Share

บทที่ 238

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
นางเจิ้งโบกมือให้ฉินเย่ว์ฉู่อย่างมีความสุข “เย่ว์ฉู่ ลุงกับป้าก็มีเงินปีใหม่ให้เจ้าเช่นกัน”

ฉินเย่ว์ฉู่มองนางเจิ้งอย่างไม่กล้าเดินเข้ามา

“ท่านป้าให้ เจ้าก็รับไว้เถอะ”

ทันทีที่เฉินฝานพูดจบ ฉินเย่ว์ฉู่ก็วิ่งเตาะแตะเข้ามา

“ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ ปีใหม่นี้ขอให้ท่านลุงกับท่านป้าสุขภาพแข็งแรง ทุกสิ่งสมปรารถนา ร่ำรวยเงินทองเจ้าค่ะ!”

“ท่านแม่ ทำไมถึงมอบให้แต่พี่เย่ว์ฉู่ล่ะเจ้าคะ ไม่มีของข้าหรือเจ้าคะ?” เอ้อร์ยาทำหน้าบูดบึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ยัยเด็กคนนี้ จะไม่มีของเจ้าได้อย่างไรเล่า” นางเจิ้งหยิบเงินปีใหม่ออกมาอีกสองอันจากกระเป๋าเสื้อ “อ่ะ นี่คือของพ่อและแม่……”

นางเจิ้งยังพูดไม่จบ เงินปีใหม่ในมือถูกเอ้อร์ยาเอาไปเรียบร้อย “ขอบคุณท่านพ่อ ขอบคุณท่านแม่!”

“ต้ายา มีของเจ้าเหมือนกันนะ”

“ขอบคุณท่านพ่อ ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ!” เฉินต้ายาแสดงสีหน้าเขินอาย

“อย่ามัวแต่ขอบคุณพวกเราอีกเลย พวกเจ้าสองพี่น้องควรขอบคุณพี่เสี่ยวฝานมากที่สุด หากไม่มีพี่เสี่ยวฝานของเจ้า พวกเราจะมีเงินปีใหม่มอบให้พวกเจ้าได้อย่างไร?”

“เสี่ยวฝาน ขอบคุณนะ!” เฉิงผิงที่เงียบมาตลอด กล่าวขอบคุณเฉินฝานด้วยใบหน้าซาบซึ้งใจอ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 239

    วันนี้ลมแรงและหนาวเป็นพิเศษเฉินฝานยกมือขึ้นปัดผมที่กระจัดกระจายบนใบหน้าของฉินเย่ว์เจียวออกไปทันใดนั้นใบหน้าแดงก่ำของฉินเย่ว์เจียวก็แสดงขึ้นต่อหน้าเฉินฝานไม่ได้หน้าแดง แต่แดงเพราะความเย็นเฉินฝานมองแล้วเอ็นดูมาก เขาจึงถอดหมวกออกแล้วสวมให้ฉินเย่ว์เจียวขณะที่จัดหมวกบนหัวของฉินเย่ว์เจียว เขาพลางสั่ง “วันนี้หนาวเกินไป เจ้าไม่ต้องรออยู่ที่นี่ กลับไปก่อนแล้วกลับมาอีกทีหลังเลิกเรียนนะ”“อืม ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะนายท่าน”ฉินเย่ว์เจียวผู้มีกล่องเสียงใหญ่ เสียงพูดในเวลานี้เบาดุจเสียงลูกแมวแม้ว่าปกตินางดูเป็นคนเรื่อยเฉื่อย แต่ในเรื่องของชายหญิง นางมีความเขินอายมากกว่าฉินเย่ว์โหรวอีกมีภรรยาของปัญญาชนมากมายอยู่ใกล้ ๆ และพวกเขากำลังมองมา“อันธพาลมาร่ำเรียน ก็ยังเป็นอันธพาลไม่เปลี่ยน ไม่รู้จักกาลเทศะเอาซะเลย”“ต่อหน้าสาธารณชน ทำตัวหนุงหนิงอย่างนั้น ช่างหน้าไม่อายเสียจริง”“มันไร้ยางอายจริง ๆ เห็นว่าตนเองมีรูปลักษณ์ที่ดีหน่อยงั้นรึ? ไม่มองสักหน่อยเลยหรือว่าที่นี่คือที่ไหน”“ใช่ นางคิดว่านางมีความสุขนั้นหรือ นั่นขัดต่อศีลธรรมต่างหาก”ผู้หญิงเหล่านั้นภายนอกเหมือนดูถูก แต่ความจริงในใจนั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 240

    เฉินฝานหันกลับไปพบว่าเป็นเฉียนหย่งเหนียน“คำพูดพวกนั้น เจ้าอย่าเอามาใส่เลยนะ”“พี่หย่งเหนียนไม่ต้องกังวล ข้าไม่เก็บใส่ใจหรอก ปากอยู่บนตัวผู้อื่น ข้าคงปิดปากพวกเขาไม่ได้หรอก”“เจ้าคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว”ขณะที่เฉียนหยงเหนียนพูด เขาพลางหยิบพู่กันด้ามใหม่ออกมาจากกระเป๋าไม้ไผ่แล้วมอบให้เฉินฝาน “อ่ะ นี่คือของขวัญปีใหม่สำหรับเจ้า”เฉินฝานรีบผลักมือของเฉียนหย่งเหนียนออกไป “พี่หย่งเหนียน วันก่อนพี่ก็ให้ของขวัญมากมายแก่ข้าแล้ว ข้ารับไม่ได้แล้วจริง ๆ”“สองสามวันก่อนนั่นพ่อข้าเป็นคนเตรียมให้เจ้า ตอนนี้เป็นของที่ข้าให้เจ้า”“พี่หย่ง......”“รับไปเถอะ อาจารย์มาแล้ว”ทันทีที่อาจารย์เฉียนมาถึง สถานศึกษาที่คึกคักในตอนแรกพลันเงียบลงทันใดเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา วันแรกของการเปิดเรียน คือการคุกเข่านมัสการนักบุญหลีหลังจากบูชานักบุญเสร็จ อาจารย์เฉียนก็ประกาศเรื่องหนึ่งต่อทันทีนายอำเภอเพิ่งออกคำสั่งหนึ่งฉบับ ปัญญาชนที่อยู่ในรายชื่อปีนี้ทุกคนต้องเข้ารับการสอบขุนนางเหตุผลก็คือจำนวนผู้เข้ารับการสอบขุนนางในอำเภอผิงอัน ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอำเภออื่นต้องการเข้าร่วมการสอบ แต่จ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 241

    เฉินเจียงในวันนี้แต่งกายด้วยชุดชิงจินตัวใหม่ ชุดของเขาช่วยทำให้เขาดูสง่างามมากเป็นพิเศษเขาเดินมาตรงหน้าของเฉินฝานด้วยท่าทีอ่อนโยนและมีเมตตาเหมือนกับที่เขาแสดงกับท่านอา“เสี่ยวฝาน หากเจ้ายังมีสิ่งใดไม่เข้าใจหรือไม่รู้คำไหน เจ้ามาถามข้าที่บ้านได้ ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้กับเจ้า”“นี่เป็นการสอบครั้งแรกของเจ้า หากสอบไม่ผ่านย่อมเป็นเรื่องปกติ เจ้าเพิ่งศึกษาได้ไม่นาน สอบได้ที่สุดท้ายก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเจ้าอย่าได้กดดันตัวเองมากเกินไป”การสอบยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ เฉินเจียงกลับเอ่ยปลอบใจแล้วเขาคิดว่าเฉินฝานคงสอบไม่ผ่าน และคงจะรั้งท้ายของห้อง“เสี่ยวฝาน!”เฉียนหย่งเหนียนเดินมาตรงหน้าของเฉินฝาน “อย่ากลัว!ในห้องเรียนยังมีอีกหลายคนที่เหมือนกับเจ้า ทุกคนต่างก็สอบกันเป็นครั้งแรก แม้แต่เฉินเจียงอาของเจ้าก็ยังสอบเป็นครั้งแรก”เฉินเจียงสะบัดแขนเสื้อ เอามือไพล่หลัง และกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ข้าไม่เหมือนกับคนอื่น การสอบในฤดูใบไม้ผลิ สำหรับข้ามันเป็นเรื่องง่าย”“ข้าเองก็คิดว่าเฉินเจียงทำได้”“ใช่ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนพระคัมภีร์หรือถามตอบ เฉินเจียงโดดเด่นมากอยู่แล้ว”“ส่วนตัวข้าคิดว่าเฉินเจ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 242

    “ไอหยา!” ชาวบ้านเหล่านั้นต่างพากันปรบมือและกระทืบเท้า “ข้าวิ่งมาตรงหน้าของพวกเจ้าขนาดนี้แล้ว นั่นหมายความคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่จะต้องเป็นภรรยาของพวกเจ้าแน่นอน”“ว่าอย่างไรนะ? นังแพศยาของพวกข้าทะเลาะกันเองอย่างนั้นหรือ? สหายข้า สายตาของเจ้าไม่ได้มีปัญหาใช่หรือไม่ เจ้าไม่ได้ดูผิดไปใช่หรือไม่?”สวีจื่อหมิงเอ่ยขึ้น เขาเหมือนกับเฉินเจียง พวกเขาสองคนเป็นคนหน้าซื่อใจคดอย่างยิ่งต่อหน้าคนข้างนอก พวกเขามักจะเป็นคนสุภาพและมีเมตตาแต่สิ่งเดียวที่เขามักจะขอกับภรรยาของเขานั้นก็คือ อย่าทำลายภาพลักษณ์ของเขาหากเขารู้สึกว่าภรรยากำลังทำลายภาพลักษณ์ของเขา เขายินดีทิ้งนางทันทีเพราะเหตุผลนี้ ภายในระยะเวลาสามปี เขาทิ้งภรรยาคนเก่าไปแล้วห้าคนหลังจากทิ้งแล้ว เขาก็ตรงไปรับภรรยาคนใหม่จากที่ว่าการทันทีความจริงแล้วเขาตั้งใจทำเช่นนี้ เพราะเขาสามารถหาภรรยาคนใหม่ได้จากที่ว่าการคนที่เขาพามาวันนี้คือภรรยาที่เขาเพิ่งไปพาตัวกลับมาจากที่ว่าการเมื่อปลายปีที่แล้ว และเข้ามาในบ้านของเขาไม่ถึงสามเดือน “ใช่ เจ้าคงจะมองผิดไป ภรรยาของพวกเราจะทะเลาะกันได้อย่างไร พวกนางไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา”เหล่าปัญญาชนทยอยกันค

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 243

    เฉินฝานอธิบายขณะดึงผมของตัวเอง “พวกนางเอ่ยไม่เข้าหู พวกนางด่าเยว์เจียวกับเสียวฉู่ ด่าว่าพวกนางเป็นนังแพศยาทั้งคู่ อีกอย่างพวกนางยังกล่าวหาข้าเป็นคนไม่เอาไหน”“แล้วทำไมถึงไม่บอกข้า? เจ้าจะเรียกเสียวฉู่กลับมาก็ควรบอกข้าสักคำ” น้ำเสียงของฉินเย่ว์โหรวดังขึ้น“บอกเจ้าไป เจ้าก็คงห้ามพวกนางไม่ให้สู้กลับนะสิ” เฉินฝานอธิบายด้วยเสียงเบา ๆ “ใครบอก หากบอกข้า ข้าก็จะสู้ด้วย!” ฉินเย่ว์โหรวเปลี่ยนจากท่าทีที่ดูอ่อนโยนมาเป็นแข็งกร้าว นางกำหมัดแน่นจนตัวสั่น“......?”“ไปกันเถอะ!” ฉินเย่ว์โหรวคว้ามือของเฉินฝานพร้อมกับเอ่ยเรื่อยเปื่อย“กล้าดีอย่างไรมากล่าวหานายท่านของข้าเป็นคนไม่เอาไหน พวกนางสมควรตาย”ตอนที่ได้ยินว่าฉินเยว์เจียวและฉินเยว่ฉู่โดนด่าว่าเป็นนังแพศยา ฉินเยว์โหรวยังไม่โกรธเท่าไหร่ แต่พอได้ยินว่าเฉินฝานโดนกล่าวหาว่าเป็นคนไม่เอาไหน ในสายตาของฉินเย่ว์โหรวก็ร้อนผ่าวด้วยความฉุนโกรธพี่น้องตระกูลฉินปกป้องสามียิ่งกว่าใคร“อ๊าก!เจ้ากัดข้า?”“ข้ากัดเจ้าแล้วอย่างไร หน้าของเจ้าสวยน้อยกว่าข้าอีก ทำมาเป็นหยิ่งยโส ข้าหมั่นไส้เจ้ามานานแล้ว....อ๊าก เจ้ากัดคอข้าอย่างนั้นหรือ?”“ก็เจ้ากัดข้าได้ ข้ากั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 244

    “....นายท่าน นั้นเสียงของเสียวฉู่ใช่หรือไม่”“เหมือนจะใช่”ทั้งสองคนหันไปมองกลุ่มของชาวบ้านที่กำลังโห่ร้องฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์ฉู่สองพี่น้องคู่นั้นยืนสูงกว่าคนอื่น เสียงที่กำลังตะโกนยุยงให้พวกหญิงสาวที่อยู่ด้านล่างทะเลาะกันนั้นดังที่สุดเมื่อเห็นสองพี่น้อง หัวใจของเฉินฝานถึงกับหล่นฮวบลงทันทีในตอนที่เฉินฝานได้ยินเสียงร้องเรียกที่ฟังดูน่าเวทนา เขาถึงกับเป็นกังวลว่าฉินเย่ว์เจียวอาจจะลงมือกับพวกนางหนักเกินไป กลัวว่าเหรียญที่มีอยู่บ้านจะไม่พอสำหรับชดใช้เยี่ยมเฉินฝานแสดงสีหน้าชื่นชมเห็นได้ชัดว่าฉากทะเลาะกันอย่างรุนแรงในหุบเขานั้นเป็นฝีมือยุยงของฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์ฉู่ ดูเหมือนว่าสองพี่น้องคู่นี้จะฉลาดกว่าที่เขาคาดคิดไว้ยุยงให้พวกนางทะเลากันเอง ดีกว่าไปตบตีกับพวกนางเองให้อับอาย“นายท่าน!” จางเหลียนฮวาที่อุ้มเด็กน้อยอยู่ในอ้อมกอดได้ขยับเข้ามาตรงหน้าของเฉินฝานนางมองไปยังกลุ่มหญิงสาวที่กำลังตบตีกันอย่างรุนแรง และทำเป็นกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ไอหยา นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันไม่ได้หรือ?”ประโยคสุดท้ายของจางเหลียนฮวาแสดงถึงคนมีการศึกษา นางกำ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 245

    “มันมากเกินไปหน่อยไหม....” เฉินเจียงแสดงสีหน้าลำบากใจ“ตามนี้แหละ พี่เจียง ข้าจะให้เงินยี่สิบเหรียญกับพี่สะใภ้ทุกเดือน ให้ภรรยาของข้าช่วยพี่สะใภ้ทำงานบ้าน ให้พี่สะใภ้อบรมสั่งสอนนาง”มีคนแนะนำ คนที่เข้าเรียนในสำนักศึกษาได้ สถานะทางการเงินของพวกเขาย่อมดีไม่น้อยพวกเขาร่ำเรียนตำราก็เพื่อสอบเข้าขุนนางและนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลตอนนี้พวกเขาเป็นปัญญาชนแล้ว แต่ภรรยาของพวกเขากับทะเลาะกันเสียเอง มีแต่จะสร้างความอับอายเท่านั้น หากวันหนึ่ง พวกเขาได้รับเลือก ต่อให้จะเป็นขุนนางระดับเก้าหรือระดับสิบ หากภรรยาสร้างปัญหาเช่นนี้ นี่คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาบางทีหมวกขุนนางสีดำบนศีรษะพวกเขาอาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้“ใช่ ข้าจะให้เงินกับพี่สะใภ้เดือนละยี่สิบเหรียญ”ฐานะทางบ้านของสวีจื่อหมิงและหย่งเหนียนไม่ต่างกันมากนัก“ไม่ดีหรอก ข้าจะเก็บเงินจากปัญญาชนได้อย่างไร?” เฉินเจียงปฎิเสธ“พี่เจียง ข้าบอกอยู่ว่าข้าให้ ก็คือให้พวกท่าน อีกอย่างข้าไม่ได้ให้พวกท่านโดยเปล่าประโยชน์ การได้เรียนกับพวกท่านนับว่าเป็นประโยชน์ของพวกนาง”“นั่นนะสิ เจ้าคงไม่รู้ การเชิญนางกำนัลอาวุโสมาสอน ราคาของนา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 246

    “หลานฝาน!” เฉินเจียงขัดคำพูดของเฉินฝานอย่างดุดัน“หลานอยู่นี้” เฉินฝานยิ้มบางๆมองเฉินเจียงมองว่าเขาเป็นคนโง่จริงๆหรือกระไร?เขาสามารถวางแผนใช้อำนาจคุกคามได้ เขาก็ไม่ทำ?“อาเจียง ท่านเห็นด้วยที่จะสอนกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับให้หลานหรือไม่?”บทสนทนาของเฉินฝานกับเฉินเจียง ดึงดูดสายของพวกปัญญาชนให้จับจ้องไปที่เดียวกันอาหลานคู่นี้กำลังพูดอะไรกันแสร้งปล่อยเพื่อจับอะไร เงินทองอะไร โง่เขลาอะไรอีก ต้องการจับใครแล้วปล่อยใครอีก“หลานฝาน ถึงแม้เจ้าจะเรียนตัวอักษรไปบ้างแล้ว ทว่าไม่สามารถใช้มั่วซั่ว!”น้ำเสียงผู้อาวุโสสั่งสอนเด็กรุ่นหลังของเฉินเจียง ในน้ำเสียงฉุกละหุกของเขามีความลุกลี้ลุกลนเล็กน้อยเจ้าหนุ่มพูดต่อไป พวกปัญญาชนเหล่านี้ก็คงสังเกตได้แน่พวกปัญญาชนที่มีความสงสัยเหลืออยู่เป็นทุนเดิม เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเจียงก็ผ่อนคลายทันที“ที่จริงแล้ว เฉินฝานสามารถรู้จักแสร้งปล่อยเพื่อจับสี่อักษรนี้ได้ก็ใช้ได้แล้ว เฉินเจียง ท่านก็อย่าตำหนิเขาเยอะเกินไป”“ขอบคุณพี่จื่อหมิง” เฉินฝานกล่าวขอบคุณทันควัน “สี่ตัวอักษรท่านอาจารย์เพิ่งจะสอนข้าวันนี้ ตอนที่เลิกเรียนอาจารย์ยังชมว่าแค่วันเดียวก็

Latest chapter

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1022

    ลักพาตัวอ๋องแคว้นจ้าวต่อหน้าต่อตาองครักษ์หนึ่งหมื่นกว่าคน และยังสามารถทำให้เขายอมถอยทัพแต่โดยดี จะต้องมิใช่การประเมินศัตรูต่ำไปเพียงอย่างเดียวแน่นอนใต้เท้าด้านนอกผู้นั้นจะต้องมีวรยุทธ์และสติปัญญาเหนือมนุษย์เป็นแน่ได้ยินว่า เขามีสิ่งของที่เป็นเหล็กปลายแหลมสามารถโจมตีได้ น่าหวาดกลัวอย่างมาก สามารถต่อกรกับศัตรูจำนวนมหาศาลได้ด้วยตัวคนเดียวดังนั้น เฉินฝานต้องมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมจึงมาเยือนต่อให้มิมีความมั่นใจว่าจะชนะได้ ทว่าพวกเขาก็ต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถถอยกลับได้อย่างปลอดภัยแน่นอนหากล่าถอยไปแล้วกลับมาอีกครั้ง คงจะมิได้มีเพียงสองคน แต่เป็นกองกำลังจำนวนมหาศาลพื้นที่ธารน้ำอันคับแคบจะสามารถต่อต้านกองกำลังมหาศาลได้อย่างไร?“เสี่ยวฝาน เจ้าดูสิ!”อ๋องตวนตะโกนด้วยความตื่นตกใจทันที เขาชี้ไปร่างเงาตรงโพรงหญ้า “โจรป่าเหล่านั้นออกมาแล้ว และยังมาจำนวนมหาศาลอีกด้วย ตอนนี้น่าจะประมาณหนึ่งพันคน”“ฮี่ ๆ ๆ!”อ๋องตวนฉีกยิ้ม มองเฉินฝานด้วยความนับถือ“เสี่ยวฝาน เจ้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ เจ้าบอกว่าขอแค่พวกเราสองคนมา โจรป่าจะต้องออกมาแน่นอน”“มิใช่ว่าข้าคาดการณ์ได้ดั่งเทพ นี่คือจิตวิทยา” เฉิน

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1021

    ผู้ที่เสนอตัวขอออกรบก่อนคือ หัวหน้าสามกั้วเจียงหลงชื่อที่โหดเหี้ยมปานนี้ มิใช่เพราะเขาเก่งกาจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตอนยังเด็กเขาซุกซนจนถูกแม่ไล่ตี ตอนที่หน้าสิ่วหน้าขวาน จึงกระโดดลงแม่น้ำว่ายไปฝั่งตรงข้ามเพื่อหนีแม่ของตนเองจึงเป็นที่มาของชื่อกั้วเจียงหลง“ออกไปรบงั้นรึ? กำจัดพวกเขาให้สิ้นซากรึ?” หัวหน้าใหญ่เหอหรันถีบกั้วเจียงหลงด้วยความโมโหทันที “เจ้าเก่งกว่ากองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวรึ?”“หัวหน้าใหญ่ ข้าคิดว่าเจ้าระแวงเกินไป หัวหน้าสามพูดถูก ควรจะออกไปสู้!”เสียงเคร่งขรึมดูมีอายุดังขึ้น ชายชราผมหงอกทั้งหัวเดินเข้ามาจากด้านนอก“ท่านอาจารย์!”เมื่อเห็นชายชราผู้นั้น เหอหรันรีบทำมือเคารพอย่างลนลาน คนอื่นก็พากันทำตามเมื่อชายชราเห็นด้วย กั้วเจียงหลงจึงเงยหน้าทันที “หัวหน้าใหญ่ ท่านอาจารย์ยังคิดว่าท่านระแวงเกินไป พวกเรามิได้เป็นแบบกองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าวเสียหน่อย”กั้วเจียงหลงพูดจบ ชายชรารีบพูดต่อทันที “หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าสามพูดถูกแล้ว พวกเรามิใช่กองกำลังรักษาพระองค์แคว้นจ้าว สาเหตุที่พวกเขาพ่ายแพ้เพราะประเมินศัตรูต่ำและอวดดีเกินไป ตอนนี้ผู้ที่อวดดีและประเมินศัตรูต่ำ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1020

    “ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ๋องออกจากเมืองไปแล้ว พวกเขาไม่ได้กลับเมืองหลวง แต่ว่ามุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต้าเฮยแล้วขอรับ!”พื้นที่ต้าเฮยก็คือรังของพวกโจร“เช่นนั้นพวกเราก็รีบตามไป ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ๋องให้หลี่ฉวินไปด้วยหรือไม่”หลี่ฉวินเป็นนายกองพิทักษ์เมืองเฟิ่งหวง เป็นแม่ทัพของกองทัพพิทักษ์เมืองเฟิ่งหวงเมืองเฟิ่งหวงเป็นเพียงเมืองป้อมปราการภายใต้เมืองเหอตู ไม่ควรมีนายกอง แต่เนื่องจากเมืองเฟิ่งหวงอยู่ติดชายแดน ดังนั้นจึงมีกองทัพพิทักษ์เมือง มีนายกองเช่นกันเพียงแต่ว่าต้าชิ่งขาดแคลนชายฉกรรจ์ เมืองป้อมปราการติดชายแดนที่ยากจนข้นแค้นอย่างเมืองเฟิ่งหวงยิ่งมีชายฉกรรจ์น้อยลงไปอีก กอปรกับก่อนหน้านี้ต่อสู้ต้านทานกองทหารของแคว้นจ้าว ตอนนี้กำลังพลในมือหลี่ฉวินจึงมีไม่ถึงสามร้อยนายเหอจื้อเฟยวิ่งกลับไปที่ห้องหยิบรองเท้าของตนขึ้นมา สวมพลางเดินออกไป “พวกเราก็รีบตามไปด้วย!” “ใต้เท้า!” เวลานี้เองหลี่ฉวินก็มาถึงแล้วเช่นกัน“หลี่ฉวิน?” เหอจื้อเฟยมองหลี่ฉวินด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ตอนนี้เจ้าควรไปที่พื้นที่ต้าเฮยกับท่านอัครเสนาบดีมิใช่หรือ?”“ใต้เท้า ท่านอัครเสนาบดีกับท่านอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1019

    สิ่งปลูกสร้างที่ดีที่สุดในเมืองกลับเป็นราชนิเวศน์ที่ฮ่องเต้จ้าวพำนักก่อนหน้านี้ ราชนิเวศน์นั้นยังเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาหลังจากที่แคว้นจ้าวยึดครองเมืองเฟิ่งหวงอีกด้วยก่อนหน้านี้เฉินฝานรู้สึกว่าการได้เป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายนั้นเก่งกาจมากแล้ว มีอำนาจล้นฟ้า แม้แต่เสิ่นหมิงหยวนก็ไม่อาจแตะต้องเขาได้ตามใจชอบตอนนี้เขาถึงค่อยรู้สึกว่ายิ่งมีอำนาจบนตัวมาก ภาระบนบ่าก็ยิ่งหนักมากต้าชิ่งยังคงยากจนข้นแค้นมากเมื่อเห็นเฉินฝานอารมณ์หดหู่มากถึงเพียงนั้น อ๋องตวนก็ไม่กล้าลากเขาไปดื่มเหล้าทายตัวเลขแล้ว เขาอยู่ทางด้านข้าง แม้แต่เสียงดื่มเหล้าก็ยังเบามาก“เฮ้อ นี่มันปัญหาใหญ่จริง ๆ!”อ๋องตวนที่ดื่มจนเมากรึ่มแล้ววางไหเหล้าลงข้าง ๆ พิงกำแพงเมืองอย่างเอียงเอน“เสี่ยวฝาน เจ้าคิดว่าโจรพวกนี้ยังควรจะปราบหรือไม่?”“โจรย่อมต้องถูกปราบอยู่แล้ว!” เฉินฝานเอ่ยอย่างหนักแน่น“แล้วบุตรชายของเหอจื้อเฟยจะจัดการอย่างไร? เขาถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เป็นหัวหน้าโจรที่ดื้อรั้นเสียแล้ว”“เหอจื้อเฟยฆ่าบุตรชายกับมือไปแล้วหนึ่งคน หากสังหารอีกคน ดูเหมือนว่า...”อ๋องตวนยกไหเหล้าจากทางด้านข้างขึ้นมากรอกอีกคำแล้วค่อ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1018

    ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเหอเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความสิ้นหวัง“ความเมตตาของสวรรค์ก็ไม่อาจทนต่อความโหดร้ายในโลกนี้ได้ ตอนที่ลูกชายของข้าออกไปปราบโจรครั้งที่ห้า โจรพวกนั้นฉวยโอกาสบุกเข้ามาในเมือง และเอาหลานชายฝาแฝดที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานของข้า...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเหอก็สะอื้นไม่หยุด ริมฝีปากอ้าอยู่หลายครั้งแต่ก็พูดไม่ออก“หลานชายฝาแฝดของเจ้าถูกโจรพวกนั้นฆ่าไปแล้วหรือ?”อ๋องตวนถามขึ้น ความจริงไม่ต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ อ๋องตวนก็นึกคำตอบได้แล้ว เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วส่งเสียงดังกร๊อบ“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องสังหารหัวหน้าโจรเหล่านั้นให้หมดอย่างแน่นอน!”“ท่านอ๋อง!”ฮูหยินผู้เฒ่าเหอคุกเข่าลงอีกครั้ง “ทหารแคว้นจ้าวถูกขับไล่ไปแล้ว ขอร้องท่านกลับไปยังเมืองหลวงเสียเถิด”“หญิงชราผู้นี้เป็นอะไรไป?” อ๋องตวนโกรธจัดจนเต้นเร่า ๆ แล้ว“พวกเจ้าบอกว่าโจรส่วนมากล้วนเป็นลูกชายของชาวบ้านเหล่านี้ ข้าจะไม่ฆ่าโจรทั่วไป จะฆ่าแค่หัวหน้าของพวกมันก็ไม่ได้หรือ?”“ท่านอ๋อง!” เฉินฝานดึงอ๋องตวนไว้"ผู้อาวุโส" เฉินฝานก้มตัวประคองนางเหอให้ลุกขึ้นมา“โจรให้หลานชายฝาแฝดของพวกท่านเป็นหัวหน้าแล้วใช่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1017

    “พวกสตรีชั่วช้าอยากจะฆ่าอัครเสนาบดีก็เหมือนก่อกบฏอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้ายังจะขอร้องแทนพวกนางอีกหรือ?”อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยด้วยความเดือดดาลเหอจื้อเฟยคลานขึ้นมาคุกเข่าต่อหน้าเฉินฝานต่อเพื่อขอร้องแทนสตรีเหล่านั้น “พวกนางก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ลูกชายของพวกนางล้วนอยู่ในกำมือของโจรพวกนั้น หลายคนถูกจับตัวไปตั้งแต่ที่ยังเด็กมาก ๆ พวกเขากลายเป็นโจรก็เพราะถูกบีบบังคับ”“เพราะว่าหากพวกเขาไม่ยอมเข้าร่วมฝึกฝนกลายเป็นโจร หัวหน้าโจรเหล่านั้นก็จะสังหารมารดาของพวกเขาแทน”เหอจื้อเฟยเอ่ยคำพูดสองประโยคนี้ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นทั่วบริเวณแม้ว่าเฉินฝานจะคาดเดาคำตอบได้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเองกับหูถึงสิ่งที่เหอจื้อเฟยพูดออกมา เขาก็ยังรู้สึกสะเทือนใจมาก แม่กลัวลูกต้องตาย จึงห้ามไม่ให้ทางการส่งทหารออกไปปราบโจรลูกกลัวแม่ต้องตาย จึงฝึกฝนสุดชีวิตเพื่อเป็นโจรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต้องยอมรับว่าหัวหน้าโจรพวกนั้นเฉลียวฉลาดมาก“นั่นเป็นเพราะเจ้าบกพร่องต่อหน้าที่!” อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยอีกครั้ง “หากเจ้าส่งคนไปกำจัดโจรพวกนี้ตั้งแต่แรก จะมีผลที่ตามมาเยอะถึงเพียงนี้หรือ?”ทันทีที่อ๋องตวนพูดจบก็มีสตรีผู้หนึ่งออก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1016

    “เมื่อครู่ข้าได้ยินชัดเจนว่าเจ้าแค่สั่งให้เหอจื้อเฟยไปปราบโจรเท่านั้น เหตุใดถึงไปทำร้ายลูกของพวกเขา...”อ๋องตวนพลันหยุดชะงัก“โจร?!” อ๋องตวนร้องอุทานขึ้นมา “หรือว่าโจรพวกนั้นก็คือลูกชายของพวกนาง?”“ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วน” เฉินฝานพยักหน้าเช่นกัน“พวกเขาไม่ใช่โจรร้าย ขุนนางใหญ่สูงส่งอย่างพวกท่านจะไปเข้าใจอะไร?” บทสนทนาระหว่างอ๋องตวนกับเฉินฝานทำให้สตรีเหล่านั้นอารมณ์ร้อนมาก แต่ละคนเหมือนกับไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วก็ไม่ปาน ผลักดันเบียดเสียดกันห้อมล้อมนักการในศาลาว่าการข้างกายเฉินฝานกับอ๋องตวนไว้ เมื่อเห็นว่าผลักไม่ได้แล้ว ก็ใช้มีดหั่นผักในมือฟันใส่ทันที“เพล้ง!”อ๋องตวนโยนไหเหล้าในมือลงกับพื้น“พวกสตรีชั่วช้า พอพยัคฆ์ไม่แสดงบารมี พวกเจ้าก็เห็นว่าเป็นแมวป่วยใช่หรือไม่?” พวกนางคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยหรืออย่างไร? ถ้าเสือไม่คำราม พวกเจ้าไม่เห็นรัศมีหรืออย่างไร?”อ๋องตวนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เตะสตรีหลายคนจนกระเด็นไปทันทีอย่างไรก็ตามแม้สตรีหลายคนจะถูกถีบกระเด็น แต่ก็ไม่เกิดผลให้หวาดกลัวใด ๆ เลย สตรีเหล่านั้นกลับฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ปากตะโกนว่าจะให้พวกเฉินฝานตายไปพร้อมกั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1015

    หญิงชราวัยประมาณหกสิบปีผู้หนึ่งขวางหน้าเหอจื้อเฟยไว้“ท่านแม่ ลูกต้องไปทำงาน ท่านอย่าขัดขวางลูกเลย” เหอจื้อเฟยเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจคนที่ยืนขวางเหอจื้อเฟยไม่ให้เหอจื้อเฟยไปทำร้ายโจร ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมารดาของเขาเองนางเหอเหลือบมองดาบในมือของเหอจื้อเฟยแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “งานของเจ้าอยู่ในที่ว่าการไม่ใช่หรือ? เจ้าเป็นขุนนาง ไม่อยู่ในที่ว่าการ ถือดาบวิ่งออกมา นี่จะไปทำสิ่งใด? เจ้าเป็นเพชฌฆาตหรือไร? เจ้าเป็นคนฆ่าสัตว์หรือไร?”“ท่านแม่ ลูกมีงานราชการเร่งด่วนจริง ๆ ใครก็ได้!”เหอจื้อเฟยพูดพลางหันหน้าไปสั่งนักการในศาลาว่าการที่อยู่ข้างหลังเสียงดัง “พาฮูหยินผู้เฒ่ากลับจวน!” “ใครกล้าแตะต้องข้า!”นางเหอหยิบกรรไกรออกมาทันที แล้วชี้ไปยังนักการในศาลาว่าการที่เดินมาหานางหลังจากที่นักการในศาลาว่าการหยุดเดินไม่กล้าเดินข้างหน้า นางเหอก็ใช้กรรไกรจ่อคอตัวเองทันที“เหอจื้อเฟย เจ้าอย่าคิดว่าแม่แก่แล้วหูตาฟ้าฟาง ไม่รู้ว่าเจ้าจะไปที่ใด หากเจ้าไปสังหารโจรก็สังหารแม่ก่อน หลังจากนั้นค่อยข้ามศพของแม่ไป”“ท่านแม่ นี่ท่านทำอะไร?” ใบหน้าของเหอจื้อเฟยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอับจนปัญญาอ๋องตวนถ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1014

    โจรเข้ามาในเมืองกันหมดแล้ว แต่เหอจื้อเฟยกลับทำเป็นไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเมื่อครู่สตรีวัยกลางคนยังบอกว่าเหอจื้อเฟยเป็นขุนนางที่ดี หรือว่าจะไม่กล้าพูดความจริงเฉินฝานบอกลาครอบครัวของสตรีวัยกลางคน แล้วรีบรุดไปยังที่ว่าการเมืองเฟิ่งหวงด้านนอกศาลาว่าการ เฉินฝานยังจงใจมองรอบหนึ่ง มีชายหลายคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านนอกศาลาว่าการจริง ๆ ดวงตาชำเลืองมองศาลาว่าการของเมืองเฟิ่งหวงเป็นครั้งคราวสายตาของชายเหล่านั้นดูอำมหิตดุดัน มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาพวกเขาน่าจะเป็นโจรที่สตรีวัยกลางคนพูดถึงโจรป่าคอยนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูที่ว่าการช่างอุกอาจนัก!เฉินฝานสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปในที่ว่าการ“ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย!”เมื่อเห็นเฉินฝาน เหอจื้อเฟยก็วิ่งเข้ามาหาทันทีเฉินฝานเองก็ก้าวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปหาเช่นกัน เมื่ออยู่ห่างจากเหอจื้อเฟยไม่ถึงห้าเมตร...“เคร้ง!”เฉินฝานชักดาบคู่กายของนักการในศาลาว่าการคนหนึ่งออกมาอย่างฉับไว“ตะ ใต้...”ขณะที่นักการในศาลาว่าการพูดติดอ่าง เฉินฟานก็ถือดาบชี้ไปที่เหอจื้อเฟยแล้วเหอจื้อเฟยมองเฉินฟานอย่างตกตะลึง สุดท้ายก็คุกเข่าลงอย่างเงียบงัน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status