“ใต้เท้า แต่ถนนเส้นนั้นไม่ใช่ทางหลวง และไม่ผ่านอำเภอตูอันด้วย”“ตอนนี้ข้าไม่ได้ต้องการไปอำเภอตูอัน ไม่ต้องพูดให้มากความ รีบไปได้แล้ว!”“ขอรับใต้เท้า!” คนใช้ก็กระโดดขึ้นรถม้า“จริงสิ!”ผู้เฒ่าเลิกผ้าม่านของรถม้าขึ้น พูดกับคนรับใช้ว่า “เรียกข้าว่าคุณท่าน ไม่ต้องเรียกข้าว่าใต้เท้า!”“ขอรับ คุณท่าน”......“เสี่ยวฝาน!” เฉินจินเซียงเรียกเฉินฝานให้อยู่อย่างกะทันหันบนถนน“ท่านป้าท่านเหนื่อยแล้วใช่ไหม?” เฉินฝานหยุดการกระทำถามไถ่ด้วยความรีบร้อนเฉินจินเซียงส่ายหัวไปอย่างต่อเนื่อง “ถึงแม้ว่าป้าจะไม่เข้าใจบทกลอน ทว่าโคลงกลอนที่เจ้าท่องเมื่อครู่ รู้สึกมันดีจริงๆ เสี่ยวฝานเจ้าเขียนงั้นหรือ?”“ไม่ใช่แต่อย่างใด” เฉินฝานปฏิเสธอย่างรีบร้อน “นี่คือสิ่งที่หลิ่วจงหยวนสมัยราชวงศ์ถังเขียน”เฉินฝานไม่ได้สังเกต ไม่ใกล้จากตัวเขามากนัก มีรถม้าคันหนึ่งตามมา“หลิ่วจงหยวนสมัยราชวงศ์ถัง?”ผู้เฒ่าที่อยู่บนรถ ศีรษะเอียงไปด้านหน้าเล็กน้อย ในสมองค้นหาชื่อหลิ่วจงหยวนนี้“ราชวงศ์ถัง? อาณาจักรใดกัน หลิ่วจงหยวน? เป็นใครกัน?”“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับหลิ่วจงหยวนที่ประพันธ์บทกวีเก่งๆหรือไม่?” กลัวว่าตนเองแก่แล
ตอนที่นางเห็นความเห็นแก่ตัวความไม่แยแสไร้อารมณ์ของเฉินฟู่และเฉินเจียง นางก็แอบเอาข้อสอบมาซ่อนไว้ในแขนเสื้ออย่างลับๆเพราะข้อสอบพวกเขาบีบคั้นนางให้ถึงทางตันเช่นนั้นนางก็พกข้อสอบเดินทางมาด้วย ในฐานะที่เฉินจินเซียงเป็นลูกสาวของเฉินฟู่ พี่สาวของเฉินเจียง นี่เป็นเรื่องที่เคยอกตัญญูกับพวกเขาเพียงเรื่องเดียว “อ๋อ เข้าใจแล้ว” เฉินฝานพยักหน้านี่ก็เป็นของพวกเดียวกันกับพวกหนังสือเตรียมสอบหวงกังมี่ในยุคปัจจุบันหรือ?เฉินฝานก็นึกถึงเสียงตวาดลั่นด้วยความโมโหของเฉินเจียงต่อเฉินจินเซียงเมื่อคืน เพื่อข้อสอบอันนี้ล่ะสิ“ข้อสอบของสำนักบัณฑิตหลี่เสียง?”ผู้เฒ่าที่อยู่บนรถม้าจ้องไปที่ข้อสอบในมือเฉินจินเซียง สายตาไม่เมตตาอ่อนโยนเหมือนครู่อีกต่อไป เป็นสายตาถมึงทึง“คุณท่าน” คนใช้ก็สีหน้าจริงจัง “บอกพวกเขาลงมือหรือไม่”ณ เวลานี้ เฉินจินเซียงยัดข้อสอบใส่ในมือเฉินฝาน “เสี่ยวฝาน เจ้ารีบเอาไป มีสิ่งนี้ต้นฤดูใบไม้ผลิเจ้าต้องเข้าร่วมการสอบขุนนางได้อย่างแน่นอน”เฉินฝานรับข้อสอบมา แม้จะเหลือบมองก็ยังไม่ทำฉีกมันทิ้งในพริบตาเดียวเสียอย่างนั้น“เฮ้ย เสี่ยวฝาน เจ้า...” เฉินจินเซียงตื่นตกใจในขณะเวลาเดียวกั
การสอบถงเซิงของต้าชิ่งสอบแค่ “เถี่ยจิง” กับ “เวิ่นอี้” พูดตรงๆก็คือการท่องจำตำราใครท่องจำตำราได้เยอะก็ยิ่งเก่งกาจดังนั้น เฉินไปเรียนที่สถานศึกษาสิบวัน ก็ได้ยินพวกปัญญาชนที่สถานศึกษาท่องจำตำราพวกนั้นสิบวันความจำของเฉินฝานไม่แย่ ตำราที่พวกปัญญาชนอ่าน เขาท่องจำได้ทั้งหมดแล้ว ตำราที่พวกปัญญาชนยังไม่ได้อ่าน ก็เป็นตำราที่ขายในร้านหนังสือของเขา เขาก็ท่องจำได้ทั้งหมดแล้วเนื่องด้วยปีนี้ผู้ชายมีจำนวนน้อย กำลังทหารด่านชายแดนไม่เพียงพอ ฮ่องเต้ต้าชิ่งออกคำสั่งให้ลดจำนวนปัญญาชนมาจากการสอบขุนนางหลังจากที่หัวหน้าเลขาฝ่ายพิธีการได้รับคำสั่ง ก็เริ่มเพิ่มระดับความยากของข้อสอบขุนนางขนานใหญ่ คือข้อสอบที่ออกนับวันยิ่งเล่ห์เหลี่ยม นับวันยิ่งออกทะเลไปเรื่อยๆตำราที่พวกปัญญาชนต้องท่องจำเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนมากกว่าสิบเท่าความจำของคนมีขีดจำกัด ปัญญาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถท่องจำตำรามากโขเช่นนั้นได้ ดังนั้นการเดาหัวข้อที่สำนักบัณฑิตหลี่เสียงออกเสียงให้แม่นยำเสียหน่อย กลายเป็นสิ่งนิยมชมชอบในหมู่ปัญญาชนรัชสมัยต้าชิ่งทว่ามีคนกลับไม่ชอบสำนักบัณฑิตหลี่เสียงนี้เป็นอย่างมากนั่นก็คือกลุ่มขุนนางของฝ่ายพิธีกา
“เสี่ยวฝาน ด้านหน้าก็คือหมู่บ้านต้ากู่แล้ว”เฉินฝานเงยหน้าทอดสายตาออกไป หมู่บ้านหนึ่งที่ใหญ่หมู่บ้านซานเหอมากกว่าสองเท่าตกกระทบสะท้อนเข้าไปในม่านตาของเขาในหมู่บ้านซานเหอบ้านกระเบื้องอิฐสีดำค่อนข้างน้อย หมู่บ้านต้ากู่กลับมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าหมู่บ้านต้ากู่ไม่เพียงแต่ใหญ่กว่าหมู่บ้านซานเหอเท่านั้น ยังมีมหาเศรษฐีมากกว่าหมู่บ้านซานเหออย่างมหาศาลด้านหน้าหมู่บ้านต้ากู่ เป็นที่นาราบเรียบผืนใหญ่เฉินฝานมองที่นาผืนใหญ่ผืนนั้น ในใจก็อดที่จะรู้สึกอิจฉาอย่างช่วยไม่ได้ที่ดินมากมายขนาดนั้น ไม่ร่ำรวยก็ล้วนเป็นเรื่องทรวงสวรรค์อภัยไม่ได้แล้วตอนที่เลี้ยวเข้าหมู่บ้าน เฉินฝานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเฉินจินเซียงสั่นเทาเล็กน้อย“ท่านป้า หลานอยู่ที่นี้ อย่ากลัวไปเลย”เฉินจินเซียงหันหลังกลับมามองเด็กหนุ่มด้านหลังตนเองเด็กหนุ่มนี่ไม่ซึมเซาแบบที่นางเห็นเมื่อครึ่งปีก่อนอีกแล้วตอนนี้ ร่างกายยืนตรงตระหง่าน แววตาสุกสกาวมีจิตวิญญาณ มีความมุ่งมั่น ท่าทางสง่าผ่าเผยเฉินจินเซียงยิ้มอย่างหมดห่วง “มีเสี่ยวฝานอยู่ ป้าไม่กลัวแล้ว!”“ไปกันเถอะ พวกเราเข้าหมู่บ้านกัน!”......ห่าง
“รถม้าเจ้าก็จงใจทำให้มันตกลงไปในแอ่งน้ำล่ะสิ”ผู้เฒ่าอึ้งอีกครั้ง ความคิดในใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่กว่าเดิมเด็กหนุ่มคนนี้เขาไม่สามารถพลาดไปได้“น้องชายไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆเสียด้วย...”“ว่าไงนะ?” เฉินจินเซียงตกใจกว่าเดิม “พวกเจ้าก็จงใจทำให้รถม้าตกลงไปในแอ่ง?”ผู้เฒ่ายิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย “พวกเราจงใจจริงๆ”“เหตุใดต้องทำเช่นนี้ พูดถึงเรื่องนี้ เหตุใดพวกเจ้าต้องตามพวกเรา?” เฉินจินเซียงสีหน้างุนงง“ข้า พวกข้า...” ผู้เฒ่าติดอ่างเล็กน้อยคนใช้ที่ยืนข้างกายผู้เฒ่า รู้สึกว่าหูของตัวเองมีปัญหามิเช่นนั้น เหตุใดได้ยินผู้เฒ่าติดอ่างคาดไม่ถึงเลยว่าคุณท่านของเขาจะติดอ่างคุณท่านของเขาทว่าทุกวันนี้...“พวกเราหลงทาง”ผู้เฒ่ายังติดอ่าง คนรับใช้ทนไม่ได้ที่จะพูด“ใช่ๆ!” ผู้เฒ่าพยักหน้ารัวๆ “พวกเราหลงทาง ดังนั้นก็ขับตามพวกเจ้ามาตลอดทาง เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าจะเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว ข้าจะเอารถลงไปในแอ่งน้ำ หลังจากที่น้องชายมาช่วยแล้ว ค่อยให้ค่าตอบแทน หวังว่าน้องชายจะพาพวกเราออกจากเส้นทางนี้ได้”“โอ้...เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ?” เฉินฝานกอดอกน้ำเสียงดูไม่ได้ใส่ใจ“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” ผู้เฒ่าไม่กล้าสบตากั
“ยามพูดรู้จักคิดบ้างไหม” ชายชราเตะบ่าวรับใช้บ่าวรับใช้ลูบบั้นท้ายของตนที่ถูกเตะ พูดพึมพำเสียงเบา “ก็เป็นเรื่องจริงหนิ ข้าน้อยพูดผิดหรือ”“ต้องตามติดแบบนั้นแหละ คลาดกันขึ้นมาจะทำอย่างไร?”ชายชราไม่ได้สนใจบ่าวรับใช้อีก เขาเปิดม่านบนรถม้า สายตาจับจ้องไปยังเฉินฝานที่กำลังเดินเข้าเรือนตระกูลหวัง…“นายท่าน ฮูหยิน คุณชาย”เฉินฝานกับเฉินจินเซียงเพิ่งเดินเข้าไปในตระกูลหวัง บ่าวรับใช้ตระกูลหวังก็รีบไปรายงานที่โถงหลักทันที“นายหญิงกลับมาแล้วขอรับ!”“นางกลับมาแล้วหรือ?” หวังหยวนหลงที่กำลังกินถั่วลิสงเงยหน้าขึ้น “ขโมยของในเรือนไป ยังมีหน้ากลับมาอีกหรือ?”“กลับมาก็ดีเหมือนกัน พวกเราจะได้ไม่ต้องส่งใบหย่าไปให้อีก” คำพูดของฮูหยินหวังนางมั่ว ใจจืดใจดำเหมือนกับใบหน้าของนาง“นางกลับมาคนเดียวหรือ?” เทียบกันแล้วน้ำเสียงของหวังเจิ้งเจ๋อคุณท่านตระกูลหวังอ่อนโยนกว่าเล็กน้อย“มีชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบมากับนางหนึ่งคนขอรับ”“เฉินเจียงหรือ?”จิ้งจอกชราเจ้าเล่ห์หวังเจิ้งเต๋อเริ่มวางแผนหากเฉินเจียงมากับเฉินจินเซียง เช่นนั้นสามารถยกเลิกการหย่าร้างกับเฉินจินเซียงมาเป็นข้อต่อรองได้ ให้เฉินเจียงรับปาก
#แรกเริ่ม หลิ่วหรูเยียนได้ยินบ่าวรับใช้บอกว่ามีชายหนุ่มกลับมาพร้อมกับเฉินจินเซียง นางผิดหวังเล็กน้อยเพราะนางคิดว่าเป็นเฉินเจียง หลิ่วหรูเยียนเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก รู้ว่าหวังเจิ้งเต๋อยังคงเห็นความสำคัญของเฉินเจียง ให้เกียรติเฉินเจียงเมื่อเห็นว่าคนที่มาคือเฉินฝานไม่ใช่เฉินเจียง หลิ่วหรูเยียนดีใจมากเฉินจินเซียงหนอเฉินจินเซียง เจ้าช่างโง่เขลายิ่งนัก พาคนไม่เอาถ่านเช่นนี้กลับมา คิดว่าจะช่วยสนับสนุนตนได้ ช่างน่าขันจริงๆ“พี่หญิง เหตุใดยังยืนบื้ออยู่อีก ขืนยังไม่ไป วันนี้เสื้อผ้าไม่แห้งแน่”อนุภรรยาหยามเกียรติภรรยาเอก นี่เป็นความผิดร้ายแรงแต่แม่สามีนางมั่วกลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น นางยังคงรักษาภาพลักษณ์พื้นฐานของแม่สามี เรื่องเลวร้ายที่สุดให้คนอื่นทำ“เจ้าหูหนวกหรือ? ไม่ได้ยินหรือ? รีบไปซัก...”“ไปซักบ้าบออะไร!”เฉินฝานก้าวเท้าฉับๆ เดินไปหา คว้าถ้วยน้ำชาที่วางไว้ข้างหวังหยวนหลวง แล้วราดลงบนศีรษะของหวังหยวนหลง“อ๊าก!”หวังหยวนหลงเงยหน้าขึ้นร้องตะโกนเสียงดัง“ใช้กำลัง มีคนใช้กำลัง” หลิ่วหรูเยียนตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีนางมั่วที่นั่งอยู่ด้านบนตกใจจนพูดไม่ออก“เสี่ยวฝาน” เฉินจินเซียงก็ตก
โถงตระกูลหวัง“โอ๊ย โอ๊ย”ผู้คุ้มกันตระกูล บ้างก็นอนหงาย บ้างก็นอนราบ บ้างก็นอนขดตัว บ้างก็คุกเข่าล้มลงบนพื้น พวกเขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดใบหน้าของผู้คุมกันบนพื้นฟกช้ำดำเขียว แต่เฉินฝานกลับไม่มีสิ่งใดแตกต่างจากตอนที่เพิ่งเดินเข้าตระกูลหวัง ผมเรียบ หายใจเป็นจังหวะเฉินฝานกวาดมองผู้คุ้มกันบนพื้นด้วยแววตาเย็นชา “ยังมีใครคิดจะสู้อีกไหม”ผู้คุ้มกันเหล่านั้น บ้างปิดหน้า บ้างก้มหน้า กลัวทำให้เฉินฝานสนใจ บ้างถึงขั้นเริ่มคลานออกไปข้างนอก“พวกเจ้าทำอะไรอยู่ ตระกูลหวังจ่ายเงินมากมาย เลี้ยงคนไม่เอาไหนอย่างพวกเจ้าเนี่ยนะ? รีบลุกขึ้นมาสู้กันมันเดี๋ยวนี้!”หวังหยวนหลงกุมศีรษะที่ถูกเฉินฝานเอากาน้ำชาฟาดจนเจ็บ ตะคอกผู้คุ้มกันเหล่านั้นแต่เขายิ่งตะคอก ผู้คุ้มกันพวกนั้นยิ่งคลานเร็วขึ้นหวังเจิ้งเต๋อที่อยู่นอกห้องโถงก็พยายามหยุดเช่นเดียวกัน แต่ก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาถูกต่อยตีจนกลัวแล้วจริงๆทุกกระบวนท่าของเฉินฝาน มองดูธรรมดามาก แต่ทุกครั้งที่สัมผัสร่างกายของพวกเขา เจ็บปวดอย่างมาก“ไม่เอาไหน ไม่เอาไหนจริงๆ หนีอะไรฮะ กลับมาเดี๋ยวนี้”เสียงของหวังหยวนหลง ดังก้องในหู น่ารำคาญยิ่งนักเฉินฝานหันหน
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ