เมื่อเฉินฝานรู้สึกตัว ก็พบว่าใบหน้าของตนเองเปียกชุ่มเมื่อครู่นี้ น้ำตาของเขาไหลเจ้าของร่างเดิมเริ่มดูถูกตัวเองหลังจากที่เฉินจินเซียงออกเรือนตอนที่เขายังไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ทุกครั้งที่เฉินจินเซียงกลับมาเรือนพ่อแม่ เจ้าของร่างเดิมจะหลบหน้านางเสมอเขารู้ว่าทำเช่นนั้นไม่ดี เขากลัวว่าเฉินจินเซียงจะผิดหวังในตัวเขาเพราะเมื่อก่อนเฉินฝานก็หลบหน้าเฉินจินเซียงทุกครั้งครั้งนี้เมื่อเฉินจินเซียงกลับมา เฉินฝูก็เรียกแต่เฉินผิง ไม่เรียกเฉินฝานลูกสาวที่ออกเรือนแล้ว ไม่สามารถค้างคืนกับครอบครัวฝ่ายหญิงได้หลังจากกินอาหารเช้าที่เรือนของเฉินเจียงเสร็จ เฉินจินเซียงก็เตรียมกลับเรือนสามีทันทีครั้งนี้เฉินจินเซียงทำตัวผิดปกติเล็กน้อย นางถือของถุงใหญ่เดินเข้าไปในเรือนของเฉินฝานโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของเฉินฝูกับเฉินเจียงเฉินจินเซียงยืนอยู่หน้าเรือนของเฉินฝาน มองดูเรือนใหม่เอี่ยมหลังนี้ นางพลอยตื่นเต้นมากจนร้องไห้และกล่าวพึมพำไม่หยุด“เป็นเรื่องจริง พวกเขาไม่ได้โกหกข้า ฝานเอ๋อร์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ดีขึ้นแล้วจริง ๆ”ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวรีบเดินออกไปต้อนรับและเชิญเฉินจินเซียงเข้
“นายท่าน จะไปไหนเจ้าคะ?”ฉินเย่ว์โหรวตามออกมาจากในห้อง“นายท่าน” ฉินเย่ว์เจียวที่กำลังสับฟืนอยู่ตรงลาน หยุดเฉินฝาน“อ่อใช่!”เฉินฝานใช้โอกาสนี้ดึงฉินเย่ว์เจียว “เย่ว์เจียว เจ้าไปกับข้า”“ไปที่ไหนเจ้าคะ?”“ด้านหลังของภูเขา”“ไปทำอะไรที่นั่นเจ้าคะ?”“ข้าไม่รู้เหมือนกัน แค่ตามข้ามา” เฉินฝานหวังว่าเขาคิดผิดหลังจากนั้นไม่นาน เฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวก็มาถึงทางแยกทางหนึ่ง“นายท่าน ตอนนี้พวกเราไปทางไหนเจ้าคะ?”เฉินฝานเงยหน้าขึ้นมองข้างหน้าทางแยกทั้งสองทาง ล้วนเป็นทางที่ทะลุไปยังภูเขาที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้าน ทางหนึ่งมุ่งหน้าไปตะวันออกและอีกทางหนึ่งมุ่งหน้าไปทางตะวันตก“ที่ที่ข้าตกลงไปในหุบเขา อยู่ทางไหน? พาข้าไปที่นั่นเร็ว!”“นายท่าน เราไปที่นั่นทำไมเจ้าคะ?”“อย่าเพิ่งถาม พาข้าไปที่นั่นเร็วเข้า!”แม้แต่เฉินฝานก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากไปที่นั่นมันเป็นสัญชาตญาณ“นายท่าน ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวพลันหยุดเดินและมองเฉินฝานอย่างประหลาดใจทำไมเขาถึงอยากไปที่นั่น?อยากตกลงไปอีกครั้ง?หากครั้งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วกลายเป็นคนแบบเมื่อก่อน ควรทำอย่างไร?เฉินฝานคนเก่า......
เฉินจินเซียงยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่มีท่าทีจะฟื้นแต่อย่างใดเฉินฝานคอยเฝ้าอยู่ข้างกายของเฉินจินเซียงตลอดชีพจรของนางเต้นอย่างรุนแรง ลมหายใจสม่ำเสมอ น่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรง หากนางผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ก็คงจะฟื้นในที่สุด“เย่ว์เจียว เย่ว์โหรว คืนนี้พวกเจ้าสองคนนอนเป็นเพื่อนท่านอานะ”เฉินฝานกลัวว่าเฉินจินเซียงจะฟื้นขึ้นมากลางดึกแล้วจะฆ่าตัวตายอีกฉินเย่ว์เจียวมีไหวพริบดี นางขัดขวางไม่ให้เฉินจินเซียงทำเรื่องโง่ ๆ ได้แต่นิสัยของฉินเย่ว์เจียวเป็นคนหัวร้อนและบุ่มบ่าม ปลอบคนไม่เป็นและโน้มน้าวใจคนไม่เป็นหากเฉินจินเซียงยังรั้นจะฆ่าตัวตาย ด้วยนิสัยของฉินเย่ว์เจียว นางคงจะใช้กำลังทำให้อีกฝ่ายสลบนางไม่เคยผ่านการฝึกฝน ฝีมือของนางไม่หนักไม่เบาฉินเย่ว์โหรวนั้นแตกต่างจากฉินเย่ว์เจียว นางมีนิสัยอ่อนโยนและละเอียดรอบคอบ น้ำเสียงของนางเบาเล็กและไพเราะน่าฟัง เขาจึงให้นางมาช่วยปลอบประโลมเฉินจินเซียง เหมาะสมที่สุดแล้ว “ข้าก็อยากอยู่กับท่านอาเหมือนกัน”เฉินฝานยังไม่ตอบตกลง ฉินเย่ว์ฉู่ก็รีบปีนขึ้นมาบนเตียงแล้ว“ก็ได้! “ฉินเย่ว์ฉู่ไม่เอ่ย เฉินฝานก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้วบุตรสาวคนโตของฉิน
“อื้อ”ฉินเย่ว์ฉู่เดินออกมาอย่างไม่สบอารมณ์“นี่!” ฉินเย่ว์โหรวส่ายหน้า “ยิ่งอยู่ยิ่งทำตัวไม่เข้าท่า เพราะนายท่านนั่นแหละให้ท้ายนาง”“ใช่หรือ?”“ทำไมจะไม่ใช่.....”“เย่ว์โหรว เข้าเพิ่งทำน้ำแกงเต้าหู้หัวปลา เจ้าจะเรียนวิธีการทำไหม? พรุ่งนี้ข้าจะได้สอนเจ้า”“นายท่าน ท่านเปลี่ยนคำถามอีกแล้ว”“แล้วเจ้าจะเรียนหรือไม่? ข้านับหนึ่ง สอง สาม เจ้าไม่เรียนงั้นก็ช่างเถอะ”“หนึ่ง สอง.......”“เรียน ข้าเรียนอยู่แล้ว!”“เช่นนั้นก็อย่าบ่น”“นายท่าน......” ฉินเย่ว์โหรวแบะปากและขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจท่าทางกระเง้ากระงอนของฉินเย่ว์โหรวทั้งน่ารักทั้งมีเสน่ห์ เฉินฝานอยากจูบนางตอนนี้“แต่วันนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เขายังมีเรื่องสำคัญต้องทำเฉินฝานทำอาหารอีกสองสามอย่างเขาตักน้ำแกงปลาไว้ชามหนึ่ง และวางลงบนจาน“พวกเจ้ากินกันก่อนเถอะ ไม่ต้องรอข้า”เฉินฝานยกน้ำแกงปลาในถาดเดินเข้าห้องด้านข้างไปหลังจากวางน้ำแกงปลาบนโต๊ะข้างเตียงแล้ว เฉินฝานก็นั่งลง จากนั้นก็ก้มมองเฉินจินเซียงที่ยังไม่ฟื้น ก่อนจะกล่าวเบา ๆ “ท่านอา วันนี้ข้าเข้าครัวเองเลยนะ”“ท่านคงจะได้ยินแล้ว ตอนนี้กิจการปลารุ่งเรืองมาก แ
“แต่ เสี่ยวฝาน อาไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ”เฉินจินเซียงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นนางก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดพี่น้องตระกูลฉินที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงก็เตรียมจะวิ่งเข้ามา แต่กลับถูกเฉินฝานขวางไว้เวลานี้การปล่อยให้เฉินจินเซียงร้องไห้อย่างเต็มที่คือทางที่ดีที่สุดแล้ว ระบายความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ในใจออกมาให้หมดหลังจากเฉินจินเซียงหยุดร้องไห้ เฉินฝานก็ไม่ได้ถามอะไรนางอีก เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยกน้ำแกงปลามาให้ตรงหน้าของนาง“ท่านอา ท่านซดน้ำแกงปลาชามนี้ก่อนเถอะ ข้าลงมือทำครั้งแรกเชียวนะ ไม่รู้ว่าทำออกมาแล้วจะอร่อยถูกปากท่านอาหรือไม่ ท่านอาชิมแล้วช่วยแนะนำข้าด้วย”นี่เป็นน้ำแกงปลากับเต้าหู้ชามแรกที่เขาทำหลังจากข้ามเวลามาที่นี่หลังจากซดน้ำน้ำแกงไปได้สองสามคำ เฉินจินฝานก็หยุดชะงัก“ทำไม?” เฉินฝานเริ่มเป็นรกังวล “มันไม่อร่อยใช่หรือไม่?”“ไม่ใช่.....”จู่ ๆ เฉินจินเซียงก็ร้องไห้ออกมา แต่ครั้งนี้นางร้องไห้ด้วยรอยยิ้ม “พี่ชาย พี่สะใภ้ ตอนนี้เฝานเอ๋อร์ดีขึ้นแล้วจริง ๆ พวกท่านวางใจได้แล้วนะ”“นี่ ท่านอา ท่านทำข้าตกใจนะ ข้าจะจะลงโทษท่านด้วยการให้ซดน้ำแกงชามนี้ให้หมด”“ชามเดียวจะไปพออ
หลังจากได้ฟัง เฉินฝานก็รู้สึกถึงบางอย่างไม่ชอบมาพากล“แล้วเมื่อวานที่ท่านอาซื้อของกลับมามากมาย ท่านอาไปเอาเงินมาจากไหน?”เมื่อวานเขาได้ยินชาวบ้านในละแวกนี้พูดกันว่าสิ่งของที่เฉินจินเซียงนำกลับมาครั้งนี้มากกว่าหลายปีที่ผ่านมา“ข้า....” มือทั้งสองข้างที่เฉินจินเซียงปล่อยลงข้างตัวเริ่มประสานกันอีกครั้งนางทั้งอึดอัดใจและกังวลใจในตอนนี้เองเฉินฝานก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าบนศีรษะของนางไม่มีเครื่องประดับสักชิ้นแล้วเป็นถึงภรรยาของตระกูลผู้มั่งคั่ง ไม่มีเครื่องประดับบนศีรษะได้อย่างไร“ท่านอา.....”เฉินฝานพยายามกล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวลที่สุด “ท่านอานำเครื่องประดับเหล่านั้นไปจำนำแล้วใช่หรือไม่?”“ที่ไหนกัน ข้าแค่ไม่ได้ใส่มาเท่านั้น เพราะ.....”“ท่านอา!” เฉินฝานกุมมือของเฉินจินเซียงไว้ และกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าคือเสี่ยวฝานที่ท่านเคยรักมากที่สุด ท่านสามารถเล่าเรื่องที่ท่านกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ให้ข้าฟังได้ ข้าจะช่วยแก้ไขให้ท่านเอง”ช่วยเฉินจินเซียงเท่ากับช่วยให้กายนี้มีคุณค่ามากขึ้น“เสี่ยวฝาน!” นัยน์ตาของเฉินจินเซียงเปล่งประกาย“ขอรับ”เฉินจินเซียงก้มหน้าลง “ข้านำเครื่องประดับของข้าไปจ
เฉินฝานพบกับผู้อาวุโสที่ดูแปลกประหลาดคนหนึ่ง เวลานี้เขากำลังสับสน เพราะเขากำลังยืนแต่งบทกวีบทหนึ่งเฉินฝานเดินทางออกจากหมู่บ้านซานเหอมายังหมู่บ้านต้ากู่กับเฉินจินเซียงในขณะที่พวกเขาเดินทางใกล้ถึงจุดหมายนั้น มีถนนที่ราบเรียบและค่อนข้างกว้างอยู่สายหนึ่งบนถนนสายนี้ เฉินฝานยังไม่เคยผ่านเส้นทางนี้มาก่อน นึกแปลกใจว่าทำไมในอำเภอผิงอันถึงมีถนนที่ดีเช่นนี้ เฉินจินเซียงจึงเล่าความเป็นมาของถนนสายนี้ให้เฉินฝานฟังถนนหลวงคือถนนที่ประชาชนร่วมกันสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อให้เหล่าขุนนางเมืองอื่นที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ให้มาตรวจการได้เดินทางสะดวกยิ่งขึ้น อำเภอผิงอันเป็นอำเภอเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างยากจน โดยทั่วไปแล้วจะมีถนนหลวงที่ไม่ยาวนัก ถนนหลวงที่เฉินฝานเห็นในตอนนี้เป็นเพียงถนนเล็ก ๆ อ้อมอำเภอผิงเมืองเป็นเมืองต้าฟู่และอำเภอตูอัน!ถนนหลวงนั้นแตกต่างกัน ทิวทัศน์สองข้างทางนั้นงดงามกว่าทิวทัศน์ทั่วไปด้านขวางของถนนหลวง มีแม่น้ำต้าเจียงที่ปะปนกับก้อนน้ำแข็งสายหนึ่ง ตรงข้ามแม่น้ำเป็นยอดเขาที่ตัดสลับกันไม่สิ้นสุด ซึ่งบนยอดเขาเหล่านั้นถูกหิมะปกคลุม โดยมีต้นสนยืนต้นตระหง่านอยู่ท่ามกลางสายลม
“ใต้เท้า แต่ถนนเส้นนั้นไม่ใช่ทางหลวง และไม่ผ่านอำเภอตูอันด้วย”“ตอนนี้ข้าไม่ได้ต้องการไปอำเภอตูอัน ไม่ต้องพูดให้มากความ รีบไปได้แล้ว!”“ขอรับใต้เท้า!” คนใช้ก็กระโดดขึ้นรถม้า“จริงสิ!”ผู้เฒ่าเลิกผ้าม่านของรถม้าขึ้น พูดกับคนรับใช้ว่า “เรียกข้าว่าคุณท่าน ไม่ต้องเรียกข้าว่าใต้เท้า!”“ขอรับ คุณท่าน”......“เสี่ยวฝาน!” เฉินจินเซียงเรียกเฉินฝานให้อยู่อย่างกะทันหันบนถนน“ท่านป้าท่านเหนื่อยแล้วใช่ไหม?” เฉินฝานหยุดการกระทำถามไถ่ด้วยความรีบร้อนเฉินจินเซียงส่ายหัวไปอย่างต่อเนื่อง “ถึงแม้ว่าป้าจะไม่เข้าใจบทกลอน ทว่าโคลงกลอนที่เจ้าท่องเมื่อครู่ รู้สึกมันดีจริงๆ เสี่ยวฝานเจ้าเขียนงั้นหรือ?”“ไม่ใช่แต่อย่างใด” เฉินฝานปฏิเสธอย่างรีบร้อน “นี่คือสิ่งที่หลิ่วจงหยวนสมัยราชวงศ์ถังเขียน”เฉินฝานไม่ได้สังเกต ไม่ใกล้จากตัวเขามากนัก มีรถม้าคันหนึ่งตามมา“หลิ่วจงหยวนสมัยราชวงศ์ถัง?”ผู้เฒ่าที่อยู่บนรถ ศีรษะเอียงไปด้านหน้าเล็กน้อย ในสมองค้นหาชื่อหลิ่วจงหยวนนี้“ราชวงศ์ถัง? อาณาจักรใดกัน หลิ่วจงหยวน? เป็นใครกัน?”“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับหลิ่วจงหยวนที่ประพันธ์บทกวีเก่งๆหรือไม่?” กลัวว่าตนเองแก่แล
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ