ใต้เท้า ท่านมั่นใจว่านายท่านของข้าจะแพ้เช่นนั้นหรือ นายท่านของข้ามีพรสวรรค์ในการขี่ม้า” สีหน้าของฉินเย่ว์เจียวฉายความไม่สบอารมณ์นางไม่อาจทนฟังผู้อื่นบอกว่าเฉินฝานทำไม่ได้อีกทั้ง นางไม่ได้พูดด้วยความโมโห แต่เฉินฝานมีพรสวรรค์ในการขี่ม้าจริงๆ“ถูกต้อง!” เฉินฝานหัวเราะ พูดด้วยความผ่อนคลาย “ใต้เท้าวางใจให้ข้ารับผิดชอบก็พอแล้วขอรับ!”“เสี่ยวฝาน เจ้ามั่นใจแบบนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”แม้หลูเฉิงกวงจะบอกว่าวางใจ แต่ความจริงเขาไม่ตั้งความหวังแม้แต่น้อย เฉินฝานฟังออกอย่างชัดเจนเฉินฝานไม่ได้พูดเรื่องโจรภูเขาให้หลูเฉิงกวงฟังประการแรกเป็นเพราะเวลานี้หลูเฉิงกวงคิดเพียงเรื่องการแข่งขัน บอกเขาแล้ว ใช่ว่าเขาจะเก็บมาใส่ใจประการที่สองหากหลูเฉิงกวงให้ความสำคัญจริงๆ ย่อมต้องทำการจับกุม เช่นนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเพื่อความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เรื่องน่าเศร้าที่หลี่ซานต้องเผชิญเกิดขึ้นกับตนอีกครั้งนับตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป เฉินฝานให้สามพี่น้องตระกูลฉินน้องห้องเดียวกับตนเขาย้ายเตียงจากห้องข้างไปยังห้องหลัก วางเตียงสองหลังประกบกัน พวกเขาเหมือนตอนอยู่หมู่บ้านซานเหอ นอนในห้องเดียวกัน นอนบนตั่งเดี
วันนี้ ฟ้ายังไม่สว่าง ฉินเย่ว์เจียวก็ตื่นนอนแล้วอย่ามองว่าปกตินางโผงผาง แท้จริงแล้วความเป็นห่วงของนางที่มีต่อเฉินฝาน ไม่น้อยไปกว่าน้องสาวทั้งสองคนของตนนางตื่นแต่เช้า เพราะอยากไปดูม้าที่ลานก่อนเวลา“ตื่นแล้วหรือ? เหตุใดจึงไม่นอนต่ออีกสักหน่อย?”ฉินเย่ว์เจียวเพิ่งก้าวเท้าลงจากเตียง เสียงทุ้มต่ำด้วยความเป็นห่วงก็ดังขึ้นจากหน้าเตียงนางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเฉินฝานพอดีนอกห้อง ตะเกียงยังไม่มอดดับ เฉินฝานยืนย้อนแสง บวกกับเสียงที่ทุ้มต่ำไพเพราะของเขาเฉินฝานเวลานี้ ในสายตาของฉินเย่ว์เจียว ราวกับเทพเซียน“นายท่าน เหตุใดท่านก็ตื่นแต่เช้าเช่นเดียวกันเจ้าคะ?”“อ่อ! ข้าตื่นมาทำอาหารเช้า เมื่อคืนพวกเจ้านอนดึกมาก ตอนนี้ต้องง่วงแน่นอน จึงอยากทำอาหารเช้าให้พวกเจ้าก่อนการแข่งขัน”เฉินฝานเดินออกมาจากแสงไฟคิ้วกระบี่หนาเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาสองถ้อยคำนี้ ฉายขึ้นมาในความคิดของฉินเย่ว์เจียวไม่เคยรู้เลยว่า นายท่านหล่อเหลาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดนายท่านไม่เพียงหล่อเหลา ทั้งยังใจดีกับพวกนางมาก ตนจะเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ยังเป็นห่วงกลัวพวกนางนอนไม่อิ่มจึงตื่นมาทำอาหารเช้าให้ การได้เจอนายท่านแสนดีเช่นน
“ใต้เท้าจาง ตอนนี้อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลยขอรับ!” เฉินฝานกัดฟันแน่นตำหนิจางเจิ้งห้าว “รีบส่งคนไปยืมม้ากับพวกตระกูลใหญ่ในตัวเมืองเถอะขอรับ!”การแข่งม้าไม่อาจใช้ม้าทางการและท้าทหาร นี่เป็นข้อตกลง“เสี่ยวฝาน ข้าส่งคนไปแล้ว!” หลูเฉิงกวงก็เดินมา“ใต้เท้า!”ทางเข้าสนามซ้อม ชางเฟยอวี่กำลังพาพวกพ่อค้ามาอีกทั้งพวกเขายังมาพร้อมกับข่าวร้าย ม้าแข่งของพวกเขาล้มป่วยกันหมดคนที่หลูเฉิงกวงส่งไปก็กลับมาอย่างรวดเร็ว รายงานเดียวกันกับชางเฟยอวี่ม้าแข่งทั้งเมือง ล้มป่วย ในชั่วข้ามคืน“ต้องเป็นฝีมือของพวกลวี่เหลียงเจ๋อแน่นอน พวกเราไปคิดบัญชีกับพวกเขากันเถอะ!” เหออี้หมินที่กำลังโมโหเลือดขึ้นหน้าอยากพาคนไปหาลวี่เหลียงเจ๋อ“กลับมา!” หลูเฉิงกวงร้องตะโกนเสียงดัง ร้องเรียกเหออี้หมินแม้จะเป็นฝีมือของพวกลวี่เหลียงเจ๋อจริงๆ ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน เอาอะไรไปคิดบัญชีกับพวกเขา?ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว“ใต้เท้า หรือว่า ข้ารีบออกนอกเมืองตอนนี้ ไปหมู่บ้านที่ร่ำรวยที่สุดในอำเภอดูว่ามีแม้แข่งหรือไม่” จางเจิ้งห้าวเสนอตัว“เฮ้อ!” หลูเฉิงกวงถอนหายใจ “ตอนนี้ทำได้เพียงแค่นี้”“ไม่ทั
ก่อนที่พวกหลูเฉิงกวงจะมา เจี่ยงหงเหวินบอกว่าหลังจากการแข่งขัน เขาจะทำการแสดงพวกที่ร้องตะโกนเสียงดังเหล่านี้ โดยมากมาจากอำเภอตูอันพวกเขาแทบจะทนรอไม่ไหวอยากให้คนอำเภออื่น เห็นการแสดงของเจี่ยงหงเหวิน อยากให้เห็นว่าอำเภอตูอันของพวกเขาเลิศเลอเพียงใด“เฮ้อ พวกเจ้าพูดเช่นนี้กับใต้เท้าหลูได้อย่างไร?” เจี่ยงหงเหวินแกล้งทำเป็นพูดปกป้องหลูเฉิงกวง“คุณชายเจียง ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เคารพใต้เท้าหลู แต่ว่าคนของพวกเขาไม่มาหนิขอรับ”“ใช่แล้ว ไม่มาก็รีบยอมแพ้เถอะ”“ทุกคนเงียบก่อน เงียบก่อน!”เจี่ยงหงเหวินส่งเสียงปลอบทั้งที่ที่นี่คืออำเภอผิงอัน อีกทั้งนายอำเภอผิงอันก็อยู่ด้วย แต่คนที่ออกหน้าบอกให้ชาวบ้านใจเย็นกลับเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง นี่เป็นการหยามเกียรติขั้นไหนลวี่เหลียงเจ๋อนั่งอยู่ตรงนั้น หัวเราะพร้อมกับมองเหตุการณ์ทุกอย่างเขาตั้งใจ เขาเจตนาให้เจี่ยงหงเหวินทำให้หลูเฉิงกวงอับอายยังคงเป็นคำนั้น แม้กระทั่งพ่อค้าคนหนึ่งในอำเภอตูอัน ยังไม่เห็นนายอำเภอผิงอันอยู่ในสายตาได้“มาแล้ว มาแล้ว!”สิ้นเสียงของเจี่ยงหงเหวินไม่นาน ท่ามกลางผู้คนก็มีเสียงร้องตะโกนดังก้องคนที่ปรากฏตัวในสายตาทุกคน...คือฉินเย
เวลานี้ ฉินเย่ว์เจียวขี่รถม้า ตรงมาหน้าเวทีแข่งขันแล้วเสียงหัวเราะเยาะของผู้คนที่มีต่ออำเภอผิงอัน ก็มาถึงจุดสูงสุดข้าราชการและพ่อค้าอำเภอตูอันที่อยู่ด้านหลังลวี่เหลียงเจ๋อ ไม่ให้เกียรติหลูเฉิงกวงแม้แต่น้อย หัวเราะเยาะอย่างไร้ซึ่งความยำเกรงจางเจิ้งห้าววิ่งลงจากแท่นชม มาหาเฉินฝาน ถามด้วยความกังวล “เสี่ยวฝาน เจ้ามาเช่นนี้ได้อย่างไร? แล้ววิธีของเจ้าเล่า?”“ใต้เท้า ไม่รีบขอรับ! ใกล้ถึงแล้ว!”เฉินฝานบอกจางเจิ้งห้าวสิ้นเสียงของเฉินฝานไม่นาน ถนนด้านหลังของเขา ปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันหลังจากฝุ่นควันเบาบางลง รถม้าที่ใช้ม้าสี่ตัวลากจูงปรากฏในสายตาทุกคนคนในสนามแววตาฉายความสงสัย สิ่งที่ทำให้พวกเขาสงสัยไม่ใช่การปรากฏตัวกะทันหันของรถม้า แต่เป็นของแปลกๆ หน้ารถม้ารถม้าคันใหญ่จอดตรงหน้าเฉินฝานสารถีกระโดดลงจากรถม้าสารถีเป็นบุรุษผิวแทน เหงื่อแตกเต็มหน้าผาก เขากล่าวขอโทษเฉินฝาน “นายท่าน ขอโทษด้วยขอรับ เพิ่งมาถึงเวลานี้ ปล่อยให้ท่านรอนานแล้ว”“ไม่นาน!” เฉินฝานยิ้มแล้วส่ายหน้า “ข้าให้ท่านเพิ่มของกะทันหัน มาถึงเวลานี้ เหนือความคาดหมายของข้าแล้ว”“หวังเถี่ยเจี่ยง?”จางเจิ้งห้าวมองคนตรงหน้าด้ว
“ตาเฒ่าหวัง หยุดพูดมากได้แล้ว พวกเราจะสายแล้ว รีบลากไปแล้วต่อกับรถม้าเร็ว”“ขอรับ นายท่าน!”ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะมากมายกับแววตาสงสัยเล็กน้อย ช่างตีเหล็กหวัง ก็ดึงรถไอน้ำไปอยู่ตรงหน้า ฉินเย่ว์เจียว“ช่างตีเหล็กหวัง ท่านมาถึงเสียที!”เมื่อเห็นช่างตีเหล็กหวัง ใบหน้าของฉินหยูเจียวก็เต็มไปด้วยความดีใจ นางดึงรถม้าไปที่รถพ่วงด้านหลังรถไอน้ำเฉินฝานเพิ่งขอให้ช่างตีเหล็กหวังเพิ่มสิ่งนี้สิ่งที่ฉินเย่ว์เจียวกับช่างตีเหล็กหวังทำ ปลุกปั่นการถกเถียงต่าง ๆ ของผู้คนขึ้นอีกครั้ง“พวกเขากำลังทำอะไรอยู่? ทำไมถึงลากรถม้าขึ้นไปที่นั่น?”“ข้าเพิ่งได้ยินช่างตีเหล็กบอกว่าเฉินฝานขอให้เขาสร้างสิ่งที่เป็นเหล็กนั่นออกมา ยังบอกด้วยว่าสิ่งนั้นคือรถ สามารถเคลื่อนที่ได้เมื่อเผาไฟ นี่พวกเขาต้องการแข่งขันแบบนี้จริงหรือ?”“ยังไม่พูดถึงว่าจะแข่งขันหรือไม่ แต่จุดไฟแล้วเคลื่อนที่ได้เลย?”“ฮ่า ๆ ๆ!” เสียงหัวเราะที่เย่อหยิ่งและดังของเจี่ยงหงเหวินดังขึ้น“ข้าคิดว่า พวกเขาไม่ได้อยากแข่งหรอก พวกเขาทำสิ่งที่เป็นเหล็กนี้ออกมา แค่อยากให้นายน้อยเจี่ยงหัวเราะจนตาย แล้วพวกเขาก็จะเป็นผู้ชนะ”“สิ่งที่เจ้าพูด มีความเป็นไ
“พ่อค้าเป็นพวกเล่ห์เหลี่ยมจริง ๆ เห็นอยู่ว่าเขาเป็นเสนอ ตอนนี้กลับคิดจะหนี!”“อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้!”เมื่อติงลั่วถูกพวกเฉียนลิ่วจากอำเภอผิงจับกลับมา ชาวบ้านอำเภอผิงอันตะโกนเสียงโกรธลวี่เหลียงเจ๋อพาพ่อค้าจากอำเภอตูอันมากดขี่อำเภอผิงอันและทำให้หลูเฉิงกวงอับอาย ชาวบ้านอำเภอผิงอันเห็นสิ่งนี้มานานแล้วและต่างก็รู้สึกไม่มีความยุติธรรมตอนนี้เมื่อพวกเขามีโอกาสระบายความโกรธ ชาวบ้านก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีและไม่มีทางปล่อยให้ติงลั่วหนีไปได้อย่างแน่นอน“ใต้เท้า!”ติงลั่วที่ตื่นตระหนกขอความช่วยเหลือกับลวี่เหลียงเจ๋อลวี่เหลียงเจ๋อหลับตาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงเช่นนี้ เขาไม่มีทางทำเพื่อติงลั่วแต่สร้างความขุ่นเคืองให้กับชาวบ้านเป็นแน่หากคิดจะกล่าวโทษ ก็โทษติงลั่วที่ก่อปัญหาเองเถอะ“เลียสิ!”เฉียนลิ่วลากติงลั่วมาใกล้เท้า“เลีย! เจ้าต้องเลียโคลนทั้งหมดที่พื้นรองเท้าของเฉินฝานให้เกลี้ยง!”“เลีย!”“เลียเร็วเข้าสิ!”ไม่เพียงมีแต่ชาวบ้านอำเภอผิงอันเท่านั้น ชาวบ้านจากอำเภออื่นกล่าวตามเฉินฝานยกเท้าขึ้นช้า ๆ เพื่อยื่นพื้นรองเท้าให้ “เร็วเข้าเถอะ ต้องแข่งขันอีก”กล
ตามคำเร่งเร้าของลวี่เหลียงเจ๋อซือหลี่[footnoteRef:1]ผู้จัดการแข่งขันที่ยืนอยู่ตรงมุม เดินมายังกลางแท่นชม [1: ซือหลี่ คือ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับจารีตพิธีการในราชสำนัก ตรวจตราระเบียบวินัยและลงอาญาข้าราชการฝ่ายใน รับผิดชอบเอกสารราชการ] “การแข่งขันวันนี้เป็นการแข่งขันระหว่างเฉินฝานจากอำเภอผิงอันกับเจี่ยงหงเหวินจากอำเภอตูอัน ทั้งสองฝ่ายมาถึงแล้ว โปรดก้าวออกมาข้างหน้า!”เฉินฝานเพิ่งยกเท้าขึ้น ฉินเย่ว์โหรวที่ยืนอยู่ข้างเขาก็คล้องแขนของเขาไว้“นายท่าน!”ความกังวลและความกลัวเอ่อล้นดวงตาที่อ่อนโยนและน่ารักของนาง นางไม่อยากให้เฉินฝานเข้าร่วมการแข่งขัน นางกลัวที่จะสูญเสียเขาไปฉินเย่ว์เจียวก็เข้ามาหาด้วยอีกคน “นายท่าน มันอันตรายเกินไป ให้ข้าไปแทนเถอะ!”“เจ้าพูดอะไรออกมา เจ้าไม่กลัวอันตรายรึ?” เฉินฝานแสร้งทำเป็นโกรธ“อันตราย แต่ข้าน้อยเป็นแค่……”“พอได้แล้ว!” เฉินฝานโกรธจริง ถ้าฉินเย่ว์เจียวพูดต่อไป คงไม่มีอะไรมากไปกว่าจะพูดว่านางเป็นผู้หญิงยังคงเป็นคำเดิม เขาไม่สนใจว่าคนในยุคนี้คิดอย่างไร ในใจของเขา ภรรยาของเขามีค่าเท่ากับผู้ชาย“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า!” เฉินฝานตบมือของฉินเย่ว์โ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ