เหล่าสาวใช้และแม่นมของตระกูลหวังต่างเห็นกับตาตอนที่เฉินฝานกับเฉินจินเซียงกลับมา คนในตระกูลหวังยืนอยู่ทุกคนและวางมาดอย่างโอหังแต่เวลาผ่านไปเพียงครึ่งวัน ตอนนี้คนในตระกูลหวังที่อยู่ข้างหน้าเฉินฝานกับเฉินจินเซียง นอนราบอยู่สองคนและยืนอยู่หนึ่งคนหวังเจิ้งเต๋อที่ยืนอยู่ สภาพไม่ได้ดีเท่าไหร่เมื่อนักการในศาลาว่าการปิดปากเขา เขาทำการขัดขืน ภายใต้คำสั่งของปลัด อำเภอนักการในศาลาว่าการจึงทุบตีไปหนึ่งยกอย่างรุนแรง ตอนนี้ใบหน้าและจมูกของเขาทั้งบวมทั้งช้ำหมดสภาพนายท่านแห่งตระกูลหวังดั่งเคยไปอย่างสิ้นเชิงปลัดอำเภอเดินไปอยู่ข้าง ๆ เฉินจินเซียง “ตั้งแต่นี้ไป เมื่อเห็นฮูหยินผู้นี้เสมือนได้เห็นข้า หากไม่เคารพนางก็เท่ากับไม่เคารพข้า!”เดิมทีปลัดอำเภอต้องการยืนข้างเฉินฝานแล้วพูดแต่เฉินฝานมอบป้ายแขวนเอวให้กับเฉินจินเซียง“ท่านอา ท่านบ้าไปแล้วหรือ?”ใบหน้าของหวังหยวนหลงเต็มไปด้วยความตกใจและไม่แปลกใจหากเป็นเช่นนั้น จากนี้ไปเฉินจินเซียงผู้นี้ก็จะอยู่บนหัวเขาน่ะสิ?“เข้ามา หวังหยวนหลงดูหมิ่นข้า โบยยี่สิบที”“ใต้เท้า!”หวังเจิ้งเต๋อคุกเข่าลงกับพื้นดังฟุบ “ตอนนี้หยวนหลงบาดเจ็บเช่นนี้แล้ว โบย
เห็นเฉินฝานเดินออกไปข้างนอก ปลัดอำเภอรีบตามไป "เสี่ยวฝาน เมื่อครู่ได้ยินอาของเจ้าบอกว่า เจ้าเดินมา ข้ามีม้าตัวหนึ่ง เจ้าขี่กลับไปได้"ชายชราสองคนข้างนอกเห็นความสำคัญของเฉินฝานมากขนาดนั้น เขาต้องฉวยโอกาสนี้ตีสนิทเฉินฝานเขาเป็นปลัดอำเภอมานานเกือบยี่สิบปีแล้ว ยังอยู่ที่เดิม เพราะไม่มีเบื้องบนสนับสนุนไม่ใช่หรือ?บางทีเฉินฝานอาจจะเป็นโอกาสในการเลื่อนขั้นของเขาก็ได้"ขอบคุณใต้เท้าขอรับ แต่ว่าข้าขี่ม้าไม่เป็น"เฉินฝานทั้งปฏิเสธและพูดความจริงเขาที่ทะลุมิติมาจากยุคปัจจุบัน ขี่ม้าไม่เป็นจริงๆปลัดอำเภออยากใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อใกล้ชิดกับชายชราสองคนข้างนอก ข้อนี้เฉินฝานรู้ดีไม่ว่าชายชราสองคนข้างนอกจะเป็นใครมาจากไหน เขาไม่อยากรู้ครั้งนี้พวกเขาช่วยตน เช่นนั้นเขาก็จะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ หลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาประสบการณ์ในยุคปัจจุบันบอกกับเขาว่า คนคนหนึ่งอยากอยู่ในสังคมอย่างมั่นคงนั้น สุดท้ายต้องพึ่งตนเองอาศัยคนอื่นไม่ยืนยาว ทั้งยังถูกควบคุม"เช่นนั้นข้าให้คนส่งเจ้ากลับไป หมู่บ้านต้ากู่ไกลจากหมู่บ้านซานเหอ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว เจ
เฉินจินเซียงยังอยากส่งเฉินฝานไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน แต่เฉินฝานปฏิเสธอากาศหนาวจัดและสุขภาพของนางเดิมทีก็ไม่แข็งแรง ก่อนหน้านี้ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายจากตระกูลหวังและมีแผลเปื่อยมากมายที่มือและเท้า“ใช่!”เฉินฝานมองผ่านเฉินจินเซียง สายตาตกอยู่ที่หลิ่วหรูเยียนผู้อยู่ตรงมุมเหมือนนกกระทา“ท่านป้า อย่าใจอ่อนนะขอรับ กลับไปแล้วก็ขายนางทิ้งซะ”เฉินจินเซียงเป็นภรรยาใหญ่ และหลิ่วหรูเยียนเป็นภรรยาน้อยภรรยาคนโตมีสิทธิ์ที่จะขับไล่หรือขายภรรยาน้อยได้“เสี่ยวฝาน หลานวางใจเถิด ข้าจะทำเช่นนั้น” เฉินจินเซียงจ้องหลิ่วหรูเยียนและกล่าวอย่างเกลียดชังหลิ่วหรูเยียนรังแกนางก็มากพอแล้ว แต่กลับกล้ารังแกบุตรสาวของนางด้วย นางไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่“ท่านป้าขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน เย่ว์โหรวและคนอื่น ๆ ยังรอข้าอยู่ที่เรือน”เฉินฝานเพิ่งกล่าวลากับเฉินจินเซียงเสร็จ รถม้าของชายชราก็ขวางตรงหน้าเขาชายชราเปิดม่านหน้าต่างรถม้า เขามองเฉินฝานพร้อมยิ้มกล่าว “เจ้าหนุ่ม ทำธุระเรียบร้อยแล้วรึ”“อืม”เฉินฝานไม่เกรงใจชายชรา เขาตอบอืมเสร็จก็กระโดดขึ้นรถม้าของชายชราทันที“นี่ ทำไมขึ้นรถม้าของข้าล่ะ ข้ายังไม่ไ
“เมื่อครู่นี้ข้าคงพูดไม่ชัดเจนพอ ที่ข้าพูดว่าข้าเก่ง ข้าหมายถึงในราชวงศ์ต้าชิ่งทั้งหมด รวมถึงท่านอ๋อง ผู้ที่มีอายุมากกว่าข้ามีไม่เกินสิบคน”ชายชราพยายามอธิบาย บนใบหน้ามีความวิตกกังวลเล็กน้อย“อ่อ!” สีหน้าของเฉินฝานเปลี่ยนไปและกลายเป็นจริงจัง “ในราชวงศ์ต้าชิ่งทั้งหมด รวมถึงท่านอ๋อง ผู้ที่มีอายุมากกว่าข้ามีไม่เกินสิบคน?”“ใช่ ไม่เกินสิบคน” เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินฝานเปลี่ยนไป ชายชราก็เย่อหยิ่งและเชิดหน้าเฉินฝานยื่นนิ้วโป้งให้ชายชรา “ถ้าเช่นนั้นท่านสุดยอดมาก”หัวข้อสนทนาพลันเปลี่ยนกะทันหัน “แต่มัน ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!”“......” ชายชราเข้ารับราชการเมื่ออายุยี่สิบปี อยู่ในตำแหน่งหลายสิบปีคนประเภทใด สถานการณ์เช่นไร ไม่มีสิ่งใด ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนแต่ทว่า......คนอย่างเฉินฝานเช่นนี้ สถานการณ์แบบนี้เขาไม่เคยเห็นหรือมีประสบการณ์มาก่อนจริง ๆเขาเป็นตัวแทนของอำนาจ เป็นตัวแทนของความมั่งคั่งในโลกนี้ใครไม่รักอำนาจ ไม่รักเงินทอง?อำนาจ เงินทอง คงเป็นเรื่องโกหกหากบอกว่าเฉินฝานไม่รักเพียงแต่ว่าเขามีจิตวิญญาณของคนสมัยใหม่ ความคิดและแนวความคิดของเขาก็แตกต่างจากคนในราชวงศ์ต้าชิ่ง ท้ายท
“เจ้าหนุ่มนั่นล่ะเป็นคนเขียน”“ไม่ใช่ข้าจริง ๆ”“หยุดถ่อมตัวเถอะน่า!”“ข้าไม่ได้ถ่อมตัว”“เจ้าถ่อมตัว”“......” เฉินฝานเพิ่งตระหนักได้ว่า ข้อแก้ตัวของเขาไม่มีประโยชน์“เจ้าหนุ่ม เจ้าสมัครสอบฤดูใบไม้ผลิปีหน้าแล้วหรือยัง?” ชายชราถามเฉินฝานส่ายหัว “ยัง ตอนนี้ข้าไม่อยากสอบเท่าไหร่”“ไม่สอบได้อย่างไรเล่า เจ้าต้องไปสอบ!”ชายชราพลันส่งเสียงดังจนเฉินฝานยังตกใจไม่ใช่แค่เสียงดัง แต่ยังใจร้อนด้วยท่าทางของชายชราทำให้เฉินฝานนึกถึงพ่อในยุคปัจจุบันของเขาตอนที่เรียนมัธยมต้น มีช่วงหนึ่งที่เขาหัวรั้นและไม่อยากไปโรงเรียน พ่อของเขาก็ตะโกนใส่เขาด้วยสีหน้าร้อนใจเช่นนี้: เธอไม่ไปโรงเรียนได้ยังไง? เธอต้องไปเมื่อมาใช้ชีวิตในอีกโลกหนึ่ง พลันมีคนคนหนึ่งเป็นห่วงตนเองเช่นนี้ เฉินฝานรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแต่ทว่า ที่นี่ไม่ใช่ยุคปัจจุบัน เขาไม่ใช่วัยรุ่นสิบกว่าปีเหมือนในตอนนั้นเส้นทางของอนาคตควรเดินอย่างไร เขาจะตัดสินใจเองหากให้เขาทำงานร่วมกับนักเรียนหน้าซื่อใจคดเหล่านั้น เขายอมอยู่ในหมู่บ้านซานเหอไปตลอดชีวิตและใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีความสุขกับภรรยาและลูก ๆ บนเตียงเตาอุ่นยังดีกว่า“ไม่สอบหรอก ไ
“ความจริงแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าก็ได้ ถ้าเจ้าไม่ไปสอบเพราะข้า ราชสำนักของเราสูญเสียผู้มีความสามารถไปหนึ่งคน สิ่งนี้คงทำให้ข้ารู้สึกผิดต่อฝ่าบาทและแผ่นดิน”พอได้แล้ว ๆถึงกระทั่งเล่นละครน้ำเน่าท่านเล่นบทเจ้าน้ำตาได้ คิดว่าข้าทำไม่เป็นรึ“เฮ้อ ข้าน้อยซาบซึ้งในความเอ็นดูของท่านขอรับ สิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้แท้จริงแล้วเพราะข้าเป็นคนใจเสคนใจเซาะ ท่านก่วาะ ท่านอาวุโสขอรับ ข้าพูดความจริงกับท่านแล้วกัน ข้าเป็นแค่คนขายปลา ตัวหนังสือก็เขียนไม่ดี แล้วข้าจะสอบติดขุนนางได้อย่างไร?”“เจ้าหนุ่มช่างพูดเกินไป เจ้าแต่งบทกวีได้ไพเราะถึงเพียงนี้ จะเขียนหนังสือไม่เก่งได้อย่างไร?”“บทกวีที่ข้าพูดไปเหล่านั้นเมื่อครู่นี้ ข้าไม่ได้เป็นผู้ประพันธ์ ข้าพบในหนังสือเล่มหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ แต่ข้าเป็นคนความจำดี หลังจากอ่านแล้วข้าก็ท่องจำได้เลย”“ข้าไม่เชื่อ!”“ไม่เชื่อ เช่นนั้นข้าจะเขียนให้ท่านดู”“เอาไป!”ชายชรายื่นพู่กันให้เฉินฝานเฉินฝานไม่ได้ตั้งใจปิดบังเหมือนกัน เขาเขียนตามปกติครั้งนี้เขาเขียนบทกวีที่มีชื่อว่า 《เหม่อมองยามวสันต์ฤดู》 ของนักกวีตู้ฝู่เฉินฝานวางพู่กันแล้วกล่าว “นี่
“รับทราบขอรับ”“จา!” คนใช้ฟาดแส้ รถม้าพลางวิ่งไปยังอำเภอผิงอันด้วยความรวดเร็วเมื่อผ่านสี่แยกที่เฉินฝานเดิน คนใช้ฉีกยิ้มจิ้งจอกน้อย อย่างไรเสียเจ้าก็สู้จิ้งจอกเฒ่าในรถม้าไม่ได้หรอกเพียงแต่ว่า เขาอยากเห็นผลลัพธ์เช่นนี้หลังจากนี้ เมื่อสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่และตัวเล็กต่อสู้กัน บรรยากาศคงน่าตื่นเต้นมาก……หลังจากกลับจากหมู่บ้านต้ากู่แล้ว ชีวิตของเฉินฝานก็ดำเนินต่อไปเหมือนเดิมเรียบง่ายแต่มีความสุขบางครั้งก็ได้ยินข้างเรือนดุด่าดุด่าเฉินจินเซียงดุด่าว่านางแต่งงานกับครอบครัวที่ดี แต่ลืมครอบครัวที่เลี้ยงดูนาง เป็นเด็กเนรคุณเพราะไม่ว่าเฉินฝูให้คนไปแจ้งเฉินจินเซียงกี่ครั้ง เฉินจินเซียงก็ไม่เคยกลับมาแม้ว่าเฉินฝูไปที่หมู่บ้านต้ากู่ด้วยตนเอง แต่เขาก็ไม่ได้รับสิ่งที่เฉินเจียงต้องการอาจเป็นเพราะสิ่งที่เฉินฝูพูดในหมู่บ้านต้ากู่แย่เกินไป เฉินจินเซียงจึงพูดโดยตรงว่า หลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ นางก็จะไม่กลับมาอวยพรปีใหม่วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าคนทั้งหมู่บ้านซานเหอ ยุ่งมากขึ้นกว่าเดิม ทุกคนต่างเร่งรีบครั้งสุดท้ายภายในเรือนของเฉินฝานก็ไม่ต่างออกไปในวันนี้ สามพี่น้องตระกูลฉินตื่นเ
“ต่อให้กระดาษแก้วตัดของข้าน้อยสวยแค่ไหน ก็มิสู้กลอนคู่ที่นายท่านเขียนเจ้าค่ะ กลอนคู่บทนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของท่าน”“ตราบใดที่ท่านพยายามเต็มที่ แม้เพียงเล็กน้อยในทุก ๆ วัน ข้าน้อยก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างท่าน ติดตามท่านอยู่ข้างหลังและสนับสนุนท่านตลอดไป”เฉินฝานยืนอยู่ด้านข้างฉินเย่ว์โหรว เขามองนางและฟังความคิดของนางอย่างเงียบสงบแท้จริงแล้ว คำพูดของภรรยาไม่ได้รู้สึกน่ารำคาญเสมอไป แต่ยังรู้สึกมีความสุขอีกด้วยหลังจากติดกลอนคู่เสร็จไม่นาน ครอบครัวของเฉินผิงก็มาถึงแล้ววันนี้ทั้งสองครอบครัวกินอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยกันและเฝ้าปีพร้อมกัน เมื่อมีความคึกคักเช่นนี้ บรรยากาศของเทศกาลก็พลอยเข้มข้นไปด้วยเฉินผิงกับภรรยาทำหน้าที่จัดการเนื้อไก่ เป็ดและปลาฉินเย่ว์โหรวกับเฉินต้ายาพาเด็กสองคนด้าข้างทำหน้าที่ห่อเกี๊ยวตอนที่เฉินฝานกลับมาจากหมู่บ้านต้ากู่ เขาเดินผ่านเกษตรกรเลี้ยงแกะจึงซื้อแกะกลับมาหนึ่งตัวเขากับฉินเย่ว์เจียวทำหน้าที่ย่างแกะทั้งตัวนอกจากเฉินฝาน ไม่มีใครเคยเห็นการย่างแกะทั้งตัวผู้ใหญ่ยังคงมีสมาธิและยุ่งอยู่กับงานของตนเอง แต่เด็กสองคนเหนื่อยล้าทนไม่ไหว
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ