ตามคำเร่งเร้าของลวี่เหลียงเจ๋อซือหลี่[footnoteRef:1]ผู้จัดการแข่งขันที่ยืนอยู่ตรงมุม เดินมายังกลางแท่นชม [1: ซือหลี่ คือ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับจารีตพิธีการในราชสำนัก ตรวจตราระเบียบวินัยและลงอาญาข้าราชการฝ่ายใน รับผิดชอบเอกสารราชการ] “การแข่งขันวันนี้เป็นการแข่งขันระหว่างเฉินฝานจากอำเภอผิงอันกับเจี่ยงหงเหวินจากอำเภอตูอัน ทั้งสองฝ่ายมาถึงแล้ว โปรดก้าวออกมาข้างหน้า!”เฉินฝานเพิ่งยกเท้าขึ้น ฉินเย่ว์โหรวที่ยืนอยู่ข้างเขาก็คล้องแขนของเขาไว้“นายท่าน!”ความกังวลและความกลัวเอ่อล้นดวงตาที่อ่อนโยนและน่ารักของนาง นางไม่อยากให้เฉินฝานเข้าร่วมการแข่งขัน นางกลัวที่จะสูญเสียเขาไปฉินเย่ว์เจียวก็เข้ามาหาด้วยอีกคน “นายท่าน มันอันตรายเกินไป ให้ข้าไปแทนเถอะ!”“เจ้าพูดอะไรออกมา เจ้าไม่กลัวอันตรายรึ?” เฉินฝานแสร้งทำเป็นโกรธ“อันตราย แต่ข้าน้อยเป็นแค่……”“พอได้แล้ว!” เฉินฝานโกรธจริง ถ้าฉินเย่ว์เจียวพูดต่อไป คงไม่มีอะไรมากไปกว่าจะพูดว่านางเป็นผู้หญิงยังคงเป็นคำเดิม เขาไม่สนใจว่าคนในยุคนี้คิดอย่างไร ในใจของเขา ภรรยาของเขามีค่าเท่ากับผู้ชาย“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า!” เฉินฝานตบมือของฉินเย่ว์โ
“เปรี๊ยะ......”ภายใต้การควบคุมของเฉินฝาน รถไอน้ำที่บรรทุกรถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่แต่......รถไอน้ำช้ามากในช่วงเริ่มต้น รถม้าของเจี่ยงหงเหวินวิ่งออกไปแล้วกว่าสิบเมตร ขณะที่รถไอน้ำที่เฉินฝานบังคับวิ่งออกไปยังไม่ถึงห้าเมตร“ข้าก็นึกว่าจะเจ๋งแค่ไหนเชียว ที่แท้ก็เหมือนกับเต่า!”“ข้าคิดอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นเช่นนี้ ข้าไม่เคยคาดหวังเลย เพียงมองเป็นเรื่องตลกเท่านั้น”“คนที่พูดว่าด่วนสรุปเร็วไป เหมือนโดนตบหน้าหรือไม่ล่ะ!”คนที่พูดแทนเฉินฝานเมื่อครู่นี้ ต่างก้มหน้าลงหลูเฉิงกวงและข้าราชการต่าง ๆ ของอำเภอผิงอันที่ยืนมองบนเวที แทบไม่สามารถปกปิดความผิดหวังที่แสดงไว้บนใบหน้าได้ลวี่เหลียงเจ๋อยิ้มยกมือขึ้นต่อหลูเฉิงกวง “พี่หลู เฉินฝานช่างเป็น ‘อัจฉริยะ’ จริง ๆ หลังจบการแข่งขัน เจ้าควรดื่มฉลองสักหน่อยนะ”หลังจบการแข่งขันนี้ เฉินฝานก็จะตายแล้ว ควรมีการดื่มฉลองจริง ๆเจี่ยงหงเหวินหันกลับไปมองเฉินฝานและรถไอน้ำที่มีความเร็วดุจเต่าพร้อมแสดงรอยยิ้มอันน่ากลัว“จ๊ะ!”เช่นเดียวกับแส้ในมือของเจี่ยงหงเหวิน รถม้าที่เขานั่งอยู่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเปรี๊ยะ——ปัง ๆ ๆ——เฉินฝานขับรถไอน้ำตามหลังไปอย
“ไม่นะ!”“นายท่าน!”สามพี่น้องตระกูลฉินวิ่งออกไปพร้อมกันผู้หญิงที่ทนดูเลือดไม่ได้ก็พากันปิดตา“หยุดพวกนางเอาไว้!” จางเจิ้งห่าวรีบออกคำสั่งให้หยุดพี่น้องตระกูลฉินนี่คือคำขอของเฉินฝานก่อนลงสนามแข่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการแข่งขัน ต้องปกป้องภรรยาของเขาให้ดีพวกนางพุ่งตัวเข้าเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ แต่ยังอาจถูกชนจนเสียชีวิตเฮ้อ!หลูเฉิงกวงหลับตาลงอย่างเศร้าใจมันจบแล้วความเร็วเช่นนั้น เมื่อเกือกม้ากระทืบเท้าลงไป เฉินฝานจะมีชีวิตรอดได้อย่างไรลวี่เหลียงเจ๋อที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับหลูเฉิงกวง เบิกตาไว้กว้างมากและแทบไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นที่แสดงบนใบหน้าได้จะตายแล้ว ในที่สุดเจ้าหนุ่มนั่นจะตายแล้ว!“ว้าว!”“สุดยอด!”“เก่งมาก!”ทันใดนั้นเสียงตะลึงของชาวบ้านพลางดังขึ้นเรื่อย ๆสามพี่น้องตระกูลฉินและหลูเฉิงกวงแทบไม่กล้าลืมตาเฉินฝานตายอย่างอนาถมากใช่หรือไม่?“พวกพี่สะใภ้ ทำอะไรกัน เปิดตาดูสิ พี่ฝานสุดยอดมาก!”เฉินต้ายาและเฉินเอ้อร์ยาดึงเสื้อผ้าของสามพี่น้องตระกูลฉินพร้อมตะโกนอย่างตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน จางเจิ้งห้าวที่อยู่บนอัฒจันทร์ก็พูดกับหลูเ
ข้างหน้าเป็นทางเลี้ยวซ้าย รถม้าของเจี่ยงหงเหวินครองถนนฝั่งซ้าย เป็นไปไม่ได้ที่เฉินฝานจะเลี้ยวซ้ายเพื่อหลีกเลี่ยงเจี่ยงหงเหวินได้ ส่วนทางขวา เฉินฝานยิ่งทำไม่ได้ เพราะ......ทางขวาเป็นหน้าผา“เจี่ยงหงเหวินกำลังทำผิดกฎ!”“ใช่ ทำผิดกฎ เขาแพ้แล้ว!”“ซือหลี่ เจี่ยงหงเหวินแพ้แล้ว!”“อำเภอผิงอันชนะ ขอให้ทั้งสองฝ่ายหยุดทันที!” ซือหลี่ตะโกนเสียงดังแต่เจี่ยงหงเหวินที่ต้องการฆ่าเฉินฝานกลับไม่ฟัง!“คราวนี้เขาจะหลบอย่างไรอีก?”“เขาตายแน่!”ผู้ชมจากอำเภอตูอัน ไม่สนใจว่าทำผิดกฎหรือไม่ พวกเขาแค่อยากให้เฉินฝานตาย ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมลวี่เหลียงเจ๋อที่ยืนอยู่บนแท่นรับชม สีหน้าของเขาดูโหดเหี้ยมยิ่งกว่าผู้ชมด้านล่างเขาต้องการให้เจี่ยงหงเหวินชนเฉินฝานจนตาย ไม่อยากรอแม้เพียงวินาทีเดียว“นายท่านจะต้องพลิกแพลงเหตุร้ายให้กลายเป็นปลอดภัยได้เหมือนสองครั้งก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน เขาจะทำแน่นอน เขาจะทำอย่างแน่นอน!”ฉินเย่ว์เจียวปลอบใจน้องสาวที่เอนกายอยู่ข้าง ๆ นาง“พลิกแพลงเหตุร้ายให้กลายเป็นปลอดภัย?”“ฮ่า ๆ!”หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เจียว ชาวบ้านเมืองตูอันที่ไร้ยางอายก็หัวเร
“นายท่าน ระวัง!”“เสี่ยวฝาน ระวัง!”“ปัง!”เสียงลูกศรกระทบกับวัตถุและเสียงของพี่น้องตระกูลฉินดังขึ้นพร้อมกันสายตาของผู้คนนับหมื่นจับจ้องไปที่รถไอน้ำของเฉินฝานบนรถไอน้ำ——ไม่มีเรือนร่างของเฉินฝาน!“เฉินฝานล่ะ?”“อย่าบอกนะว่าเขาถูกลูกศรยิงตกหน้าผาแล้ว”ถึงแม้เฉินฝานสามารถเลี้ยวรถไอน้ำด้วยการวิ่งเข้าโค้งที่จำกัดมาก แต่เขาก็อยู่ไม่ไกลจากหน้าผา“เป็นไปได้สูงมาก ความเร็วของลูกธนูดอกนั้นไม่เหมือนเป็นธนูธรรมดา แต่เหมือนเป็นหน้าไม้กลมากกว่า”“เป็นหน้าไม้กล”มือปราบหลายคนกำลังคุยกัน“หน้าไม้กล?”“ถ้าถูกยิงด้วยหน้าไม้กล ตกลงหน้าผาก็เป็นเรื่องปกติ”“นายท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวพุ่งตัวไปที่หน้าผาดั่งลูกศรที่หลุดจากคันธนู“นายท่าน!”ฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่วิ่งไปที่หน้าผาด้วย“เร็วเข้า!” ลวี่เหลียงเจ๋อโบกมือให้องครักษ์ที่อยู่ข้างตัวเขา“เสี่ยวฝาน!” หลูเฉิงกวงและพวกข้าราชการของอำเภอผิงอันวิ่งไปทางนั้นเช่นกันชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็ตรงไปทางนั้นจำนวนไม่น้อยเพียงครู่เดียว ขอบหน้าผาก็เต็มไปด้วยผู้คน แต่ละคนยืดคอออกไปอย่างยาวและมองลงไปหน้าผาเพื่อหาคน“นายท่าน!”“เสี่ยวฝาน!”เป็น
“ปัง!”เจี่ยงหงเหวินที่พิงเก้าอี้ถูกม้าที่วิ่งอย่างดุเดือดชนจนกระเด็นไปทางเฉินฝานวินาทีที่ร่างของเฉินฝานกับเจี่ยงหงเหวินซ้อนทับกัน“สวบ!”ลูกธนูที่หกแทงเข้าขมับเจี่ยงหงเหวินอย่างจังยังไม่ทันส่งเสียงร้อง เจี่ยงหงเหวินก็เสียชีวิตทันที“ฝั่งตรงข้ามเนินเขานั่น! พาคนไปค้นหาเร็ว!” หลูเฉิงกวงชี้ไปยังจุดที่ลูกธนูพุ่งออกมาและสั่งเหออี๋หมินด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ“นายท่าน!”“หงเหวิน!”คนในครอบครัวของเฉินฝานและคนในครอบครัวของเจี่ยงหงเหวิน ต่างเข้าไปหาพวกเขา ยืนล้อมเขาสองคน ต่างคนต่างอารมณ์ครอบครัวหนึ่งมีความสุข อีกครอบครัวหนึ่งโศกเศร้าพี่น้องตระกูลฉินและครอบครัวของเฉินผิงกอดเฉินฝานและร้องไห้ด้วยความดีใจคนในครอบครัวของเจี่ยงหงเหวินกอดร่างของเขาและร้องไห้โฮผู้ชมต่างตกตะลึงอยู่กับที่ พวกเขามาดูการแข่งขันครั้งนี้ ก็เพื่อมาดูว่าเจี่ยงหงเหวินเอาชนะและฆ่าเฉินฝานอย่างไรไม่คาดคิดเลยว่าเจี่ยงหงเหวินจะแพ้ ไม่เพียงพ่ายแพ้แต่ยังทำผิดกฎอีกด้วยการแข่งขันขับรถม้าและชนคนตาย ชาวบ้านไม่มีการคัดค้านแต่ยังรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ เพราะนั่นเป็นการดวลกันระหว่างผู้ชายแต่เอาชนะด้วยวิธีการใช้ทางลัด ชาวบ้า
“ในการแข่งขันครั้งนี้ เจี่ยงหงเหวินจากอำเอตูทำผิดกฎ เฉินฝานจากอำเภอเมืองผิงอันเป็นผู้ชนะ!”หลังจากขนย้ายร่างของเจี่ยงหงเหวินเสร็จ องครักษ์หลี่ผู้เป็นตัวแทนของใต้เท้าถงจื้อก็ประกาศเสียงดัง“ตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายก่อนหน้านี้ ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหลี่จะถูกส่งคืนให้กับอำเภอตูอัน รวมถึงร้านขายเนื้อสองแห่งที่เป็นของตระกูลติงในอำเภอผิงอัน”ทันทีที่องครักษ์หลี่พูดจบ ลวี่เหลียงเจ๋อก็ก้าวไปข้างหน้า “องครักษ์หลี่ มีผู้ลอบสังหารในสนามแข่ง อำเภอผิงอันไม่มีมาตรการป้องกันด้านความปลอดภัยที่ดีพอ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่เป็นผล!”“ไม่เป็นผล!”“ไม่เป็นผล!”ชาวบ้านอำเภอตูต่างโห่ร้องสนับสุนเมื่ออาจารย์ปู่ของลวี่เหลียงเจ๋อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ยกมือขึ้นตะโกน “อำเภอผิงอัน จงคืนชีวิตนายน้อยเจี่ยงของข้า!”“อำเภอผิงอัน จงคืนชีวิตนายน้อยเจี่ยงของข้า!”“อำเภอผิงอัน จงคืนชีวิตนายน้อยเจี่ยงของข้า!”ชาวบ้านที่มาดูส่วนใหญ่เป็นชาวนาที่ไม่รู้หนังสือ ภายใต้คำกล่าวที่สามารถล้างสมองของลวี่เหลียงเจ๋อและอาจารย์ปู่ของเขา ทำให้ชาวบ้านที่มาดูแต่ไม่ได้มาจากอำเภอตูอันจำหนวนหนึ่งก็เข้าร่วมด้วยเสียงที่
“เฉินฝานสู้ไม่ได้ จึงวางแผนผู้ลอบสังหารฆ่าเจี่ยงหงเหวินผู้มาจากอำเภอตูอัน!”“เฉินฝานต้องชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต ในฐานะผู้ปกครอง นายอำเภออำเภอผิงอันหลูเฉิงกวงต้องรับผิดด้วยการลาออก!”เมื่อความโกรธของชาวบ้านอยู่ในจุดสูงสุด ลวี่เหลียงเจ๋อก็ประกาศวลีสุดท้าย“ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”“หลูเฉิงกวงต้องรับผิดด้วยการลาออก!”อาจารย์ปู่ของเขากล่าวตามทันที เขาหันหน้าเข้าหาชาวบ้านที่โกรธแค้น ยกแขนขึ้นสูงพร้อมตะโกนดังลั่น“ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”“หลูเฉิงกวงต้องรับผิดด้วยการลาออก!”ชาวบ้านอำเภอตูอันกล่าววลีนั้นต่อเฉินฝานและหลูเฉิงกวงอย่างกดดัน“นี่มันกลับขาวเป็นดำไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาต้องการฆ่าเสี่ยวฝาน แต่กลับพูดว่าพวกเราเป็นคนวางแผนผู้ลอบสังหาร!”“ต้องการชีวิตของเสี่ยวฝาน ก็ข้ามร่างของข้าไปก่อนแล้วกัน!”เฉียนลิ่วตะโกนเสียงดังและพุ่งตัวออกไปอยู่ตรงหน้าเฉินฝาน“ข้ามร่างของข้าด้วย!” จูจื้ออันก็ยืนขวางเช่นกัน“ข้าด้วย!”“ข้า!”“ข้า!”พวกชาวบ้านในหมู่บ้านซานเหอที่ช่วยเฉินฝานจับปลาออกไปยืนขวางทุกคนตอนนั้นเฉินฝานเพิกเฉยต่อความเกลียดชังที่เคยมีต่อเขาในสมัยก่อนและให้พวกเขาไปจับปลาโดยบอกว่
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ