“นายท่าน ระวัง!”“เสี่ยวฝาน ระวัง!”“ปัง!”เสียงลูกศรกระทบกับวัตถุและเสียงของพี่น้องตระกูลฉินดังขึ้นพร้อมกันสายตาของผู้คนนับหมื่นจับจ้องไปที่รถไอน้ำของเฉินฝานบนรถไอน้ำ——ไม่มีเรือนร่างของเฉินฝาน!“เฉินฝานล่ะ?”“อย่าบอกนะว่าเขาถูกลูกศรยิงตกหน้าผาแล้ว”ถึงแม้เฉินฝานสามารถเลี้ยวรถไอน้ำด้วยการวิ่งเข้าโค้งที่จำกัดมาก แต่เขาก็อยู่ไม่ไกลจากหน้าผา“เป็นไปได้สูงมาก ความเร็วของลูกธนูดอกนั้นไม่เหมือนเป็นธนูธรรมดา แต่เหมือนเป็นหน้าไม้กลมากกว่า”“เป็นหน้าไม้กล”มือปราบหลายคนกำลังคุยกัน“หน้าไม้กล?”“ถ้าถูกยิงด้วยหน้าไม้กล ตกลงหน้าผาก็เป็นเรื่องปกติ”“นายท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวพุ่งตัวไปที่หน้าผาดั่งลูกศรที่หลุดจากคันธนู“นายท่าน!”ฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์ฉู่วิ่งไปที่หน้าผาด้วย“เร็วเข้า!” ลวี่เหลียงเจ๋อโบกมือให้องครักษ์ที่อยู่ข้างตัวเขา“เสี่ยวฝาน!” หลูเฉิงกวงและพวกข้าราชการของอำเภอผิงอันวิ่งไปทางนั้นเช่นกันชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็ตรงไปทางนั้นจำนวนไม่น้อยเพียงครู่เดียว ขอบหน้าผาก็เต็มไปด้วยผู้คน แต่ละคนยืดคอออกไปอย่างยาวและมองลงไปหน้าผาเพื่อหาคน“นายท่าน!”“เสี่ยวฝาน!”เป็น
“ปัง!”เจี่ยงหงเหวินที่พิงเก้าอี้ถูกม้าที่วิ่งอย่างดุเดือดชนจนกระเด็นไปทางเฉินฝานวินาทีที่ร่างของเฉินฝานกับเจี่ยงหงเหวินซ้อนทับกัน“สวบ!”ลูกธนูที่หกแทงเข้าขมับเจี่ยงหงเหวินอย่างจังยังไม่ทันส่งเสียงร้อง เจี่ยงหงเหวินก็เสียชีวิตทันที“ฝั่งตรงข้ามเนินเขานั่น! พาคนไปค้นหาเร็ว!” หลูเฉิงกวงชี้ไปยังจุดที่ลูกธนูพุ่งออกมาและสั่งเหออี๋หมินด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ“นายท่าน!”“หงเหวิน!”คนในครอบครัวของเฉินฝานและคนในครอบครัวของเจี่ยงหงเหวิน ต่างเข้าไปหาพวกเขา ยืนล้อมเขาสองคน ต่างคนต่างอารมณ์ครอบครัวหนึ่งมีความสุข อีกครอบครัวหนึ่งโศกเศร้าพี่น้องตระกูลฉินและครอบครัวของเฉินผิงกอดเฉินฝานและร้องไห้ด้วยความดีใจคนในครอบครัวของเจี่ยงหงเหวินกอดร่างของเขาและร้องไห้โฮผู้ชมต่างตกตะลึงอยู่กับที่ พวกเขามาดูการแข่งขันครั้งนี้ ก็เพื่อมาดูว่าเจี่ยงหงเหวินเอาชนะและฆ่าเฉินฝานอย่างไรไม่คาดคิดเลยว่าเจี่ยงหงเหวินจะแพ้ ไม่เพียงพ่ายแพ้แต่ยังทำผิดกฎอีกด้วยการแข่งขันขับรถม้าและชนคนตาย ชาวบ้านไม่มีการคัดค้านแต่ยังรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ เพราะนั่นเป็นการดวลกันระหว่างผู้ชายแต่เอาชนะด้วยวิธีการใช้ทางลัด ชาวบ้า
“ในการแข่งขันครั้งนี้ เจี่ยงหงเหวินจากอำเอตูทำผิดกฎ เฉินฝานจากอำเภอเมืองผิงอันเป็นผู้ชนะ!”หลังจากขนย้ายร่างของเจี่ยงหงเหวินเสร็จ องครักษ์หลี่ผู้เป็นตัวแทนของใต้เท้าถงจื้อก็ประกาศเสียงดัง“ตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายก่อนหน้านี้ ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหลี่จะถูกส่งคืนให้กับอำเภอตูอัน รวมถึงร้านขายเนื้อสองแห่งที่เป็นของตระกูลติงในอำเภอผิงอัน”ทันทีที่องครักษ์หลี่พูดจบ ลวี่เหลียงเจ๋อก็ก้าวไปข้างหน้า “องครักษ์หลี่ มีผู้ลอบสังหารในสนามแข่ง อำเภอผิงอันไม่มีมาตรการป้องกันด้านความปลอดภัยที่ดีพอ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่เป็นผล!”“ไม่เป็นผล!”“ไม่เป็นผล!”ชาวบ้านอำเภอตูต่างโห่ร้องสนับสุนเมื่ออาจารย์ปู่ของลวี่เหลียงเจ๋อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ยกมือขึ้นตะโกน “อำเภอผิงอัน จงคืนชีวิตนายน้อยเจี่ยงของข้า!”“อำเภอผิงอัน จงคืนชีวิตนายน้อยเจี่ยงของข้า!”“อำเภอผิงอัน จงคืนชีวิตนายน้อยเจี่ยงของข้า!”ชาวบ้านที่มาดูส่วนใหญ่เป็นชาวนาที่ไม่รู้หนังสือ ภายใต้คำกล่าวที่สามารถล้างสมองของลวี่เหลียงเจ๋อและอาจารย์ปู่ของเขา ทำให้ชาวบ้านที่มาดูแต่ไม่ได้มาจากอำเภอตูอันจำหนวนหนึ่งก็เข้าร่วมด้วยเสียงที่
“เฉินฝานสู้ไม่ได้ จึงวางแผนผู้ลอบสังหารฆ่าเจี่ยงหงเหวินผู้มาจากอำเภอตูอัน!”“เฉินฝานต้องชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต ในฐานะผู้ปกครอง นายอำเภออำเภอผิงอันหลูเฉิงกวงต้องรับผิดด้วยการลาออก!”เมื่อความโกรธของชาวบ้านอยู่ในจุดสูงสุด ลวี่เหลียงเจ๋อก็ประกาศวลีสุดท้าย“ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”“หลูเฉิงกวงต้องรับผิดด้วยการลาออก!”อาจารย์ปู่ของเขากล่าวตามทันที เขาหันหน้าเข้าหาชาวบ้านที่โกรธแค้น ยกแขนขึ้นสูงพร้อมตะโกนดังลั่น“ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”“หลูเฉิงกวงต้องรับผิดด้วยการลาออก!”ชาวบ้านอำเภอตูอันกล่าววลีนั้นต่อเฉินฝานและหลูเฉิงกวงอย่างกดดัน“นี่มันกลับขาวเป็นดำไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาต้องการฆ่าเสี่ยวฝาน แต่กลับพูดว่าพวกเราเป็นคนวางแผนผู้ลอบสังหาร!”“ต้องการชีวิตของเสี่ยวฝาน ก็ข้ามร่างของข้าไปก่อนแล้วกัน!”เฉียนลิ่วตะโกนเสียงดังและพุ่งตัวออกไปอยู่ตรงหน้าเฉินฝาน“ข้ามร่างของข้าด้วย!” จูจื้ออันก็ยืนขวางเช่นกัน“ข้าด้วย!”“ข้า!”“ข้า!”พวกชาวบ้านในหมู่บ้านซานเหอที่ช่วยเฉินฝานจับปลาออกไปยืนขวางทุกคนตอนนั้นเฉินฝานเพิกเฉยต่อความเกลียดชังที่เคยมีต่อเขาในสมัยก่อนและให้พวกเขาไปจับปลาโดยบอกว่
“ปกป้องใต้เท้า ปกป้องใต้เท้า!” ที่ปรึกษาส่วนตัวของลวี่เหลียงเจ๋อหันหลังไปตะโกนเสียงดังองครักษ์และนักว่าการจำนวนมากที่ลวี่เหลียงเจ๋อพามาผสมปนเปไปกับกองกำลังของเฉินฝานพวกเขารีบร้อนถอนกำลังกลับ ในความสับสนอลหม่านก็ชนคนข้างๆ คนพวกนั้นที่ถูกพวกเขาชนก็ไปชนคนอื่นอีกราวกับโดมิโน่ที่ล้มครืนครั้งใหญ่ลูกธนูที่เฉินฝานยิงออกไป ยังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วดูแล้วกะจะยิงให้โดนลวี่เหลียงเจ๋อ“ใต้เท้า!”ลูกน้องลวี่เหลียงเจ๋อตะโกนสุดเสียงจบเห่แล้วหลูเฉิงกวงส่ายหัวไม่หยุด ถ้าเฉินฝานยิงธนูใส่ลวี่เหลียงเจ๋อตาย ก็คือการลอบสังหารขุนนางที่จักรพรรดิแต่งตั้งเอง เขาตายแน่ๆชีวิตแลกด้วยชีวิต!ไม่คุ้มค่าเสียเลยเสี่ยวฝาน เจ้าไม่รู้ถึงความสามารถของตัวเองรึไงกัน?ชีวิตของเจ้ามีค่ากว่าลวี่เหลียงเจ๋อเป็นไหนๆ“อ้าก!”ข้างกายหลูเฉิงกวงมีเสียงกรีดร้องอย่างรุนแรงดังขึ้นต่อสู้กับลวี่เหลียงเจ๋อใกล้จะยี่สิบปีแล้ว ไม่ต้องหันหน้าไปดู ลู่เฉิงกวงก็เลยว่านี่เป็นเสียงลวี่เหลียงเจ๋อหลูเฉิงกวงหลับตาอย่างปวดใจท่านใต้เท้าเอ๋ย ไม่ได้ดูแลรักษาเฉินฝานไว้ให้ดี ข้าน้อยขอโทษท่านด้วยละกัน“อ้าก อ้าก อ้าก!”
คนอำเภอตูอันโต้แย้ง คนอำเภอผิงอันก็สวนกลับทันที“สรุปแล้วก็คือนายอำเภอตูอันของพวกเจ้าขี้ขลาด”“นอกจากกลิ่นปัสสาวะแล้ว ข้ายังได้กลิ่นอุจจาระด้วยนะ”“เจ้าจะบอกว่า... นายอำเภอตูอันนั้นไม่เพียงแต่ฉี่แตกเท่านั้นแต่ขี้แตกด้วย?”“จริงๆแล้วข้าก็ได้กลิ่นเหมือนกัน!”“ตกใจจนฉี่แตกขี้แตก? ต่อจากนี้ก็เรียกเขาว่านายอำเภอขี้แตกกันเถอะ” ราษฎรที่กล้าหาญพูดออกมาเสียแบบนี้ คำพูดของเขาสร้างเสียงหัวเราะอย่างอื้ออึง“นายอำเภอขี้แตก เจ้าตั้งชื่อได้ดีนี่ ฮ่าฮ่า!”“ฮ่าฮ่า!”เผชิญหน้ากับการหัวเราะเยาะเย้ยที่ถาโถมราวกับคลื่นน้ำ คนอำเภอตูอันไม่มีใครกล้าโต้แย้งสักคนเพราะลวี่เหลียงเจ๋อตกใจจนทั้งฉี่ทั้งขี้ทะลักออกมาหมดจริงๆ“นี่ พูดถึงการประลองครั้งนี้ เฉินฝานของอำเภอผิงอันเก่งกาจโคตรๆ คิดดูสิเมื่อครู่ลูกธนูตั้งหลายดอกพุ่งไปหาเขา ท่าทีของเขาก็ยังไม่ลุกลี้ลุกลน ถ้าเป็นข้าล่ะก็ เกรงว่าคงจะถูกยิงใส่จนกลายเป็นเม่นไปแล้ว”“อย่าว่าแต่ธนูเลย ให้ข้าลงสนามล่ะก็ เจี่ยงหงเหวินชนครั้งแรกก็มอดม้วยแล้ว ไม่ต้องรอให้นักฆ่าลงมือ เฉินฝานเทพจริงๆ!”“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย เขาหลบเจี่ยงหงเหวินได้สองครั้ง เทพสุดๆ!”“เฉินฝานเ
“ลวี่เหลียงเจ๋อ!” หลูเฉิงกวงโกรธจนเรียกชื่อจริงของลวี่เหลียงเจ๋อออกมา “เจ้าวางลำดับความสำคัญสลับกันแล้ว ดีชั่วสลับกันไปหมด คนที่นักฆ่าจะสังหารคือเฉินฝาน เห็นได้ชัดเลยว่านักฆ่าพวกเจ้าเป็นคนบงการ”“ฮ่าฮ่า” ลวี่เหลียงเจ๋อหัวเราะดังลั่นอย่างเยือกเย็น “ข้าบงการนักฆ่าในอำเภอผิงอันของเจ้า? เจ้ากำลังจะพูดอีกนัยหนึ่งว่าข้าเก่งกาจ หรือตั้งใจจะชี้ให้เห็นว่าการป้องกันของอำเภอผิงอันหละหลวมเกินไป ปล่อยให้ข้าบงการนักฆ่าได้ง่ายดายเช่นนั้น?”“เจ้าไม่ได้บงการ ไม่หมายความว่าเจี่ยงหงเหวินไม่ได้บงการ เจ้ากับข้าต่างก็รู้ดี ครอบครัวเจี่ยงหงเหวินเป็นมหาเศรษฐี อย่าว่าผู้มากฝีมือแห่งทะเลสาบหูเลย แม้กระทั่งพวกอันธพาล..... ”หลูเฉิงกวงพูดถึงพวกอันธพาล ก็ถูกลวี่เหลียงเจ๋อพูดแทรก “นี่ ใต้เท้าหลู เจ้าพูดได้น่าสนใจดี ถ้านักฆ่าเจี่ยงหงเหวินเป็นคนบงการจริงๆ เช่นนั้นพวกนักว่าการมือปราบในอำเภอผิงอันของพวกเจ้ามีมากมายขนาดนั้น ก็จัดการพ่อค้าคนหนึ่งไม่เลย ปล่อยให้พ่อจัดแจงนักฆ่าเข้ามาในสนามแข่งได้อย่างง่ายดาย?”“..... ” ฝีปากของหลูเฉิงกวงสู้ลวี่เหลียงเจ๋อไม่ได้จริงๆ ประลองไปสองสามยก เขาก็ถูกลวี่เหลียงเจ๋อทำให้โมโหจน
“คิดว่าตัวเองพรสวรรค์เลิศล้ำ เหอะ!” ลวี่เหลียงเจ๋อพ่นลมออกมาอย่างไม่พอใจ “ข้าเป็นขุนนางมาหลายปี เห็นคนมีความสามารถมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เห็นเจอคนที่คุยโวโอ้อวดมากมายเช่นเจ้า“โอ้?” เฉินฝานฉีกยิ้มเบาๆ “ใต้เท้า ท่านไม่เชื่อข้าน้อย เช่นนั้นลองมาทดสอบดูก็ได้”“ทหาร ขับไล่ชาวบ้านหน้าด้านนี่ลงไป!” ลวี่เหลียงเจ๋อไม่ฟังคำพูดของเฉินฝานแม้แต่น้อย เรียกทหารมาเลยเสียอย่างนั้น“ใต้เท้า ท่านก็อย่ารีบร้อนสิ!”ท่ามกลางความอลหม่าน เฉินฝานหลบนักว่าการสองสามคนที่พุ่งมาเพื่อขับไล่เขาลงเวทีได้อย่างคาดไม่ถึงองครักษ์หลี่ที่สังเกตทุกอย่างไม่ได้ปริปากพูดอะไรหรี่ตามององครักษ์หลี่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาเป็นเวลานาน และฝีมือไม่เลวเลย เขามองปราดเดียวก็มองออกว่า ก้าวเท้าไม่กี่ก้าวของเฉินฝานดูเหมือนจะโชคดีถึงหลบนักการได้ แต่จริงๆแล้วมีกลเม็ดอยู่ในนั้นแค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนที่ฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา คนเช่นนี้หลบธนูได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร“ใต้เท้าไม่ให้ข้าทดสอบก็ไม่เป็นไร ข้าน้อยมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ อยากจะถามใต้เท้า นักฆ่าคนนั้นไม่ได้เปิดเผยใบหน้า เขาใช้อะไรยิง พวกเรายิ่งมองไม่เห็นอีก ท่านกับที่ปรึกษาของ
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่