แชร์

บทที่ 234

ผู้เขียน: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“เจ้าหนุ่มนั่นล่ะเป็นคนเขียน”

“ไม่ใช่ข้าจริง ๆ”

“หยุดถ่อมตัวเถอะน่า!”

“ข้าไม่ได้ถ่อมตัว”

“เจ้าถ่อมตัว”

“......” เฉินฝานเพิ่งตระหนักได้ว่า ข้อแก้ตัวของเขาไม่มีประโยชน์

“เจ้าหนุ่ม เจ้าสมัครสอบฤดูใบไม้ผลิปีหน้าแล้วหรือยัง?” ชายชราถาม

เฉินฝานส่ายหัว “ยัง ตอนนี้ข้าไม่อยากสอบเท่าไหร่”

“ไม่สอบได้อย่างไรเล่า เจ้าต้องไปสอบ!”

ชายชราพลันส่งเสียงดังจนเฉินฝานยังตกใจ

ไม่ใช่แค่เสียงดัง แต่ยังใจร้อนด้วย

ท่าทางของชายชราทำให้เฉินฝานนึกถึงพ่อในยุคปัจจุบันของเขา

ตอนที่เรียนมัธยมต้น มีช่วงหนึ่งที่เขาหัวรั้นและไม่อยากไปโรงเรียน พ่อของเขาก็ตะโกนใส่เขาด้วยสีหน้าร้อนใจเช่นนี้: เธอไม่ไปโรงเรียนได้ยังไง? เธอต้องไป

เมื่อมาใช้ชีวิตในอีกโลกหนึ่ง พลันมีคนคนหนึ่งเป็นห่วงตนเองเช่นนี้ เฉินฝานรู้สึกประทับใจเล็กน้อย

แต่ทว่า ที่นี่ไม่ใช่ยุคปัจจุบัน เขาไม่ใช่วัยรุ่นสิบกว่าปีเหมือนในตอนนั้น

เส้นทางของอนาคตควรเดินอย่างไร เขาจะตัดสินใจเอง

หากให้เขาทำงานร่วมกับนักเรียนหน้าซื่อใจคดเหล่านั้น เขายอมอยู่ในหมู่บ้านซานเหอไปตลอดชีวิตและใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีความสุขกับภรรยาและลูก ๆ บนเตียงเตาอุ่นยังดีกว่า

“ไม่สอบหรอก ไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 235

    “ความจริงแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าก็ได้ ถ้าเจ้าไม่ไปสอบเพราะข้า ราชสำนักของเราสูญเสียผู้มีความสามารถไปหนึ่งคน สิ่งนี้คงทำให้ข้ารู้สึกผิดต่อฝ่าบาทและแผ่นดิน”พอได้แล้ว ๆถึงกระทั่งเล่นละครน้ำเน่าท่านเล่นบทเจ้าน้ำตาได้ คิดว่าข้าทำไม่เป็นรึ“เฮ้อ ข้าน้อยซาบซึ้งในความเอ็นดูของท่านขอรับ สิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้แท้จริงแล้วเพราะข้าเป็นคนใจเสคนใจเซาะ ท่านก่วาะ ท่านอาวุโสขอรับ ข้าพูดความจริงกับท่านแล้วกัน ข้าเป็นแค่คนขายปลา ตัวหนังสือก็เขียนไม่ดี แล้วข้าจะสอบติดขุนนางได้อย่างไร?”“เจ้าหนุ่มช่างพูดเกินไป เจ้าแต่งบทกวีได้ไพเราะถึงเพียงนี้ จะเขียนหนังสือไม่เก่งได้อย่างไร?”“บทกวีที่ข้าพูดไปเหล่านั้นเมื่อครู่นี้ ข้าไม่ได้เป็นผู้ประพันธ์ ข้าพบในหนังสือเล่มหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ แต่ข้าเป็นคนความจำดี หลังจากอ่านแล้วข้าก็ท่องจำได้เลย”“ข้าไม่เชื่อ!”“ไม่เชื่อ เช่นนั้นข้าจะเขียนให้ท่านดู”“เอาไป!”ชายชรายื่นพู่กันให้เฉินฝานเฉินฝานไม่ได้ตั้งใจปิดบังเหมือนกัน เขาเขียนตามปกติครั้งนี้เขาเขียนบทกวีที่มีชื่อว่า 《เหม่อมองยามวสันต์ฤดู》 ของนักกวีตู้ฝู่เฉินฝานวางพู่กันแล้วกล่าว “นี่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 236

    “รับทราบขอรับ”“จา!” คนใช้ฟาดแส้ รถม้าพลางวิ่งไปยังอำเภอผิงอันด้วยความรวดเร็วเมื่อผ่านสี่แยกที่เฉินฝานเดิน คนใช้ฉีกยิ้มจิ้งจอกน้อย อย่างไรเสียเจ้าก็สู้จิ้งจอกเฒ่าในรถม้าไม่ได้หรอกเพียงแต่ว่า เขาอยากเห็นผลลัพธ์เช่นนี้หลังจากนี้ เมื่อสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่และตัวเล็กต่อสู้กัน บรรยากาศคงน่าตื่นเต้นมาก……หลังจากกลับจากหมู่บ้านต้ากู่แล้ว ชีวิตของเฉินฝานก็ดำเนินต่อไปเหมือนเดิมเรียบง่ายแต่มีความสุขบางครั้งก็ได้ยินข้างเรือนดุด่าดุด่าเฉินจินเซียงดุด่าว่านางแต่งงานกับครอบครัวที่ดี แต่ลืมครอบครัวที่เลี้ยงดูนาง เป็นเด็กเนรคุณเพราะไม่ว่าเฉินฝูให้คนไปแจ้งเฉินจินเซียงกี่ครั้ง เฉินจินเซียงก็ไม่เคยกลับมาแม้ว่าเฉินฝูไปที่หมู่บ้านต้ากู่ด้วยตนเอง แต่เขาก็ไม่ได้รับสิ่งที่เฉินเจียงต้องการอาจเป็นเพราะสิ่งที่เฉินฝูพูดในหมู่บ้านต้ากู่แย่เกินไป เฉินจินเซียงจึงพูดโดยตรงว่า หลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ นางก็จะไม่กลับมาอวยพรปีใหม่วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าคนทั้งหมู่บ้านซานเหอ ยุ่งมากขึ้นกว่าเดิม ทุกคนต่างเร่งรีบครั้งสุดท้ายภายในเรือนของเฉินฝานก็ไม่ต่างออกไปในวันนี้ สามพี่น้องตระกูลฉินตื่นเ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 237

    “ต่อให้กระดาษแก้วตัดของข้าน้อยสวยแค่ไหน ก็มิสู้กลอนคู่ที่นายท่านเขียนเจ้าค่ะ กลอนคู่บทนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของท่าน”“ตราบใดที่ท่านพยายามเต็มที่ แม้เพียงเล็กน้อยในทุก ๆ วัน ข้าน้อยก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างท่าน ติดตามท่านอยู่ข้างหลังและสนับสนุนท่านตลอดไป”เฉินฝานยืนอยู่ด้านข้างฉินเย่ว์โหรว เขามองนางและฟังความคิดของนางอย่างเงียบสงบแท้จริงแล้ว คำพูดของภรรยาไม่ได้รู้สึกน่ารำคาญเสมอไป แต่ยังรู้สึกมีความสุขอีกด้วยหลังจากติดกลอนคู่เสร็จไม่นาน ครอบครัวของเฉินผิงก็มาถึงแล้ววันนี้ทั้งสองครอบครัวกินอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยกันและเฝ้าปีพร้อมกัน เมื่อมีความคึกคักเช่นนี้ บรรยากาศของเทศกาลก็พลอยเข้มข้นไปด้วยเฉินผิงกับภรรยาทำหน้าที่จัดการเนื้อไก่ เป็ดและปลาฉินเย่ว์โหรวกับเฉินต้ายาพาเด็กสองคนด้าข้างทำหน้าที่ห่อเกี๊ยวตอนที่เฉินฝานกลับมาจากหมู่บ้านต้ากู่ เขาเดินผ่านเกษตรกรเลี้ยงแกะจึงซื้อแกะกลับมาหนึ่งตัวเขากับฉินเย่ว์เจียวทำหน้าที่ย่างแกะทั้งตัวนอกจากเฉินฝาน ไม่มีใครเคยเห็นการย่างแกะทั้งตัวผู้ใหญ่ยังคงมีสมาธิและยุ่งอยู่กับงานของตนเอง แต่เด็กสองคนเหนื่อยล้าทนไม่ไหว

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 238

    นางเจิ้งโบกมือให้ฉินเย่ว์ฉู่อย่างมีความสุข “เย่ว์ฉู่ ลุงกับป้าก็มีเงินปีใหม่ให้เจ้าเช่นกัน”ฉินเย่ว์ฉู่มองนางเจิ้งอย่างไม่กล้าเดินเข้ามา“ท่านป้าให้ เจ้าก็รับไว้เถอะ”ทันทีที่เฉินฝานพูดจบ ฉินเย่ว์ฉู่ก็วิ่งเตาะแตะเข้ามา“ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ ปีใหม่นี้ขอให้ท่านลุงกับท่านป้าสุขภาพแข็งแรง ทุกสิ่งสมปรารถนา ร่ำรวยเงินทองเจ้าค่ะ!”“ท่านแม่ ทำไมถึงมอบให้แต่พี่เย่ว์ฉู่ล่ะเจ้าคะ ไม่มีของข้าหรือเจ้าคะ?” เอ้อร์ยาทำหน้าบูดบึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“ยัยเด็กคนนี้ จะไม่มีของเจ้าได้อย่างไรเล่า” นางเจิ้งหยิบเงินปีใหม่ออกมาอีกสองอันจากกระเป๋าเสื้อ “อ่ะ นี่คือของพ่อและแม่……”นางเจิ้งยังพูดไม่จบ เงินปีใหม่ในมือถูกเอ้อร์ยาเอาไปเรียบร้อย “ขอบคุณท่านพ่อ ขอบคุณท่านแม่!”“ต้ายา มีของเจ้าเหมือนกันนะ”“ขอบคุณท่านพ่อ ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ!” เฉินต้ายาแสดงสีหน้าเขินอาย“อย่ามัวแต่ขอบคุณพวกเราอีกเลย พวกเจ้าสองพี่น้องควรขอบคุณพี่เสี่ยวฝานมากที่สุด หากไม่มีพี่เสี่ยวฝานของเจ้า พวกเราจะมีเงินปีใหม่มอบให้พวกเจ้าได้อย่างไร?”“เสี่ยวฝาน ขอบคุณนะ!” เฉิงผิงที่เงียบมาตลอด กล่าวขอบคุณเฉินฝานด้วยใบหน้าซาบซึ้งใจอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 239

    วันนี้ลมแรงและหนาวเป็นพิเศษเฉินฝานยกมือขึ้นปัดผมที่กระจัดกระจายบนใบหน้าของฉินเย่ว์เจียวออกไปทันใดนั้นใบหน้าแดงก่ำของฉินเย่ว์เจียวก็แสดงขึ้นต่อหน้าเฉินฝานไม่ได้หน้าแดง แต่แดงเพราะความเย็นเฉินฝานมองแล้วเอ็นดูมาก เขาจึงถอดหมวกออกแล้วสวมให้ฉินเย่ว์เจียวขณะที่จัดหมวกบนหัวของฉินเย่ว์เจียว เขาพลางสั่ง “วันนี้หนาวเกินไป เจ้าไม่ต้องรออยู่ที่นี่ กลับไปก่อนแล้วกลับมาอีกทีหลังเลิกเรียนนะ”“อืม ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะนายท่าน”ฉินเย่ว์เจียวผู้มีกล่องเสียงใหญ่ เสียงพูดในเวลานี้เบาดุจเสียงลูกแมวแม้ว่าปกตินางดูเป็นคนเรื่อยเฉื่อย แต่ในเรื่องของชายหญิง นางมีความเขินอายมากกว่าฉินเย่ว์โหรวอีกมีภรรยาของปัญญาชนมากมายอยู่ใกล้ ๆ และพวกเขากำลังมองมา“อันธพาลมาร่ำเรียน ก็ยังเป็นอันธพาลไม่เปลี่ยน ไม่รู้จักกาลเทศะเอาซะเลย”“ต่อหน้าสาธารณชน ทำตัวหนุงหนิงอย่างนั้น ช่างหน้าไม่อายเสียจริง”“มันไร้ยางอายจริง ๆ เห็นว่าตนเองมีรูปลักษณ์ที่ดีหน่อยงั้นรึ? ไม่มองสักหน่อยเลยหรือว่าที่นี่คือที่ไหน”“ใช่ นางคิดว่านางมีความสุขนั้นหรือ นั่นขัดต่อศีลธรรมต่างหาก”ผู้หญิงเหล่านั้นภายนอกเหมือนดูถูก แต่ความจริงในใจนั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 240

    เฉินฝานหันกลับไปพบว่าเป็นเฉียนหย่งเหนียน“คำพูดพวกนั้น เจ้าอย่าเอามาใส่เลยนะ”“พี่หย่งเหนียนไม่ต้องกังวล ข้าไม่เก็บใส่ใจหรอก ปากอยู่บนตัวผู้อื่น ข้าคงปิดปากพวกเขาไม่ได้หรอก”“เจ้าคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว”ขณะที่เฉียนหยงเหนียนพูด เขาพลางหยิบพู่กันด้ามใหม่ออกมาจากกระเป๋าไม้ไผ่แล้วมอบให้เฉินฝาน “อ่ะ นี่คือของขวัญปีใหม่สำหรับเจ้า”เฉินฝานรีบผลักมือของเฉียนหย่งเหนียนออกไป “พี่หย่งเหนียน วันก่อนพี่ก็ให้ของขวัญมากมายแก่ข้าแล้ว ข้ารับไม่ได้แล้วจริง ๆ”“สองสามวันก่อนนั่นพ่อข้าเป็นคนเตรียมให้เจ้า ตอนนี้เป็นของที่ข้าให้เจ้า”“พี่หย่ง......”“รับไปเถอะ อาจารย์มาแล้ว”ทันทีที่อาจารย์เฉียนมาถึง สถานศึกษาที่คึกคักในตอนแรกพลันเงียบลงทันใดเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา วันแรกของการเปิดเรียน คือการคุกเข่านมัสการนักบุญหลีหลังจากบูชานักบุญเสร็จ อาจารย์เฉียนก็ประกาศเรื่องหนึ่งต่อทันทีนายอำเภอเพิ่งออกคำสั่งหนึ่งฉบับ ปัญญาชนที่อยู่ในรายชื่อปีนี้ทุกคนต้องเข้ารับการสอบขุนนางเหตุผลก็คือจำนวนผู้เข้ารับการสอบขุนนางในอำเภอผิงอัน ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอำเภออื่นต้องการเข้าร่วมการสอบ แต่จ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 241

    เฉินเจียงในวันนี้แต่งกายด้วยชุดชิงจินตัวใหม่ ชุดของเขาช่วยทำให้เขาดูสง่างามมากเป็นพิเศษเขาเดินมาตรงหน้าของเฉินฝานด้วยท่าทีอ่อนโยนและมีเมตตาเหมือนกับที่เขาแสดงกับท่านอา“เสี่ยวฝาน หากเจ้ายังมีสิ่งใดไม่เข้าใจหรือไม่รู้คำไหน เจ้ามาถามข้าที่บ้านได้ ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้กับเจ้า”“นี่เป็นการสอบครั้งแรกของเจ้า หากสอบไม่ผ่านย่อมเป็นเรื่องปกติ เจ้าเพิ่งศึกษาได้ไม่นาน สอบได้ที่สุดท้ายก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเจ้าอย่าได้กดดันตัวเองมากเกินไป”การสอบยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ เฉินเจียงกลับเอ่ยปลอบใจแล้วเขาคิดว่าเฉินฝานคงสอบไม่ผ่าน และคงจะรั้งท้ายของห้อง“เสี่ยวฝาน!”เฉียนหย่งเหนียนเดินมาตรงหน้าของเฉินฝาน “อย่ากลัว!ในห้องเรียนยังมีอีกหลายคนที่เหมือนกับเจ้า ทุกคนต่างก็สอบกันเป็นครั้งแรก แม้แต่เฉินเจียงอาของเจ้าก็ยังสอบเป็นครั้งแรก”เฉินเจียงสะบัดแขนเสื้อ เอามือไพล่หลัง และกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ข้าไม่เหมือนกับคนอื่น การสอบในฤดูใบไม้ผลิ สำหรับข้ามันเป็นเรื่องง่าย”“ข้าเองก็คิดว่าเฉินเจียงทำได้”“ใช่ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนพระคัมภีร์หรือถามตอบ เฉินเจียงโดดเด่นมากอยู่แล้ว”“ส่วนตัวข้าคิดว่าเฉินเจ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 242

    “ไอหยา!” ชาวบ้านเหล่านั้นต่างพากันปรบมือและกระทืบเท้า “ข้าวิ่งมาตรงหน้าของพวกเจ้าขนาดนี้แล้ว นั่นหมายความคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่จะต้องเป็นภรรยาของพวกเจ้าแน่นอน”“ว่าอย่างไรนะ? นังแพศยาของพวกข้าทะเลาะกันเองอย่างนั้นหรือ? สหายข้า สายตาของเจ้าไม่ได้มีปัญหาใช่หรือไม่ เจ้าไม่ได้ดูผิดไปใช่หรือไม่?”สวีจื่อหมิงเอ่ยขึ้น เขาเหมือนกับเฉินเจียง พวกเขาสองคนเป็นคนหน้าซื่อใจคดอย่างยิ่งต่อหน้าคนข้างนอก พวกเขามักจะเป็นคนสุภาพและมีเมตตาแต่สิ่งเดียวที่เขามักจะขอกับภรรยาของเขานั้นก็คือ อย่าทำลายภาพลักษณ์ของเขาหากเขารู้สึกว่าภรรยากำลังทำลายภาพลักษณ์ของเขา เขายินดีทิ้งนางทันทีเพราะเหตุผลนี้ ภายในระยะเวลาสามปี เขาทิ้งภรรยาคนเก่าไปแล้วห้าคนหลังจากทิ้งแล้ว เขาก็ตรงไปรับภรรยาคนใหม่จากที่ว่าการทันทีความจริงแล้วเขาตั้งใจทำเช่นนี้ เพราะเขาสามารถหาภรรยาคนใหม่ได้จากที่ว่าการคนที่เขาพามาวันนี้คือภรรยาที่เขาเพิ่งไปพาตัวกลับมาจากที่ว่าการเมื่อปลายปีที่แล้ว และเข้ามาในบ้านของเขาไม่ถึงสามเดือน “ใช่ เจ้าคงจะมองผิดไป ภรรยาของพวกเราจะทะเลาะกันได้อย่างไร พวกนางไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา”เหล่าปัญญาชนทยอยกันค

บทล่าสุด

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1022

    ลักพาตัวอ๋องแคว้นจ้าวต่อหน้าต่อตาองครักษ์หนึ่งหมื่นกว่าคน และยังสามารถทำให้เขายอมถอยทัพแต่โดยดี จะต้องมิใช่การประเมินศัตรูต่ำไปเพียงอย่างเดียวแน่นอนใต้เท้าด้านนอกผู้นั้นจะต้องมีวรยุทธ์และสติปัญญาเหนือมนุษย์เป็นแน่ได้ยินว่า เขามีสิ่งของที่เป็นเหล็กปลายแหลมสามารถโจมตีได้ น่าหวาดกลัวอย่างมาก สามารถต่อกรกับศัตรูจำนวนมหาศาลได้ด้วยตัวคนเดียวดังนั้น เฉินฝานต้องมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมจึงมาเยือนต่อให้มิมีความมั่นใจว่าจะชนะได้ ทว่าพวกเขาก็ต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถถอยกลับได้อย่างปลอดภัยแน่นอนหากล่าถอยไปแล้วกลับมาอีกครั้ง คงจะมิได้มีเพียงสองคน แต่เป็นกองกำลังจำนวนมหาศาลพื้นที่ธารน้ำอันคับแคบจะสามารถต่อต้านกองกำลังมหาศาลได้อย่างไร?“เสี่ยวฝาน เจ้าดูสิ!”อ๋องตวนตะโกนด้วยความตื่นตกใจทันที เขาชี้ไปร่างเงาตรงโพรงหญ้า “โจรป่าเหล่านั้นออกมาแล้ว และยังมาจำนวนมหาศาลอีกด้วย ตอนนี้น่าจะประมาณหนึ่งพันคน”“ฮี่ ๆ ๆ!”อ๋องตวนฉีกยิ้ม มองเฉินฝานด้วยความนับถือ“เสี่ยวฝาน เจ้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ เจ้าบอกว่าขอแค่พวกเราสองคนมา โจรป่าจะต้องออกมาแน่นอน”“มิใช่ว่าข้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ นี่คือจิตวิทยา” เฉิน

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1021

    ผู้ที่เสนอตัวขอออกรบก่อนคือ หัวหน้าสามกั้วเจียงหลงชื่อที่โหดเหี้ยมปานนี้ มิใช่เพราะเขาเก่งกาจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตอนยังเด็กเขาซุกซนจนถูกแม่ไล่ตี ตอนที่หน้าสิ่วหน้าขวาน จึงกระโดดลงแม่น้ำว่ายไปฝั่งตรงข้ามเพื่อหนีแม่ของตนเองจึงเป็นที่มาของชื่อกั้วเจียงหลง“ออกไปรบงั้นรึ? กำจัดพวกเขาให้สิ้นซากรึ?” หัวหน้าใหญ่เหอหรันถีบกั้วเจียงหลงด้วยความโมโหทันที “เจ้าเก่งกว่ากองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวรึ?”“หัวหน้าใหญ่ ข้าคิดว่าเจ้าระแวงเกินไป หัวหน้าสามพูดถูก ควรจะออกไปสู้!”เสียงเคร่งขรึมดูมีอายุดังขึ้น ชายชราผมหงอกทั้งหัวเดินเข้ามาจากด้านนอก“ท่านอาจารย์!”เมื่อเห็นชายชราผู้นั้น เหอหรันรีบทำมือเคารพอย่างลนลาน คนอื่นก็พากันทำตามเมื่อชายชราเห็นด้วย กั้วเจียงหลงจึงเงยหน้าทันที “หัวหน้าใหญ่ ท่านอาจารย์ยังคิดว่าท่านระแวงเกินไป พวกเรามิได้เป็นแบบกองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวเสียหน่อย”กั้วเจียงหลงพูดจบ ชายชรารีบพูดต่อทันที “หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าสามพูดถูกแล้ว พวกเรามิใช่กองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าว สาเหตุที่พวกเขาพ่ายแพ้เพราะประเมินศัตรูต่ำและอวดดีเกินไป ตอนนี้ผู้ที่อวดดีและประเมินศัตรูต่ำ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1020

    “ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ๋องออกจากเมืองไปแล้ว พวกเขาไม่ได้กลับเมืองหลวง แต่ว่ามุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต้าเฮยแล้วขอรับ!”พื้นที่ต้าเฮยก็คือรังของพวกโจร“เช่นนั้นพวกเราก็รีบตามไป ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ๋องให้หลี่ฉวินไปด้วยหรือไม่”หลี่ฉวินเป็นนายกองพิทักษ์เมืองเฟิ่งหวง เป็นแม่ทัพของกองทัพพิทักษ์เมืองเฟิ่งหวงเมืองเฟิ่งหวงเป็นเพียงเมืองป้อมปราการภายใต้เมืองเหอตู ไม่ควรมีนายกอง แต่เนื่องจากเมืองเฟิ่งหวงอยู่ติดชายแดน ดังนั้นจึงมีกองทัพพิทักษ์เมือง มีนายกองเช่นกันเพียงแต่ว่าต้าชิ่งขาดแคลนชายฉกรรจ์ เมืองป้อมปราการติดชายแดนที่ยากจนข้นแค้นอย่างเมืองเฟิ่งหวงยิ่งมีชายฉกรรจ์น้อยลงไปอีก กอปรกับก่อนหน้านี้ต่อสู้ต้านทานกองทหารของแคว้นจ้าว ตอนนี้กำลังพลในมือหลี่ฉวินจึงมีไม่ถึงสามร้อยนายเหอจื้อเฟยวิ่งกลับไปที่ห้องหยิบรองเท้าของตนขึ้นมา สวมพลางเดินออกไป “พวกเราก็รีบตามไปด้วย!” “ใต้เท้า!” เวลานี้เองหลี่ฉวินก็มาถึงแล้วเช่นกัน“หลี่ฉวิน?” เหอจื้อเฟยมองหลี่ฉวินด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ตอนนี้เจ้าควรไปที่พื้นที่ต้าเฮยกับท่านอัครเสนาบดีมิใช่หรือ?”“ใต้เท้า ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1019

    สิ่งปลูกสร้างที่ดีที่สุดในเมืองกลับเป็นราชนิเวศน์ที่ฮ่องเต้จ้าวพำนักก่อนหน้านี้ ราชนิเวศน์นั้นยังเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาหลังจากที่แคว้นจ้าวยึดครองเมืองเฟิ่งหวงอีกด้วยก่อนหน้านี้เฉินฝานรู้สึกว่าการได้เป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายนั้นเก่งกาจมากแล้ว มีอำนาจล้นฟ้า แม้แต่เสิ่นหมิงหยวนก็ไม่อาจแตะต้องเขาได้ตามใจชอบตอนนี้เขาถึงค่อยรู้สึกว่ายิ่งมีอำนาจบนตัวมาก ภาระบนบ่าก็ยิ่งหนักมากต้าชิ่งยังคงยากจนข้นแค้นมากเมื่อเห็นเฉินฝานอารมณ์หดหู่มากถึงเพียงนั้น อ๋องตวนก็ไม่กล้าลากเขาไปดื่มเหล้าทายตัวเลขแล้ว เขาอยู่ทางด้านข้าง แม้แต่เสียงดื่มเหล้าก็ยังเบามาก“เฮ้อ นี่มันปัญหาใหญ่จริง ๆ!”อ๋องตวนที่ดื่มจนเมากรึ่มแล้ววางไหเหล้าลงข้าง ๆ พิงกำแพงเมืองอย่างเอียงเอน“เสี่ยวฝาน เจ้าคิดว่าโจรพวกนี้ยังควรจะปราบหรือไม่?”“โจรย่อมต้องถูกปราบอยู่แล้ว!” เฉินฝานเอ่ยอย่างหนักแน่น“แล้วบุตรชายของเหอจื้อเฟยจะจัดการอย่างไร? เขาถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เป็นหัวหน้าโจรที่ดื้อรั้นเสียแล้ว”“เหอจื้อเฟยฆ่าบุตรชายกับมือไปแล้วหนึ่งคน หากสังหารอีกคน ดูเหมือนว่า...”อ๋องตวนยกไหเหล้าจากทางด้านข้างขึ้นมากรอกอีกคำแล้วค่อ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1018

    ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเหอเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความสิ้นหวัง“ความเมตตาของสวรรค์ก็ไม่อาจทนต่อความโหดร้ายในโลกนี้ได้ ตอนที่ลูกชายของข้าออกไปปราบโจรครั้งที่ห้า โจรพวกนั้นฉวยโอกาสบุกเข้ามาในเมือง และเอาหลานชายฝาแฝดที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานของข้า...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเหอก็สะอื้นไม่หยุด ริมฝีปากอ้าอยู่หลายครั้งแต่ก็พูดไม่ออก“หลานชายฝาแฝดของเจ้าถูกโจรพวกนั้นฆ่าไปแล้วหรือ?”อ๋องตวนถามขึ้น ความจริงไม่ต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ อ๋องตวนก็นึกคำตอบได้แล้ว เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วส่งเสียงดังกร๊อบ“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องสังหารหัวหน้าโจรเหล่านั้นให้หมดอย่างแน่นอน!”“ท่านอ๋อง!”ฮูหยินผู้เฒ่าเหอคุกเข่าลงอีกครั้ง “ทหารแคว้นจ้าวถูกขับไล่ไปแล้ว ขอร้องท่านกลับไปยังเมืองหลวงเสียเถิด”“หญิงชราผู้นี้เป็นอะไรไป?” อ๋องตวนโกรธจัดจนเต้นเร่า ๆ แล้ว“พวกเจ้าบอกว่าโจรส่วนมากล้วนเป็นลูกชายของชาวบ้านเหล่านี้ ข้าจะไม่ฆ่าโจรทั่วไป จะฆ่าแค่หัวหน้าของพวกมันก็ไม่ได้หรือ?”“ท่านอ๋อง!” เฉินฝานดึงอ๋องตวนไว้"ผู้อาวุโส" เฉินฝานก้มตัวประคองนางเหอให้ลุกขึ้นมา“โจรให้หลานชายฝาแฝดของพวกท่านเป็นหัวหน้าแล้วใช่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1017

    “พวกสตรีชั่วช้าอยากจะฆ่าอัครเสนาบดีก็เหมือนก่อกบฏอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้ายังจะขอร้องแทนพวกนางอีกหรือ?”อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยด้วยความเดือดดาลเหอจื้อเฟยคลานขึ้นมาคุกเข่าต่อหน้าเฉินฝานต่อเพื่อขอร้องแทนสตรีเหล่านั้น “พวกนางก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ลูกชายของพวกนางล้วนอยู่ในกำมือของโจรพวกนั้น หลายคนถูกจับตัวไปตั้งแต่ที่ยังเด็กมาก ๆ พวกเขากลายเป็นโจรก็เพราะถูกบีบบังคับ”“เพราะว่าหากพวกเขาไม่ยอมเข้าร่วมฝึกฝนกลายเป็นโจร หัวหน้าโจรเหล่านั้นก็จะสังหารมารดาของพวกเขาแทน”เหอจื้อเฟยเอ่ยคำพูดสองประโยคนี้ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นทั่วบริเวณแม้ว่าเฉินฝานจะคาดเดาคำตอบได้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเองกับหูถึงสิ่งที่เหอจื้อเฟยพูดออกมา เขาก็ยังรู้สึกสะเทือนใจมาก แม่กลัวลูกต้องตาย จึงห้ามไม่ให้ทางการส่งทหารออกไปปราบโจรลูกกลัวแม่ต้องตาย จึงฝึกฝนสุดชีวิตเพื่อเป็นโจรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต้องยอมรับว่าหัวหน้าโจรพวกนั้นเฉลียวฉลาดมาก“นั่นเป็นเพราะเจ้าบกพร่องต่อหน้าที่!” อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยอีกครั้ง “หากเจ้าส่งคนไปกำจัดโจรพวกนี้ตั้งแต่แรก จะมีผลที่ตามมาเยอะถึงเพียงนี้หรือ?”ทันทีที่อ๋องตวนพูดจบก็มีสตรีผู้หนึ่งออก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1016

    “เมื่อครู่ข้าได้ยินชัดเจนว่าเจ้าแค่สั่งให้เหอจื้อเฟยไปปราบโจรเท่านั้น เหตุใดถึงไปทำร้ายลูกของพวกเขา...”อ๋องตวนพลันหยุดชะงัก“โจร?!” อ๋องตวนร้องอุทานขึ้นมา “หรือว่าโจรพวกนั้นก็คือลูกชายของพวกนาง?”“ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วน” เฉินฝานพยักหน้าเช่นกัน“พวกเขาไม่ใช่โจรร้าย ขุนนางใหญ่สูงส่งอย่างพวกท่านจะไปเข้าใจอะไร?” บทสนทนาระหว่างอ๋องตวนกับเฉินฝานทำให้สตรีเหล่านั้นอารมณ์ร้อนมาก แต่ละคนเหมือนกับไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วก็ไม่ปาน ผลักดันเบียดเสียดกันห้อมล้อมนักการในศาลาว่าการข้างกายเฉินฝานกับอ๋องตวนไว้ เมื่อเห็นว่าผลักไม่ได้แล้ว ก็ใช้มีดหั่นผักในมือฟันใส่ทันที“เพล้ง!”อ๋องตวนโยนไหเหล้าในมือลงกับพื้น“พวกสตรีชั่วช้า พอพยัคฆ์ไม่แสดงบารมี พวกเจ้าก็เห็นว่าเป็นแมวป่วยใช่หรือไม่?” พวกนางคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยหรืออย่างไร? ถ้าเสือไม่คำราม พวกเจ้าไม่เห็นรัศมีหรืออย่างไร?”อ๋องตวนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เตะสตรีหลายคนจนกระเด็นไปทันทีอย่างไรก็ตามแม้สตรีหลายคนจะถูกถีบกระเด็น แต่ก็ไม่เกิดผลให้หวาดกลัวใด ๆ เลย สตรีเหล่านั้นกลับฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ปากตะโกนว่าจะให้พวกเฉินฝานตายไปพร้อมกั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1015

    หญิงชราวัยประมาณหกสิบปีผู้หนึ่งขวางหน้าเหอจื้อเฟยไว้“ท่านแม่ ลูกต้องไปทำงาน ท่านอย่าขัดขวางลูกเลย” เหอจื้อเฟยเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจคนที่ยืนขวางเหอจื้อเฟยไม่ให้เหอจื้อเฟยไปทำร้ายโจร ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมารดาของเขาเองนางเหอเหลือบมองดาบในมือของเหอจื้อเฟยแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “งานของเจ้าอยู่ในที่ว่าการไม่ใช่หรือ? เจ้าเป็นขุนนาง ไม่อยู่ในที่ว่าการ ถือดาบวิ่งออกมา นี่จะไปทำสิ่งใด? เจ้าเป็นเพชฌฆาตหรือไร? เจ้าเป็นคนฆ่าสัตว์หรือไร?”“ท่านแม่ ลูกมีงานราชการเร่งด่วนจริง ๆ ใครก็ได้!”เหอจื้อเฟยพูดพลางหันหน้าไปสั่งนักการในศาลาว่าการที่อยู่ข้างหลังเสียงดัง “พาฮูหยินผู้เฒ่ากลับจวน!” “ใครกล้าแตะต้องข้า!”นางเหอหยิบกรรไกรออกมาทันที แล้วชี้ไปยังนักการในศาลาว่าการที่เดินมาหานางหลังจากที่นักการในศาลาว่าการหยุดเดินไม่กล้าเดินข้างหน้า นางเหอก็ใช้กรรไกรจ่อคอตัวเองทันที“เหอจื้อเฟย เจ้าอย่าคิดว่าแม่แก่แล้วหูตาฟ้าฟาง ไม่รู้ว่าเจ้าจะไปที่ใด หากเจ้าไปสังหารโจรก็สังหารแม่ก่อน หลังจากนั้นค่อยข้ามศพของแม่ไป”“ท่านแม่ นี่ท่านทำอะไร?” ใบหน้าของเหอจื้อเฟยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอับจนปัญญาอ๋องตวนถ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1014

    โจรเข้ามาในเมืองกันหมดแล้ว แต่เหอจื้อเฟยกลับทำเป็นไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเมื่อครู่สตรีวัยกลางคนยังบอกว่าเหอจื้อเฟยเป็นขุนนางที่ดี หรือว่าจะไม่กล้าพูดความจริงเฉินฝานบอกลาครอบครัวของสตรีวัยกลางคน แล้วรีบรุดไปยังที่ว่าการเมืองเฟิ่งหวงด้านนอกศาลาว่าการ เฉินฝานยังจงใจมองรอบหนึ่ง มีชายหลายคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านนอกศาลาว่าการจริง ๆ ดวงตาชำเลืองมองศาลาว่าการของเมืองเฟิ่งหวงเป็นครั้งคราวสายตาของชายเหล่านั้นดูอำมหิตดุดัน มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาพวกเขาน่าจะเป็นโจรที่สตรีวัยกลางคนพูดถึงโจรป่าคอยนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูที่ว่าการช่างอุกอาจนัก!เฉินฝานสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปในที่ว่าการ“ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย!”เมื่อเห็นเฉินฝาน เหอจื้อเฟยก็วิ่งเข้ามาหาทันทีเฉินฝานเองก็ก้าวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปหาเช่นกัน เมื่ออยู่ห่างจากเหอจื้อเฟยไม่ถึงห้าเมตร...“เคร้ง!”เฉินฝานชักดาบคู่กายของนักการในศาลาว่าการคนหนึ่งออกมาอย่างฉับไว“ตะ ใต้...”ขณะที่นักการในศาลาว่าการพูดติดอ่าง เฉินฟานก็ถือดาบชี้ไปที่เหอจื้อเฟยแล้วเหอจื้อเฟยมองเฉินฟานอย่างตกตะลึง สุดท้ายก็คุกเข่าลงอย่างเงียบงัน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status