“เจี่ยงหงเหวินจะตกรางวัลเป็นจำนวนห้าร้อยเหรียญ!”“ทำเช่นนี้ได้หรือ ไร้ยางอายสิ้นดี”“เพื่อชัยชนะ ถึงกับต้องใช้วิธีที่ต่ำช้าเพียงนี้”“ไม่ใช่สิ รางวัลนี้นับด้วยหรือ? อีกอย่างคนที่ตกรางวัลให้ก็ยังเป็นเจี่ยงหงเหวินอีก”ในจุดพักม้าเวลานี้ เหล่าขุนนางและพ่อค้าจากอำเภอผิงอันทยอยกันด่าทอพวกเขาเสียงดังด้วยความโกรธเคือง“ลวี่เหลียงเจ๋อ อำเภอตูอันชักจะต่ำช้าเกินไปแล้ว?” หลูเฉิงกวงกล่าวกับลวี่เหลียงเจ๋อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ต่ำช้า?” ท่าทางของลวี่เหลียงเจ๋อยังคงนิ่งสงบเหมือนในตอนแรก ไม่รู้สึกละอายใจสักนิด ทั้งยังลำพองใจมากด้วย “พี่ลวี่ เหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนี้ แขกในร้านต้องมีความสุขหลังจากที่ได้กินอาหารฝีมือเสี่ยวทิงสิ รางวัลห้าร้อยเหรียญ มันน่าแปลกใจตรงไหน”“พี่ลวี่ ได้กินอาหารอร่อย ก็ต้องตกรางวัลให้คนทำไม่ใช่หรือ?”ลวี่เหลียงเจ๋อชำเลืองมองหลูเฉิงกวงและถามกลับหลูเฉิงกวงกลั้วหัวเราะ เขาเคยชินกับสิ่งนี้ ทุกครั้งที่ออกไปกินอาหาร หากเขาได้กินของอร่อย เขาจะตกรางวัลให้กับคนทำอาหารเป็นเศษเงินนิสัยของเขา ใคร ๆ ก็รู้“การแข่งขันในครั้งนี้ เป็นการแข่งขันระหว่างฟางทิงกับเฉินฝาน ฟางทิงได้ราง
“เปลี่ยนวิธีการประลอง?”หลูเฉิงกวงและลวี่เหลียงเจ๋อที่เวลาปกติแข่งกันให้ตายไปข้างหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่พูดพร้อมกัน“ใช่ รอบที่สามก็ประลองแข่งรถม้าแล้วกัน แบบนี้ยุติธรรมกับพวกเจ้าทั้งสองฝ่าย”การแข่งรถม้า เป็นกิจกรรมการแข่งขันที่นิยมชมชอบของราษฎรทั้งรัชสมัยต้าชิ่งตั้งแต่เมืองหลวงลงมายันตำบล ทุกปีทุกที่ก็มีการแข่งรถม้าทั้งนั้น“ได้ แข่งรถม้า ตกลงตามนี้แล้วกัน!”ลวี่เหลียงเจ๋อปริปากก่อน เขาเพิ่งจะพูดจบ เจี่ยงหงเหวินรีบพูดต่อทันที “รอบที่สามข้าจะประลองเอง!”นอกเหนือจากการค้าขายแล้ว เจี่ยงหงเหวินรักการแข่งรถม้าอย่างมาก มักจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยตนเองเสมอ นี่เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไป“ใต้เท้า ข้ารับคำท้าเอง!”ชางเฟยอวี่ที่อยู่ด้านหลังหลูเฉิงกวงลุกตามขึ้นมา เขาก็รักในการแข่งรถม้าเหมือนกับเจี่ยงหงเหวิน และมักจะเข้าร่วมการแข่งขันบ่อยๆ ระดับฝีมือของเขากับเจี่ยงหงเหวินพอๆกันสองรอบก่อนเฉินฝานเฉิดฉายโดดเด่นสุดๆ รอบนี้เขาไม่สามารถปล่อยให้เฉินฝานเฉิดฉายได้อีก“เจ้างั้นรึ?”เจี่ยงหงเหวินยกมุมปากขึ้น“ มิคู่ควร!”“เจ้าว่าไงนะ?”ชางเฟยอวี่จ้องเขม็งเจี่ยงหงเหวินด้วยความโกรธ เจี่ยงหงเหวิน
“ทวดเจ้าสิ!”“เย่ว์เจียว....” เฉินฝานอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้วตามเสียงที่ดุดันงดงาม ทรวดทรงองค์เอวที่งดงามก็ปรากฏต่อหน้าผู้คนเฉินฝานส่ายหัว ฉินเย่ว์เจียวดีทุกอย่าง แต่หุนหันพลันแล่นเกินไป โดยเฉพาะเวลาที่ได้ยินคนพูดจาเสียๆหายๆเกี่ยวกับเขา ราวกับแม่ไก่ตัวน้อยที่โกรธเคือง ปกป้องสามี!ได้ยินพวกเจี่ยงหงเหวินพูดจาให้เขาอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ นางจะทนได้อย่างไร?“ไอ้คนแซ่เจียง ข้าจะแข่งกับเจ้าแทนนายท่านเอง!”“ฮ่าฮ่า!” เจี่ยงหงเหวินหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง เขาชี้ไปทางเฉินฝาน “ว่าเจ้าเป็นไอขี้ขลาดตาขาว เจ้าก็ขี้ขลาดตาขาวจริงๆด้วย คิดไม่ถึงว่าจะให้ผู้หญิงมาแข่งแทนเจ้า!”“ผู้หญิงแล้วมันทำไม หรือไม่เจ้าไม่กล้าแข่งกับข้า?” ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้น พูดอย่างมีความแค้นเคืองเต็มอก“ปัก!” เจี่ยงหงเหวินตบโต๊ะข้างกายอย่างแรง ชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวดุด่าด้วยความโกรธ “ผู้ชายพูดอยู่ เจ้าแหกปากพูดแทรกหาพระแสงอะไร!”“ใต้เท้า!” เจี่ยงหงเหวินหันหน้าไปพูดกับลวี่เหลียงเจ๋อ “ได้โปรดลงโทษนางหญิงวาจาสามหาวคนนี้ด้วยเถอะ”ตามกฎหมายต้าชิ่ง ตอนที่ผู้ชายพูด ผู้หญิงพูดแทรก ผู้ชายต้องถูกไต่สวน โทษเบาถูกโบยไม้
“มีม้าแบบนี้ด้วย?” ฉินเย่ว์โหรวเอียงหัวเล็กน้อย ในความอ่อนโยนก็แฝงไปด้วยความน่ารักเล็กๆเฉินฝานอดไม่ได้ที่จะยีหัวของนาง “มีสิ!”“อยู่ที่ใดกัน? ทำไมข้าไม่เคยเห็น”“อยู่ที่ร้านช่างตีเหล็ก เพิ่งจะทำเสร็จ มันก็แน่อยู่แล้วที่เจ้าจะไม่เคยเห็น”“ร้านช่างตีเหล็ก ทำไมม้าไปอยู่ร้านช่างตีเหล็ก? และยังเพิ่งทำเสร็จ? ม้าเป็นสิ่งที่ทำออกได้งั้นรึ?”ณ ตอนนี้ คนที่ประหลาดใจไม่ได้ทีเพียงฉินเย่ว์โหรวแล้ว ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์ฉู่ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน“แน่นอนว่าได้!” เฉินฝานพูดยืนยันพูดไปแล้วนี่มันเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง!ช่วงปีใหม่ช่วงนั้น อยู่บ้านรู้สึกเบื่อหน่าย เขาวาดของสิ่งหนึ่งขึ้นมาเอาไปให้ช่างตีเหล็กทำ เมื่อวานช่างตีเหล็กไหว้วานให้คนมาบอกเขา ของที่เขาสั่งทำเสร็จเรียบร้อย เขาสามารถไปรับได้ทุกเมื่อในการกลับอำเภอ เฉินฝานไม่ได้รีบร้อนกลับไปที่พักอาศัยปัจจุบันของเขา ทว่าไปหาหลี่ซานที่คุกครั้งนี้คู่ปรับคือเจี่ยงหงเหวินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจี่ยงหงเหวิน เขาได้ยินมาพอสมควร ถ้าไม่ใช่เล่ห์เหลี่ยมจัด ก็ใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมหลี่ซานเคยประมือกับเจี่ยงหงเหวิน เขาอยากไปฟังว่าหลี่ซานจะว่าอย
แรกเข้าวสันตฤดู ครอบครัวมหาเศรษฐีล้วนแต่ต้องซื้อข้าวสารและผ้าพับขนานใหญ่ ดังนั้นทุกครั้งที่เวลาวนมาถึงช่วงนี้ พวกพ่อบ้านของครอบครัวมหาเศรษฐี ล้วนต้องไปเฟ้นหาข้าวสารที่คุณภาพดีจากที่ต่างๆครอบครัวมหาเศรษฐีของหรงตูเทียบไม่ได้กับครอบครัวเหล่านั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีในอำเภอผิงอัน เมื่อพวกเขาซื้อทีหนึ่ง ก็ซื้อข้าวสองสามหาบถึงขั้นซื้อสิบกว่าหาบก็มีข้าวหนึ่งหาบหนึ่งร้อยชั่ง สองสามหาบจนไปถึงสิบกว่าหาบก็คือสองสามร้อยจนไปถึงหนึ่งพันชั่งซื้อผ้าพับอย่างไม่เสียดายเงินยิ่งกว่า ล้วนแต่ซื้อทีละสิบยี่สิบกว่าพับไปแล้วกลุ่มหนึ่ง ก็มาอีกกลุ่มหนึ่งตอนที่คนกลุ่มที่สามมาถึง ข้าวสารและผ้าพับในร้านตระกูลหลี่ก็ไม่พอขายแล้วพวกลูกค้าที่มาจากหรงตูเหล่านั้น เพื่อที่จะแย่งชิงข้าวสารและผ้าจึงเกิดการทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกันในร้านเสียอย่างนั้นหลี่ซานทำได้เพียงออกหน้าไปห้ามปราม ทว่าไม่ได้ผลแม้แต่น้อย หลังจากที่หลี่ซานรับปากว่าจะนำสินค้าเข้ามาเพิ่มให้มากกว่านี้ ลูกค้าเหล่านั้นถึงจะยอมหยุด หลังจากนั้นก็ให้หลี่ซานสัญญาว่าจะนำสินค้าเข้ามาเยอะๆยุ้งฉางโล่งโจ้งแล้ว นอกจากสินค้าที่ต้องส่งให้
ในยุ้งฉางมีสินค้ามีปัญหาขายไม่ออกค้างอยู่จำนวนมาก ลูกค้าจากหรงตูพวกนั้นก็จะให้หลี่ซานชดเชยให้สามเท่าตามกฎอีกในช่วงเวลาสั้นๆหลี่ซานจะชดเชยไหวได้อย่างไร หวังว่าลูกค้าพวกนั้นจะผ่อนผันให้เขาบนโลกนี้จะมีคนพูดง่ายๆแบบนั้นที่ไหนกัน เริ่มแรกลูกค้าพวกนั้นแย่งสินค้ากันอย่างดุดัน ตอนที่พูดดีขนาดไหนตอนนี้ก็พวกเขาก็เร่งเร้าขนาดนั้นยังข่มขู่อีกว่า ถ้าหลี่ซานไม่ชดเชยให้พวกเขาทันที พวกเขาจะไปฟ้องร้องหลี่ซานกับทางราชการ และไม่ใช่ฟ้องร้องกับอำเภอผิงอัน แต่ไปฟ้องร้องกับเจ้าเมืองหรงตูถ้าไปฟ้องร้องที่เจ้าเมืองนั้นชดเชยไม่ไหว หลี่ซานต้องติดคุกแน่นอนความจริงแล้วการติดคุก สำหรับหลี่ซานแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รัชสมัยต้าชิ่งผู้ชายน้อยผู้หญิงเยอะ ตอนนี้เขายังสามารถให้กำเนิดลูก อย่างมากถูกคุมขังปีครึ่งก็ออกมาได้แล้วปัญหาก็คือเมื่อฟ้องร้องไปถึงเจ้าเมืองหรงตูแล้ว ชื่อเสียงการค้าของตระกูลหลี่ก็รักษาไว้ไม่ได้แน่นอนถ้าไม่มีชื่อเสียงการค้า ก็ไม่พูดถึงร้านข้าวสาร แม้แต่หอนางโลมอี๋ชุนย่วน เรือนแขกสำราญสุขก็รักษาไว้ไม่ได้เหมือนกันเพื่อที่จะรวบรวมเงินชดเชยให้เพียงพอ รักษาชื่อเสียงการค้าของตระกูลหลี่เอา
เหตุเพราะเป็นพื้นที่ที่ทั้งสามอำเภอไม่เข้ามาดูแล จึงแทบไม่มีใครสนใจ เจ้าเมืองหรงตูมีคำสั่งปราบโจรหลายครั้ง ทว่าแต่ละอำเภอกลับผลักความรับผิดชอบ มีเพียงหลูเฉิงกวงเท่านั้นที่เคยส่งคนไปปราบโจร มังกรตาเดียวจึงออกปล้นอำเภอผิงอันเป็นประจำหลังจากหลูเฉิงกวงพ่ายแพ้ เจ้าเมืองส่งคนมาปราบโจรด้วยตนเอง แต่ว่าภูเขาวิฬาร์อันตราย ป้องกันง่ายและยากในการโจมตีบวกกับโจรส่วนมากหนีออกมาจากค่ายทหาร พวกโจรเหล่านี้ต่อสู้เก่งและเหี้ยมโหดอย่างมาก กองทหารเข้าปราบโจรสามสี่หนทว่าไม่สำเร็จ“อ่อ!” เฉินฝานลูบศีรษะของตนเอง เผยให้เห็นรอยยิ้มแห้งๆ ประจำตัวของเขา “หลังจากตกหน้าผา ข้าหลงลืมไปหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ต้องสนใจข้า ท่านพูดต่อได้เลย”“ตอนหลัง...” หลี่ซานพูดต่อตอนหลัง เขาเพิ่งรู้ว่า โจรไม่เพียงปล้นภรรยาของเจี่ยงหงเหวินไปได้ แต่ยังรวมถึงภรรยาและลูกสาวของผู้ส่งสินค้าชื่อเสียงในด้านคุณภาพและราคาที่ดีของข้าวสาร เส้นหมี่และผ้าตระกูลหลี่ดังไปถึงหรงตู ทำให้ลูกค้าจำนวนมากของหรงตูแย่งกันซื้อ และนี่ก็เป็นแผนการที่เจี่ยงหงเหวินวางไว้ให้หลี่ซาน ลูกค้าเหล่านี้ แท้จริงแล้วเจี่ยงหงเหวินเป็นคนหามาพวกเขารู้ว่าข้าวสาร เส้
คนที่นั่นไม่มีแนวคิดเรื่องบัณฑิต กสิกร กรรมกรและพ่อค้าวาณิชย์ ทุกคนเท่าเทียบกัน ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ขอเพียงทำด้วยความสามารถของตนเอง คนอื่นก็จะให้ความเคารพหากคนอื่นได้ยิน ต้องหัวเราะแน่ ถึงขั้นหัวเราะเยาะเฉินฝานดื่มหนักจนเพ้อฝันแต่ว่า หลี่ซานไม่เหมือนคนอื่นเขาเชื่อเฉินฝาน เพราะก่อนร่วมงานกับเฉินฝาน เขารู้จักเฉินฝานเป็นอย่างดีเฉินฝานเป็นจอมขี้โกงที่โง่เขลาและขี้เกียจ หลังจากตื่นขึ้นมาจากตกหน้าผา ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่เพียงฉลาดขึ้น แต่ยังทำหลายอย่างที่พวกเขาทำไม่เป็น เป็นอีกด้วยหลี่ซานไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา ไม่เชื่อเรื่องเทพเซียนสิ่งเดียวที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงของเฉินฝานได้ ก็คือเขาในตอนนี้ไม่ใช่เฉินฝานคนนั้นอีกแล้วตอนหลังเฉินฝานบอกกับเขาว่า เฉินฝานจะเข้าร่วมการสอบขุนนางหลี่ซานสนับสนุนเต็มกำลัง ไม่เพียงส่งตำรา พู่กันและหมึกให้เฉินฝานเป็นประจำ ตอนเฉินฝานเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอและระดับมณฑลในอำเภอผิงอัน เขาให้เฉินฝานพักห้องที่แพงที่สุดของเรือนแขกสำราญสุขห้องชั้นสามของเรือนสำราญสุข ความจริงมีทั้งหมดห้าห้อง กลัวอีกสี่ห้องรบกวนเฉินฝาน หลี่ซานถึงกับสั่งให้ผู้ดูแลไม่รับแขกเ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ