โถงตระกูลหวัง“โอ๊ย โอ๊ย”ผู้คุ้มกันตระกูล บ้างก็นอนหงาย บ้างก็นอนราบ บ้างก็นอนขดตัว บ้างก็คุกเข่าล้มลงบนพื้น พวกเขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดใบหน้าของผู้คุมกันบนพื้นฟกช้ำดำเขียว แต่เฉินฝานกลับไม่มีสิ่งใดแตกต่างจากตอนที่เพิ่งเดินเข้าตระกูลหวัง ผมเรียบ หายใจเป็นจังหวะเฉินฝานกวาดมองผู้คุ้มกันบนพื้นด้วยแววตาเย็นชา “ยังมีใครคิดจะสู้อีกไหม”ผู้คุ้มกันเหล่านั้น บ้างปิดหน้า บ้างก้มหน้า กลัวทำให้เฉินฝานสนใจ บ้างถึงขั้นเริ่มคลานออกไปข้างนอก“พวกเจ้าทำอะไรอยู่ ตระกูลหวังจ่ายเงินมากมาย เลี้ยงคนไม่เอาไหนอย่างพวกเจ้าเนี่ยนะ? รีบลุกขึ้นมาสู้กันมันเดี๋ยวนี้!”หวังหยวนหลงกุมศีรษะที่ถูกเฉินฝานเอากาน้ำชาฟาดจนเจ็บ ตะคอกผู้คุ้มกันเหล่านั้นแต่เขายิ่งตะคอก ผู้คุ้มกันพวกนั้นยิ่งคลานเร็วขึ้นหวังเจิ้งเต๋อที่อยู่นอกห้องโถงก็พยายามหยุดเช่นเดียวกัน แต่ก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาถูกต่อยตีจนกลัวแล้วจริงๆทุกกระบวนท่าของเฉินฝาน มองดูธรรมดามาก แต่ทุกครั้งที่สัมผัสร่างกายของพวกเขา เจ็บปวดอย่างมาก“ไม่เอาไหน ไม่เอาไหนจริงๆ หนีอะไรฮะ กลับมาเดี๋ยวนี้”เสียงของหวังหยวนหลง ดังก้องในหู น่ารำคาญยิ่งนักเฉินฝานหันหน
พ่อตา แม่ยาย สามีพร้อมใจขอให้ยกโทษ แต่เฉินจินเซียงกลับเงียบตลอดหลายปีที่ผ่านมานางมองทะลุปรุโปร่งแล้วตระกูลหวังตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ไม่มีใครเชื่อได้สักคนในฐานะจิ้งจอกชราเจ้าเล่ห์ หวังเจิ้งเต๋อย่อมเดาความกังวลของเฉินจินเซียงได้“จินเซียง ข้าให้หยวนหลงเขียนหนังสือรับประกันให้เจ้า ไม่ใช่แค่หยวนหลง ข้าและแม่สามีของเจ้าก็เขียนเช่นเดียวกัน รับประกันว่าหลังจากนี้ตระกูลหวังจะปฏิบัติกับเจ้าและครอบครัวเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน”“นายท่าน!”“ท่านมั่ว!”นางมั่วกับหวังหยวนหลงมองไปทางหวังเจิ้งเต๋อพร้อมกัน พวกนางไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของหวังเจิ้งเต๋อทำดีกับเฉินจินเซียงคนเดียวก็พอแล้ว เหตุใดต้องดึงเอาครอบครัวของนางมาเกี่ยวด้วยโดยเฉพาะคนตรงหน้าอย่างเฉินฝานทั้งจนและเกียจคร้าน เป็นคนไม่เอาไหน อนาคตต้องสร้างปัญหาให้ครอบครัวคนอื่นแน่นอนราวกับหวังเจิ้งเต๋อไม่ได้ยินเสียงภรรยาและลูก เขายังคงพูดต่อ อีกทั้งครั้งนี้เขาพูดกับเฉินฝาน “หนังสือรับประกันนี้แบ่งเป็นสามฉบับ ทั้งข้า หยวนหลง แม่ของหยวนหลงล้วนประทับรอยนิ้วมือ โดยสามฉบับนี้แบ่งเป็นของครอบครัวข้าหนึ่งฉบับ จินเซียงหนึ่งฉบับ ส่วนอีกหนึ่งฉบั
“เร็วเข้า! มิเช่นนั้นไม่ทันแล้ว”เห็นเฉินฝานยืนนิ่ง สีหน้าของเฉินจินเซียงฉายความกระวนกระวาย“หนี? ฮ่าๆ!”หวังหยวนหลงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าคิดว่าเขาหนีรอดหรือ?”“ใครก็ได้! นำกาน้ำชาเข้ามาให้ข้าสักสี่ห้าใบสิ!”เมื่อครู่เฉินฝานตีเขาอย่างไร ประเดี๋ยวเขาก็จะตีเฉินฝานแบบนั้น ทั้งยังจะทวีคูณค่อยๆ ทรมานเขา ไม่ให้เขาตายในทันที“ท่านอา อย่ากลัว”เห็นเฉินจินเซียงกระวนกระวาย เฉินฝานปลอบโยนนาง“อาไม่กลัว แต่อาไม่อยากทำให้เจ้าเดือดร้อน พวกเขาตามปลัดอำเภอมาแน่ๆ ปลัดอำเภอเป็นญาติของหวังหยวนหลง เมื่อครู่เจ้าตี...”เวลานี้เฉินจินเซียงเกลียดตัวเองมาก หากเมื่อวานนางไม่ลังเล รีบกระโดดลงหน้าผา ก็ไม่มีเรื่องวันนี้แล้ว“ปลัดอำเภอ?”“ใช่ เขาคือน้าของข้า!”คนที่ตอบเฉินฝานคือหวังหยวนหลง เขาที่ใบหน้าเปื้อนเลือด มองแล้วโหดเหี้ยมยิ่งนัก “คุกเข่า คุกเข่าขอร้องข้า อื้ม แบบนี้ก็แล้วกัน”หวังหยวนหลงยื่นเท้าออกไปข้างหนึ่ง “เจ้าคุกเข่าขอร้องข้า พร้อมเลียขาข้าให้สะอาด ข้าจะไม่ให้ท่านน้าเอาตัวเจ้าไป”เฉินฝานมองรถม้าที่ยังคงจอดหน้าตระกูลหวังปราดหนึ่งชายชราบนรถม้า สีหน้านิ่งสงบ เมื่อเห็นเฉินฝานมองเขา เข
เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”มือปราบหน้าตาเหี้ยมโหดคนหนึ่ง พูดกับสารถีชรา “เขาเป็นปลัดอำเภอของเรา เจ้ากล้าสั่งให้ใต้เท้าหลีกทางให้ม้าของเจ้าหรือ?”“อ่อ” สีหน้าสารถีชราฉายความตกตะลึง เขามองปลัดอำเภอ “ท่านคือปลัดอำเภอของอำเภอผิงอันหรือ!”ขณะพูด สารถีชราหันไปพูดกับชายชราในรถม้า “นายท่าน เขาคือปลัดอำเภอผิงอันขอรับ!”“สามหาว!”มือปราบคนนั้นตำหนิอีกครั้ง “ในเมื่อรู้ว่าเป็นท่านใต้เท้า ยังไม่รีบเคลื่อนรถม้าของพวกเจ้าไปข้างๆ แล้วลงจากรถม้ามาคุกเข่าคำนับท่านใต้เท้าอีก”ชายชราจับหู “เจ้าพูดอะไร? ข้าฟังไม่ค่อยชัด พูดอีกรอบสิ”“พวกเขาบอกว่า” สารถีชราชี้ไปยังปลัดอำเภอที่นั่งอยู่บนหลังม้า “ท่านผู้นั้นคือปลัดอำเภอผิงอัน ให้พวกเราลงจากรถม้าไปคุกเข่าคำนับขอรับ ท่านว่าพวกเราต้องคุกเข่าหรือไม่?”“อะไรนะ? แพง? แค่จอดรถก็เรียกเงินด้วยหรือ” ชายชราหยิบตราคำสั่งสีทองขึ้นมา ยื่นให้สารถี “เจ้าดูสิว่าพอไหม?”“นายท่าน...” สารถีจ้องมองตราคำสั่งนั่น ลังเลครู่หนึ่ง ค่อยยื่นมือไปรับ“เอ๊ะ!”มือของสารถีเพิ่งสัมผัสตราคำสั่ง ชายชราก็ถอนกลับไป “เจ้านี่ ทั้งที่ตนเองก็มีตราคำสั่งเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”
ปลัดอำเภอเดินไปตรงหน้าชายชรา เสียงอ่อนมาโดยตลอด ทั้งยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้น “นายท่าน ท่านมีอะไรให้รับใช้ขอรับ?”“เจ้าเดินเข้ามาใกล้อีกหน่อย”ไม่รู้ว่าชายชราพูดอะไรกับปลัดอำเภอ เห็นเพียงสีหน้าของปลัดอำเภอแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวหลังจากชายชราสนทนากับปลัดอำเภอจบ หันไปบอกสารถี “เอาตราคำสั่งของเจ้าให้เขา!”“ขอรับ?”สารถีป้องตราคำสั่งที่ห้อยไว้บนเอว “เพราะเหตุใดขอรับ?”“สั่งให้เจ้าให้ก็ให้สิ พูดร่ายยาวจริงๆ”สารถีไม่ค่อยยินดีที่จะให้เท่าใดนัก เขายื่นตราคำสั่งของตนให้ปลัดอำเภอปลัดอำเภอโค้งลำตัว รับตราคำสั่งสีเงินจากสารถีเขาเพิ่งรับตราคำสั่ง หวังเจิ้งเต๋อก็พาคนเดินออกมาจากตระกูลหวังเมื่อเห็นหวังเจิ้งเต๋อ ชายชราส่งสายตาให้อำเภอทันที บอกให้เขาอย่าเอะอะโวยวายสารถีเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งขรึมเมื่อครู่ กลายมาเป็นชายชราต่ำต้อยที่ขับรถม้า“ไอ้แก่นี่ ตาบอดหรืออย่างไร ถึงขี่รถม้ามาจอดหน้าเรือนข้า”ทันทีที่หวังเจิ้งเต๋อมาถึงก็ด่าทอสารถีฉอดๆปลัดอำเภอหันไปอีกทาง เขาไม่กล้ามองภาพนี้จริงๆชายชรามีคำสั่ง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจพูดอะไร“ขอโทษขอรับ ขอโทษขอรับ” สารถีก้มหน้าขอโทษด้วยความอ่อนน้อม “ข้าแก่
“ใต้เท้า!”ปลัดอำเภอเพิ่งเดินเข้าไปในห้องโถง เฉินจินเซียงก็วิ่งไปหาทันที “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าน้อย ไม่เกี่ยวอะไรกับเสี่ยวฝาน ใต้เท้า หากท่านจะจับก็จับข้าน้อยเพียงคนเดียวเถอะเจ้าค่ะ”“นางคนสารเลว ย่อมต้องจับเจ้าอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของท่านใต้เท้าอีก โทษหนักขึ้นอีกหนึ่งขั้น”“ไสหัวไป!”หวังหยวนหลงคว้าตัวเฉินจินเซียง ลากนางไปอีกด้านหนึ่ง“ตึ้ง!”จู่ๆ ถ้วยน้ำชาในมือเฉินฝานก็พุ่งตัวออกไป ฟาดกระทบใบหน้าของหวังหยวนหลง“โอ๊ย โอ๊ย!”หวังหยวนหลงร้องด้วยความเจ็บปวดถ้วยน้ำชาที่ฟาดใบหน้าครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง หวังหยวนหลงล้มลงบนพื้น ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ก่อนหน้านี้ เฉินฝานออมมือ ไม่ได้ใช้ความรุนแรงตอนนี้เขาจะไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาล้มลงนอนบนพื้นก็แล้วกัน“โธ่ หยวนหลง หยวนหลงของแม่” นางมั่ววิ่งเข้าไปหา กอดหวังหยวนหลงแน่น “สวรรค์ ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาจริงๆ”“ใต้เท้า!” หวังเจิ้งเต๋อก็รีบพูดกับปลัดอำเภอเช่นเดียวกัน “เขาทำร้ายคนต่อหน้าท่าน เหิมเกริมกันไปแล้ว ควรจับตัวไปลงโทษขอรับ”ปลัดอำเภอมองหวังเจิ้งเต๋อและครอบครัว “ข้าจะจัดการ”“ใช่ จัดการเดี๋ยวนี้ จัด
“ท่าน ท่าน”หวังหยวนหลงตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน“ญาติผู้น้อง ตอนนี้ญาติผู้พี่ของเจ้าอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว โบยสิบทีมากเกินไปกระมัง โบยครั้งนี้...”“นักการ !”หวังเจิ้งเต๋อยังพูดไม่จบ น้ำเสียงเย็นชาของปลัดอำเภอดังขึ้น “ปิดปากหวังเจิ้งเต๋อกับหวังหยวนหลงซะ”หากไม่ใช่เพราะชายชรามีคำสั่ง ให้ควบคุมสติ เขาสั่งให้คนโบยยี่สิบทีแล้วอีกทั้งไม่ใช่แค่นางมั่ว แต่โบยทั้งตระกูลครอบครัวนี้ เห็นว่าเขายังเสี่ยงถูกปลดจากตำแหน่งไม่มากพอหรือ?เวลานี้ หวังเจิ้งเต๋อรู้สึกถึงความผิดปกติ ชายชราสองคนข้างนอก...น่าเสียดาย เขารู้ตัวช้าไปหวังเจิ้งเต๋อรวมถึงหวังหยวนหลงที่ยังคงลุกไม่ขึ้นถูกปิดปากนางมั่วโดนลงโทษ ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เสียงดังไม่หยุดปลัดอำเภอเดินไปตรงหน้าเฉินฝานอีกครั้ง ประสานสองมือยื่นตราคำสั่งสีเงินให้เขา “เสี่ยวฝาน นายท่านข้างนอกให้ข้าเอาให้เจ้า”“ให้ข้าหรือขอรับ?” เฉินฝานมองตราคำสั่งในมือปลัดอำเภอ ไม่ได้รับไว้ในทันทีชายชราสองคนข้างนอก ร้ายกาจยิ่งนักหรือว่า นี่เป็นหลุมพรางของพวกเขา“ใช่!” ปลัดอำเภอพยักหน้าด้วยความรีบร้อน “นายท่านยังบอกอีกว่า หากวันหน้าเสี่ยวฝานพบเจอปัญหา นำตร
เหล่าสาวใช้และแม่นมของตระกูลหวังต่างเห็นกับตาตอนที่เฉินฝานกับเฉินจินเซียงกลับมา คนในตระกูลหวังยืนอยู่ทุกคนและวางมาดอย่างโอหังแต่เวลาผ่านไปเพียงครึ่งวัน ตอนนี้คนในตระกูลหวังที่อยู่ข้างหน้าเฉินฝานกับเฉินจินเซียง นอนราบอยู่สองคนและยืนอยู่หนึ่งคนหวังเจิ้งเต๋อที่ยืนอยู่ สภาพไม่ได้ดีเท่าไหร่เมื่อนักการในศาลาว่าการปิดปากเขา เขาทำการขัดขืน ภายใต้คำสั่งของปลัด อำเภอนักการในศาลาว่าการจึงทุบตีไปหนึ่งยกอย่างรุนแรง ตอนนี้ใบหน้าและจมูกของเขาทั้งบวมทั้งช้ำหมดสภาพนายท่านแห่งตระกูลหวังดั่งเคยไปอย่างสิ้นเชิงปลัดอำเภอเดินไปอยู่ข้าง ๆ เฉินจินเซียง “ตั้งแต่นี้ไป เมื่อเห็นฮูหยินผู้นี้เสมือนได้เห็นข้า หากไม่เคารพนางก็เท่ากับไม่เคารพข้า!”เดิมทีปลัดอำเภอต้องการยืนข้างเฉินฝานแล้วพูดแต่เฉินฝานมอบป้ายแขวนเอวให้กับเฉินจินเซียง“ท่านอา ท่านบ้าไปแล้วหรือ?”ใบหน้าของหวังหยวนหลงเต็มไปด้วยความตกใจและไม่แปลกใจหากเป็นเช่นนั้น จากนี้ไปเฉินจินเซียงผู้นี้ก็จะอยู่บนหัวเขาน่ะสิ?“เข้ามา หวังหยวนหลงดูหมิ่นข้า โบยยี่สิบที”“ใต้เท้า!”หวังเจิ้งเต๋อคุกเข่าลงกับพื้นดังฟุบ “ตอนนี้หยวนหลงบาดเจ็บเช่นนี้แล้ว โบย
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ