เลีย! เจ้าต้องเลียโคลนทั้งหมดที่พื้นรองเท้าของเฉินฝานให้เกลี้ยง!”“เลีย!”“เลียเร็วเข้าสิ!”ไม่เพียงมีแต่ชาวบ้านอำเภอผิงอันเท่านั้น ชาวบ้านจากอำเภออื่นกล่าวตามเฉินฝานยกเท้าขึ้นช้า ๆ เพื่อยื่นพื้นรองเท้าให้ “เร็วเข้าเถอะ ต้องแข่งขันอีก”กล
ตามคำเร่งเร้าของลวี่เหลียงเจ๋อซือหลี่[footnoteRef:1]ผู้จัดการแข่งขันที่ยืนอยู่ตรงมุม เดินมายังกลางแท่นชม [1: ซือหลี่ คือ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับจารีตพิธีการในราชสำนัก ตรวจตราระเบียบวินัยและลงอาญาข้าราชการฝ่ายใน รับผิดชอบเอกสารราชการ] “การแข่งขันวันนี้เป็นการแข่งขันระหว่างเฉินฝานจากอำเภอผิงอันกับเจี่ยงหงเหวินจากอำเภอตูอัน ทั้งสองฝ่ายมาถึงแล้ว โปรดก้าวออกมาข้างหน้า!”เฉินฝานเพิ่งยกเท้าขึ้น ฉินเย่ว์โหรวที่ยืนอยู่ข้างเขาก็คล้องแขนของเขาไว้“นายท่าน!”ความกังวลและความกลัวเอ่อล้นดวงตาที่อ่อนโยนและน่ารักของนาง นางไม่อยากให้เฉินฝานเข้าร่วมการแข่งขัน นางกลัวที่จะสูญเสียเขาไปฉินเย่ว์เจียวก็เข้ามาหาด้วยอีกคน “นายท่าน มันอันตรายเกินไป ให้ข้าไปแทนเถอะ!”“เจ้าพูดอะไรออกมา เจ้าไม่กลัวอันตรายรึ?” เฉินฝานแสร้งทำเป็นโกรธ“อันตราย แต่ข้าน้อยเป็นแค่……”“พอได้แล้ว!” เฉินฝานโกรธจริง ถ้าฉินเย่ว์เจียวพูดต่อไป คงไม่มีอะไรมากไปกว่าจะพูดว่านางเป็นผู้หญิงยังคงเป็นคำเดิม เขาไม่สนใจว่าคนในยุคนี้คิดอย่างไร ในใจของเขา ภรรยาของเขามีค่าเท่ากับผู้ชาย“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า!” เฉินฝานตบมือของฉินเย่ว์โ
“เปรี๊ยะ......”ภายใต้การควบคุมของเฉินฝาน รถไอน้ำที่บรรทุกรถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่แต่......รถไอน้ำช้ามากในช่วงเริ่มต้น รถม้าของเจี่ยงหงเหวินวิ่งออกไปแล้วกว่าสิบเมตร ขณะที่รถไอน้ำที่เฉินฝานบังคับวิ่งออกไปยังไม่ถึงห้าเมตร“ข้าก็นึกว่าจะเจ๋งแค่ไหนเชียว ที่แท้ก็เหมือนกับเต่า!”“ข้าคิดอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นเช่นนี้ ข้าไม่เคยคาดหวังเลย เพียงมองเป็นเรื่องตลกเท่านั้น”“คนที่พูดว่าด่วนสรุปเร็วไป เหมือนโดนตบหน้าหรือไม่ล่ะ!”คนที่พูดแทนเฉินฝานเมื่อครู่นี้ ต่างก้มหน้าลงหลูเฉิงกวงและข้าราชการต่าง ๆ ของอำเภอผิงอันที่ยืนมองบนเวที แทบไม่สามารถปกปิดความผิดหวังที่แสดงไว้บนใบหน้าได้ลวี่เหลียงเจ๋อยิ้มยกมือขึ้นต่อหลูเฉิงกวง “พี่หลู เฉินฝานช่างเป็น ‘อัจฉริยะ’ จริง ๆ หลังจบการแข่งขัน เจ้าควรดื่มฉลองสักหน่อยนะ”หลังจบการแข่งขันนี้ เฉินฝานก็จะตายแล้ว ควรมีการดื่มฉลองจริง ๆเจี่ยงหงเหวินหันกลับไปมองเฉินฝานและรถไอน้ำที่มีความเร็วดุจเต่าพร้อมแสดงรอยยิ้มอันน่ากลัว“จ๊ะ!”เช่นเดียวกับแส้ในมือของเจี่ยงหงเหวิน รถม้าที่เขานั่งอยู่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเปรี๊ยะ——ปัง ๆ ๆ——เฉินฝานขับรถไอน้ำตามหลังไปอย
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ