“สวรรค์ ท่านสร้างแม่น้ำแล้ว เหตุใดยังต้องสร้างมนุษย์อีก?”“เสี่ยวทิง คำกล่าว....ของเจ้ามันหมายความว่าอย่างไร?”“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ!” ฟางทิงไม่ได้ตอบคำถามของลวี่เหลียงเจ๋อ แต่กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาแทนหลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้ว เขาก็เริ่มพึมพำประโยคที่ว่า “สวรรค์ ท่านสร้างแม่น้ำแล้ว เหตุใดยังสร้างมนุษย์อีก?” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป ฟางทิงก็ยังพูดย้ำอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าลวี่เหลียงเจ๋อหรือคนอื่นจะเรียกเขาอย่างไร เขาก็ไม่ตอบสนองสุดท้ายฟางทิงก็ต้องไปหาหมอหมอบอกว่าฟางทิงทนรับผลกระทบไม่ไหม สมองก็เลยผิดเพี้ยนไปกล่าวได้ว่าฟางถิงเป็นบ้าไปแล้ว!บ้าหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร? หมอกำมะลอ เจ้าเป็นหมอกำมะลอ!”ลวี่เหลียงเจ๋อเตะหมอคนนั้นออกจากห้องไปอย่างรุนแรง“มัวอึ้งทำไม ยังไม่รีบไปเชิญหมอมาอีก!” ลวี่เหลียงเจ๋อตวาดใส่ลูกน้องข้างกาย“ขอรับ ใต้เท้า!” ลูกน้องคนนั้นรีบวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน“ช้าก่อน เจ้าห้ามไปเชิญหมอที่อยู่ในอำเภอผิงอันมาเด็ดขาด กลับไปที่อำเภอตูอันของเรา แล้วเชิญหมอเยี่ยน หมอเหอและหมอหลี่ทั้งหมดมาที่นี่”คนของลวี่เหลียงเจ๋อได้นำพาหมอจำนวนหลายสิบคนจ
เจี่ยงหงเหวินและติงลั่วหันมองลวี่เหลียงเจ๋อพร้อมกันพอไม่ได้หอนางโลมอี๋ชุนย่วน ก็ต้องได้เรือนแขกสำราญสุขและร้านขายเนื้อ เช่นนี้เท่ากับเชือดเนื้อของพวกเขาชัด ๆ พวกเขาจะยอมได้อย่างไรเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ รู้ม่านตาของหลูเฉิงกวงหดลง “ทำไม? ใต้เท้าลวี่ พวกท่านจะผิดสัจจะหรือ?”“ไม่มีทาง ไม่มีทาง!” ลวี่เหลียงเจ๋อโบกมือไปมา “เป็นขุนนาง จะผิดสัจจะได้อย่างไร หากพวกเขาชนะ โฉนดของเรือนแขกสำราญสุขและร้านขายเนื้อจะถูกส่งมอบให้ทันที”หลูเฉิงกวงขมวดคิ้วแน่น “ลวี่เหลียงเจ๋อ ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ทุกคนก็เห็นว่าบ่ายวันนี้เรือนแขกสำราญสุขไม่ได้เงินเลย วันนี้ทั้งวันเค้กของเฉินฝานขายได้จำนวนเงินห้าร้อยสามสิบเก้าเหรียญเงิน รายได้รวมสามวันของเรือนแขกสำราญสุขมีไม่ถึงสามร้อยด้วยซ้ำ แต่รายได้รวมหนึ่งวันของเรานำหน้ารายได้รวมสามวันของเรือนแขกสำราญสุข เช่นนี้ถือว่าพวกเราชนะแล้วไม่ใช่หรือ?”“จากการคำนวณของน้องลวี่ พวกเจ้าชนะ” ลวี่เหลียงเจ๋อคลี่ยิ้มที่ชวนเกลียดชัง“แต่....”สีหน้าของลวี่เหลียงเจ๋อคล้ายกับท้องฟ้าในเดือนหก บอกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนทันที “ใครบอกเจ้า เรือนแขกสำราญสุขมีรายได้รวมสามวันเป็
“เจี่ยงหงเหวินจะตกรางวัลเป็นจำนวนห้าร้อยเหรียญ!”“ทำเช่นนี้ได้หรือ ไร้ยางอายสิ้นดี”“เพื่อชัยชนะ ถึงกับต้องใช้วิธีที่ต่ำช้าเพียงนี้”“ไม่ใช่สิ รางวัลนี้นับด้วยหรือ? อีกอย่างคนที่ตกรางวัลให้ก็ยังเป็นเจี่ยงหงเหวินอีก”ในจุดพักม้าเวลานี้ เหล่าขุนนางและพ่อค้าจากอำเภอผิงอันทยอยกันด่าทอพวกเขาเสียงดังด้วยความโกรธเคือง“ลวี่เหลียงเจ๋อ อำเภอตูอันชักจะต่ำช้าเกินไปแล้ว?” หลูเฉิงกวงกล่าวกับลวี่เหลียงเจ๋อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ต่ำช้า?” ท่าทางของลวี่เหลียงเจ๋อยังคงนิ่งสงบเหมือนในตอนแรก ไม่รู้สึกละอายใจสักนิด ทั้งยังลำพองใจมากด้วย “พี่ลวี่ เหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนี้ แขกในร้านต้องมีความสุขหลังจากที่ได้กินอาหารฝีมือเสี่ยวทิงสิ รางวัลห้าร้อยเหรียญ มันน่าแปลกใจตรงไหน”“พี่ลวี่ ได้กินอาหารอร่อย ก็ต้องตกรางวัลให้คนทำไม่ใช่หรือ?”ลวี่เหลียงเจ๋อชำเลืองมองหลูเฉิงกวงและถามกลับหลูเฉิงกวงกลั้วหัวเราะ เขาเคยชินกับสิ่งนี้ ทุกครั้งที่ออกไปกินอาหาร หากเขาได้กินของอร่อย เขาจะตกรางวัลให้กับคนทำอาหารเป็นเศษเงินนิสัยของเขา ใคร ๆ ก็รู้“การแข่งขันในครั้งนี้ เป็นการแข่งขันระหว่างฟางทิงกับเฉินฝาน ฟางทิงได้ราง
“เปลี่ยนวิธีการประลอง?”หลูเฉิงกวงและลวี่เหลียงเจ๋อที่เวลาปกติแข่งกันให้ตายไปข้างหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่พูดพร้อมกัน“ใช่ รอบที่สามก็ประลองแข่งรถม้าแล้วกัน แบบนี้ยุติธรรมกับพวกเจ้าทั้งสองฝ่าย”การแข่งรถม้า เป็นกิจกรรมการแข่งขันที่นิยมชมชอบของราษฎรทั้งรัชสมัยต้าชิ่งตั้งแต่เมืองหลวงลงมายันตำบล ทุกปีทุกที่ก็มีการแข่งรถม้าทั้งนั้น“ได้ แข่งรถม้า ตกลงตามนี้แล้วกัน!”ลวี่เหลียงเจ๋อปริปากก่อน เขาเพิ่งจะพูดจบ เจี่ยงหงเหวินรีบพูดต่อทันที “รอบที่สามข้าจะประลองเอง!”นอกเหนือจากการค้าขายแล้ว เจี่ยงหงเหวินรักการแข่งรถม้าอย่างมาก มักจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วยตนเองเสมอ นี่เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไป“ใต้เท้า ข้ารับคำท้าเอง!”ชางเฟยอวี่ที่อยู่ด้านหลังหลูเฉิงกวงลุกตามขึ้นมา เขาก็รักในการแข่งรถม้าเหมือนกับเจี่ยงหงเหวิน และมักจะเข้าร่วมการแข่งขันบ่อยๆ ระดับฝีมือของเขากับเจี่ยงหงเหวินพอๆกันสองรอบก่อนเฉินฝานเฉิดฉายโดดเด่นสุดๆ รอบนี้เขาไม่สามารถปล่อยให้เฉินฝานเฉิดฉายได้อีก“เจ้างั้นรึ?”เจี่ยงหงเหวินยกมุมปากขึ้น“ มิคู่ควร!”“เจ้าว่าไงนะ?”ชางเฟยอวี่จ้องเขม็งเจี่ยงหงเหวินด้วยความโกรธ เจี่ยงหงเหวิน
“ทวดเจ้าสิ!”“เย่ว์เจียว....” เฉินฝานอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้วตามเสียงที่ดุดันงดงาม ทรวดทรงองค์เอวที่งดงามก็ปรากฏต่อหน้าผู้คนเฉินฝานส่ายหัว ฉินเย่ว์เจียวดีทุกอย่าง แต่หุนหันพลันแล่นเกินไป โดยเฉพาะเวลาที่ได้ยินคนพูดจาเสียๆหายๆเกี่ยวกับเขา ราวกับแม่ไก่ตัวน้อยที่โกรธเคือง ปกป้องสามี!ได้ยินพวกเจี่ยงหงเหวินพูดจาให้เขาอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ นางจะทนได้อย่างไร?“ไอ้คนแซ่เจียง ข้าจะแข่งกับเจ้าแทนนายท่านเอง!”“ฮ่าฮ่า!” เจี่ยงหงเหวินหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง เขาชี้ไปทางเฉินฝาน “ว่าเจ้าเป็นไอขี้ขลาดตาขาว เจ้าก็ขี้ขลาดตาขาวจริงๆด้วย คิดไม่ถึงว่าจะให้ผู้หญิงมาแข่งแทนเจ้า!”“ผู้หญิงแล้วมันทำไม หรือไม่เจ้าไม่กล้าแข่งกับข้า?” ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้น พูดอย่างมีความแค้นเคืองเต็มอก“ปัก!” เจี่ยงหงเหวินตบโต๊ะข้างกายอย่างแรง ชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวดุด่าด้วยความโกรธ “ผู้ชายพูดอยู่ เจ้าแหกปากพูดแทรกหาพระแสงอะไร!”“ใต้เท้า!” เจี่ยงหงเหวินหันหน้าไปพูดกับลวี่เหลียงเจ๋อ “ได้โปรดลงโทษนางหญิงวาจาสามหาวคนนี้ด้วยเถอะ”ตามกฎหมายต้าชิ่ง ตอนที่ผู้ชายพูด ผู้หญิงพูดแทรก ผู้ชายต้องถูกไต่สวน โทษเบาถูกโบยไม้
“มีม้าแบบนี้ด้วย?” ฉินเย่ว์โหรวเอียงหัวเล็กน้อย ในความอ่อนโยนก็แฝงไปด้วยความน่ารักเล็กๆเฉินฝานอดไม่ได้ที่จะยีหัวของนาง “มีสิ!”“อยู่ที่ใดกัน? ทำไมข้าไม่เคยเห็น”“อยู่ที่ร้านช่างตีเหล็ก เพิ่งจะทำเสร็จ มันก็แน่อยู่แล้วที่เจ้าจะไม่เคยเห็น”“ร้านช่างตีเหล็ก ทำไมม้าไปอยู่ร้านช่างตีเหล็ก? และยังเพิ่งทำเสร็จ? ม้าเป็นสิ่งที่ทำออกได้งั้นรึ?”ณ ตอนนี้ คนที่ประหลาดใจไม่ได้ทีเพียงฉินเย่ว์โหรวแล้ว ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์ฉู่ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน“แน่นอนว่าได้!” เฉินฝานพูดยืนยันพูดไปแล้วนี่มันเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง!ช่วงปีใหม่ช่วงนั้น อยู่บ้านรู้สึกเบื่อหน่าย เขาวาดของสิ่งหนึ่งขึ้นมาเอาไปให้ช่างตีเหล็กทำ เมื่อวานช่างตีเหล็กไหว้วานให้คนมาบอกเขา ของที่เขาสั่งทำเสร็จเรียบร้อย เขาสามารถไปรับได้ทุกเมื่อในการกลับอำเภอ เฉินฝานไม่ได้รีบร้อนกลับไปที่พักอาศัยปัจจุบันของเขา ทว่าไปหาหลี่ซานที่คุกครั้งนี้คู่ปรับคือเจี่ยงหงเหวินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจี่ยงหงเหวิน เขาได้ยินมาพอสมควร ถ้าไม่ใช่เล่ห์เหลี่ยมจัด ก็ใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมหลี่ซานเคยประมือกับเจี่ยงหงเหวิน เขาอยากไปฟังว่าหลี่ซานจะว่าอย
แรกเข้าวสันตฤดู ครอบครัวมหาเศรษฐีล้วนแต่ต้องซื้อข้าวสารและผ้าพับขนานใหญ่ ดังนั้นทุกครั้งที่เวลาวนมาถึงช่วงนี้ พวกพ่อบ้านของครอบครัวมหาเศรษฐี ล้วนต้องไปเฟ้นหาข้าวสารที่คุณภาพดีจากที่ต่างๆครอบครัวมหาเศรษฐีของหรงตูเทียบไม่ได้กับครอบครัวเหล่านั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีในอำเภอผิงอัน เมื่อพวกเขาซื้อทีหนึ่ง ก็ซื้อข้าวสองสามหาบถึงขั้นซื้อสิบกว่าหาบก็มีข้าวหนึ่งหาบหนึ่งร้อยชั่ง สองสามหาบจนไปถึงสิบกว่าหาบก็คือสองสามร้อยจนไปถึงหนึ่งพันชั่งซื้อผ้าพับอย่างไม่เสียดายเงินยิ่งกว่า ล้วนแต่ซื้อทีละสิบยี่สิบกว่าพับไปแล้วกลุ่มหนึ่ง ก็มาอีกกลุ่มหนึ่งตอนที่คนกลุ่มที่สามมาถึง ข้าวสารและผ้าพับในร้านตระกูลหลี่ก็ไม่พอขายแล้วพวกลูกค้าที่มาจากหรงตูเหล่านั้น เพื่อที่จะแย่งชิงข้าวสารและผ้าจึงเกิดการทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกันในร้านเสียอย่างนั้นหลี่ซานทำได้เพียงออกหน้าไปห้ามปราม ทว่าไม่ได้ผลแม้แต่น้อย หลังจากที่หลี่ซานรับปากว่าจะนำสินค้าเข้ามาเพิ่มให้มากกว่านี้ ลูกค้าเหล่านั้นถึงจะยอมหยุด หลังจากนั้นก็ให้หลี่ซานสัญญาว่าจะนำสินค้าเข้ามาเยอะๆยุ้งฉางโล่งโจ้งแล้ว นอกจากสินค้าที่ต้องส่งให้
ในยุ้งฉางมีสินค้ามีปัญหาขายไม่ออกค้างอยู่จำนวนมาก ลูกค้าจากหรงตูพวกนั้นก็จะให้หลี่ซานชดเชยให้สามเท่าตามกฎอีกในช่วงเวลาสั้นๆหลี่ซานจะชดเชยไหวได้อย่างไร หวังว่าลูกค้าพวกนั้นจะผ่อนผันให้เขาบนโลกนี้จะมีคนพูดง่ายๆแบบนั้นที่ไหนกัน เริ่มแรกลูกค้าพวกนั้นแย่งสินค้ากันอย่างดุดัน ตอนที่พูดดีขนาดไหนตอนนี้ก็พวกเขาก็เร่งเร้าขนาดนั้นยังข่มขู่อีกว่า ถ้าหลี่ซานไม่ชดเชยให้พวกเขาทันที พวกเขาจะไปฟ้องร้องหลี่ซานกับทางราชการ และไม่ใช่ฟ้องร้องกับอำเภอผิงอัน แต่ไปฟ้องร้องกับเจ้าเมืองหรงตูถ้าไปฟ้องร้องที่เจ้าเมืองนั้นชดเชยไม่ไหว หลี่ซานต้องติดคุกแน่นอนความจริงแล้วการติดคุก สำหรับหลี่ซานแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รัชสมัยต้าชิ่งผู้ชายน้อยผู้หญิงเยอะ ตอนนี้เขายังสามารถให้กำเนิดลูก อย่างมากถูกคุมขังปีครึ่งก็ออกมาได้แล้วปัญหาก็คือเมื่อฟ้องร้องไปถึงเจ้าเมืองหรงตูแล้ว ชื่อเสียงการค้าของตระกูลหลี่ก็รักษาไว้ไม่ได้แน่นอนถ้าไม่มีชื่อเสียงการค้า ก็ไม่พูดถึงร้านข้าวสาร แม้แต่หอนางโลมอี๋ชุนย่วน เรือนแขกสำราญสุขก็รักษาไว้ไม่ได้เหมือนกันเพื่อที่จะรวบรวมเงินชดเชยให้เพียงพอ รักษาชื่อเสียงการค้าของตระกูลหลี่เอา
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ